Internal Medicine - N. Srikanchanawat
February 27, 2017 | Author: Zeeshan Ahmed | Category: N/A
Short Description
Download Internal Medicine - N. Srikanchanawat...
Description
TOP SI 117
Internal Medicine
N. Srikanchanawat 1
TOP SI 117
Cardiology Physical examination of the cardiovascular system General appearance - สิ่งที่ควรดูตั้งแตผูปวยกําลังเดินเขามา ไดแก Dyspnea, Tachypnea, Edema, Cyanosis - เมือ่ ตรวจรางกาย สิ่งที่ตองตรวจ ไดแก Anemia, Edema, Cyanosis, Clubbing of fingers, Anemia, Chest contour - Clubbing of fingers (Hippocratic nails, นิ้วปุม, นิ้วตะบอง) – ในคนปกติที่ไมมี clubbing of fingers เมื่อเอาบริเวณ DIP & เล็บของนิ้วมือ 2 ขางมาชนกัน จะตองมี space ระหวางนั้นเปน diamond shape
ภาวะที่พบ clubbing of fingers ไดแก “CLUBBING” Cyanotic heart disease (5T: TOF, TGA, Truncus arteriosus, TA, TAPVR) Lung cancer, Lung abscess Ulcerative colitis Bronchiectasis Benign mesothelioma Infective endocarditis (IE), Idiopathic, Inherited Neurogenic tumors GI disease (Cirrhosis, Regional enteritis), Graves’ disease (กรณี Graves’ disease จะมีชื่อเรียกลักษณะ clubbing of fingers วา Thyroid acropachy)
Examination of veins - ดู 2 อยาง ไดแก JVP และ Jugular venous waveform - JVP (Jugular venous pressure) – บอกถึง filling P ใน RA (RAP) - ลักษณะที่บอกวาเปน venous pulse (ใชวัด JVP) คือจะเตน 2 waves/cycle (คือ A และ V waves ซึ่งเปน 2 positive waves) ตางกับ carotid pulse ที่จะเตน 1 wave - วิธีวัด JVP: ดูในทา 30-45° เพื่อตรวจหาระดับ JVP จากยอดของ internal jugular pulse เทียบกับแนวตั้งฉากกับ แนวราบที่ลากผาน Sternal angle (ตําแหนง mid-RA) เนื่องจากเปนการดูที่จุดตัดของ 2 แนว การตรวจที่ถูกตอง จะตองใช “ไมบรรทัด 2 อัน” เสมอ - คาปกติของ JVP = 3-5 cm, เอาคาที่ได + 5 cm = RAP (RAP ปกติ = 8-10 cmH2O ถาไดคา > 5 cm จะเรียกวา Engorged neck vein (บอกวา RAP > 10 cmH2O) - Jugular venous waveform – ดูในทาใดก็ได, ดูลักษณะและความแรงของ A และ V waves (ตองเปรียบเทียบกับ carotid pulse หรือ heart sound)
TOP SI 117
- ปกติ venous pulse 1 cycle จะประกอบดวย 2 positive waves ไดแก A wave (RA contraction) และ V wave (Passive RA filling), 2 descents ไดแก X descent (RA relaxation) และ Y descent (RA emptying) จริงๆ ยังมี C wave แทรกอยูใน X descent ดวย เกิดจากโปงนูนของ tricuspid valve ที่กําลังปดเขาไปใน RA พบได ตอนชวงตนของ ventricular systole (แตปกติ เวลาตรวจรางกายมักไมเห็น C wave เพราะมีขนาดเล็ก) เรียงลําดับ waves เปน “A-C-X-V-Y”
- Prominent A wave – บอกวามีการพยายามเพิ่ม RA contraction, พบใน PH (พบบอยสุด), Severe PS, TS, RA myxoma, Decreased RV compliance - Prominent V wave – บอกวามีเลือดไหลยอนกลับไปที่ RA หลังจาก tricuspid valve ปดในชวง ventricular systole, พบใน TR (ความสูงของ V wave จะแปรผันตรงกับ severity ของ TR), ASD, TAPVR, PAPVR, Decreased RA compliance
Examination of arteries - คลํา Pulse: Common carotid, Radial, Brachial, Femoral, Popliteal, Posterior tibial, Dorsalis pedis - Carotid pulse ใหคลํา “ทีละขาง” แลวฟงวามี Carotid bruit หรือไม (esp. elderly) Pulse ที่อื่นๆ ใหคลํา “พรอมกัน 2 ขาง” + คลํา Radial & Femoral pulse พรอมกันดวย เพื่อดูวามี Radiofemoral delay หรือไม - ขอมูลที่ไดจากการคลํา pulse 1. Rate – บอกเปนกี่ครั้ง/min; ถา irregular rhythm ตองนับครบ 1 min 2. Rhythm – regular / irregular 3. Amplitude – แรง / เบา (แปรผันตรงกับ PP & SV) 4. Contour – มี 3 สวน ไดแก Upstroke, Peak, Downstroke
TOP SI 117
5. Equality – คลําเปรียบเทียบกัน 2 ขางที่ตําแหนงเดียวกัน ถา pulse แรงไมเทากัน (หรือ pulse ขางหนึ่งคลําไมได) e.g. CoA, Takayasu’s disease, PVD 6. Thrill & Bruit
(Normal arterial pulse) - Abnormal pulsation 1. Abnormal amplitude 1) Pulsus parvus (เบา) – เจอในโรคที่ทําให PP แคบ e.g. Low C.O. (e.g. Shock, AS, MS), Partial arterial occlusion 2) Pulsus magnus (แรง) – เจอในโรคที่ทําให PP กวาง / SV มาก e.g. AR, Anemia, Pregnancy, AV fistula, Thyrotoxicosis, PDA 3) Pulsus alternans (เบาสลับแรง) – บอกถึง poor systolic function, เจอใน HF, Severe myocardial disease ตองแยก Pulsus alternans (regular rhythm) กับ Bigeminy PVC (pulse เบาสลับแรง แต irregular rhythm)
(Pulsus alternans) 4) Pulsus paradoxus (เบาลงตอนหายใจเขา, แรงขึ้นตอนหายใจออก) – เจอในภาวะที่ทําให preload นอย e.g. Cardiac tamponade, Constrictive pericarditis, RCM
(Pulsus paradoxus) 2. Abnormal contour 1) Pulsus tardus (upstroke ชา) – มักพบรวมกับ Pulsus parvus เรียกรวมกันวา Pulsus parvus et tardus เจอใน Severe AS
(Pulsus parvus et tardus) 2) Pulsus celer (upstroke เร็ว) – มักพบรวมกับ Pulsus magnus เรียกรวมกันวา Pulsus celer et magnus (Water-hammer pulse, Collapsing pulse) เจอใน AR
(Water-hammer pulse)
TOP SI 117
3) Pulsus bisferiens (pulse 2 peaks ในชวง systole) – เจอใน Severe AR, HOCM
(Pulsus bisferiens ใน Severe AR)
(Pulsus bisferiens ใน HOCM)
Examination of precordium - ประกอบดวย 1. Inspection (ดู) – Chest contour (Pectus excavatum, Pectus carinatum), Active precordium Pectus excavatum เกิดจากการมี CHD ตอนเด็ก ซึ่งขณะนั้นกระดูกยังเจริญไมเต็มที่ ทําให chest contour เปลี่ยนไปตาม heart size ที่โตผิดปกติ 2. Palpation (คลํา) 1) Apical impulse (ตรวจ LV) – คลําหา PMI (Point of maximal impulse) ในทานอนหงาย, คนปกติจะอยูที่ 5th ICS, Lt. MCL, ถาคลําในทานอนหงายแลวไมชัดเจน ใหนอนตะแคงทา Lt. lateral decubitus แลวลอง คลําดูใหม; ลักษณะของ Apical impulse (1) Thrust – เปนลักษณะ normal พบในคนทั่วไป, amplitude & contour ปกติ (2) Tap – PMI คลําไดขึ้นลง “เร็ว” แตไมแรงกวาปกติ เกิดจาก mitral valve ปดเร็ว (เจอรวมกับ loud S1), พบใน MS (3) Slap – PMI คลําได “เร็ว + แรง” กวาปกติ, พบใน hyperkinetic states e.g. Thyrotoxicosis, Fever, Anemia, Pregnancy, ชวงที่ตื่นเตนตกใจ (4) Apical heaving – PMI คลําได “แรง” แตไมเร็ว คลําแลวจะรูสึกวา PMI “ยกคาง” อยูที่ฝามือสักครูแลว จึงลงไป, เจอใน LVH แบงเปน - Pressure overload (Concentric hypertrophy) – ตรวจได “Sustained heaving”, PMI ไม shift, พบใน HT, AS, CoA, HCM - Volume overload (Eccentric hypertrophy) – ตรวจได “Non-sustained heaving”, PMI shift, เจอใน Severe AR, Severe MR LV apical impulse Amplitude Contour Thrust ปกติ ปกติ Tap ขึ้นเร็ว – ลงเร็ว Slap แรง Heaving ขึ้นชา – ลงชา 2) Parasternal heaving (ตรวจ RV) – วางฝามือขวาที่ sternum ใหแขนตั้งฉากกับฝามือ ออกแรงกดเล็กนอย ถาพบ แสดงวามี RVH แบงเปน - Pressure overload – พบใน PH - Volume overload – พบใน TR, ASD 3) Thrill – คลําไดในผูปวยที่มี murmur ดังมากๆ (grade 4-6)
TO OP SI 117
ด flow แบบบ Laminar floww จึงไมมี murm mur & thrill, เมืมื่อไหรที่มีตําแหหนงที่ตีบ / ยอนกลั น บ/ ปกติ เลือดจะ อุดกั้น เลือดจะ อ flow แบบบ Turbulent flow f จึงมี murm mur และถาเปนมากๆ จะรูสึกกไดจากการคลํํา = thrill
3.
(ตําแหนงที่ใชคลํา thrill ตามตํ ต าแหนง vaalve และ findinng ที่พบได) Auscultation (ฟ ( ง) – เรียงตําแหนงตามลําดับ คือ “A-P-T--M” (หรือยอนกกลับเปน M-T-PP-A ก็ได) - ตําแหนง A (Aortic areaa) = RUSB (2ndn ICS) ตําแหนง P (Pulmonic area) a = LUSB (2nd ICS) a = LLSB (4th ICS) ตําแหนง T (Tricuspid area) ตําแหนง M (Mitral areaa) = Apex (5th ICS, Lt. MCLL) - Chest pieece ของ stethoscope มี 2 ดาน คือ 1) Bell – ใชฟงเสียงต่ํา e.g. DRM (ใใน MS), S3; เววลาใชใหวางเบาๆ (ถากดแรงจจะกลายเปน diaphragm โดย chest wall คนนไขจะทําหนาทีเ่ ปน diaphraggm ให) M ใหชัดเจน จะใหคนไข “นอนตะแคงทา Ltt. lateral decuubitus” แลวใช Bell ฟง การฟฟง DRM ใน MS จะไดดยินชัดที่ Apexx 2) Diapphragm – ใชฟงเสี ง ยงสูง e.g. DBM (ใน AR) การฟฟง DBM ใน AR ใหชัดเจน จะะใหคนไข “นั่งโน โ มตัวมาขางหหนา” แลวใช DDiaphragm ฟงชวง “หายยใจออกสุด” จะะไดยินชัดที่ LLLSB - เสียงหลัง S2 เปนอะไรไดดบาง: ทองวา “O-K-T-3” “ 1. Opeening snap – เสี เ ยงสูง, เกิดชวง ว early diastoole, ไดยินชัดทีระหว ร่ าง LLSB และ Apex, ลักษณะ ก เสียงจะห ง วน สั้น สะะบัดหางเสียง, พบใน พ MS 2. Periccardial Knockk 3. Tum mor plop – เสียงสูง, เจอใน Attrial myxoma, เกิดจาก tumoor เคลื่อนที่ตามมทาทางของผูปวย ป ทําให เสียงมี ง ความดังเปลียนไปตามท ่ าทางของผู ท ปวย 4. S3 – เสียงต่ํา, เกิดชชวง early diasstole, ไดยินชัดเมื่อใช Bell ฟงที่ Apex ทา Ltt. lateral decubitus, ได ยินในนเด็กหรือผูใหญ ญที่มี C.O. สูง e.g. e CHF การไไดยิน S3 galloop ใน CHF จัดว ด าเปน Killip class c 2 การไไดยิน S3 ในคนนอายุ > 40 yr.. บอกถึงการมี impaired LV systolic functtion
TOP SI 117
Electrocardiography (EKG) - การอาน EKG ตองดู component ตางๆ ดังนี้ 1. Rate - นับชองใหญของ R-R interval ทองวา 300-150-100-75-60-50 /min (เรียงตามจํานวนชองใหญที่นับได) - สูตร: HR = 300/ชองใหญ หรือ 1,500/ชองเล็ก 1 ชองเล็ก = 0.04 sec, 1 ชองใหญ = 0.2 sec (5 ชองเล็ก) 2. Rhythm - แปลผลโดยดู 5 ขั้นตอนตามลําดับ ดังนี้ 1) Rate – ถา < 60/min = Bradycardia, ถา > 100/min = Tachycardia 2) QRS complex – ปกติกวาง ≤ 0.1 s (2.5 ชองเล็ก) - Narrow QRS – origin มาจาก supraventricular - Wide QRS (≥ 3 ชองเล็ก) – origin มาจาก ventricle หรือ supraventricular with aberrant conduction or with BBB 3) Regularity Regular (1) Precisely regular – NSR, SVT, VT (2) Almost regular – Sinus arrhythmia (3) Irregularly regular - Premature beat (มาเร็ว) – PAC (Atrial premature beat), PVC - Escape beat (มาชา; ตามหลัง sinus arrest หรือ sinus exit block) – Atrial / Junctional / Ventricular escape beat Irregular (1) Irregularly irregular - เร็ว – AF, MAT, VF - ชา – AF with show AV conduction (ยังไมถึงกับ complete AV block) (2) Regularly irregular – Heart block (SA/AV block) 4) P wave – ดูวามีหรือไม, ดูที่ lead II เปนหลัก - ถา P wave เปน +ve ใน lead II Æ มาจาก Sinus (หรือ high atrium) - ถา P wave เปน –ve ใน lead II Æ มาจากที่อื่น (ยกเวน Dextrocardia / ติด lead ผิด) - ถาไมมี P wave – AF, VT, VF, P wave ซอนอยูใน QRS complex 5) P wave & QRS complex – ดูวาไปดวยกันหรือไม (บอกวาไฟฟาจาก atrium ลงไปกระตุน ventricle ได หรือไม) - ไปดวยกัน – Supraventricular origin - ไมไปดวยกัน – Ventricular origin, มี AV dissociation (e.g. 3rd degree AV block) - Normal sinus rhythm (NSR) ตองประกอบดวย 1) Rate: 60-100/min
TOP SI 117
2) Rhythm: Regular 3) P wave – ที่เปน P sinus ลักษณะตองเปนดังนี้ (1) Identical P wave (รูปรางเหมือนกันสม่ําเสมอ) (2) Precede QRS complex (นําหนาทุก QRS complex) (3) หัวตั้ง (+ve) ใน Lt. lateral & Inferior leads (เปน +ve มากสุดใน lead II) หัวกลับ (-ve) ใน lead aVR เปน Biphasic ใน lead III, V1 (ลักษณะ biphasic ตองเทากัน) 4) PR interval: 3-5 ชองเล็ก สม่ําเสมอ 5) Narrow QRS complex: ≤ 2.5 ชองเล็ก
3. Axis - หาคา R-S ใน lead I กับ aVF เอาไป plot แลวหา mean axis ถาอยูใน -30° ถึง +90° คือ normal axis (แต เพื่อความรวดเร็วก็ใช 0-90° ไปเลย คืออยูใน quadrant เดียว Æ ทั้ง lead I & aVF จะเปน +) - RAD: > +90° (lead I –ve, aVF +ve) Æ เจอในคนปกติได (esp. elderly, thin), Emphysema, RVH, Dextrocardia, LPFB - LAD: < 0° (lead I +ve, aVF –ve) Æ เจอในคนปกติได (esp. elderly, obese), Diaphragm ยกตัวสูง (e.g. Pregnancy, Ascites, Carcinomatosis peritonei), LVH, LAFB, HyperK+ - ในทางปฏิบัติ ดูเร็วๆ คือดูที่ lead I, aVF I +ve, aVF +ve Æ Normal axis (NAD) I +ve, aVF –ve Æ LAD I –ve, aVF +ve Æ RAD I –ve, aVF -ve Æ Extreme (Supreme) axis deviation (Indeterminated axis)
4. P wave (บอกถึง Atrial depolarization) – ที่มาจาก sinus ตองเปนหัวตั้งใน lead II, หัวกลับใน lead aVR เสมอ ควร check P wave ใน lead aVR กอนเสมอ ถาเปนหัวตั้ง ใหคิดไวกอนวา “ติด lead ผิด” (ถาไมมีสาเหตุอื่น)
TOP SI 117
5. PR interval (บอกถึงกระแสที่วิ่งจาก SA node ไป AV node) – Normal (3-5 ชองเล็ก) / Prolonged / Short 6. QRS complex – Narrow / Wide (> 3 ชองเล็ก); วิธีอาน QRS complex: Q = wave แรกที่ –ve; R = wave แรกที่ +ve; S = wave ที่ 2 ที่ –ve; R’ = wave หลังจาก S 7. ST segment – ดูวามี Elevation / Depression, Short / Prolong หรือไม ST segment เปนชวงที่ represent action potential ในชวง Plateau phase: Ca2+ influx, Na+ efflux ดังนั้น ถามีความผิดปกติของ Ca2+ ในรางกาย จะแสดงใหเห็นที่ ST segment Æ มีผลตอ QT interval - HyperCa2+ Æ Short QT – เมื่อมี Ca2+ นอกเซลลเยอะ จะแยงกันเขาเซลล ทําให QT สั้น - HypoCa2+ Æ QT prolong – เมื่อมี Ca2+ นอกเซลลนอย จะเขาเซลลทีละนอยๆ ทําให QT ยืดออก
(HypoCa2+: QT prolong ≥ ½RR interval จนมี PVC เกิดขึ้นบน T wave แลวเกิด Torsades de Pointes) 8. T wave – ดูวามี TWI หรือ Tall peaked T / Hyperacute T หรือไม T wave เปนชวงที่ represent action potential ในชวง Repolarization: K+ influx ดังนั้น ถามีความผิดปกติของ K+ ในรางกาย จะแสดงใหเห็นที่ T wave - HyperK+ Æ Tall peaked T (สูง > ฐาน หรือ สูง > ½ QRS height) – เมื่อมี K+ นอกเซลลเยอะ จะแยงกัน เขาเซลล ทําให T wave สูง, เร็ว - HypoK+ (± HypoMg2+) Æ Flat T wave, U wave – เมื่อมี K+ นอกเซลลนอย จะเขาเซลลชาๆ ทําให T wave กวาง บานออก (ในบางรายอาจมี ST elevation / depression, TWI ได) ตอมา K+ จะกรูกันเขาใน phase สุดทายกอนเขาสู resting membrane potential (RMP) ทําใหเกิดเปน U wave Rule: “Once ที่จับ HypoK+ ได ถามี TWI จะไมเปนประเด็นของ Ischemia”
(HypoK+: Flat T wave & U wave) (HyperK+: Tall peaked T) 9. QT interval – ดูวามี QT prolong (≥ ½ RR interval) หรือไม QT interval ประกอบดวย 3 สวน คือ QRS complex, ST segment, T wave; สวนที่มักจะมีผลตอ QT interval ทําใหเกิด QT prolong ไดคือ ST segment (ยาวใน HypoCa2+) & T wave (ยาวใน HypoK+) QT
Corrected QT interval (Bazett’s formula): QTc √RR; ถา QR interval > 0.44 sec = Long QT syndrome 10. U wave – เจอในคนปกติได แตถา prominent มาก หรือมี clinical (e.g. muscle weakness, polyuria) ใหนึกถึง HypoK+ (± HypoMg2+) - ถาเจอทั้ง Tall peaked T + QT prolong Æ แสดงวามีทั้ง HyperK+ + HypoCa2+ เจอในโรค AKI, CKD, Crush injury, Rhabdomyolysis (K+, PO43- ออกจากเซลล ผลจาก PO43- ในเลือดสูงจะทําให Ca2+ ในรางกายต่ําลง), Pancreatitis (Ca2+ ต่ําจาก Saponification)
TOP SI 117
Enlargement/Hypertrophy - Atrial enlargement – ดูที่ P wave ของ lead II (เพราะเปน + มากที่สุด) & lead V1 (เพราะเปน biphasic แยก RA component & LA component งาย) - P wave แบงครึ่งเปน 2 สวน คือ RA component (depolarize กอน) & LA component (depolarize ทีหลัง)
- Right atrial enlargement (RAE) Criteria: P wave มี Amplitude > 2.5 mm ใน Inferior leads (II, III, aVF)
- P wave pattern ลักษณะ P “หัวแหลม” ที่เห็นใน RAE เรียกวา P pulmonale เพราะมักเกิดจาก Severe lung disease e.g. Severe COPD ทําให resistance ที่ lung เพิ่มขึ้น Æ มีภาวะ PH (Pulmonary hypertension) ฟงได Loud P2 หมายเหตุ 1) RAE อาจมี RAD ดวยได 2) RAE ไมทําให duration นานขึ้นเพราะ RA depolarize กอน LA, การที่ RA depolarize นานขึ้น จะถูกบดบัง อยูในชวงที่ LA depolarize - Left atrial enlargement (LAE) Criteria: 1. P wave มี Duration > 3 ชองเล็ก & LA portion กวาง ≥ 1 ชองเล็ก 2. P wave สวน LA portion ใน lead V1 drop จาก isoelectric line ลงไป ≥ 1 mm (= amplitude เพิ่มขึ้น)
TOP SI 117
- P wave pattern ลักษณะ P “หัวแตก” ที่เห็นใน LAE เรียกวา P mitrale เพราะมักเกิดจาก Mitral valve disease จําวา Mitrale = M-shaped (P หัวแตก) หมายเหตุ 1) LAE จะไมทําใหเกิด LAD (ยังเปน normal axis อยู) 2) LAE ทําให duration นานขึ้น เพราะ LA portion อยูสวนครึ่งหลังของ P wave, ถา LA depolarize นานขึ้น ก็ จะทําให duration ของ P wave กวางขึ้น - Right ventricular hypertrophy (RVH) Criteria: 1. RAD (QRS axis > 100°) 2. Tall R (R > S) ใน lead V1, Large S (S > R) ใน lead V6
- DDx โรคที่ทําใหพบ Tall R ใน lead V1-V2 1. RVH 2. Cor pulmonale 3. Posterior wall MI 4. RBBB - RVH แยก Pressure overload กับ Volume overload โดยถา Volume overload (e.g. ASD, VSD, PDA, TR) จะมี RSR’ ใน lead V1 (คลาย RBBB) - RVH เปนอยางเดียวในกลุม enlargement/hypertrophy ที่มี axis deviation อยูใน criteria ดวย (RAE, LAE, LVH ไมจําเปนตองทําใหเกิด axis deviation) - Left ventricular hypertrophy (LVH) (pressure overload) Criteria: 1. R ใน lead V5 / V6 + S ใน lead V1 / V2 > 35 mm (7 ชองใหญ) (R ใน lead V5 / V6 บอกวา wall ดานหนาโต, S ใน lead V1 / V2 บอกวา wall ดานหลังโต) 2. R ใน lead aVL > 13 mm
TOP SI 117
หมายเหตุ 1. LVH 2 criteria เปน criteria ที่นิยมที่สุด แตจริงๆ แลวมี criteria เยอะมาก 2. LVH มักมี LAD แตก็ไมจําเปน 3. EKG ที่เปน pattern ของ LVH มี SenseÈ (เจอไดแค 50% ของผูปวยที่มี LVH), แต SpecÇ (ถาเจอ EKG เปน LVH pattern 90% จะเปน LVH จริง) - LVH แยก Pressure overload กับ Volume overload โดย - Pressure overload – มี Strain pattern (Down-sloping ST depression, Asymmetrical TWI) - Volume overload – ไมมี ST depression, เปน Symmetrical TWI, lead V5-V6 จะมี deep Q wave กวา - Strain pattern (2° Repolarization abnormalities) – บอกถึง Pressure overload เจอไดใน Severe LVH / RVH ประกอบดวย 1. Down-sloping ST depression 2. Asymmetrical TWI (แบงครึ่งแลว ฝงซายจะชันนอยกวาฝงขวา) ลักษณะเปน “Reverse check mark” ระวัง ลักษณะ Asymmetrical TWI ของ Strain pattern จะเปนแบบ Reverse check mark (เหมือน เครื่องหมาย 9 กลับซายขวา) ตองแยกกับ Asymmetrical TWI ใน Digitalis effect ซึ่งจะเปนแบบ Scoop downward
- HOCM (IHSS) – เปน genetic disease; ถายทอดแบบ AD; EKG จะพบลักษณะตอไปนี้
TOP SI 117
1. LVH 2. Strain pattern (ใน leads ที่มี tall R wave) 3. Q wave ใน Inferior & Lt. lateral leads (บอกถึง Significant septal hypertrophy) HOCM = Hypertrophic obstructive cardiomyopathy; IHSS = Idiopathic hypertrophic subaortic stenosis เปนโรคที่มี disorganized proliferation ของ muscle fibers ใน septum; เปนสาเหตุการตายสําคัญที่ทําใหเกิด sudden death in the young healthy athletes ผูปวยจะตายไดจาก 1) LV outflow obstruction 2) LV มี impaired diastolic filling (เพราะ stiff มาก) 3) Cardiac arrhythmia Management: Verapamil (ลด strength ของ ventricular contraction Æ ลด obstruction), β-blocker
Basic types of arrhythmia - Arrhythmia แบงเปน 5 basic types ไดแก 1. Arrhythmia of sinus origin – ไดแก 1) Sinus tachycardia (HR > 100/min), Sinus bradycardia (HR < 60/min)
2) Sinus arrhythmia – เหมือน NSR แตมี irregular เล็กนอย vary ตามการหายใจเขาออก เวลาหายใจเขา HR เร็วขึ้น, หายใจออก HR ชาลง; เปน normal phenomenon 3) Sinus arrest, Asystole, Escape beats - เมื่อเกิด Sinus arrest ถายัง prolonged ตอไป Æ Asystole ถามี Pacemaker อื่นมาทํางานแทนเพื่อ rescue Æ Escape beats
TOP SI 117
-
Pacemaker ที่ไมใช SA node (Non-sinus pacemaker) ไดแก (1) Atrium: rate 60-75/min (2) Junctional pacemaker (อยูใกลๆ กับ AV node): rate 40-60/min - Junctional escape เปน most common escape จาก sinus arrest - EKG: ไมมี P wave, อาจมี Retrograde P wave ใหเห็นได (จาก atrial depolarization backward) - ถา rate อยูในชวง 40-60/min เรียกวา Junctional rhythm - ถา rate > 60/min เรียกวา Accelerated junctional rhythm (Junctional tachycardia) (3) Ventricle: rate 30-40/min - ถา rate อยูในชวง 30-40/min เรียกวา Idioventricular rhythm (IVR) - ถา rate > 40/min เรียกวา Accelerated IVR
(Accelerate IVR) 2. 3. 4. 5.
Ectopic rhythm – e.g. MAT, PAT Reentrant arrhythmia – e.g. PSVT, Atrial flutter, AF Conduction block – e.g. AV block, BBB, Fascicular block (Hemiblock) Preexcitation syndrome – e.g. WPW syndrome, LGL syndrome
Supraventricular arrhythmia - Supraventricular arrhythmia = Arrhythmia ที่มี origin จาก Atrium หรือ AV node, EKG เปน Narrow QRS complex แบงกลุมไดเปน 1. Regular rhythm - P wave – e.g. Sinus tachycardia, Atrial tachycardia (PAT), SVT (some types) - No P wave – e.g. SVT, Atrial flutter (P wave ไมปกติ เปน saw-toothed) 2. Irregular rhythm - P wave – e.g. MAT, Frequent PAC - No P wave – e.g. AF - Supraventricular arrhythmia ที่สําคัญ มีดังนี้ 1. Premature atrial contraction (PAC, Atrial premature beat) - QRS มาเร็วกวา beat อื่น ลักษณะเปน Narrow QRS complex, มี P wave นําหนา แตจะดูแตกตางจาก P wave อันอื่นๆ เพราะไมไดมาจาก sinus - Relate กับ “Sympathetic overtone” e.g. β2-agonist, Vasoactive drug, Hyperthyroidism, ชา กาแฟ, Hypoxia
TOP SI 117
2.
Junctional premature beat – QRS มาเร็วกวา beat อื่น แตไมมี P wave นําหนา เพราะ origin มาจาก AV node
3.
Paroxysmal supraventricular tachycardia (PSVT) - เจอไดใน normal heart, เกิดจาก reentry loop ใน AV node - Precipitating cause: Alcohol, Coffee, Excitement - EKG: regular rhythm, rate150-250/min, No P wave แตอาจพบ Retrograde P wave เปน Pseudo-R’ หรือ Pseudo-S ได, ในบางรายอาจมี ST depression ได (เนื่องจาก HR เร็ว ทําให Diastolic filling time ไมพอ ทําใหเกิด Myocardial injury) - Management: Carotid massage เพื่อเพิ่ม vagal output ไป slow conduction ที่ AV node
4.
Atrial flutter - เจอไดใน normal heart แตมักเจอในคนที่มี underlying heart disease - เกิดจาก reentry loop รอบ annulus of tricuspid valve - EKG: regular rhythm, Saw-toothed appearance (2:1, 3:1, 4:1, etc.), atrial rate 250-350/min - Carotid massage จะยิ่งไปทําให block มากขึ้น - Management: ตาม AHA guideline 2010 (Tachycardia algorithm)
(การทํา Carotid massage ใน Atrial flutter ทําใหเพิ่มจาก 2:1 block เปน 4:1 block)
TOP SI 117
5.
เมื่อถูกตามดวยเรื่อง HR ≥ 150/min Æ DDx 3 โรคตอไปนี้ไวกอน คือ 1. Sinus tachycardia – แนวโนม HR คอยๆ ขึ้น; HR Max = 220 – Age 2. SVT – แนวโนม HR ขึ้นเร็ว (จาก 80 Æ 160) 3. Atrial flutter 2:1 block Atrial fibrillation (AF) - Most common cause คือ Long-standing HT - เกิดจาก multiple reentry loops ใน atrium - คลํา pulse ได Total irregularity, EKG monitoring จะเห็นวาตัวเลข rate ไมนิ่ง การนับ rate ใน AF ตองนับครบ 1 min เสมอ (PR มักต่ํากวา HR เพราะบาง HR ไมไปเปน pulse) - EKG: irregular rhythm, Fibrillation waves (undulating baseline), atrial rate 350-500/min
6.
Multifocal atrial tachycardia (MAT) - พบใน Sympathetic overtone และพบบอยมากในผูปวย Severe lung disease ที่มี Bronchospasm - เกิดจาก random firing ของ ectopic atrial foci หลายที่ - EKG: irregular rhythm, rate 100-200/min, มี P wave ตางกัน ≥ 3 แบบขึ้นไป
7.
Paroxysmal atrial tachycardia (PAT) - สาเหตุที่พบบอยคือ Digitalis intoxication (มักทําใหเกิด PAT with AV block) - เกิดจาก ectopic atrial focus หรือ reentrant circuit ใน atrium - EKG: regular rhythm, rate 100-200/min, มี Warm-up period; ในบางครั้งจะแยกกับ PSVT ยาก ใหแยก โดยทํา Carotid massage (response ใน PSVT, ไม response ใน PAT)
Ventricular arrhythmia - Ventricular arrhythmia = Arrhythmia ที่มี origin จาก Ventricle มีดังนี้ 1. Premature ventricular contraction (PVC) - เกิดไดจาก Sympathetic overtone, Ischemia, Hypo-/HyperK+, HypoMg2+, Drugs - EKG: Wide bizarre QRS complex, ไมมี P wave นําหนา, ตามดวย Compensatory pause
TOP SI 117
-
-
2.
เมื่อมี PVC จะทําใหมี abnormal repolarization ดวย จึงไมสนใจ TWI ที่ตามหลัง (ไมถือเปน ischemia) Bigeminy = มี Normal sinus beat สลับกับ PVC ในอัตราสวน 1:1 Trigeminy = มี Normal sinus beat สลับกับ PVC ในอัตราสวน 2:1
(Bigeminy) ถามี 2 PVCs ติดกัน เรียกวา Couple PVC (Pair PVC) – prognosis แยกวามี PVC ทีละอัน Rules of malignancy – เมื่อเจอ PVC ใน situation ตอไปนี้ จะ trigger ใหเกิด VT/VF ทําให death ได มี 5 ขอ ไดแก 1. Frequent PVCs 2. Runs of consecutive PVCs (esp. ≥ 3 PVCs = VT) 3. Multiform PVCs 4. R-on-T phenomenon (เมื่อเกิด PVC ขึ้นตรงตําแหนง T wave มักจะ initiate VT) 5. PVC in setting of AMI
(Multiform PVCs) (R-on-T phenomenon) Ventricular tachycardia (VT) - EKG: ≥ 3 PVCs ติดตอกัน, อาจมี P wave แทรกอยูอยางไมเปนระบบ (AV dissociation)
-
ถามี PVCs ไมเกิน 30 sec แลวหยุด เรียกวา Short-run VT, ถาเกิน 30 sec เรียกวา Sustained VT VT ที่ลักษณะเหมือน pulsatile (amplitude ไมเทากัน) = Polymorphic VT (PMVT) แบงเปน 1. Torsades de Pointes – มี Previous QTc prolong, พบบอยใน HypoK+, HypoMg2+, Drugs ที่ทําให เกิด QT prolong (e.g. Amiodarone, TCA, Thioridazine, Macrolides, Fluoroquinolones), กิน เหลาแลวมี renal Mg2+ wasting
Management: 50% MgSO4 4 cc (2 g; 0.5 g/cc) + NSS 10 cc IV flush ระวัง หามให Amiodarone เด็ดขาด เพราะยิ่งทําให QT prolong
TOP SI 117
-
เมื่อเปน Torsades de Pointes จะไมทํา Synchronized cardioversion (เพราะ QRS amplitude ไมเทากัน ทําแลวจะไม work) ตองใช Defib. 2. Non-Torsades de Pointes ระวัง EKG ที่ดูคลาย VT แตไมใช ตอไปนี้ 1) AF with WPW syndrome
-
EKG คลาย VT แต “Irregular” (รูปซาย) กระแสลงมาทาง Bundle of Kent ดวย rate ที่ irregular (เพรามี AF) และ generate QRS complex อยางไมมีคุณภาพ ทําใหเปน Wide QRS complex 2) Sine wave – เปน sign ของ HyperK+
EKG คลาย VT แต “Rate < 100/min” ± สังเกตเห็น Tall peaked T ปกติ VT จะตอง Tachycardia ตามชื่อ ถานับได rate < 100/min แสดงวาไมใช VT ใหนึกถึง Sine wave ไวกอนเสมอ (HyperK+ มีผลชวง repolarization ดังนั้น จะทําให HR คอนชา) Management: 10% Calcium gluconate Ventricular fibrillation (VF) - เมื่อเกิด VF จะทําให heart ไมมี C.O. ออกมาเลย Æ ตอง CPR + Adrenaline -
3.
(VT ตามดวย VF)
Conduction block - Conduction block – เมื่อเจอตอง R/O Ischemia, Electrolyte imbalance (esp. HyperK+) เสมอ; แบงเปน 1. SA block (Sinus exit block) 2. AV block – แบงเปน 1) 1st degree AV block – EKG: Prolonged PR interval (> 1 ชองใหญ)
TOP SI 117
2) 2nd degree AV block – แบงเปน 2 types (1) Mobitz type I (Wenckebach block) – EKG: Progressive PR prolongation until Dropped beat (beat ที่ไมมี QRS complex ตามหลัง P wave) ทําให EKG ลักษณะเปน Group beat
(2) Mobitz type II – EKG: All-or-none conduction (มี Dropped beat แตไมมี Progressive prolongation of PR interval กอนหนานั้น)
3) 3rd degree AV block (Complete heart block) – EKG: AV dissociation (P wave กับ Wide QRS complex ไมไปดวยกัน)
3.
1st degree AV block, Mobitz type I เรียกรวมวา “Supranodal AV block” Æ มัก response ตอการให Atropine (ไป drive AV node) Mobitz type II, 3rd degree AV block เรียกรวมวา “Infranodal AV block” Æ ไมคอย response ตอการให Atropine (ไป drive fascicle ไมคอยได) Bundle branch block (BBB) – แบงเปน 1) Right bundle branch block (RBBB) - EKG: Wide QRS complex, RSR’ (Rabbit ear appearance) in lead V1-V2 with ST depression & TWI, Slur S in lead V5-V6 (Reciprocal change) กลไกการเกิด RSR’: R wave เกิดจากกระแสวิ่งไปทาง bundle branch ปกติ แตติดตรงตําแหนงที่ block ทําใหกระแสวิ่งกลับไปที่ bundle branch อีกขางหนึ่ง เกิดเปน S wave เมื่อไป depolarize อีก ฝงแลว กระแสจะกลับมาฝงเดิม แตจะตองใชพลังในการผานมาก และใชเวลาในการผานตําแหนงที่ block นาน ทําใหเกิด R’ สูงขึ้นมา และไดเปน Wide QRS complex
TOP SI 117
-
เจอได 5-10% ในประชากรโดยที่ไมมี symptom ใดๆ, อีกสวนหนึ่งจะเจอในผูปวยที่มี Rt. heart overload e.g. PH, ASD, VSD แบงเปน (1) Complete RBBB – EKG มีทั้ง RSR’ ที่ lead V1-V2 และ Wide QRS complex (2) Incomplete RBBB – EKG มีเฉพาะ RSR’ ที่ lead V1-V2 แตเปน Narrow QRS complex
2) Left bundle branch block (LBBB) - EKG: Wide QRS complex, RSR’ (Broad, Notched R wave) with prolonged upstroke in lead V5-V6, I, aVL with ST depression & TWI, Reciprocal change in lead V1-V2, ± LAD - เมื่อเจอ LBBB จะตองแยกวาเปน Old (ไมสนใจ) หรือ New (นึกถึง ACS); ซัก Hx CAD risk factors
ถาเจอ RSR’ ใน lead อื่นที่ไมใช V1-V2, V5-V6 ใหเรียกวา Non-specific intraventricular conduction delay
TOP SI 117
4.
Fascicular block (Hemiblock) – ทําใหเกิด Axis deviation แตไมทําใหเกิด wide QRS complex 1) Left anterior fascicular block (LAFB) – EKG: LAD ระหวาง -30° ถึง +190° (โดยไมมี other cause ของ LAD), no ST-T change, normal QRS complex
2) Left posterior fascicular block (LPFB) – EKG: RAD (โดยไมมี other cause ของ RAD), no ST-T change, normal QRS complex
- Rules: 1. “ถาเจอ Wide QRS complex หากอนวามี BBB หรือเปลา เสมอ” 2. “ถามี BBB จะไมสนใจ ST depression / TWI ที่ตามหลังใน lead นั้น” 3. “ถามี Heart block ตอง R/O HyperK+ เสมอ” HyperK+ จะมี Tall peaked T ถา K+ สูงอยูที่ Purkinje fiber ซึ่งไมจําเปน ถา K+ สูงอยูที่ SA node ก็ทําให P wave หายไป หรือเกิด Sinus exit block, ถาอยูที่ AV node ก็เกิด AV block ดังนั้น ถามีคนไข Hx CKD ไมได HD มาดวย Heart block (e.g. Mobitz type I) หรือมาดวย IVR (เปน escape) ตอง R/O HyperK+ เสมอ 4. “ถามี AV block ตอง R/O Inferior wall MI เสมอ”
TOP SI 117
Preexcitation syndrome - Preexcitation syndrome – ที่สําคัญมี 2 ภาวะ ไดแก 1. Wolff-Parkinson-White (WPW) syndrome
-
2.
Bypass pathway = Bundle of Kent ทําใหกระแสไฟฟาผานลงมาสู ventricle อยางรวดเร็วทาง Bundle of Kent (ทําใหมี Short PR interval และเกิด Delta wave) และทําใหเกิด Wide QRS complex เนื่องจาก premature activation (ตางจาก BBB ที่มี Wide QRS complex จาก delayed activation) - EKG: 1. Short PR interval (< 3 ชองเล็ก) 2. Delta wave 3. Wide QRS complex - ถาคนไขสบายดี (e.g. มาทํา Cholecystectomy แลวทํา EKG เจอ ไมมีอาการใดๆ) ไมตอง treat - ยาที่หามใชใน WPW syndrome เพราะมีฤทธิ์กดการทํางานของ AV node ยิ่งทําใหกระแสไฟฟาลงทาง Bundle of Kent มากขึ้น ไดแก “ABCD”: Adenosine, Beta-blocker, CCB, Digitalis Lown-Ganong-Levine (LGL) syndrome
-
Bypass pathway = James fiber เปน accessory pathway (intranodal) ที่จะ bypass AV nodal delay ใหผานลงไปสู ventricle อยางรวดเร็ว EKG: 1. Short PR interval (< 3 ชองเล็ก) 2. No Delta wave 3. Narrow QRS complex ตางจาก WPW คือใน LGL กระแสไฟฟาจะลงมาเร็ว แลวกระตุน ventricle เหมือนปกติ จึงมีเฉพาะ Short PR interval แตไมมี Delta wave และ Wide QRS complex
TOP SI 117
Ischemia/Infarction - เวลาเกิด Myocardial ischemia/infarction ที่ heart จะแบงเปน 3 zones คือ 1. Zone of ischemia – รอบนอกสุด, depolarization ปกติ, repolarization ชาลง Æ prolong QT, T change - Anterior subendocardial & posterior subepicardial ischemia Æ Symmetrical peaked positive T - Anterior subepicardial & posterior subendocardial ischemia Æ Symmetrical peaked inverted T 2. Zone of injury – อยูตรงกลาง, depolarization ไมสมบูรณ, repolarization ชา Æ ST change - Subepicardial injury Æ ST elevation (สูงอยางนอย 1 mm) ใน lead ทิศเดียวกับบริเวณนั้น, แตใน lead ที่แสดงผนังดานตรงขามของบริเวณนั้นจะเปน ST depression = Reciprocal change - Subendocardial injury Æ ST depression 3. Zone of infarction – เกิด necrosis บวม, มีเลือดออก, บันทึก EKG ได 4 ระยะ 1) Hr. 2-3 (มีทั้ง injury, ischemia, อาจมี necrosis) - ST elevation (subepicardial injury) - Giant & peaked T (subendocardial ischemia) - อาจมี Q wave (บอกถึง necrosis เล็กๆ) 2) Wk. 2-3 (ลักษณะ injury จะหายไป) - Q wave ลึกขึ้น - เริ่มมี Biphasic T (จะ turn ไปเปน TWI) 3) Wk. 3 (ลักษณะ injury หายไปหมดแลว ยกเวนคนที่มี LV aneurysm จะยังมี ST elevation อยู) - เหลือแตลักษณะของ necrosis (Q wave) & ischemia (TWI) 4) Long-term (ลักษณะ ischemia หายไปดวย > 50% ของผูปวย) - เหลือแตลักษณะของ necrosis - การมอง EKG เพื่อดู ischemia/infarction ตองดู lead เปน wall Lead Arterial supply Wall (LV) I, aVL Lateral LCX II, III, aVF Inferior RCA V1-V4 Anteroseptal LAD V5-V6 Anterolateral LCX V1-V6 Extensive anterior LAD, LCX V1-V2 (reciprocal) Posterior RCA V1-V2, V3R-V4R RV RCA - Acute coronary syndrome (ACS) แยกเปน 1. STE (ST elevate ≥ 1 ชองเล็ก) – เกิดจาก plaque rupture ทําใหเกิด clot occlude lumen Æ myocardium ตายทั้ง wall = Transmural wall MI แลวทําใหมี Cardiac enzyme ออกมา Treatment หลักในกลุม STE คือ Thrombolytic therapy (TT)
TOP SI 117
2. NSTE – แบงเปน 1) Unstable angina (UA) – เกิดจาก plaque rupture แลวเกิด clot แตยังเปนแค partial occlude ยังมี blood flow อยู, อาจทําให TnT ขึ้นได แต CK-MB ตองไมขึ้น 2) Non-Q wave MI (NQwMI) – เกิดจาก plaque rupture แลวเกิด clot occlude lumen ในตอนแรก แลว ตอมาเกิด recanalization ทําใหมี blood flow เขาไปได แตเนื่องจากมี myocardium สวนที่ตายแลว ทําให มี Cardiac enzyme ออกมา Treatment หลักในกลุม NSTE คือ Anti-coagulant - เมื่อมีผูปว ยที่มาดวย ACS สิ่งที่ตองดูจาก EKG มี 3 อยาง ไดแก 1. ST-T change – Hyperacute T, ST elevation (STE) / depression; บอกถึง “Injury” Hyperacute T ลักษณะเหมือนกับ Tall peaked T ใน HyperK+ (แยกจาก Hx: ถาเปน ACS จะเรียก Hyperacute T) เวลาที่มี Myocardial injury จะทําให K+ ออกมาจากเซลลมาก จึงมีลักษณะ EKG เหมือน Tall peaked T ใน HyperK+ STE จะเรียกเมื่อ J point สูงกวา isoelectric line; J point (Junction point) = จุดที่หักโคงจุดแรกหลัง QRS 2. TWI (เปนแบบ Symmetrical TWI) – บอกถึง “Ischemia” ลักษณะ TWI ที่บอกถึง Ischemia จะตองเปนแบบ Symmetrical TWI (mirror image) ตางกับ Asymmetrical TWI ที่เจอใน Strain pattern (Reverse check mark), Digitalis effect (Scoop downward), etc. 3. Pathological Q wave (Significant Q wave) = Q wave ที่กวาง ≥ 1 ชองเล็ก, ลึก ≥ 1/4-1/3 ของ Total QRS complex height; บอกถึง “Infarction”
(Hyperacute T ตอมากลายเปน TWI)
(STE)
(STE with Symmetrical TWI)
TOP SI 117
- เมื่อพบ STE ใหลองดู curve ของ ST หลังจาก J point วาเปน Concave หรือ Convex วิธีดู curve อาจลองลากเสนจากจุด J point ไปที่จุดสูงสุดของ STE แลวดูวา curve ระหวางนั้น อยูเหนือเสนที่ลาก หรือใตเสนที่ลาก ถาอยูเหนือเสน = Convex, ถาอยูใตเสน = Concave; ใน STEMI เจอไดทั้งแบบ Convex และ Concave upward STE กรณีที่เปน “Concave upward STE” แยกเปน 1. Generalized – นึกถึง Acute pericarditis (ถามี Generalized PR depression ดวยจะยิ่งสนับสนุน) 2. Localized (ตาม wall) – นึกถึง ACS - Persistent STE ≥ 2 wk. หลังจาก AMI บอกวาเกิด “LV aneurysm” ขึ้นจาก remodeling ในบริเวณที่เกิด MI - ในบางคน EKG อาจมี STE โดยที่ไมมี symptoms เรียกวา Early repolarization (J point elevation) พบ common ในประชากร คําวา Early repolarization เปน misnomer ความจริงแลวควรใช term วา J point elevation จะถูกตองกวา
(J point elevation) - ST depression ที่ถือวาเปน ACS จะตองเปน “Horizontal ST depression” (ลงมาตรงๆ ไมคอยๆ โคงลงเหมือนใน Strain pattern หรือใน Digitalis effect)
- ถาเริ่มตนดวย ST depression ตอไปจะไมมี Q wave (ไมเหมือนใน STE) - Rule: “ถาเจอทั้ง ST elevation และ ST depression ตองเลือกอานสวนที่เปน ST elevation เสมอ แลวถือวา สวนที่มี ST depression เปน Reciprocal change” - TWI จาก EKG ไมสามารถแยก Acute กับ Chronic ได ตองอาศัย Hx ถาเปน Chronic ischemia จะพบ Symmetrical TWI ได - เมื่อพบ Pathological Q wave ใหดู ST segment เพื่อชวยบอกวาเปน Recent MI (ยังเห็น ST-T change อยู) หรือ Old infarction การรักษา STE ที่ถูกตองควรเริ่มให TT ตั้งแตยังไมเกิด Q wave
(Recent MI)
TOP SI 117
- Lateral wall MI (I, aVL), Anterolateral wall MI (V5, V6) – เกิดจาก LCX occlusion - Inferior wall MI (II, III, aVF) – เกิดจาก RCA / PDA occlusion Rule: “เมื่อเจอ Inferior wall MI ตองหาอีก 2 ภาวะตอไปนี้ตอเสมอวามีรวมดวยหรือไม” 1. RV infarction – โดย run V3R, V4R (ยาย lead V3, V4 เดิมมาติดขางขวา เพื่อ represent Rt. heart) ถามี STE ≥ 1 ชองเล็กที่ lead V3R, V4R บอกวามี RV infarction รวมดวย Inferior wall (LV) & RV เลี้ยงโดย RCA รวมกัน จึงมีโอกาสเจอพรอมกันได ผูปวยที่มี RV infarction มักจะ BP drop งาย, เกิด Cardiogenic shock งาย; เมื่อมี BP drop ตองให IV fluid กอนเปนอันดับแรก 2. AV block - Anteroseptal wall MI (V1-V4) – เกิดจาก LAD occlusion, EKG: Poor R progression in Chest lead Poor R progression ไม specific กับ Anterior wall MI อยางเดียว อาจเจอในภาวะอื่นได e.g. RVH, Chronic lung disease, ติด lead ผิด - Extensive anterior wall MI (V1-V6) – เกิดจาก LAD & LCX occlusion = Double vessel disease (DVD) หรืออาจเปน Left main disease ก็ได ใน Anteroseptal wall MI, Extensive anterior wall MI ตองระวังวามี Arrhythmia รวมดวย เพราะเปน wall ใหญ - Posterior wall MI – เกิดจาก RCA occlusion, EKG: Tall R + ST depression ใน lead V1-V2 (Reciprocal change) (เปน mirror image ของ Anterior wall MI) Rule: “เมื่อเจอ Tall R ใน lead V1 / V2 อยางเดียว ใหระวังเปน Posterior wall MI” ถาเปน RVH Æ มี RAD, ST segment ไม change; ถาดู Axis แลวคอนไปทาง LAD ก็แสดงวาไมใช RVH ระวัง อาจพบ Posterior wall MI รวมกับ Inferior wall MI ได เพราะเลี้ยงดวย RCA เหมือนกัน - Limitation ของ EKG ในการ Dx MI: ถาผูปวยมี LBBB, WPW อยูเดิม จะมีผลตอ QRS complex & ST segment ทําใหไมสามารถ Dx MI จาก EKG ได Rule: “ผูปวยที่มี LBBB หรือ WPW syndrome อยูเดิม การ Dx MI จาก EKG ไมสามารถเชื่อถือได” - Generalized low voltage Limb lead: Amplitude ≤ 5 mm Chest lead: Amplitude ≤ 10 mm DDx: 1. มีอะไรขวาง heart ไปถึง skin 1) Morbid obesity 2) Pulmonary emphysema (มีลมมาก) 3) Pneumothorax 4) Pleural effusion / Hemothorax 5) Massive pericardial effusion 2. Myocardium บาง ทําให generate QRS complex อยางไมมีคุณภาพ ไดแกโรค DCM
Miscellaneous EKG changes - Pulmonary embolism (PE) – EKG: “S1Q3T3” (SIQIIITIII) เปน sign ของ RV pressure overload, เจอได 10% ของ ผูปวยที่เปน PE
TOP SI 117
S1Q3T3 จะเจอได 10% ของผูปวยที่เปน PE ถาเจอถือเปน pathognomonic sign EKG ที่ common ที่สุดของ PE คือ Sinus tachycardia Clinical: คนไขเหนื่อย, O2 sat. drop ใหดู CXR ถาเปน PE Æ CXR มักจะ clear (ถาไม clear อยาเพิ่งนึกถึง PE) Rule: “เวลาที่เจอ Q ใน lead III หรือ aVF อยาเพิ่งฟนธงวาเปน Inferior wall MI ใหนึกถึง PE ไวดวยเสมอ” - Cardiac tamponade – EKG: Electrical alternans (อธิบายจาก Echo. พบ Swinging heart)
ระวังสับสน “Electrical alternans” เปน finding จาก EKG ที่ amplitude ของ QRS สูงต่ําสลับกัน เปน sign สําคัญ ของ Cardiac tamponade คนละเรื่องกับ “Pulsus alternans” ซึ่งพบใน Poor systolic function (EF ต่ําๆ) e.g. HF, Severe myocardial disease เมื่อเจอผูปว ย Cardiac tamponade กําลัง BP drop Æ load IV fluid Specific treatment: Pericardiocentesis Beck’s triad ใน Cardiac tamponade: Hypotension, Engorged neck vein, Distant heart sound ตรวจพบ Pulsus paradoxus (SBP ตอนหายใจเขา นอยกวาตอนหายใจออก ≥ 10 mmHg) - Hypothermia - EKG change ในผูปวย Hypothermia ที่ core T 28-32°C (พบในผูปวย Near drowning, Sepsis, Drugs บาง ชนิด, อยูในอากาศเย็นมาก) - EKG: J-Osborne wave
ระวัง อยาสับสนกับ RSR’ ใน BBB ถาเปน RSR’ ลักษณะจะเปน Rabbit ear (แหลมคู) แต J-Osborne จะมน - Digitalis effect – EKG: Asymmetrical TWI ลักษณะเปน “Scoop downward” (เหมือนชอนตักไอติม)
ระวัง ลักษณะ Asymmetrical TWI ของ Digitalis effect จะเปนแบบ Scoop downward ไมเหมือน Strain pattern ที่จะเปน Reverse check mark
TOP SI 117
- Digitalis intoxication – EKG เปนไดหลายรูปแบบ ไดแก 1. Accelerated junctional rhythm (Junctional tachycardia) 2. PAT with AV block 3. Bidirectional VT
(Junctional tachycardia)
(Atrial tachycardia with 2:1 AV block) - TCA overdose – EKG: 1. Wide QRS complex 2. QT prolong 3. “Tall R > 3 mm in aVR”
(Bidirectional VT)
Management: 7.5% NaHCO3- 50 cc IV push in 5 min (แมวาคนไขจะมีภาวะ Alkalosis ก็ตาม เพราะภาวะ Alkalosis จะชวยทําให free form ของ TCA ในเลือดลดลง)
TOP SI 117
Coronary artery disease (CAD) - Risk factors for CAD มี 6 ขอ ดังนี้ 1. Age ≥ 45 yr. (male), ≥ 55 yr. (female) หรือนับตั้งแต menopause ในหญิง (รวม surgical menopause ดวย) 2. FHx of premature CAD (1st degree relative): Age < 55 yr. (male), < 65 yr. (female) (ตองซัก Hx ใหแนใจวาเปน CAD จริงๆ เชน หมอเคยบอกวาเปนกลามเนื้อหัวใจตาย, เคยฉีดสีแลวหมอบอกวา ตีบ, เคยทํา balloon, เคยทํา CABG, Hx SCD) 3. DM 4. HT (BP ≥ 140/90 mmHg) 5. HDL < 40 (หรือ on treatment); ถา > 60 จะชวยหักลบ risk factor ได 6. Active smoker; ถาหยุดสูบแลว ½-1 yr. จะไมนับ (เพราะจาก study พบวาคนที่หยุดสูบแลว 1 yr. risk ของการ เกิด CAD จะไมตางกับคนที่ไมไดสูบ) - Angina pectoris – definition: Chest discomfort ที่เกิดจาก cardiac ischemia - Typical angina – มี characteristic 3 ขอ ไดแก 1. Retrosternal chest pain (± referred pain) 2. Precipitated by exertion/emotional stress 3. Relieved by rest/NTG ถามี 2 ขอ = Atypical angina; ถามี 1 ขอ = Non-angina (นาจะไมไดเกิดจาก cardiac) - ถาเปน chest pain ที่ไมรูวาเกิดจากอะไร ใหใชคําวา Non-diagnostic chest pain - Acute myocardial infarction (AMI) – เดิมให Dx โดยใช criteria ดังนี้ (เอา 2/3 ขอ) 1. Angina 2. EKG เขาไดกับ Myocardial ischemia 3. Cardiac enzyme +ve (ปจจุบันไมใช criteria นี้แลว เพราะถา Cardiac enzyme ไมขึ้นจะเรียกวา Unstable angina) - Case โรค heart ที่มา admit ทุก case keep “Mg2+ ≥ 2, K+ ≥ 4, HCO3- ≥ 30”
Acute Coronary Syndrome (ACS) Initial management - เมื่อผูปวยมาถึง จะให “MONA” กอน Morphine sulfate 2-4 mg IV Æ add 2-8 mg q 5-15 min O2 cannula 3 LPM, keep O2 sat. > 90% (ปกติมักไมคอย impaired O2 เพราะ lung ยังดี ยกเวนมี HF รวมดวย) NTG 0.4 mg (หรือ ISDN 5 mg) 1 tab SL q 5 min ถาไมดีขึ้น (Max 3 tab) (C/I: BP drop esp. มี RV infarct) ASA gr. V (325) 1 tab “เคี้ยว” stat + Clopidogrel - หลังจากให MONA Æ ทํา 12-lead EKG w/in 10 min แรก เพื่อแยกเปน 2 กลุม คือ 1. STE-ACS – STEMI 2. NSTE-ACS – UA/NSTEMI - Monitor EKG ตลอด ถาไมเปลี่ยนแปลง ให repeat q 5-10 min, แตถาเจอ STE หรือ New LBBB เมื่อไหร ใหรักษา แบบ AMI เลย
TOP SI 117
- หลังจากแยกกลุม STEMI กับ UA/NSTEMI แลว จะให Clopidogrel (Plavix®) ตอ มีหลักการให ดังนี้ 1. If plan TT - Age < 75 yr. Æ loading dose 300 mg (4 tab) - Age > 75 yr. Æ loading dose 75 mg (1 tab) 2. If plan PPCI Æ loading dose 600 mg (8 tab) 3. If No reperfusion therapy Æ loading dose 300 mg (4 tab) - ให β1-blocker ทุกรายถาไมมี C/I แตระวังเกิด cardiogenic shock ยาที่ใชไดมีอยู 3 ชนิด คือ “AME” 1. Atenolol 5 mg IV, repeat q 5 min 2. Metoprolol 5 mg IV drip (ชาๆ) in 1-2 min, repeat q 5 min (max = 15 mg) 3. Esmolol 50 μg/kg (up to 200-300 μg/kg ถามีความจําเปนตองใช ultrashort action ของ β-blocker) - หลังจากใหยาตางๆ เบื้องตนไปเต็มที่แลว ถาอาการ chest pain ยังไมดีขึ้นอีก / มี CHF / HT Æ ให NTG IV drip rate 5-10 μg/min Æ add 5-20 μg q 5 min จนอาการดีขึ้น โดย SBP ตอง ≥ 90 mmHg - ถา plan PPCI จะให GPIIb/IIIa inhibitor (GPI) (Abciximab, Eptifibatide, Tirofiban) กอนสงไปทํา หลังทํา PPCI แลว ให continue ตออีก 12 hr. (Abciximab) หรือ 24 hr. (Eptifibatide, Tirofiban)
STE-ACS (STEMI) - ตองทํา Reperfusion therapy w/in 12 hr. (ถาเกินจากนี้ ไมควรทํา เพราะไมไดประโยชน ยกเวนในผูปวยที่ยังมี angina อยู) แบงเปน 1. Thrombolytic therapy (TT) 2. Primary Percutaneous coronary intervention (PPCI) - ถามาถึง ร.พ. ใน 3 hr. (Ischemic time < 3 hr.) Æ TT (ถาไมมี C/I): SK 1.5 MU in 5%D/W 100 cc IV drip in 1 hr. Door-to-needle time (ระยะเวลาตั้งแตมาถึง ร.พ. แหงแรกจนไดรับ TT) ไมควรเกิน 30 min - ถามาถึงหลังจาก 3 hr. (Ischemic time > 3 hr.) Æ PPCI (CAG + stent/balloon) Door-to-balloon time (ระยะเวลาตั้งแตมาถึง ร.พ. แหงแรกจนไดรับการขยายดวย balloon) ไมควรเกิน 90 min สังเกต Door to needle/balloon time จะรวมเวลาที่ตองใชในการ transfer ผูปวยไป ร.พ. อื่นที่พรอมรักษาดวย - สรุปการเลือก Reperfusion therapy ในผูปวย STEMI Transportation time Duration of onset of symptoms (Ischemic time) (Incurred time) < 3 hr. > 3 hr. < 30 min PPCI PPCI 30-60 min PPCI or TT + Clopidogrel PPCI > 60 min TT + Clopidogrel PPCI or TT + Clopidogrel - ปกติ Door-to-balloon time มักจะเกิน 90 min (ซึ่งไมควร) เพราะมัก transfer ผูปวยไปไมทันเวลา จึงควรให TT ไป กอน แลวจึง transfer แตไมตอง transfer ทุกราย ให transfer เฉพาะในรายที่ high risk โดยใช TIMI risk score for STEMI เปนตัวประเมิน - TIMI risk score for STEMI ใชประเมิน mortality rate ใน “30 d หลังไดรับ TT” ไปแลวในผูปวย STEMI ถา High risk Æ ตอง transfer ไปทํา PCI ตอ (= Facilitated PCI) - ผูปวยรายไหนบางที่ควรทํา PCI
TOP SI 117
1. อยูใน ร.พ. ที่สามารถทํา PCI ไดเลย (Door-to-balloon time < 90 min) 2. มาชาเกิน 3 hr. 3. มี C/I ในการให TT 4. Killip class ≥ 3 - Killip class – ประเมิน mortality rate ในคนไขทมี่ าดวย STEMI (ถา Killip class ≥ 3 ควรทํา PCI) Class Definition Mortality rate 1 No CHF 6% 2 S3 gallop / Basal lung crepitation 17% 3 Pulmonary edema 30-40% 4 Cardiogenic shock 60-80% - CABG – ทําเมื่อ CAG พบเปน 1. TVD 2. DVD with Proximal LAD stenosis with LV dysfunction 3. LM disease
NSTE-ACS (UA/NSTEMI) - เจาะ Cardiac enzyme Æ Risk stratification ตาม ACC/AHA guidelines Cardiac enzyme CK-MB: +ve เมื่อ > 3x UNL, ขึ้นหลังจากเกิด MI ไปแลว 6 hr., peak ตอน 24 hr., ลดลงจนถึง baseline ใน 72 hr. Troponin (Tn): sense กวา CK-MB, ขึ้นเร็วกวา CK-MB, +ve บอกวามี suspected MI - High risk (ควรทํา PCI) เมื่อผูปวยมีลักษณะตอไปนี้ 1. Recurrent angina หรือมี ischemia at rest แมวาจะไดรับ full medication 2. TnT/TnI สูงขึ้น 3. New ST depression 4. HF / New MR / MR เปนมากขึ้น 5. Cardiac stress test – High risk 6. Hemodynamic unstable 7. Sustained VT 8. S/P PCI w/in 6 mo. / S/P CABG 10. TIMI risk score/GRACE score – High risk 11. LVEF < 40% - TIMI risk score (TRS) for UA/NSTEMI – บอกวาผูปวยควรทํา PCI หรือไม Score 0-2 – Low risk; Score ≥ 3 – High risk History 1. Age ≥ 65 yr. 2. Risk factors for CAD ≥ 3 ขอ (จาก 6 ขอ) 3. Known CAD: stenosis ≥ 50% 4. ASA use in past 7d
TOP SI 117
Presentation 5. Severe angina ≥ 2 episodes in past 24 hr. 6. ST changes ≥ 0.5 mm 7. Cardiac enzyme +ve - High risk Æ Invasive strategy – plan PCI - Low risk Æ Conservative strategy – Repeat Troponin - ถาสูง Æ plan PCI (รักษาเหมือน high risk) - ถาปกติทั้ง 2 ครั้ง Æ Cardiac stress test (Treadmill / Dobutamine stress echo.) - ถามี myocardial ischemia มาก Æ plan PCI - ถามี myocardial ischemia ไมมาก Æ ใหเฉพาะ Medication (ASA, Clopidogrel, LMWH (Enoxaparin), ACEI, β-blocker, Statin, Nitrate, Omeprazole, Senokot, Ativan®) - ตัวอยางการเขียน order ในผูปวย NSTE-ACS (หลังจากทํา 12-lead EKG พบ ST depression) ผูปวยชายอายุ 65 ป, U/D: HT, DLP One day Continue - ASA gr. V chew stat - NPO เวนยา - Plavix® (75) 4 tab stat - Record V/S, I/O - On O2 cannula 3 LPM, keep O2 sat. > 90% - Absolute bed rest - MO 3 mg + NSS 10 cc IV Medication 1. ASA gr. V 1x1 pc - Isordil® (5) 1 tab SL prn for chest pain q 5 min 2. Plavix® (75) 1x1 pc (Max 3 tab) 3. Enoxaparin 0.6 cc SC q 12 hr. - Blood for CK-MB, TnT, BUN/Cr, Electrolytes, 4. Isordil® (10) 1x3 pc FBS, TC, TG, HDL 5. Atenolol (25) 1x1 pc - CXR 6. Enalapril (5) 1x3 pc - Repeat EKG, CK-MB, TnT next 6 hr. 7. Simvastatin (20) 1x1 hs (หลังจากให MONA แลวอาการยังไมดีขึ้น ให order 8. Omeprazole (20) 1x2 ac NTG (1:5) IV drip 5 μd/min until chest pain relieved, if BP < 90/60 mmHg, HR > 110/min, 9. Ativan® (0.5) 1x1 hs flushing or headache, pls. notify) 10. Senokot 2 tab hs (หรือ MOM 30 cc hs) LMWH (Enoxaparin) ใหใน NTE-ACS (ที่เปน low-risk); Dose: 1 mg/kg q 12 hr., 10 mg/0.1 cc BW 60 kg ให 0.6 cc SC q 12 hr. ใหนานอยางนอย 2 d + ใหตอจนอาการดีขึ้น
Home medication - ASA 75-162 mg/d ตลอดชีวิต - Clopidogrel (Plavix®) (75) 1x1 จะใหอยางนอย 1 mo. หลังจากนั้นมาพิจารณาดูอีกที กรณีที่ทํา PCI with drug eluting stent จะใหตอไปจนครบ 1 yr. - β1-blocker (cardioselective) ใหทุกรายถาไมมี C/I; ตัวที่นิยมใชกับผูปวย MI มี 2 ตัวคือ “AM” 1. Atenolol 50-100 mg/d ระวัง! ไมควรให Atenolol ในผูปวยที่ไตไมดี ถา GFR < 30 Æ Max dose: 25 mg/d
TOP SI 117
-
-
ถาไมปรับยา อาจทําใหเกิด Complete heart block ได 2. Metoprolol 25-50 mg bid (up to 100 mg/d) ACEI ใหทุกราย เพราะชวย reverse LV remodeling; เริ่มดวย Captopril กอนเพราะเปน short-acting ถามี SE (เชน BP drop มากไป) พอหยุดยา SE จะหมดไปเร็วกวาตัวอื่น เริ่มใน ร.พ. ดวย Captopril 6.25 mg (แลวคอย x2 ไปเรื่อยๆ) then 12.5 mg in next 2 hr., then 25 mg in next 12 hr., then 50 mg bid สรุป H/M: Captopril (50) 1x2; ถาคนไข stable ดีแลว ก็พิจารณาเปลี่ยนเปน long-acting ตัวอื่นได เพื่อความสะดวก พิจารณาไมตองให ACEI เฉพาะในคนที่ไตปกติ, LVEF ปกติ, คุม risk factors for CAD ดี, ไมเปน DM SE ของ ACEI ที่สําคัญคือ Non-productive cough (ไอมาก พบบอย), Angioedema (ที่อันตรายคือ laryngeal edema) ถาคนไขทน SE ไมไหว ใหเปลี่ยนเปน ARB แทน เชน Losartan (Cozaar®), Valsartan (Diovan®) Spironolactone (Aldactone®) 25-50 mg/d ใหทุกรายที่มี LVEF < 40%, มี HF, เปน DM ระวัง จะให Spironolactone ได ตองมี Cr ≤ 2.5 mg/dl (ชาย), ≤ 2 mg/dl (หญิง), K+ < 5 mmol/L Atorvastatin (Lipitor®) 80 mg/d ใหอยางนอย 2 mo. แลวนัด F/U ปรับยา Goal: LDL < 100 (must) หรือ LDL < 70 (optional; ดีที่สุด) Advice เรื่อง Lifestyle modification (ออกกําลังกาย, งดสูบบุหรี่, ลดน้ําหนักถาน้ําหนักเกิน) กรณีถาไมไดผล พิจารณา add Fibrate หรือ Niacin Medication ที่ใหเพื่อปองกัน จะให aggressive ที่สุดเมื่อ 1. Previous CAD 2. CAD equivalence (เทียบเทาเคยเปน CAD) มี 3 โรค ไดแก DM, AAA, PVD
Heart failure (HF) - HF แบงตาม EF เปน 2 ชนิด คือ 1. Systolic HF: EF < 40-50% 2. Diastolic HF (HF with preserved EF, HFPEF): EF > 40-50% - HF สามารถ Dx ไดจาก S&S + CXR เปนหลัก โดยสรุป สามารถ Dx HF ได 3 ทาง คือ 1. S&S – dyspnea, PND, orthopnea, fatigue, abdominal discomfort, ascites, anasarca, engorged neck vein, gallop, crepitation, pitting edema 2. Investigation 1) CXR – cardiomegaly, pulmonary edema, pleural effusion (ตองแยกกับ ARDS) 2) EKG – STEMI, NSTEMI (ถาสงสัยใหสง cardiac enzyme ดวย) 3) Echocardiography – ÇEF, Çchamber size 4) Serum BNP & NT-pro BNP – สนับสนุน HF เมื่อ NT-pro BNP > 400 (BNP ขับทางไต ถาไตไมดี BNP ก็สูงได จึงใช BNP สําหรับ R/O ถาผล –ve แตถาผล +ve จะบอกอะไร ไมคอยได จึงไมนิยมใช มักใชเฉพาะในผูปวย emergency) 3. Therapeutic diagnosis - NYHA Functional class (FC) – ประเมินจากอาการเหนื่อย (Shortness of breath, SOB) ใชในเฉพาะ HF & PH (ถาเปน ACS ใหใช CCS = Canadian cardiovascular society คือ เปลี่ยนจากอาการ SOB เปน chest pain)
TOP SI 117
-
-
-
-
FC Definition 1 Asymptomatic 2 Symptomatic with moderate exertion 3 Symptomatic with minimal exertion 4 Symptomatic at rest การรักษา HF แบงเปนการรักษา Acute & Chronic HF Acute HF เกิดได 2 กรณี 1. Acute cardiogenic pulmonary edema – กอนหนานี้ไมมีโรคหัวใจมากอน 2. Acute decompensation of chronic HF – มี chronic HF อยูกอน แลวมี precipitate ใหเกิด acute HF HF ในชวงที่ไมมี S&S เลย = Compensated HF จนกระทั่งมี precipitate มาทําให decompensate เชน Infection, Na+ intakeÇ, ขาดยา, arrhythmia, MI, stress, PE, drug (ที่ทําให Na+Ç), anemia, thyrotoxicosis, IE, RF, pregnancy Initial management for Acute HF – “LMNOP” 1. Lasix® (Furosemide) 20-80 mg IV (ขึ้นกับ severity & renal function); ถา urine ยังไมออก w/in 15-30 min ให double dose 2. MO 3-5 mg IV in 2-3 min; repeat in 3-5 min ระวัง ถากดการหายใจมาก ให Naloxone 2 mg IV; ถาไมตอบสนอง Æ add 2 mg จนได total 10 mg 3. Nitrates ถาฉุกเฉิน ให NTG 0.6 mg SL q 5-10 min 3-4 ครั้ง ระหวางนี้เตรียม NTG หรือ Nitroprusside IV drip ใหเร็วที่สุด 4. O2 cannula 3-5 LPM; ถา O2 sat. ยังไมดี Æ ให O2 mask with bag 8-10 LPM; keep O2 sat. > 90% 5. Position: Fowler’s position (นอนหัว+ลําตัวสูง) หรือนั่ง Lasix® ชวยลด preload & pulmonary congestion MO & NTG เปน venodilator ชวยลด preload การจัด position ใหอยูในทา Fowler’s position หรือนั่งเพื่อลด V.R. เพื่อลด preload ตัวอยางการเขียน order ในผูปวยที่มาดวย CHF One day Continue - Lasix® 40 mg IV stat - Regular low salt diet - On O2 cannula 3 LPM, keep O2 sat. ≥ 95% - Restrict fluid < 1 L/d - Record V/S q 4 hr., if BP < 90/60 mmHg or - Record V/S, I/O as ml > 160/100 mmHg, pls. notify - Retained Foley catheter - Record urine output q 4 hr. - นอนทา Fowler’s position - Blood for CBC, BUN/Cr, Electrolytes, CK-MB, TnT Medication 1. Furosemide (40) 1x1 pc เชา - U/A (ยาอื่น ใหตามยาประจําตัวเดิม) - CXR - 12-lead EKG
TOP SI 117
Hypertension (HT) - แบงเปน 1. Essential (1°) HT (95%) – ไมรูสาเหตุ 2. 2° HT (5%) – มี organic cause - Cause of 2° HT 1. Renal 1) Parenchyma – e.g. DM, PKD, GN 2) Renovascular – e.g. Atherosclerosis, FMD, PAN, Scleroderma 2. Endocrine – e.g. Hyperaldosteronism, Cushing’s, Pheochromocytoma, Myxedema, HyperCa2+ 3. Other – e.g. Medication, OSA, CoA, Polycythema vera - JNC 7 Classification – มี SBP หรือ DBP ถึงเกณฑ ก็เขา category แลว Category BP Normal < 120/80 Pre-HT ≥ 120/80 HT stage 1 ≥ 140/90 HT stage 2 ≥ 160/100 - แบงตาม severity ไดเปน 1. Mild HT = BP ≥ 140/90 (HT stage 1) 2. Moderate HT = BP ≥ 160/100 (HT stage 2) 3. Severe HT = BP ≥ 180/110 - วิธีวัด BP เพื่อ Dx HT 1. กอนวัด BP ใหนั่งพัก 5-10 min กอน แลววัด BP 2 ครั้ง หางกัน 1 min Æ คิดคาเฉลี่ย 2. ถาได BP สูง นัดมาวัดซ้ําอีก 1-2 ครั้งใน 1 wk. Æ ถายังได BP สูงอยู Dx HT - Target organ damage (TOD) – มีดังนี้ 1. LVH – จาก Echo. / EKG 2. Microalbuminuria (20-300 mg/d) 3. Extensive atherosclerotic plaque – จาก Radiological / U/S 4. HT retinopathy grade 3, 4 - Management - Mild HT - ไมมี TOD, มี Risk factors for CAD < 3 ขอ Æ LSM 1-3 mo. F/U: ถา BP > 140/90 mmHg Æ Monotherapy (start ยา 1 ตัว) - มี TOD and/or มี Risk factors for CAD ≥ 3 ขอ Æ Monotherapy (start ยา 1 ตัว) e.g. HCTZ (50) ½x1 pc เชา, Amlodipine (5) ½x1 (หรือ 1x1) pc เชา, Enalapril (5) 1x1 pc เชา - Moderate HT - ไมมี TOD, มี Risk factors for CAD < 3 ขอ Æ LSM 1 mo.
TOP SI 117
-
-
-
-
F/U: ถา BP > 140/90 mmHg ให Drug combination (start ยา 2 ตัว) - มี TOD and/or มี Risk factors for CAD ≥ 3 ขอ Æ Drug combination (start ยา 2 ตัว) - Severe HT Æ Drug combination การ start ยา Anti-HT (A = ACEI, C = CCB, D = Diuretics) Step1 (ยา 1 ตัว) – ถาอายุ < 55 yr. ให A, ถาอายุ ≥ 55 yr. ให C or D Step 2 (ยา 2 ตัว) – A+C or A+D Step 3 (ยา 3 ตัว) – A+C+D Step 4 (Persistent HT) – add ยาตัวใดตัวหนึ่งตอไปนี้เพิ่ม: β-blocker, α-blocker, Spironolactone, Diuretic ตัว อื่น, consult ผูเชี่ยวชาญทางดาน HT Elderly มีภาวะ Isolated systolic HT – 1st line Anti-HT คือ Diuretics (e.g. HCTZ) แตก็ตองดู electrolyte ดวย ถามี condition ที่ SE ของยาทําใหแยลง (e.g. เคยมี HypoNa+, HypoK+) หรือเปน Gout ก็ไมควรให Goal: - General: BP ≤ 140/90 mmHg - DM or Renal disease รวมดวย: BP ≤ 130/80 mmHg - DM + Renal disease / Urine protein ≥ 1 g/d: BP ≤ 125/75 mmHg - Age ≥ 80 yr. (มีภาวะ ISH): BP ≤ 150/80 mmHg ในผูปวยที่ได ACEI (Enalapril) ให F/U BUN/Cr BUN/CrÇ < 30% – continue ตามเดิม BUN/CrÇ 30-50% – ลด dose ลง ½ BUN/CrÇ > 50% – off CCB มี SE: Ankle edema เปน class effect (พบใน CCB ทุกตัว) ถาพบ Ankle edema ใหเปลี่ยนไปใชยากลุมอื่น ASA (81) 1x1 จะใหเมื่อคํานวณ Framingham risk score ≥ 15 (10-year risk ≥ 20%) ยกเวนกรณีเปน DM เริ่ม on ASA เมื่ออายุ ≥ 50 yr. (male), ≥ 60 yr. (female) ถามี GI risk (e.g. มี Hx ถายดํา แตขณะนี้หายดีแลว) เวลาให ASA จะตองใหคูกับ PPI ตลอดชีวิต
Hypertensive crisis - HT crisis จะหมายรวมทั้ง HT emergency & HT urgency - HT emergency = HT + Acute TOD Acute TOD ที่เมื่อพบรวมกับ HT จะจัดวาเปน HT emergency 1. Aorta – Acute aortic dissection, Symptomatic aortic aneurysm 2. Heart – Acute LV failure, AMI, UA 3. Brain – HT encephalopathy, ICH, SAH, Cerebral infarction 4. Kidney – Renal insufficiency 5. Placenta (ใน pregnancy) – Severe preeclampsia, Eclampsia 6. Other – Accelerated-malignant HT บางราย, Severe burn, Severe epistaxis, Surgically related conditions (Severe HT in patients requiring immediate Sx, Postoperative bleeding from vascular suture sites, After CABG, After Kidney transplantation), Catecholamine excess state
TOP SI 117
PE: คลํา Pulse ที่แขน-ขา 2 ขาง, วัด BP แขน 2 ขาง (ถาตางกันชัดเจน บอกถึง Aortic dissection), Fundoscopy, ตรวจ CVS, Neuro. ดู TOD Ix: CBC (ดู MAHA: พบใน Accelerated-malignant HT), U/A, BUN/Cr, Electrolytes, CXR, EKG Management: Short-acting Anti-HT IV ลด MAP 25% ภายใน Min-2 hr. ยาที่ใชได (มีในไทย) 1. Sodium nitroprusside (SNP) 0.25-10 μg/kg/min (onset ทันที, duration 1-2 min, ถาให max dose ไมควรใหนานเกิน 10 min) 2. Nitroglycerin (NTG) 5-100 μg/kg/min (onset 2-5 min, duration 5-10 min, ดีในผูปวยที่เปน CAD) 3. Nicardipine 5-15 mg/hr (onset 5-10 min, duration 1-4 hr.) กรณีเปน pregnancy (severe preeclampsia / eclampsia) ให Hydralazine 10-20 mg q 20-30 min (ไมใช Hydralazine มารักษา HT emergency ในคนทั่วไป เพราะ duration นาน, คุม BP ไดไมแนนอน) - ตัวอยางการเขียน order ในผูปวย Hypertensive emergency ผูปวยอายุ 55 ป, U/D: DM, HT 10 yr. มาดวย chest pain, BP 220/110 mmHg, EKG: LVH, TWI at lead aVL, V1-V6 (HT + Acute TOD: ACS) One day Continue - Admit ICU - NPO เวนยา - ASA gr. V chew stat - Record V/S, I/O - Plavix® (75) 4 tab stat - Absolute bed rest - On O2 cannula 3 LPM Medication - MO 3 mg + NSS 10 cc IV 1. ASA gr. V 1x1 pc - Blood for CK-MB, TnT, BUN/Cr, Electrolytes, FBS, 2. Plavix® (75) 1x1 pc TC, TG, HDL 3. Isordil® (10) 1x3 pc - CXR 4. Atenolol (25) 1x1 pc - NTG (1:5) IV drip 5 μd/min 5. Enalapril (5) 1x3 pc - Record V/S q 15 min, keep BP < 180/100 mmHg, 6. Simvastatin (20) 1x1 hs > 90/60 mmHg (Goal: ลด MAP 25% ใน 4-6 hr. แรก) 7. Omeprazole (20) 1x2 ac - Record urine output q 4 hr., if < 200 cc/4 hr. pls. 8. Ativan® (0.5) 1x1 hs notify 9. Senokot 2 tab hs (หรือ MOM 30 cc hs) - Observe neurological sign q 1 hr. - HT urgency = BP สูงมาก ในผูปวยที่เคยมี Hx HF, CAD, CVD, Renal disease แตมี minimal / no TOD (บางตํารา ใหเอา BP ≥ 180/120 และ minimal / no TOD) Management: ใช Oral anti-HT ลด BP in hr. ยาที่ใชได (มีในไทย) 1. Captopril 12.5-50 mg 2. Clonidine load 0.2 mg, then 0.1 mg q 1 hr.
TOP SI 117
- Accelerated-malignant HT = BP สูงมาก รวมกับมี Retinal exudate/hemorrhage และ/หรือ Papilledema ถาพบรวมกับ Retinal exudate/hemorrhage = Accelerated HT ถาพบรวมกับ Papilledema = Malignant HT อาจพบการเปลี่ยนแปลงในระดับ microvascular ที่ organ ตางๆ รวมดวยได (e.g. ปวดศีรษะ, ตามัว, สับสน, ชัก, coma, oliguria, renal failure, N/V) - HT encephalopathy = BP สูงมากจนเกิด neurological symptoms (e.g. alteration of consciousness, ปวด ศีรษะมาก)
Atrial fibrillation (AF) - Most common cause คือ Long-standing HT - แบงสาเหตุออกเปน 1. ใน Heart 1) Endocardium – e.g. MS (ใน MR, AS, AR ก็อาจเจอได แตเจอใน MS เยอะกวา) 2) Myocardium (1) Ischemic in origin – e.g. IHD (2) Non-ischemic – e.g. Cardiomyopathy, Degenerative process of SA node: Sick sinus syndrome (SSS, Brady-Tachy syndrome) 3) Pericardium – e.g. Pericarditis 2. นอก Heart 1) Aorta ลงไป – e.g. HT 2) Lung disease ที่มี Hypoxemia, Bronchospasm – e.g. COPD 3) Endocrine – e.g. Thyrotoxicosis, Pheochromocytoma 4) Drugs – e.g. β2-agonist, Vasoactive drug, ชา กาแฟ - เกิดจาก multiple reentry loops ใน atrium - คลํา pulse ได Total irregularity, EKG monitoring จะเห็นวาตัวเลข rate ไมนิ่ง การนับ rate ใน AF ตองนับครบ 1 min เสมอ (PR มักต่ํากวา HR เพราะบาง HR ไมไปเปน pulse) - EKG: irregular rhythm, Fibrillation waves (undulating baseline), atrial rate 350-500/min - CHA2DS2-VASc score (ป 2010) – ใชประเมิน risk ของ stroke ในผูปวย AF เพื่อดูวาควรไดรับ Antiplatelet (ASA) หรือ Oral anticoagulant (OAC, Warfarin) ในการปองกัน stroke ดังนี้ 1. CHF หรือ LVEF ≤ 35% (+1) 2. HT or on medication (+1) 3. Age ≥ 75 (+2) 4. DM (+1) 5. Prior Stroke or TIA or Thromboembolism (+2) 6. Vascular disease (Prior MI / Peripheral artery disease / Aortic plaque) (+1) 7. Age 65-74 (+1) 8. Sex category: Female (+1)
TOP SI 117
-
-
-
Score = 0 – Low risk Æ No or ASA 75-325 mg OD (แต prefer No มากกวา) Score = 1 (Stroke rate = 1.3%/yr.) – Moderate risk Æ ASA or OAC (Warfarin) (แต prefer OAC มากกวา; ขึ้นกับดุลยพินิจ, counseling ใหผูปวย + ญาติตัดสินใจ) Score ≥ 2 – High risk Æ OAC (Warfarin), keep INR 2-3 (Score = 2: Stroke rate = 2.2%/yr.; Score = 3: Stroke rate = 3.2%/yr.; Score = 4: Stroke rate = 4%/yr.) Digoxin (Digitalis, Lanoxin®) ไปทําให delay AV conduction ทําให HR ชาลง C/I: 2nd degree AV block, VT, VF, HOCM Digitalis intoxication – ทําใหเกิด arrhythmia ไดทุกรูปแบบ ที่สําคัญ เชน Accelerate junctional rhythm, Atrial tachycardia with AV block, Bidirectional VT SE: N/V, Xanthopsia, Bradycardia ปจจัยที่ทําใหเกิด Digitalis toxicity ไดงาย ไดแก 1. อายุมาก 2. กลามเนื้อนอย 3. ไตเสื่อม 4. HypoK+, HyperCa2+ (จึงหามใหรวมกับ HCTZ) เมื่อเกิด Digitalis toxicity แลว แกโดย 1. หยุดให Digoxin 2. แก HypoK+ 3. ให Digoxin specific sheep Fab fragments
Valvular Heart Disease - ทอง murmur ที่ตรวจไดใน valvular heart disease: “MR-Pan, MS-Rumb, AS-Eject, AR-Blow”
Mitral regurgitation (MR) - Cause: Chronic RHD, IE, Trauma - Symptoms: HF - Signs: 1. Pansystolic murmur (PSM) at apex, radiate to Lt. axilla 2. Wide splitting S2 3. Prominent V wave 4. PMI shift to the Lt. 5. Lt. atrial thrust, อาจพบ sterna heaving ของ LV (ถามี PH) - ในระยะทายของโรค ผูปวยอาจมี AF รวมดวย (ตรวจพบ total irregularity) - EKG: LAE, LVH, ± AF - I/C for Sx: 1. Symptomatic severe MR 2. Asymptomatic ที่มี EF ≤ 55%
Mitral stenosis (MS)
TOP SI 117
- Cause: RHD (> 90%), IE, Congenital, SLE, RA, Mucopolysaccharidosis, etc. - Symptoms: HF, Palpitation (จาก AF), Stroke (cardioembolism จาก AF) - Signs: 1. Diastolic rumbling murmur (DRM) at apex, radiate to Lt. axilla or Lt. sternal border 2. Diastolic thrill at apex 3. Presystolic accentuation murmur 4. Palpable P2 & Lt. parasternal heaving (ในรายที่มี PH) MS ตองไมมี Apical heaving 5. Loud S1 (ยกเวนรายที่ mitral valve หนา หรือ calcified มาก), Loud P2 (ในรายที่มี PH) 6. Opening snap (ยกเวนรายที่ mitral valve หนา หรือ calcified มาก) 7. Prominent A wave (ในรายที่มี PH), Prominent V wave (ในรายเกิด RV failure แลวทําใหเกิด TR) 8. Mitral facies, Cachexia, Edema (หรือ Anasarca ถา severe) - EKG: LAE, ± AF - I/C for Sx: 1. Symptomatic severe MS, Mitral valve area ≤ 1.5 cm2, FC 3-4, สภาพ valve ไมเหมาะที่จะใช PBMV 2. Asymptomatic ที่มี PH รุนแรง (PASP > 60 mmHg), สภาพ valve ไมเหมาะที่จะใช PBMV (PASP = Pulmonary a. systolic pressure) - Sx in MS มี 3 วิธี ไดแก 1. Closed mitral commissurotomy (CMC) 2. Open mitral commissurotomy (OMC) 3. Mitral valve replacement (MVR) - I/C for PBMV: (PBMV = Percutaneous balloon mitral valvotomy) 1. Mitral valve area ≤ 1.5 cm2, FC 2-4, สภาพ valve เหมาะสม, ไมมี clot ใน RA 2. Asymptomatic, Mitral valve area ≤ 1.5 cm2, มี PH (PASP > 50 mmHg ขณะพัก หรือ > 60 mmHg ขณะ ออกกําลัง), สภาพ valve เหมาะสม 3. Symptomatic severe MS, Mitral valve area ≤ 1.5 cm2, FC 3-4 แตสภาพผูปวยไมเหมาะที่จะ Sx
Aortic stenosis (AS) - Cause: Congenital, Degenerative, RHD (มักมี AS รวมกับ AR หรือมี MS หรือ MR รวมดวย) - Symptoms: จําวา “ASD 5, 3, 2” 1. Angina pectoris – survival period = 5 yr. 2. Syncope (from hypotension) – survival period = 3 yr. 3. Diastolic HF (จาก concentric LVH) – survival period = 2 yr. - Signs: 1. Systolic ejection murmur (SEM) at RUSB, radiate ไปตาม carotid a., suprasternal notch ถา severe จะไดยินเปนเสียง late-peaking murmur (เสียงดัง peak สุดชวงทายของ murmur)
TOP SI 117
2.
Pulsus parvus et tardus (carotid pulse เบา, amplitude ขึ้นชาลงชา; พบใน severe AS แตอาจไมชัดในผูที่ มี HF ดวย) 3. Carotid shudder (Carotid thrill) (carotid pulse สั่นในชวง systole) 4. Gallavardin phenomenon (ไดยิน murmur ที่ apex ดวย; พบในบางราย) 5. Apical heaving 6. Prominent A wave (เพราะ compliance ของ LV นอยลงจาก interventricular septum หนาขึ้น) 7. Bernheim effect (ใน severe AS ที่ interventricular septum หนาขึ้นจนยื่นเขาไปใน RV ทําใหเกิด Rt. sided HF นํามากอน Lt. sided HF) - EKG: LVH with strain - I/C for Sx: 1. Symptomatic severe AS 2. Asymptomatic ที่ EF ≤ 50%
Aortic regurgitation (AR) - แบงเปน 2 กลุมคือ AR ที่เกิด lesion ที่ Valve & lesion ที่ Aortic root - Cause: ที่พบบอย มีดังนี้ 1. Valve 1) Acute – IE, Trauma 2) Chronic – RHD, Bicuspid aortic valve, Myxomatous degeneration, Degenerative calcified aortic valve 2. Aortic root 1) Acute – Aortic dissection, Trauma 2) Chronic – Marfan syndrome, Annulo-aortic ectasia, HT, Age-related aortic dilatation - Symptoms: 1. Acute onset: HF with Cardiogenic shock 2. Chronic: HF - Signs: 1. Diastolic blowing murmur (DBM) at LLSB 2. Austin-Flint murmur (mid-late diastolic rumble) at apex (พบใน severe AR) 3. Apical heaving 4. RV heaving ในรายที่มี PH (มักเกิดในระยะทาย, มี Rt. sided HF รวมดวย) 5. Peripheral signs ที่ตรวจเจอไดในผูที่เปน chronic AR 1) Water-hammer pulse (Pulsus celer et magnus) (เมื่อยกแขนจะคลําได radial pulse แรงขึ้น) 2) Corrigan’s sign (เห็น pulse ที่คอ & suprasternal notch เตนไดชัดเจน; visible carotid pulse) 3) Quincke’s sign (กดที่เล็บเบาๆ จะเห็นการ dilate & constrict ของ capillary สลับกัน เห็นเปน refill สลับ กับชวงที่เล็บเปนสีขาว) 4) De Musset sign (หัวผงกตามจังหวะ HR; พบใน severe AR)
TOP SI 117
5) 6) 7) 8) 9) 10) 11) 12)
Muller’s sign (uvula เตนตามจังหวะ HR) Landolfi’s sign (ขนาด pupil เปลี่ยนตามจังหวะ HR; pulsatile pupil) Pulsus bisferiens (pulse เตนกระแทกนิ้วที่ตรวจ 2 ครั้งติดกัน = double systolic impulse ที่ carotid a.) Carotid shudder (Carotid thrill) (carotid pulse สั่นในชวง systole) Palmar click (palpable, abrupt flushing ที่ฝามือในระยะ systole) Rosenbach’s sign (liver เตนตามจังหวะ HR) Gerhardt’s sign (spleen เตนตามจังหวะ HR) Traube’s sign (Pistol shot sounds) (ไดยินเสียง systolic & diastolic murmur เหมือนเสียง pistol shot ที่ Femoral a.) 13) Duroziez’s sign (อานวา ดู-โร-สิ-เย) (ไดยิน systolic & diastolic bruit เมื่อใชขอบ chest piece กดเบาๆ ที่ femoral a. โดยถาใชนิ้วกดเบาๆ เหนือตอ chest piece จะไดยิน systolic bruit, ถาใชนิ้วกดเบาๆ ใตตอ chest piece จะไดยิน diastolic bruit; เกิดจากการมี SV ในชวง systole & reversal flow ในชวง diastole เพิ่มขึ้น) 14) Hill’s sign (วัด BP ที่ popliteal a. ไดมากกวา radial a. ≥ 20 mmHg; พบใน severe AR) - EKG: LAE, LVH - I/C for Sx: 1. Symptomatic severe AR 2. Asymptomatic ที่ EF ≤ 50% หรือ ESD > 55 mm หรือ EDD > 75 mm (ESD = End-systolic dimension; EDD = End-diastolic dimension)
Rheumatic fever (RF) - Rheumatic fever (RF) – เจอบอยที่ Mitral valve - Dx โดยใช Modified Jones criteria: เปน RF เมื่อมี 2 Major หรือ 1 Major + 2 Minor Major criteria (ขอ-คิว-คา-ขอ-ผิวแดง) 1. Chorea 2. Subcutaneous nodule 3. Carditis (Endo/Myo/Peri) Endocarditis – Murmur Myocarditis – Clinical HF, ÇTnT, CK-MB Pericarditis – Pericardial effusion Æ Pericardial rub, Distant heart sound, Cardiac tamponade 4. Polyarthritis 5. Erythema margitanum Minor criteria Clinical 1. Fever 2. Arthralgia 3. Hx of RF / RHD Laboratory
TOP SI 117
-
1. ESR, CRP (Acute phase reaction) 2. Prolonged PR interval Ix: CXR, EKG, Echo. Management: PGS 1.2 MU IM OD for 10 d Lutembacher’s syndrome = ASD + Rheumatic MS I/C for ATB prophylaxis กอนการหัตถการที่ invade mucosa ของ RS/GI/GU tract (ให Amoxicillin 2 g ใน adult, 50 mg/kg ใน children) 1. Prosthetic heart valve 2. Previous IE 3. Valvular heart disease 4. CHD
Infective endocarditis (IE) - Infective endocarditis (IE) – เกิดจากการติดเชื้อที่ endothelial lining ของ heart ทําใหเกิด Vegetation, มักเกิดที่ Valve (esp. Mitral valve), Endocardium
(Vegetation ที่ Mitral valve ในผูปวย IE จากเชื้อ Viridans streptococci) - มักเจอในคนตอไปนี้ 1. คนที่มีความผิดปกติของ heart อยูเดิม – e.g. CHD (esp. PDA, VSD, HOCM), Valvular heart disease, Prosthetic heart valve 2. มี Hx IVDU 3. Nosocomial endocarditis – e.g. ผูปวยที่ใส Intravenous catheter (สําหรับวัด CVP), Pacemaker, Double lumen, Dialysis shunt, etc. - ในผูปวยที่มี Valvular heart disease หรือมี VSD ซึ่งทําใหมีเลือดที่ flow มาไปทําอันตรายตอ endocardium บริเวณ นั้นตลอดเวลาจนเกิดเปน raw surface ทําใหเกิด thrombosis ตามมาได เรียกวา NBTE (Non-bacterial thrombotic endocardial lesion) ตอมาเมื่อผูปวยที่มี NBTE lesion ไปถอนฟน / มีแผลที่ skin / ทําหัตถการอื่นๆ ทําใหเชื้อ bacteria เขาสูกระแสเลือด เชื้อจะไป colonize อยูที NBTE lesion แลวทําใหเกิด IE ตามมาได - Classification 1. Acute bacterial endocarditis (ABE) – โรค progress เร็ว, เสียชีวิตไดภายในเวลาเปน wk., มักเกิดจาก S. aureus 2. Subacute bacterial endocarditis (SBE) – อาการจะมาดวยไขต่ําๆ, night sweat, fatigue, weight loss, มักเกิดจากเชื้อกลุม Viridans streptococci
TO OP SI 117
3. Prosthetic valvular endocaarditis (PVE) อ มักเปนเชืช้อ้ ใน oral cavitty, flora ในลําไส ไ หรือเชื้อที่อยูที่ skin (esp. IVDU) เชน - เชื้อกอโรค 1. Viridans strepptococci (e.g.. S. mutans, S. S bovis) – ทําให ใ เกิด SBE บอยที อ ่สุด S 2. HACEK groupp – ทําใหเกิด SBE “HACEK” grooup ประกอบดดวย Hemophillus aphrophiluus, Actinobaccillus actinomyycetem, Cardiobacterrium hominis, Eikenella corrrodens, Kinggella kinkae 3. S. aureus – ทําใหเกิด ABE บอยที่สุด 4. Coagulase-neegative staphhylococci (CNS) (e.g. S. eppidermidis, S. lugdunensis) m-negative rodds – e.g. Enterrococcus faeccalis 5. Enteric Gram - Classsic triad: 1. Fever 2. Heart murmur 3. H/C +ve - Peripheral manifesstation ใน IE ที่สําคัญ ไดแก 1. Osler’s node – เปน painful erythematous nodule อยูใตตอุงนิ้วมือ/นิ้วเททา กดเจ็บ, สาเหตุจาก vascuulitis ซึ่ง เกิดจาก immuune complex
2.
3.
Janeway lesion – เปน hem morrhage macule พบที่ฝามือและฝ อ าเทา กดดไมเจ็บ, สวนใหหญพบในผูปวย ABE จาก S. aureus, เชื่อวาเกิดจาาก septic embboli
(Janewway lesion ที่ฝามื า อ) (Janewway lesion ทีฝาเท ฝ่ า + Osler’’s node ที่นิ้วหัวแมเทา) Splinter hemoorrhage (Subuungual hemorrrhage) – แนวเลือดออกสีคล้้าํ ๆ ใตเล็บ เกิดจาก capillary permeability เสียไปจาก vassculitis หรือจาก microembooli
TO OP SI 117
4.
Roth’s spot – Retinal hemoorrhage ลักษณ ณะเปนวง, ตรงกลางจะสีซีด (wwhite center)
M หรือ 1 Major M + 3 Minoor หรือ 5 Minoor - Duke’s criteria – Dx IE เมื่อมี 2 Major Majorr criteria 1. Positive H/C 1) Typical microorganism m m for IE from H/C H x II - Viriddans streptocoocci, Streptoccoccus bovis, HACEK grouup, S. aureus, or - Com mmunity-acquired Enterocoocci in the abssence of a primary focus, oor 2) Persistenntly positive H/C, H defined as a recovery of a microorgannism consistent with IE from m: - H/C drawn > 12 hr. h apart; or - All of o three or a majority m of fourr or more sepaarate H/C withh first and lastt drawn at leaast 1 hr. aparrt 3) Single poositive H/C forr Coxiella burrnetii or phasee I IgG Ab titieer of > 1:800 e innvolvement 2. Evidence of endocardial 1) Positive echocardiogr e ram - Oscillating intracaardiac mass on o valve or supporting strucctures or in thhe path of regurgitant o in implanteed material, in the absence of an alternative anatomicc explanation, or jets or - Absccess, or - Neww partial dehiscence of prossthetic valve, or 2) New valvvular regurgitaation (increase or change in preexisting murmur not ssufficient) Minorr criteria 1. Predisposition: predisposing heart conddition or IVDUU 2. Fever ≥ 38°CC 3. Vascular pheenomena: major arterial emboli, septic pulmonary infaarcts, mycotic aneurysm, inntracranial hemorrhage, conjunctival hemorrhages, Janeway lessions n Roth’ss spots, rheum matoid factor 4. Immunologic phenomena: GN, Osler’s nodes, s 5. Microbiologicc evidence: poositive H/C buut not meetingg major criterion as noted ppreviously or serologic evidence of active a infection with organissm consistentt with IE - DDx: SLE, Acute rhheumatic feveer, Atrial myxooma, Collagenn vascular dissease, TTP - Ix: CBBC, ESR, RF, Echo. Echo. ใชเพื่อ identiify Vegetationn, Perivalvularr abscess, Chhamber size และ แ Function ของ valve - Manaagement
TOP SI 117
1. 2.
ATB – ใหตามเชื้อกอโรค และตาม sensitivity, ตองให high dose, ระยะเวลานาน (เพราะตองกําจัดเชื้อออก จาก vegetation ใหหมด) Surgery – เมื่อมี I/C: 1) Refractory heart failure due to destroy valve 2) Outflow tract obstruction 3) Recurrent major emboli 4) Persistent bacteremia despite optimal ATB 7-10 d 5) Tissue invasion (valve ring, septal abscess) 6) Early prosthetic valve endocarditis (< 2 mo. after valve replacement)
Cardiomyopathy - Cardiomyopathy (โรคกลามเนื้อหัวใจ) แบงเปน 5 ชนิด ไดแก 1. Dilated cardiomyopathy (DCM) 2. Hypertrophic cardiomyopathy (HCM) 3. Restrictive cardiomyopathy (RCM) 4. Arrhythmogenic right ventricular cardiomyopathy 5. Unclassified cardiomyopathy
Dilated cardiomyopathy (DCM) - DCM – เปน cardiomyopathy ที่พบบอยสุด, ลักษณะคือ 1. Ventricular dilatation (LV หรือทั้ง LV & RV) 2. Contractility ลดลง (e.g. LVEF < 40%) - Cause: เกิดไดจากหลายสาเหตุ e.g. Ischemia, Valvular heart disease (esp. MR & AR ทําใหเกิด chronic volume overload), Familial, Idiopathic, Infectious myocarditis (viral, bacterial, TB, fungal, rickettsial, HIV), Toxic, Metabolic, Autoimmune, etc. 50% เปน Idiopathic DCM (IDC) – ไมทราบ cause หลังจาก W/U อยางละเอียดแลว - Treatment: รักษาที่ cause (ถาหาได) + รักษาแบบ HF
TOP SI 117
Hypertrophic cardiomyopathy (HCM) - HCM – เปนโรคที่เกิดจาก genetic ที่ทําให LV หนาตัวกวาปกติ (usually ≥ 15 mm), ถายทอดแบบ AD เกิดจาก point mutation ของ gene ที่ encode cardiac sarcomere proteins ทําใหเกิดการเรียงตัวผิดปกติ = Myocardial disarray + Myocyte ขนาดใหญ (hypertrophy) + มี Interstitial fibrosis - Prevalence 1:500, 50% sporadic, 50% familial
Restrictive cardiomyopathy (RCM) - RCM – เปนโรคที่เกิดจาก ventricle (LV / RV / LV+RV) หนาผิดปกติ Æ ปริมาตรใน ventricle ลดลง, compliance ลดลง Æ impaired ventricular filling - Cause: Idiopathic, Eosinophilic endomyocardial disease (Loffler’s endomyocarditis), Endomyocardial fibrosis, Infiltrative cardiomyopathy (e.g. Amyloidosis, Hemochromatosis, Sarcoidosis, GSD, MPS, Fabry disease), Scleroderma, Carcinoid heart disease, Post-heart transplantation, Post-mediastinal radiation, Pseudoxanthoma elasticum, Doxorubicin & Anthracycline CMT, etc. - Symptoms: Rt. HF > Lt. HF (มาดวยเรื่อง edema > dyspnea) - ตองแยกกับ Constrictive pericarditis เพราะ prognosis ตางกันมาก (RCM – prognosis ไมดี; Constrictive pericarditis – Sx หายขาดได)
Pericardial diseases Acute pericarditis - Acute pericarditis – เกิด inflammation ของ pericardium ทําใหเกิด chest pain - PE: Pericardial friction rub (80%) – เสียงสูง, ไดยินชัดที่ LLSB โดยใช diaphragm ฟง, ไดยินชัดมากขึ้นในทานั่ง โนมตัวไปขางหนา และหายใจออกสุด (เปน pathognomonic sign) - Cause 1. Infectious 1) Viral – Coxsackie virus A, Coxsackie virus B, Echovirus, Adenovirus, Mumps, HBV, HIV, HSV Viral เปนสาเหตุของ Acute pericarditis ที่พบมากที่สุดในคนอายุนอย 2) TB 3) Pyogenic – S. pneumoniae, S. aureus, N. menigitidis, N. gonorrhoeae, Legionella spp. etc. 4) Fungal – Histoplasmosis, Coccidiodomycosis, Candida, Blastomycosis 5) Other infections – Syphilis, Protozoa, Parasite 2. Non-infectious 1) Neoplasm 2) Autoreactive (immune-mediated ตามหลัง CVT Sx หรือ AMI (1) Post-pericardiotomy (2) Post-MI (Dressler’s syndrome) 3) Uremia (มี uremic toxin ทําใหเกิด Acute pericarditis)
TOP SI 117
4) Autoimmune disease – RF, SLE, RA, Scleroderma, MCTD, PAN, Wegener’s granulomatosis 5) Inflammatory disease – Sarcoidosis, Amyloidosis, IBD, Whipple’s disease, Temporal arteritis - EKG ใน Acute pericarditis แบงเปน 4 stages
Stage 1 (hours) – Generalized concave upward STE + PR depression ยกเวน lead aVR ± V1 จะมี reciprocal ST depression + PR elevation Stage 2 (days) – STE & PR depression คอยๆ หายไป กลับมาใกลเคียง normal, T wave flat มากขึ้น Stage 3 (days-weeks) – TWI ใน lead ที่เคยมี STE Stage 4 (days-weeks) – กลับมาเปน normal EKG
(12-lead EKG: Stage 1 of Acute pericarditis) - CXR: Normal; if Cardiomegaly Æ Pericardial effusion > 250 ml - Management: Viral pericarditis หายไดเอง (self-limited) ภายใน 2-6 wk., ใหยาในกลุม NSAIDs เพื่อชวยลด inflammation นาน 1-2 wk. ยาที่เลือกใช ไดแก 1. ASA 300-600 mg q 4-6 hr. (2-4 g/d) (ASA จะ prefer เปนพิเศษในคนที่เปน recent MI เพราะ NSAIDs ตัวอื่นจะไป impair scar formation) 2. Ibuprofen 1,200-1,800 mg/d 3. Indomethacin 75-150 mg/d (ไมควรให Indomethacin ใน Elderly, CAD เพราะจะไปลด Coronary blood flow) เนื่องจากให high-dose NSAIDs ควรให Omeprazole (20) 1x1 ac กินควบคูไปดวย ถาไม response ตอ NSAIDs Æ ให Colchicine ถาไม response ตอทั้ง NSAIDs & Colchicine Æ ให Prednisolone 1-1.5 mg/kg นาน 1 mo., then slow tapering - Complications 1. Recurrent / Chronic pericarditis (20%) 2. Cardiac tamponade (10-15%)
TOP SI 117
3. 4. 5.
Constrictive pericarditis (5%) Effusive-constrictive pericarditis (5%) Arrhythmia: SVT, PAC
TOP SI 117
Chest Medicine Physical signs in chest disorders - Finding จากการตรวจรางกาย chest ในภาวะตางๆ Conditions Trachea Percussion Midline Resonance Normal Midline Lobar pneumonia Dull Shift (involved) Atelectasis Pleural effusion Shift (opposite) Hyperresonance Pneumothorax Hyperresonance Emphysema (diffuse) Midline Normal / Asthma Hyperresonance
Breath sounds Fremitus Vesicular Normal Bronchial Increased Absent Decreased
Obscure
Decreased
Adventitious sounds No Crackles
No
Wheezing
Chest X-ray interpretation - การอาน CXR แบงเปน 5 หัวขอหลักๆ ไดแก ตรวจสอบความถูกตอง, ทาอะไร, Exposure-Inspiration-Rotation, Tube & Line และ อานตามระบบ 1. ตรวจความถูกตอง – ดูวาชื่อคนไขกับบน film ตรงกันหรือไม, ดู HN, วัน, เวลา ใหตรงกับคนไข 2. ทาอะไร – PA หรือ AP (แยกโดยดูที่ scapula), supine หรือ upright 1) PA – scapula กางออกชัดเจน, อยูนอกปอด, เปน upright เสมอ (อาจเห็น air ใน stomach ลอยขึ้นมา, spinous process ทิ่มลง) 2) AP – scapula หุบเขา อยูใน field ปอด 3. Exposure-Inspiration-Rotation (symmetry) 1) Exposure – ดูที่ T5-8 (mid T spine) ถา Good exposure จะตองเห็น intervertebral disc จางๆ ถาขาวเกิน = Underexposure (Underpenetration) จะทําใหเห็น infiltration เยอะเกินจริง ถาดําเกิน = Overexposure (Overpenetration) 2) Inspiration – ถา Full inspiration จะเห็นถึง Anterior rib 6 หรือ Posterior rib 9 (อันใดอันหนึ่งก็ได) 3) Rotation (symmetry) – แบงครึ่ง spine แลววัดตั้งฉากไปที่ head of clavicle ทั้ง 2 ขาง
อีกวิธีที่จะดู symmetry แบบงายๆ คือ ดูวา clavicle 2 ขางยกเทากันหรือไม
TOP SI 117
4.
Tube & Line 1) ETT - ดูวาอยูใน trachea หรือไม บางที แมจะใส ETT เขา esophagus บีบ bag ก็ยังไดยิน breath sounds ได ถาคนไขยังหายใจเอง ได (จึงใช CXR confirm หลังใส ETT) ยกเวนวาเปน case ใน OR ที่ดมยาไปแลว ถาใส ETT เขา esophagus บีบ bag จะไมไดยินเสียง breath sounds - ETT Ø = 2/3 trachea Ø; ถาเล็กไป ใหตั้งคําถามเสมอวาที่ใส ETT เมื่อสักครู Difficult intubation หรือไม จึงตองใสเบอรเล็กลง - ปลาย ETT ไปชน wall ดานใดดานหนึ่งของ trachea หรือไม ถาชน จะไป irritate คนไข ทําใหคนไขไอ และตานได - Cuff ใน CXR จะเห็นดํากวาปกติ ใหระวัง Cuff overinflation Æ tracheal cartilage จะ dilate ออก ปกติ P ใน capillary = 25 mmHg ถา cuff P > 25 mmHg จะไปกด capillary ทําใหเกิด tissue ischemia Æ trachea necrosis ได
-
ตําแหนง ETT: ระยะจากปลาย ETT ถึง carina ควรเปนดังตอไปนี้ (ตองแยกกอนวาอยูในทา neutral / กม / เงย โดยดูจาก lower border of mandible วาอยูตรงกับ C spine ที่เทาไร) ระยะจากปลาย ETT ถึง ตําแหนงของ lower ทา carina ที่เหมาะสม (cm) border of mandible Neutral C5 5±2 ต่ํากวา C5 3±2 กม สูงกวา C5 7±2 เงย + 1 cm จากตําแหนงที่ควร (เพราะการหันซาย-ขวา ทําให NA หันซาย-ขวา trachea ยืด, ตําแหนง ETT จะ สูงขึ้นกวาความเปนจริง) หามปลาย ETT ไปชน carina และ หามปลาย ETT อยูสูงเลย upper border of 1st rib (ETT จะหลุด) 2) Tracheostomy tube - ดูวาอยูใน trachea หรือไม, ไมตองอาน position - ขนาดเทาไร - ชน wall หรือไม
TOP SI 117
-
ในคนอวน tracheostomy tube จะหลุดงาย เพราะ soft tissue หนา ทําให tracheostomy tube คอน มาทางดานหนามากกวา ถา tracheostomy tube หลุด แลวใสไมเขา ใหใส ETT ไปกอน แลวอุดรู tracheostomy ไว
3) ICD - ICD ที่ดี ควรอยูขางๆ (เพราะเวลาคนไขนอน pleural effusion จะตกมาขางๆ)
-
Side hole สุดทาย อยูใน inner rib เสมอ ระวังอยาดัน ICD ลึกเกินไป ถาเปน Rt. ICD Æ ระวังโดน Liver & IVC ถาเปน Lt. ICD Æ ระวังโดน Aorta - ดูวามี Subcutaneous emphysema หรือไม 4) NG tube – จะอยูเบี่ยงซายตาม anatomy ตองดู เพราะอาจมีกรณีใสเขา trachea ทําใหเกิด aspiration ตายได 5) Central line – มีหลายชนิด ที่เห็นจาก CXR จะมีอยู 2 ชนิด คือ (1) Internal jugular venous access ขอดี: ใสงายกวา, เหมาะในคนไข ARDS, Pneumothorax ขอเสีย: คนไขเจ็บ, รําคาญ เพราะอยูตรงคอ (2) Subclavian venous access ขอดี: คนไขไมราํ คาญ ขอเสีย: ใสยากกวา, ระวังเกิดอันตราย หามทําในคนไขที่มี coagulopathy หรือ bleeding tendency เพราะจะกดเลือดไมได Line อื่นๆ มีหลายชนิด เชน - Fast catheter – ปลายอยูใน SVC, Rt. main bronchus กับ Anterior border of 1st rib, แข็ง, ปลาย ตัด (แตไม tear vessel), ไมควรใสลึกเกินไป อาจทําใหเกิด Arrhythmia ได (RA), complication ที่ severe สุด คือ Atrial perforation - Double lumen catheter (DLC) – ใสลึก อาจอยูใน RA ได, นุม, ปลายมน, เอาไวทํา dialysis - Permanent catheter – ใสลึก อาจอยูใน RA ได, นุมกวา DLC, ปลาย 2 แฉก - Swan-Ganz catheter – ใสเขา PA
TOP SI 117
ระวัง complications 1. Ruptured PA (ทําใหเกิด massive hemoptysis ได) 2. PA occlusion (ทําใหเกิด pulmonary infarction: พบลักษณะเปน wedge shape ที่ tip of catheter)
5.
6) Pacemaker (RV) (1) Temporary – อยูนอกตัว (2) Permanent – อยูในตัว, CXR จะเห็นตัว pace กลมๆ ที่ chest wall อานตามระบบ: Soft tissue, Bone, Abdomen, Diaphragm, Pleura, Lung parenchyma, Heart, Mediastinum 1) Soft tissue (1) Fat (2) Subcutaneous emphysema – ดูขึ้นไปถึงคอ ถาเปนมาก อาจเซาะเขา muscle เห็นเปนเสนๆ ที่ หนาอกได (Pectoralis major m.) 2) Bone – ดูวามี Fx หรือไม: Clavicle, Vertebrae, Humerus, Ribs, Osteoporotic Fx, Metastatic Fx 3) Abdomen (1) Bowel gas pattern – Ileus/SBO/LBO (2) Calcification – ตาม anatomical location: GB, Pancreas, Kidney (3) Free air under dome of diaphragm – บอกถึงมี perforation of hollow viscus organ (e.g. bowel perforation), ดู signs อื่นๆ ในทานอนดวย e.g. Falciform ligament sign, Double bowel wall sign 4) Diaphragm - Rt. diaphragm จะอยูสูงกวา Lt. diaphragm (เพราะ Rt. มี liver) - ถา Silhouette กับ lung (curve ของ diaphragm หาย) Æ มี consolidation at RLL / LLL หรือถามีน้ํา ก็ทําให curve ของ diaphragm หายได - Deep sulcus sign – บอกวามี Pneumothorax - Flat diagphragm – บอกวามี Subpulmonic effusion - Blunt costophrenic angle – บอกวามี Pleural effusion หรือ Pleural thickening 5) Pleura (1) Air: Pneumothorax - Visceral pleural line – DDx Skin fold (จากการสอด plate X-ray ไปใตตัวคนไข) Pneumothorax: ไมมี lung marking นอก pleural line Skin fold: มี lung marking นอก pleural line, เห็นเปนเสนยาวออกไปนอก lung field ได (2) Fluid
TOP SI 117
-
ทานอน: ตําแหนงที่จะเห็น effusion ไดกอน คือ upper lung เรียก Apical cap sign
ถา effusion มากขึ้นๆ จะเห็นที่ดานขางริมๆ Æ เขาไปใน minor fissure Æ เห็น 2 ขาง
ถา infiltration บอก pattern ไมไดชัดเจน ใหนึกถึง Pleural effusion 6) Lung parenchyma – Black or white lesion - Black lesion – ระวังภาวะตอไปนี้ (1) Pneumothorax (2) Pulmonary embolism (PE) – เห็น lesion อยู distal ตอตําแหนงที่เกิด PE = Westermark sign (3) Hyperaerated lung – e.g. COPD, AutoPEEP - White lesion – แยกวาเปน infiltration / mass / effusion (1) Infiltration – แบงเปน 1. Alveolar infiltration - e.g. Pneumonia, ARDS, Pulmonary edema, Pulmonary hemorrhage, BAC - เห็น Air bronchogram แตก branch - สามารถบอกตําแหนง lesion ได โดยดูจาก Silhouette sign (ใชไดเฉพาะใน alveolar infiltration เทานั้น) Structure ที่ silhoutte ตําแหนง Lung lesion Rt. diaphragm RLL Lt. diaphragm LLL Rt. heart border RML Lt. heart border Lingular segment of LUL - หลัง heart ปกติ ตองดํากวา liver; ถาหลัง heart ขาวพอๆ กับ liver แสดงวามี infiltration อยูหลัง heart (Retrocardiac region) = บอกวามี lesion ที่ LLL Hidden area ที่จะตองดู มี 6 ตําแหนง ไดแก Retrocardiac region, Apex of lung, Costophrenic area, Hilar area, Subphrenic area, Airway - Term ที่ใชเรียก white lesion ตางๆ Acinar shadow = จุดขาวๆ Patchy infiltration = ปนขาวๆ Consolidation = ขาวเปน segment/lobe
TOP SI 117
2. Interstitial infiltration - เปนพวก CNT / lymphatic vv. ± cell infiltration - หามใชSilhouette sign - Cause = “LIFE”: Lymphatic, Idiopathic, Infection, Fibrosis, Edema - แบงเปน 4 pattern ไดแก 1) Nodular infiltration – miliary TB, pneumoconiosis, CA, infection 2) Reticular infiltration – interstitial lung disease, fibrosis, pulmonary congestion 3) Reticulonodular infiltration – PCP, miliary TB, Toxoplasma, CMV 4) Linear infiltration – CHF (พบ cardiomegaly, linear infiltration ที่ peripheral lung = Kerley’s B line) (2) Mass – Benign VS Malignant - Approach to Solitary pulmonary nodule (SPN) - Nodule = กอนขนาด < 3 cm; Mass = กอนขนาด > 3 cm - Intrapulmonary mass – irregular border, acute angle Extrapulmonary mass – sharp border, obtuse angle - เจอ mass อยาลืมเทียบกับ CXR เกาดวยเสมอ (3) Effusion 7) Heart - ทา AP จะโตกวา PA - CT ratio ปกติ < 0.5; กรณีเปนทานอน Portable CXR ทา AP จะไมคอยใช CT ratio ดู cardiomegaly (ถาใชใหเอา > 0.6) - RAE – พบ Thumb sign (เปน sign คราวๆ ไมแนนอน เพราะขนาดหัวแมมือแตละคนไมเทากัน) - LAE – พบ Carina angle > 75° อยูใต Lt. main bronchus - RVH – พบ Apex กระดกขึ้น (จริงๆ ควรดูจากทา Lateral) - LVH – พบ Straight heart border, Apex ชี้ลงลาง - Globular-shaped heart – DDx 3 ภาวะ 1. Multi-valvular heart disease 2. Pericardial effusion 3. DCM - ถามี hyperinflation อาจพบลักษณะเปน Tubular-shaped heart ได 8) Mediastinum - Aorta – ดูวามี calcification หรือไม ถาคนไขมาดวย Chest pain, วัดBP แขน 2 ขางไดไมเทากัน, CXR พบ Calcified aorta ตองระวัง ภาวะ Aortic dissection - Median sternotomy wiring – เจอในผูปวยที่ผาตัด open heart Sx (ใช Heart-lung matchine) - Mediastinal mass – แยกเปน anterior / middle / posterior
TOP SI 117
(1) Anterior – “3T 1L” - Thyroid – Goiter, Neoplasm - Thymoma - Teratoma - Lymphoma (2) Middle – “3A” - Adenopathy – Infection, Tumor, Sarcoidosis - Aneurysm - Abnormalities of development – Bronchogenic cyst, Pericardial cyst, Esophageal duplication cyst (3) Posterior - Neurogenic – Neuroblastoma, Ganglioneuroma, Ganglioblastoma - Nerve root tumor – Schwannoma, Malignant Schwannoma, Neurofibroma
Chronic obstructive pulmonary disease (COPD) - COPD มี criteria ในการ Dx 2 ขอ คือ 1. Risk factor: smoking > 10 pack-yr หรือไดรับ air pollution 2. FEV1/FVC < 70% (วัดเมื่อ Post-bronchodilator) - อาการที่เดนที่สุดคือ chronic productive cough, เปนมากขึ้นตอนเชา (เพราะสะสมมาจากตอนนอน), รองลงมาคือ dyspnea on exertion (DOE) - PE: expiratory wheezing, increased AP diameter (barrel-shaped chest), decreased breath sounds, accessory muscle use, hypertrophy of M.Scalene & M.Sternocleidomastoid, pursed lip breathing (หอปาก เวลาหายใจออก เพื่อเพิ่มเวลาหายใจออกใหตัวเอง), cyanosis - Severity – แบงเปน 4 ระดับดังนี้ Management Severity Clinical FEV1 (Post-bronchodilator) ไมมีหอบเหนื่อยขณะพัก ≥ 80% Mild SABA ไมมี exacerbation หอบเหนื่อยเล็กนอย 50-80% SABA + LABA + Theophylline Moderate มี exacerbation ไมรุนแรง หอบเหนื่อยจนรบกวน SABA + LABA + Theophylline ชีวิตประจําวัน 30-50% Severe ± ICS (ถามี AE ≥ 2 ครั้ง/yr.) มี exacerbation รุนแรงมาก < 30% หรือ < 50% รวมกับมี SABA + LABA + Theophylline หอบเหนื่อยตลอดเวลา chronic respiratory failure + ICS + Long-term home O2 Very severe มี exacerbation รุนแรงมาก therapy (ถามี respiratory (PaO2 < 60 mmHg or + บอย PaCO2 > 50 mmHg) failure; O2 2 LPM 15 hr./d) - Influenza vaccine, Pneumococcal vaccine จะใหฉีดเปนประจําในผูปวย COPD ทุก severity
TOP SI 117
- Chest PT (Lung rehab) จะใหในผูปวย COPD ตั้งแตระดับ moderate ขึ้นไป - ใน advanced COPD อาจมี right-sided HF = Cor pulmonale (จาก chronic PH จน decompensate) ตรวจพบ neck vein engorged, RV heaving, S3, ascites, edema; กรณีถาเจอ clubbing อาจมี CA lung ดวย - COPD ในคนอายุนอย นึกถึง α1-antitrypsin deficiency
Acute exacerbation of COPD (AECOPD) - precipitating cause สวนใหญคือ infection (viral/bacterial), air pollution, อีก 1/3 ไมสามารถหาสาเหตุได - AECOPD ตาม Anthonisen NR มีอาการสําคัญ 3 ขอ 1. DOE มากขึ้น 2. sputum มากขึ้น 3. sputum เปลี่ยนเปนสีคลาย pus แบง severity ออกเปน 3 types Type 1 (severe) – มีอาการ 3 ขอ Type 2 (moderate) – มีอาการ 2 ขอ Type 3 (mild) – มีอาการ 1 ขอ + มี 1 ขอตอไปนี้: 1) มี URI ใน 5 วันกอน, 2) Fever ที่ไมไดเกิดจากสาเหตุอื่น, 3) Wheezing เพิ่มขึ้น, 4) ไอเพิม่ ขึ้น, 5) HR เร็วกวาปกติ 20% - นิยามที่ใชงายคือของ GOLD (Global initiative for chronic obstructive lung disease): AECOPD = COPD ที่มี การเปลี่ยนแปลงอาการ DOE / cough / sputum มากเกินกวา variation ปกติในแตละวัน อาการเปนแบบ acute, อาจ ทําใหตองเปลี่ยนยาที่เคยใชประจํา - การรักษา เมื่อมีผูปวย AECOPD มา กอนอื่นใหดู severity วามี 4 ขอตอไปนี้หรือไม 1. ซึม/สับสน 2. ใช accessory m. อยางมาก และ/หรือ มี paradoxical abdominal movement 3. ขณะ on O2 supplement ยังมี O2 sat. < 85% หรือ Pao2 < 50 mmHg 4. Arterial pH < 7.3 ถามี 1/4 ขอนี้ Æ เขา RCU ให ventilator (non-invasive กอน) ถาไมมี ให Ix เพิ่มเติม: CXR, CBC, Sputum G/S, C/S, EKG ถาไมใช AECOPD ก็ใหการรักษาตาม Dx ใหม - การรักษา AECOPD จะให 4 อยาง 1. O2 supplement – keep O2 sat. 88-92% เทานั้น ไมใหสูงเกินไป เพราะ 3 เหตุผล คือ 1) ไมใหไปลด hypoxic drive 2) ไมใหเกิด V/Q mismatch 3) Haldane effect – deoxygenated Hb จะจับ CO2 ไดดีกวา HbO2 2. Bronchodilator – Berodual® (Fenoterol/Ipratropium) NB หรือ Ventolin® (Salbutamol) NB q 4 hr. with prn for dyspnea 3. Corticosteriod – Dexamethasone 5 mg IV q 6 hr. 4. ATB – ในคนที่มี bacterial infection เปน precipitate (มีเสมหะมากขึ้น/เปลี่ยนสี: infected bronchitis) เชื้อที่เจอบอยมี 4 ตัว คือ S. pneumonia, H. influenzae, M. catarrhalis, K. pneumoniae
TOP SI 117
- หลังรักษาแลว ถาอาการดีขึ้น จะ D/C ไดเมื่อ 1) ใช bronchodilator พนไมบอยกวา q 4 hr., 2) O2 sat. (RA) ≥ 90% ใน 24 hr. ที่ผานมา, 3) สามารถใชยาสูดไดถูกตอง - กรณี O2 sat. (RA) < 88% Æ พิจารณาให Home O2 therapy - D/C ให H/M + Prednisolone (5) 2x3 pc (30-40 mg/d) กินตอจนครบ 7-14 d เพื่อชวยลดการเกิด AE ซ้ํา - การปองกันแบงเปน 1. Pharmacological - หลัง AE ดีขึ้น ให Prednisolone (5) 2x3 pc กินตอจนครบ 7-14 d (พอครบแลว ไมตอง tape off) - ผูปวยที่มี AE ≥ 2 ครั้ง/yr. หรือ Severe COPD Æ เลือกใหยา 3 กลุมเพื่อปองกัน ไดแก 1) Seretide® (Salmeterol/Fluticasone) หรือ Symbicort® (Formoterol/Budesonide) เปน LABA/ICS พน 1 puff bid 2) Spiriva® (Tiotropium) เปน long-acting anticholinergic พน 1 puff OD 3) Nuelin® SR หรือ Theodor® (Theophylline) 1x2 pc ยาที่เปน SR หามบด (ถาคนไขใส NG จะใหไมได) เริ่มจากยากลุม 1) หรือ 2) กอนก็ได ถา control ไมดี คอย add อีกตัว + add 3) 2. Non-pharmacological - Influenza vaccine (ฉีดปละครั้ง กอนเดือน พ.ค./กอนเขาฤดูฝน), Pneumococcal vaccine - Chest PT
Asthma - Asthma – Dx โดยใช clinical เปนหลัก e.g. หอบเหนื่อยเปนๆ หายๆ, หายใจมีเสียงวี๊ด, แนนหนาอก, ไอ, มีอาการ กลางดึก, ตรวจรางกายพบ wheezing - Asthma ประกอบดวย 3 components ไดแก 1. Reversible airway obstruction 2. Airway inflammation 3. Bronchial hyperresponsiveness (BHR) - ลักษณะที่เขาไดกับ Asthma: “3R” 1. Recurrence – เปนซ้ําๆ 2. Reactivity – เกิดเมื่อมี trigger 3. Responsive – ดีขึ้นหลังไดรับ bronchodilator - Severity assessment Variability of อาการ อาการตอนกลางวัน FEV1, PEF FEV1, PEF ตอนกลางคืน Mild Intermittent Mild Persistent
≤ 1 ครั้ง/wk.
Brief exacerbation > 1 ครั้ง/wk. แต < 1 ครั้ง/d รบกวนชีวิตประจําวันและการนอน
≤ 2 ครั้ง/mo.
> 2 ครั้ง/mo.
< 20% ≥ 80% of
predicted
20-30%
TOP SI 117
Moderate Persistent Severe Persistent
มีอาการทุกวัน, รบกวน ชีวิตประจําวันและการนอน
> 1 ครั้ง/wk.
มีอาการตลอดเวลา, limit activity
บอยๆ
60-80% of predicted
> 30%
≤ 60% of
predicted
- Management (OPD case) 1. New diagnosed asthma: เริ่มดวย Low dose ICS (< 400 μg/d) Æ F/U 3 mo. - Controlled Æ Low dose ICS OD - Uncontrolled / Partially controlled Æ Consult specialist 2. Uncontrolled / Partially controlled (ผูปวยเกา): เพิ่ม ICS เปน 400-800 μg/d หรือ add LABA หรือ add Theophylline Æ F/U 3 mo. - Controlled Æ ลด ICS 50% q 3 mo. Æ Low dose ICS OD, then stop LABA (or other controllers)
Acute asthmatic attack - Acute asthmatic attack – หลักการ: สิ่งที่ตองใหเสมอเวลา attack มี 3 อยาง คือ O2, Bronchodilator, Steroid - ตัวอยางการเขียน order ในผูปวย Acute asthmatic attack One day Continue - On O2 cannula 3 LPM, keep O2 sat. > 95% - NPO (ถาไมไหว ใส ETT) - Record V/S - NSS 1,000 ml IV drip rate 100 ml/hr - Ventolin® 1 ml + NSS to 3 ml NB stat, then q 15 min x III, then q 2 hr. - Berodual® 2 ml + NSS to 4 ml NB q 2 hr. พนสลับกับ Ventolin® - Dexamethasone 5 mg IV q 6 hr. - H/M 1. Prednisolone (5) 2x3 pc for 7 d 2. Ventolin® MDI 1-2 puff prn for asthmatic attack 3. ± ATB (ถามี infection)
Pleural diseases Pleural effusion - คนปกติจะมี pleural fluid ไดเล็กนอย (~ 10 cc, pH 7.6) เมื่อมี pathology จะทําใหมี pleural effusion เพิ่มขึ้น - วันหนึ่ง คนเราสราง pleural fluid ~ 1,000 cc Æ ดังนั้น ถามี pleural disease จะทําใหมี pleural effusion ไดมาก ถึง 1,000 cc - S&S: 1. Asymptomatic – ในคนที่ยังมี effusion นอย, lung function ดี 2. Pleuritic chest pain – parietal pleura มี inflammation
TOP SI 117
-
-
-
-
-
3. Dry cough 4. Dyspnea 5. PE: Decreased breath sounds, Dullness on percussion Severity แบงเปน 3 ระดับ Severity Pleural effusion CXR finding Mild < 300 cc Blunt costophrenic angle Moderate 300-800 cc Fluid curve (Ellis curve) Severe > 800 cc Haziness, Mediastinal shift I/C for Thoracentesis: มี pleural effusion เกิดขึ้นใหม โดยไมแนใจสาเหตุ (ยกเวน มี pleural effusion นอยมาก หรือมีอาการที่เขาไดกับ CHF หรือ volume overload) โรคที่ทําใหมี Pleural effusion แบบ Exudate 1. Infection (Bacteria, TB, Fungus) – e.g. Parapneumonic effusion, Empyema 2. Inflammation – e.g. CNT disease, Postcardiotomy syndrome, Radiation pneumonitis, Hemothorax, Pleural infarction (จาก PE ทําใหเกิด reaction มี fluid / เลือดไหลออกมา) Postcardiotomy syndrome เกิดจาก reaction หลังผาตัด heart ทําให pericardium สราง fluid มากเกิน ถา ผลิตอยูใน sac เกิด Cardiac tamponade, บางครั้งถายังเปด pericardium ไว น้ําจะไหลเขา chest กลายเปน Pleural effusion 3. Malignancy – e.g. Metastatic CA, Mesothelioma, Lymphoma 4. Pleural infarction (จาก PE) – ทําใหเกิด reaction มี fluid / เลือดไหลออกมา 5. GI disease – e.g. Pancreatitis, Ruptured esophagus, Hepatic / Subphrenic abscess โรคที่ทําใหมี Pleural effusion แบบ Transudate 1. CHF (ในผูปวย CHF บางรายที่ได Diuretic มาบางแลว อาจมี Pleural effusion เปนแบบ Exudate ได) 2. Hepatic hydrothorax 3. Hypoalbuminemia – e.g. Cirrhosis, Nephrotic syndrome 4. Atelectasis (early) 5. Other e.g. Urinothorax, Peritoneal dialysis, Trapped lung, SVC obstruction Light’s criteria – แยก pleural fluid วาเปน Exudate หรือ Transudate ถามีขอใดขอหนึ่งตอไปนี้ = Exudate 1. Protein: Pleural fluid/Serum > 0.5 2. LDH: Pleural fluid/Serum > 0.6 3. LDH: Pleural fluid > 2/3 UNL of serum LDH (200 IU/L) การตรวจ pleural fluid อื่นๆ 1. Glucose – ถาต่ํามาก < 60 mg/dl มักพบใน Rheumatoid pleuritis, Empyema, Malignancy, TB, Lupus pleuritis, Ruptured esophagus 2. pH – ถา < 7.3 บอกวามี inflammation, มักพบในกลุมโรคคลายกับที่ทําให glucose ต่ํา เชน Empyema ถา pH < 7.2 จะมีผลตอการตัดสินใจในการรักษาดวยหัตถการ e.g. ICD, Pleuroscopy
TOP SI 117
4.
Amylase – ถา Pleural fluid/Serum > 1 มักพบใน Acute pancreatitis, Rupture of pancreatic pseudocyst, Ruptured esophagus, Malignancy 5. Cholesterol – ใน Exudate จะ > 45 mg/dl 6. TG – ถา > 110 mg/dl พบใน Chylothorax 7. ADA (Adenosine deaminase) – สงเมื่อพบวา pleural fluid เปน Exudative lymphocytic predominate, ถา ADA > 60 IU/L นาจะเปน TB มากกวา Malignancy 8. G/S, C/S – เมื่อสงสัย infection 9. Cell count – เมื่อสงสัย infection กรณี Hemothorax, Pneumothorax มักพบ Eosinophil ใน pleural fluid มาก 10. Cytology – เมื่อสงสัย Malignant pleural effusion - Criteria ที่ใชบอกไดวา Pleural effusion เปนแบบ Exudate โดยไมใช Light’s criteria (ไมตองเปรียบเทียบกับใน serum) – ดูคาใน Pleural fluid ถามีขอ 1. + 2. (แบบ 2 tests) หรือ 1. + 2. + 3. (แบบ 3 tests) ถือวาเปน Exudate 1. Cholesterol > 45 mg/dl 2. LDH > 0.45 UNL of serum LDH 3. Protein > 2.9 g/dl - Diseases ที่ทําใหเกิด pleural effusion และแนวทางวินิจฉัย Diseases Diagnostic pleural fluid test Empyema thoracis Observation (pus, putrid odor), C/S Malignancy Cytology Lupus pleuritis LE cells, Pleural fluid/Serum ANA > 1.0 TB pleurisy AFB, C/S Ruptured esophagus Salivary amylase, Pleural fluid acidosis (pH ~ 6.0) Fungal pleurisy KOH, C/S Chylothorax TG > 110 mg/dl, Lipoprotein electrophoresis (Chylomicrons) Hemothorax Hct (Pleural fluid/Blood > 0.5) Urinothorax Creatinine (Pleural fluid/Serum > 1.0) Peritoneal dialysis (PD) Protein < 1 g/dl, Glucose 300-400 mg/dl Extravascular migration of Observation (milky if lipid are infused), central venous catheter Pleural fluid/Serum glucose > 1.0 Rheumatoid pleurisy Characteristic cytology - LE cell – สมัยกอนจะเอา pleural fluid มายอม ในคนที่เปน SLE ที่มี Lupus pleuritis จะเห็น LE cell ได เกิดจาก ANA (Ab ตอ component ใน nucleus) ใน pleural fluid ไปทําให nucleus ของ neutrophil หรือ macrophage แตก เกิดเปนสารสีชมพู = Hematoxylin body อยูรอบๆ Hematoxylin body มีคุณสมบัติ 2 อยาง 1. Chemotactic factor – ดึงเอา neutrophil มาลอมรอบเพื่อจับกินตัวมัน ทําใหเห็นเปน Rosette formation
TOP SI 117
2. ถูก Phagocytosis โดย neutrophil ได ทําให neutrophil ที่กิน Hematoxylin body เขาไปตัวอวนกลม มี Hematoxylin body อยูใน neutrophil เห็นลักษณะ neutrophil เหมือนหัวแหวน
- Management 1. Treat U/D 2. Therapeutic thoracentesis – เจาะดูดออก, ลดอาการ dyspnea ได, สงตรวจได ระวัง ไมควร tap ออกเกิน 1-1.5 L ในครั้งเดียว เพราะอาจทําใหเกิด Re-expansion pulmonary edema 3. ICD 4. Chemical pleurodesis – ใชใน Recurrent pleural effusion; ฉีด sclerosing agent (e.g. Talc, Tetracycline, Doxycycline, Bleomycin) เพื่อทําใหเกิด inflammation ใน parietal & visceral pleura Æ เกิด fibrosis เชื่อม ติดกัน 5. VATS (Video-assisted thoracoscopy) – ใชใน Complicated pleural effusion เพื่อทํา 1) Pleurodesis – ใช VATS ชวยเพื่อดูวาตรงไหนยังไมโดน sclerosing agent 2) Pleurectomy – ดึง parietal pleura ออกไป (จะไดไมมี pleural cavity) 6. Thoracotomy – ใชในคนที่มี effusion มานานมากจน pleural หนา (แมจะใส ICD drain น้ําออกได ปอดก็ไม ขยาย) เพื่อทํา 1) Pleurectomy – ดึง parietal pleura ออก (บางครั้งทําโดย Thoracotomy ดีกวา VATS) 2) Decortication – เลาะ fibrin หนาๆ (thickened pleura) ออกจาก visceral pleura ทําใหปอดขยายได
Empyema thoracis - Empyema thoracis – เปน subset ของ Pleural effusion แบบ Exudate - Pleural fluid: Cell count > 10,000/mm3, pH < 7.2, Glucose < 40 mg/dl, LDH > 1,000 IU/L - แบงเปน 3 phases Phase Wk. Management Acute (Exudative) 1 ATB, ICD = Parapneumonic effusion Transitional (Fibrinopurulent) 1-2 ATB, ICD, ± VATS / Thoracotomy for Decortication (น้ําเริ่มเหนียว) Chronic (Organizing) > 2 ATB, ± ICD, Thoracotomy for Decortication / Empyemectomy (pleural หนา) / Thoracoplasty / Eloesser flap (open drainage) - S&S: Fever, Tachypnea, Tachycardia, Pleuritic chest pain, Empyema necessitatis (pus ทะลุ chest wall ออกมา)
TOP SI 117
- Complications: Pulmonary fibrosis, Chest wall contraction, Empyema necessitatis, Bronchopleural fistula (BPF), Other (e.g. Osteomyelitis, Pericarditis, Mediastinal abscess, Subphrenic abscess, etc.)
Chylothorax - Chylothorax – effusion สีขาวๆ มันๆ เหมือนนม, TG ใน pleural fluid > 110 mg/dl - Management: หยุดกินอาหารมัน ถาไมหาย Æ ให TPN ถาไมหาย Æ Sx ผูก chyle ที่ leak ออกจาก Thoracic duct
Pneumothorax - Pneumothorax – แบงเปน 1. Spontaneous pneumothorax – แบงเปน 1) 1° (PSP) – มี pleural bleb อยูที่ apex โดยไมมี lung pathology, มีมาตั้งแตเด็กๆ (congenital) พอโตขึ้น เปน young adult (20-30 yr.) Æ bleb แตก (ruptured subpleural bleb), เจอในคนผอมสูง 2) 2° (SSP) – มี U/D ของ lung (e.g. COPD, Asthma, CA, PCP, LCH, LAM) ทําใหมี pleural bleb ตองซัก Hx Smoking (LCH = Langerhans cell histiocytosis; LAM = Lymphaniololeiomyomatosis) 3) Catamenial – มี Endometriosis อยูใน visceral pleura / ชองทอง แลวมีทางติดตอกับ diaphragm ตอมา Endometriosis แตก (ตามรอบเดือน) ทําใหเกิด Pneumothorax, พบบอยขางขวา Management: Hormone therapy (treat as Endometriosis) 4) Neonatal 2. Traumatic pneumothorax (Acquired) – แบงเปน 1) Chest injuries – จาก trauma 2) Iatrogenic – จาก Diagnostic procedure (e.g. Biopsy), Central venous catheter, Ventilator, Post-op. - S&S: Dyspnea, Pleuritic chest pain, Unequal chest expansion, Hyperresonance on percussion, Decreased breath sounds - ถามี Trachea shift, Engorged neck vein, C.O.È, BPÈ บอกวาเปน Tension pneumothorax - CXR: Visceral pleural line, No lung marking, ICS กวางขึ้น, Diaphragm ต่ําลง (flattening), Mediastinal shift (กรณี Tension pneumothorax) ระยะหางระหวาง parietal ถึง visceral pleura 1 cm = 20%, 2 cm = 30% - Management 1. Needle thoracostomy at 2nd ICS, MCL, ขอบบนของ rib – กรณีที่เปน immediate life-threatening condition (Tension pneumothorax) กอนจะใส ICD ตอไป 2. ICD at 4th-6th ICS, Anterior-Mid axillary line 3. Chemical pleurodesis – ทําเมื่อลมหยุดรั่วแลว เพื่อปองกัน recurrence 4. Sx: VATS, Anterior axillary thoracotomy for Excision of subpleural bleb / Mechanical pleural abrasion / Pleurectomy / Treat complications
TOP SI 117
- กรณี Asymptomatic หรือ Small pneumothorax < 20% Æ Closed observation: ดู Dyspnea, ให O2, Repeat CXR 6 hr., 12 hr., วันตอมา ดูวา %Pneumothorax มากขึ้นหรือไม - ในผูปวย Pneumothorax หลังจากใส ICD แลว - ลมรั่วมาก, ปอดขยายไมเต็ม Æ Sx - ลมรั่วมาก/นอย, ปอดขยายเต็ม Æ รอ - ถาลมหยุดรั่ว Æ off ICD - ถาลมไมหยุดรั่ว Æ Sx - ลมรั่วนอย, ปอดขยายไมเต็ม Æ Chest PT, suction, scope - ถาลมหยุดรั่ว, ปอดขยายเต็ม Æ off ICD - ถาลมไมหยุดรั่ว Æ Sx หลังใส ICD: 90% รูรั่วจะปดเองได, อีก 10% รูรั่วใหญมาก ปดเองไมได ตอง Sx - I/C for Sx in Pneumothorax 1. Massive air leakage – ลมรั่วมาก ปอดไมขยาย 2. Persistent air leakage > 3 d – แสดงวา healing ที่ผิวปอดไมดี 3. Recurrence (2nd episode) ถาเปน Spontaneous pneumothorax ครั้งแรก โอกาสเปนครั้งที่ 2 = 25% ถาเปนครั้งที่ 2 โอกาสเปนครั้งที่ 3 > 50% 4. Complications of pneumothorax 5. Previous contralateral pneumothorax – ถาปลอยไว แลวตอไปเกิด recurrence พรอมกัน 2 ขาง ตายได 6. Bilateral pneumothorax 7. Large cyst on CXR – bleb ใหญ > 1/3 ของ chest จะไปกดเนื้อ lung ทําให dyspnea ไมหาย 8. Occupational I/C in 1st episode – แมจะเปนไมมาก แตมีอาชีพที่ไมควรเกิด recurrence e.g. นักบิน, นักดําน้ํา, อยูไกลจาก ร.พ. มาก - Complications: Hemothorax, Respiratory failure (esp. COPD), Empyema, Tension effect (ใน Tension pneumothorax)
Intercostal drainage (ICD) - ICD – I/C: I/C for ICD insertion Emergency conditions 1. Pneumothorax 2. Pneumohemothorax 3. Ruptured esophagus
Non-emergency conditions 1. Recurrent pleural effusion 2. Malignant pleural effusion 3. Parapneumonic effusion 4. Chylothorax 5. Pleurodesis 6. Post-op. care e.g. S/P CABG, Thoracotomy, Lobectomy
TO OP SI 117
I/C foor ICD removval 1. No N active air leeak for 24 hr. 2. Fluid F drainagee < 100 cc/d for f 2d 3. Non-function N tube - Pneumothorax ใช chest c tube ขนนาด 20F, 24F Hemoothorax ใช cheest tube ขนาดด 28F - 1-Botttle system P Pleural cavity
2 cm -
ใใชใน Pneumotthorax ห กการ: ใสน้ํา 2 cm, ปลายขขางหนึ่งตอเขา pleural cavityy อีกขางหนึ่งตอลงน้ หลั อ ํา เพื่อใหนน้ําเปนตัว trap ลมไว ( าไมตอลงน้ํา พอลมออกจากก pleural caviity กลายเปน negative (ถ n P ก็จะดู จ ดลมกลับเขขาไปใน pleuraal cavity ใ ) ใหม - เมื่อใน pleural cavity มี posittive P Æ ลมอออกมาในน้ํา เหห็นฟองอากาศปปุดๆ ด ําเขาไปในทอ จะกั้นไมใหลมกลั ม บเขาไป จะเห็นน้ําในทอ move ขึ้น เมื่อใน pleural cavity มี negaative P Æ ดูดน้ ล ลงตามการหาย ยใจ น้นําจะขยับเมื่อใน pleural cavvity มี space ถถาน้ําในทอไมขยั ข บ เปนไปได 2 อยาง 1 ปอดขยายยเต็มแลว – Brreath sounds ดี 1. 2 ทอตัน (NNon-function tuube) – ดูวาในทอมี content อะไร (e.g. fibbrin) อุดอยูหรืออไม, คนไขนอนนทับทอ 2. หรือไม - 2-Botttle system Pleural cavity c
2 cm m -
ใใชใน Pleural effusion, Hemoothorax ที่มา: เวลา drain น้ํา/เลือดจากก pleural caviity เขามาในขวด ถาเปนแบบ 1-bottle systeem ยิ่งระดับน้ายิ ํา ่งสูง ยิ่ง ทําใหสิ่งที่อยูใน pleural cavityy ออกมายากขึขึ้น จึงตองมีขวดดสําหรับตอกับ pleural cavityy เพื่อทําหนาทีเ่ ปน reservoir ใหน้ํา/เลื า อดไหลเขามาอยู ม ในขวด reeservoir ไมไป interfere ขวดที่มีน้ํา 2 cm แ ในทางปฏิบติตั ิ ถาตอแบบ 1-bottle พบวาการที แต ก ่ระดับน้ําสูงขึ้น ไมไดทําให ใ น้ํา/เลือกออกกยากขึ้น เพราะะน้ํา/เลือด จ จะลงมาด วย Siiphon effect
TOP SI 117
- 3-Bottle system Suction
2 cm
10 cm
-
เหตุผล: เพื่อดูดใหลมออกมาเร็วๆ มากๆ โดย apply Suction ในขวดที่ 3 (2 ขวดแรก ตอเหมือน 2-bottle system) จริงๆ แลวไมจําเปนตองตอแบบ 3-bottle เพื่อ apply suction ก็ได เพราะยังไงลมก็ออก (เหมือนเอาเข็มหมุด เจาะลูกโปง ยังไงลมก็ออกมา เพราะขางใน pleural cavity ขณะนั้นเปน positive P) - ลม Æ drain ขางบน; น้ํา Æ drain ขางลาง - Chest tube – มี 2 แบบ 1. Rubber tube – ยางเหลือง, ใชเวลาผาเปด (Thoracotomy) แลวใส ICD หลังผาเสร็จ 2. Silastic tube – ใสจากขางนอก แลวเอาไป CXR (เห็นไดจาก CXR) - Complications of ICD insertion: Subcutaneous emphysema, Pneumothorax, Hemothorax, Infection, Empyema, Puncture into organs, Re-expansion pulmonary edema
Acute respiratory distress syndrome (ARDS) - ARDS – เปนภาวะ ไมใชโรค; เกิดจาก surfactant ถูกทําลาย ทําใหปอดฝดขึ้น ขยายยาก; มี criteria ในการ Dx 4 ขอ 1. A – Acute 2. R – Ratio Pao2/Fio2 ≤ 200 3. D – Diffuse alveolar infiltration (Bilateral patchy infiltration) 4. S – Swan-Ganz catheter: PCWP < 18 mmHg (บอกวา volume status ไมเกิน, ใชแยกกับ Cardiogenic pulmonary edema ที่ PCWP สูง) - ถา Pao2:Fio2 ratio ≤ 300 = Acute lung injury (ALI) - ในคนปกติ TV = 7 cc/kg Ventilator setting ในคนไขทั่วไป: TV = 8 cc/kg, แตในคนไข ALI / ARDS: Low TV = 6 cc/kg (ไมใหเกิด lung injury เพิ่ม), RR 20/min, Normal I:E, Therapeutic PEEP (> 5 cmH2O)
TOP SI 117
Nephrology - GFR คํานวณจากคา CrCl ตาม Cockcroft-Gault formula CrCl
A
BW
S
C
Sodium disorders
(x 0.85 if female)
Hyponatremia - Investigation 1. Urine sp.gr. / Urine osmolarity (Uosm) – บอกถึงอัตราการขับน้ําที่ไต & ADH effect 2. Urine Na+ (U[Na+]) – บอกถึงดุลย Na+ ในรางกาย & volume status 3. Serum BUN/Cr – บอกการทํางานของไต - Hyponatremia แยกเปน 3 กลุม ไดแก Hypertonic, Isotonic, Hypotonic - Hypertonic hyponatremia (Hyper-osmolarity) สาเหตุไดแก 1. Glucose (Hyperglycemia) – BS ที่เกิน 100 mg/dl ทุกๆ 100 mg/dl จะทําให Na+ ที่วัดไดลดลง 1.6 mmol/L BS
สูตร: Corrected Na Measured Na 1.6 2. Mannitol 3. Maltose 4. Glycine (Hyperglycinemia) - Isotonic hyponatremia (Iso-osmolarity) = “Pseudohyponatremia” สาเหตุไดแก 1. Lipid (Hyperlipidemia e.g. chylomicron, TG) 2. Protein (Paraproteinemia) - Hypotonic hyponatremia (Hypo-osmolarity) แบงเปน 2 กลุม แยกโดย Uosm 1. Uosm < 100 (Urine sp.gr. È) 1) Primary polydipsia (Psychogenic polydipsia) Management: consult Psychiatrist 2) Beer potomania 3) Correction phase 2. Uosm > 100 (Urine sp.gr. Ç) – ตองประเมิน Volume status เพื่อแยกเปน 3 กลุม 1) Hypovolemia (TBWÈ, TBNa+ÈÈ) – ตรวจรางกายพบ signs of volume depletion, แบงเปน 2 กลุม (1) Renal loss (U[Na+] > 20) Æ Diuretics, Mineralocorticoid deficiency, Renal salt-wasting Management: หยุด Diuretics, ให NaCl tab (2) Extra-renal loss (U[Na+] < 20) Æ Sweating, Diarrhea, Vomiting, 3rd space loss Management: IV fluid 2) Euvolemia (TBWÇ, TBNa+ ): U[Na+] > 20 – สาเหตุ ไดแก (1) SIADH – Dx by exclusion (สงตรวจ TFT & Serum morning cortisol แลวผล normal) Management: Restrict fluid (2) Hypothyroidism
TOP SI 117
(3) Adrenal insufficiency (Glucocorticoid deficiency) (4) Stress (5) Drugs 3) Hypervolemia (TBWÇÇ, TBNa+Ç) – ตรวจรางกายเปน volume เกิน; แบงเปน 2 กลุม (1) Renal loss (U[Na+] > 20) Æ AKI, CRF (2) Extra-renal loss (U[Na+] < 20) Æ Edematous stage: CHF, Cirrhosis, Nephrotic syndrome - ไมควรแก HypoNa+ เร็วเกิน 12 mmol/L/d (rapid correction of hyponatremia) เพราะจะทําใหเกิด Central pontine myelinolysis (CPM, Osmotic demyelination syndrome, ODS) Æ เกิด Quadriplegia / Locked-in syndrome
Potassium disorders Hyperkalemia - EKG: ทองวา “(1) Tall peaked T – (2) P wave หาย – (4) กลายเปน sine – (3) Wide QRS” เรียงลําดับที่ถูกตอง คือ Tall peaked T Æ Flat P wave Æ Wide QRS Æ Sine wave - Management 1. 10% Calcium gluconate 10 ml IV drip in 10 min (Ca2+ จะไปเพิ่ม threshold ของการกระตุน ปองกัน arrhythmia; ควรให esp. เมื่อมี EKG change) 2. RI 10 U + 50% glucose 50 ml (RI ไป shift K+ เขา cell; ควรใหเมื่อ K+ > 6.5) 3. Hemodialysis (HD) เมื่อมี I/C
Hypokalemia - EKG: Flat T wave, U wave - Vomiting จะทําใหเกิด K+È ดวยกลไก คือ vomiting Æ เสีย H+ Æ Metabolic alkalosis Æ เพิ่ม filter load ของ HCO3- ที่ไต Æ excrete NaHCO3- ออก ทางไต (Na+ เปนประจุบวกออกไปพรอมกับ HCO3-) Æ Na+È เกิด volume contraction Æ AldosteroneÇ (2° hyperaldosteronism) Æ secrete K+ ทางไต Æ K+È - Management 1. Oral form: Elixir KCl 30 ml q 4 hr. (กี่ dose ขึน้ กับคา K+) 2. IV form: KCl add ใน IV Add K+ 20 mEq ใน IV Æ maintenance; Max (ทางปฏิบัติ) = add 40 mEq Rate max ไมควรเกิน 60 mEq ใน NSS 1,000 ml; F/U หลังแก K+ 4 hr. (แตถาไมรีบ ก็ F/U หลังจากนั้นได) สูตรแก K+ เร็วๆ: KCl 10 mEq in NSS 100 ml - ผูปวยที่มี HypoK+ จะตองดูดวยวามี HypoMg2+ ดวยหรือไม เหตุผล: ปกติ Mg2+จะถูกดูดซึมเขาสูรางกายเปนหลักที่ TAL of Henle’s loop ซึ่งตองอาศัย positive gradient ของ K+ ผานทาง ROMK channel (ROMK = Renal outer medullary K+ channel) เปนตัวผลัก Mg2+ เขาเซลล (ยิ่งมี K+ ใน lumen มากจะยิ่งผลักให Mg2+ จาก lumen ถูกดูดกลับเขาเซลลมาก) ดังนั้น ถารางกายมี HypoMg2+ รางกายจะ พยายามดูดกลับ Mg2+ โดยไล K+ ออกไปใน lumen ผาน ROMK channel ทําให loss K+ ไปทาง urine ทําใหเกิด HypoK+ ดังนั้น ผูปวยที่มี HypoK+ with HypoMg2+ จึงตองแก Mg2+ ดวยเสมอจึงจะสามารถแก K+ ได
TOP SI 117
Magnesium disorders Hypomagnesemia - Management: การแก Mg2+ จะใชเวลา 3 d แลวคอย F/U Mg2+ 1. Oral form: 5% MgCl2 15 ml bid x 3 d 2. IV form: 50% MgSO4 8 ml + NSS 100 ml IV drip in 4 hr. (พอ D.2-3 จะเปลี่ยนจาก 8 ml เปน 4 ml; ทองวา “8-4-4”)
Acute kidney injury (AKI) - Acute kidney injury (AKI) = spectrum ของโรคที่มี renal function ลดลงเฉียบพลัน w/in 48 hr.; มี criteria ในการ Dx โดย AKIN (AKI network) ดังนี้ (เอา RIFLE criteria มา modified) Stage Creatinine criteria Urine output criteria CrÇ > 0.3 mg/dl or Urine output < 0.5 cc/kg/hr x 6 hr. Stage 1 Cr Ç 1.5x Urine output < 0.5 cc/kg/hr x 12 hr. Stage 2 CrÇ 2x CrÇ 3x or Urine output < 0.3 cc/kg/hr x 24 hr. Stage 3 Cr ≥ 4 mg/dl (oliguria) or Anuria x 12 hr. หมายเหตุ 1. จะใช criteria ได ก็ตอเมื่อมีการให fluid อยางเพียงพอแลว 2. Creatinine criteria ใชการเปลี่ยนแปลงของ serum Cr 2 คา ภายในเวลา 48 hr. (สังเกตวา criteria ใหมสําหรับ Dx AKI มีเพียงคา Cr 2 ครั้ง หางกันไมเกิน 48 hr. ก็ Dx ไดโดยไมตองรู Cr baseline เดิมเหมือน RIFLE criteria) 3. ถาเปนผูปวยที่ตองทํา RRT (Renal replacement therapy) ใหจัดเปน Stage 3 ไปเลย - RIFLE criteria – เปน criteria เกา ใชในสมัยที่ AKI ยังเรียกวา Acute renal failure (ARF); ตองเทียบ Cr ที่ไดกับ baseline เดิม ดังนี้ (RIF เปน severity, LE เปน outcome) Stage GFR criteria Urine output criteria Urine output < 0.5 cc/kg/hr x 6 hr. CrÇ 1.5x or Risk (Stage 1) GFRÈ > 25% Urine output < 0.5 cc/kg/hr x 12 hr. CrÇ 2x or Injury (Stage 2) GFRÈ > 50%
TOP SI 117
-
-
-
CrÇ 3x or Urine output < 0.3 cc/kg/hr x 24 hr. Failure (Stage 3) Cr ≥ 4 mg/dl or (oliguria) or Anuria x 12 hr. (ARF) GFRÈ > 75% Persistent ARF > 4 wk. Loss ESRD (CKD stage 5) ESRD ถา RIFLE criteria ถึง Stage 3 Æ ตองทํา RRT ผูปวย AKI อาจเปน Asymptomatic (ตรวจเจอ BUN/CrÇ โดยบังเอิญ) หรือเปน Symptomatic: มี S&S 2 อยาง คือ 1. Volume overload 2. Uremia – มาดวย anorexia, N/V, metallic taste, ซึม, คัน AKI แบงตาม cause เปน 3 กลุม คือ 1. Prerenal – Volume depletion (e.g. diarrhea), CHF 2. Renal (Intrinsic) – ATN, Glomerular disease, Vascular disease, Interstitial disease 3. Postrenal – BPH, Gynecologic malignancy, Ureteric stone; อาการที่สําคัญคือ Anuria, Urinary retention, มี Polyuria สลับกับ Oliguria/Anuria (บอกถึง intermittent obstruction in urinary tract) Parameter ที่ใชแยกระหวาง Prerenal กับ Renal (ATN) Parameters Prerenal Renal Urine sp. gr. > 1.020 ~ 1.010 Urine Cr/Plasma Cr > 40 < 20 Plasma BUN/Plasma Cr > 20 < 10 + Urine Na (mEq/L) < 20 40 N
FENa+ (= N
U P
100)
Renal failure index (= C
N U
U
C
) P
1
1
Chronic kidney disease (CKD) - CKD มี criteria ในการ Dx 2 ขอ เอา 1/2 ขอ เกิดนาน > 3 mo. 1. GFR < 60 mL/min/1.73m2 2. Evidence of kidney damage – Proteinuria, Hematuria, Urine sediment (Cellular cast), Radiologic (Abnormal kidney on plain KUB / IVP / U/S / MRI), Pathologic - Lab: CBC พบ NCNC anemia; E’lyte พบ K+Ç, PO43-Ç, (Æ 2° hyperPTH Æ) Ca2+È (มี renal osteodystrophy ไดจากการสราง vit.D ลดลง), acidosis - เกิดจาก DM (diabetic nephropathy) เปน most common, HT (hypertensive nephropathy), Prerenal (HF, cirrhosis, chronic diarrhea), GN, drug-induced, MM, urinary tract obstruction, PKD, ARF, HIV - แบงออกเปน 5 stage ตาม GFR – เหมือนหนาปดนาฬิกา 120 1 5 4 15 90 2 3 30 60
TOP SI 117
-
-
-
-
หมายเหตุ ถา on Dialysis อยู ใหถือเปน stage 5 ทันที Goal ของการรักษา CKD Stage 1 – Dx & Rx U/D, slow progression, ลด CVS risk Stage 2 – Estimate progression Stage 3 – Evaluate & Rx complications Stage 4 – เตรียม RRT Stage 5 – Dialysis (if uremia) ผูปวย CKD ตองให management ทั่วไปดังนี้ 1. Restrict salt (< 2 g/d), protein (0.7-0.8 g/kg/d), K+, Mg2+, PO432. Control BP (goal: 130/80 mmHg) โดยให ACEI (เปน 1st line, ถาคุมไมดี add ARB) 3. Control blood sugar (HbA1C < 7) 4. Metabolic: แกเรื่องตอไปนี้ - Volume overload, Azotemia (BUN/CrÇ) - Metabolic acidosis – ให Sodamint (NaHCO3-) if HCO3- < 22 - K+Ç – ให Kalimate 30 g q 1-2 hr. - PO43-Ç – ให CaCO3 (625) 1x3-2x3 with meal (max = 8 tab/d) If [Ca2+][PO43-] > 55 – ให Al(OH)3 short term ใหไดไมเกิน 1 mo. 5. Anemia (goal: Hb 11-12 g/dl) โดยให EPO 80-120 U/kg SC (แบงให wk. ละ 2-3 ครั้ง), ให Fe (ถามี I/C), กรณีถามี uremic bleeding ให DDVAP (Desmopressin) 0.3 μg/kg 6. Vitamin D supplement (ใน stage 3-4) 7. Dialysis (I/C: AEIOU) / Kidney transplantation คําแนะนําเกี่ยวกับการรับประทานอาหารในผูปวย CKD 1. หลีกเลี่ยงอาหารที่มี Na+ สูง e.g. อาหารเค็ม 2. หลีกเลี่ยงอาหารที่มี K+ สูง e.g. ผลไม, น้ําผลไม 3. หลีกเลี่ยงอาหารที่มี PO43- สูง e.g. ถั่ว, นม, น้ําอัดลม 4. รับประทานอาหารไขขาว 5. ถามีปสสาวะออกนอย ใหรับประทานน้ํา ~ เทาที่ปสสาวะออก + 500 cc 6. หลีกเลี่ยงยาที่มีผลขางเคียงตอไต e.g. NSAIDs, ยาสมุนไพร สาเหตุที่ทําใหเกิด Acute on top CKD = AEIOU + 4Hyper + 1Hypo Agents – Aminoglycoside, Iodine contrast, NSAIDs ECF deficit (volume depletion), CHF Infection Obstructive nephropathy Uric acid HyperCa2+, Mg2+, PO43-, HT HypoK+
TOP SI 117
- Life-threatening complication ที่สําคัญใน CKD มี 3 อยาง ไดแก “HIV” 1. HyperK+ 2. Infection (e.g. Pneumonia, UTI, Sepsis) 3. Volume overload (ทําใหเกิด Pulmonary edema) - ผูปวย Renal failure ที่ไตขนาดไมเล็ก = Dr. SOPHA (ดร.โสภา) DM RPGN Sarcoidosis, Scleroderma Obstructive nephropathy Polycystic kidney disease (PKD) Hydronephrosis, HIVAN Amyloidosis
Acute tubular necrosis (ATN) - ATN มี 2 ชนิด คือ 1. Ischemic ATN – hypovolemia, hypotension, sepsis, shock, prolonged prerenal state, HF, DIC 2. Nephrotoxic ATN – Aminoglycosides, Vancomycin, Amphotericin B, Cisplatin, contrast media - ATN มี 3 phase คือ 1. Oliguric phase – urine output < 400 mL/d; azotemia & uremia 2. Diuretic phase – urine output > 500 mL/d; fluid overload, osmotic dieresis (จาก Na+ & water retention ใน oliguric phase), tubular cell damage 3. Recovery phase - เสีย tubular function Æ isosmolar urine
Glomerulonephritis (GN) Rapid progressive glomerulonephritis (RPGN) - RPGN เกิดไดจากโรค 3 กลุม คือ 1. Anti-GBM – รางกายสราง Ab ขึ้นมาตอตาน GBM; เปน Hypersensitivity type 2; ไดแก Goodpasture syndrome: สามารถ involve RS เกิด Pulmonary hemorrhage ได; Clinical triad: (1) Proliferative crescentic GN (2) Pulmonary hemorrhage (มัก severe) (3) Anti-GBM +ve (> 90%) Management: Plasmapheresis + Pulse Methylprednisolone + Cyclophosphamide 2. Immune complex – เปน Hypersensitivity type 3; ไดแก APSGN, IgA nephropathy, SLE 3. Pauci-immune (ANCA associated) (ANCA = Anti-neutrophil cytoplasmic Ab) – เปน Hypersensitivity type 2; ไดแก 1) Wegener granulomatosis – คลายๆ Goodpasture syndrome, involve RS ได 2) Microscopic polyangiitis – มี inflammation ของ bl. vv.
TOP SI 117
3) Churg-Strauss syndrome (CSS)– คลาย 2 โรคแรก แตผูปวยมักมี Hx Asthma & ชวงที่มีอาการ CBC จะพบมี Eosinophil ในเลือดสูง; Clinical triad: (1) Asthma (2) Eosinophilia (3) Systemic vasculitis involving > 2 extra-pulmonary organs - ยาที่ทําใหเกิด RPGN ไดแก Rifampicin, Penicillamine, Gout (Allopurinol), Nepresol® (Hydralazine) - Pathology: cell ใน Bowman’s capsule จะเพิ่มจํานวนขึ้นมาก จากการมี glomerular injury รุนแรง Æ เห็นเปน Crescent Æ GFRÈ กรองไมได มี volume overload Æ ตองให Lasix® (แตก็อาจชวยไดไมมาก เพราะจาก pathology จะทําให urine ออกไมคอยได) & ให Anti-HT กลุม long-acting CCB คือ Amlodipine
TOP SI 117
Endocrinology Diabetes mellitus (DM) Classification and diagnosis of DM - DM มี 4 types ใหญๆ ไดแก 1. Type 1 DM (IDDM) – ขาด endogenous insulin, เปนแตเด็ก, มาดวย polyuria, polydipsia, unexplained weight loss, DKA แบบรวดเร็ว รุนแรง, ตองใช insulin รักษาตลอดชีวิต, มี HLA association (associate กับ autoimmune disease อื่นๆ ดวย) 2. Type 2 DM (NIDDM) – เกิด insulin resistance, มีภาวะ β cell dysfunction, เพิ่ม gluconeogenesis ที่ตับ, พบในคนอายุมากกวา มักจะ asymptomatic, จะมาดวย micro-/macrovascular complication เลย 3. Other specific types 4. GDM – พบใน pregnancy ได 2-4%, เกิดตอน 2nd/3rd trimester (เปนชวงที่ HPL & P สูง กระตุนการหลั่ง insulin มาก จนเกิด insulin resistance) - อาการที่พบ เชน polyuria, polydipsia, unexplained weight loss, fatigue, weakness, blurred vision (water content ใน lens เปลี่ยนไป), vaginitis, fungal skin infection, แผลหายชา - ADA Diagnostic criteria for DM (ADA = American Diabetes Association) 1. Symptoms of DM + CPG ≥ 200 mg/dl 2. FPG ≥ 126 mg/dl (x2 ครั้งกรณีไมมี symptoms) 3. 2-hr PG in 75 g OGTT ≥ 200 mg/dl (ปกติใช OGTT ในการ Dx GDM ยกเวนคนที่มี symptoms หรือ high risk แตตรวจ FPG แลวปกติ) - ในคนปกติจะมี FPG < 100 mg/dl, 2-hr PG < 140 mg/dl - ถา FPG ≥ 100 mg/dl แต < 126 mg/dl จะเรียกวา Impaired fasting glucose (IFG) - ถา 2-hr PG ≥ 140 mg/dl แต < 200 mg/dl จะเรียกวา Impaired glucose tolerance (IGT) - ในคนที่มี IFG หรือ IGT จะใหการ Dx เปน Prediabetes
Complications of DM - แบงเปน 1. Acute complication (Hyperglycemic crisis) – e.g. DKA, HHS 2. Chronic complication – มี 3 อยาง ไดแก 1) Macrovascular – e.g. CAD (MI), CVD (Stroke), PVD 2) Microvascular – e.g. DN (glomerular capillary), DR (retinal capillary) 3) Diabetic neuropathy – Sensory, Motor, Autonomic
Treatments of DM - FPG < 200 mg/dl หรือ HbA1C < 8% Æ Lifestyle modification 1-3 mo. FPG 200-300 mg/dl Æ Lifestyle modification + ยากิน 1 ชนิด FPG 250-350 mg/dl หรือ HbA1C > 9% Æ Lifestyle modification + ยากิน 2 ชนิด FPG > 300 mg/dl หรือ HbA1C > 11% + มีอาการ Æ Lifestyle modification + Insulin
TOP SI 117
- ยากิน 1 ชนิดที่เลือกใชตอนแรก 1. Metformin (safe ที่สุด มักใชเปนยาตัวแรกเสมอ) – ใชในคนที่ BMI ≥ 23, BP ≥ 130/85 mmHg (หรือ on treatment), TG สูง, HDL ต่ํา C/I ในการให Metformin: Cr > 1.5 (male), > 1.4 (female), GFR < 70 ml/min (ทําใหเกิด volume overload) 2. SU (e.g. Glibenclamide, Glipizide) – ใชในคนที่ BMI < 23, มีอาการชัดเจน หรือระดับน้ําตาลสูงมาก; ใชแลว เกิด hypoglycemia งาย ตองระวัง - 2nd drug: ถาใช 1st เปน Metformin ก็เพิ่ม SU หรือ TZD; ถา 1st เปน SU ก็เพิ่ม Metformin หรือ TZD - Dose: Glibenclamide (5) ac; Max = 4 tab Glipizide (5) ac; start ที่ 1 tab, เพิ่ม dose ทีละ ½-1 tab/d; Max = 8 tab Metformin (500) pc; Max = 6 tab - I/C for Insulin therapy (= C/I ในการใหยากิน) 1. Type 1 DM 2. Hyperglycemic crisis – DKA, HHS 3. Pregnancy 4. Surgical condition 5. Severe infection (and other stress) 6. Liver failure, Renal failure 7. Failure/Allergy ตอยากิน Onset Peak Duration RI ½-1 hr. 2-4 hr. 6-10 hr. NPH 1-2 hr. 4-8 hr. 10-20 hr.
Diabetes care - Advice – Stop smoking, Diet, Exercise, Weight reduction - Keep: - BMI < 23 kg/m2 (18.5-22.9) - BP < 130/80 mmHg; ถามี CKD ดวยให keep BP < 125/75 mmHg - LDL < 100 mg/dl; ถามี CKD/CAD/CVD ดวย ให keep LDL < 70 mg/dl - TG < 150 mg/dl - HbA1C < 7%; ถามี Complication จาก DM ให keep HbA1C < 6.5% - FPG < 130 mg/dl, PP < 140 mg/dl - Screening ตอไปนี้ ปละ 1 ครั้ง 1. Renal function – BUN/Cr, U/A, MAU ดูจาก U/A กอนวามี proteinuria หรือไม ถา +ve Æ ตรวจ Total protein ถา –ve Æ ตรวจ MAU (Urine microalbumin)
TOP SI 117
Total protein 24-hr urine Total protein Spot urine Dipstick Spot urine Protein : Cr ratio Albumin 24-hr urine Albumin Spot urine Albumin (Specific dipstick) Spot urine Albumin : Cr ratio
2. 3.
Normal < 300 mg/d < 30 mg/dl < 200 mg/g
Overt proteinuria > 300 mg/d > 30 mg/dl > 200 mg/g
Normal < 30 mg/d
Microalbuminuria 30-300 mg/d
Overt proteinuria > 300 mg/d
< 3 mg/dl
> 3 mg/dl
NA
< 17 mg/g (male) 17-250 mg/g (male) > 250 mg/g (male) < 25 mg/g (female) 25-355 mg/g (female) > 355 mg/g (female) Eye examination – ตรวจ DR q 1 yr.; กรณีถาเปน NPDR แลว ใหตรวจตา q 6 mo. Microfilament test – ตรวจเทา 10 จุด ถาเสีย ≥ 4 จุด ถือวา Loss of protective sense (กรณีตรวจ 4 จุด ถา เสียจุดใดจุดหนึ่ง ถือวา Loss of protective sense) เสี่ยงตอการเกิด DM foot
(ตรวจ 10 จุด) (ตรวจ 4 จุด) ในการตรวจเทา จะดู 5 อยาง ไดแก 1) Wound 2) Callus (ตาปลา จากการโดน pressure มาก) 3) Monofilament test (ดู protective sense) 4) Peripheral pulse 5) Infection - ใหยาปองกัน – ASA, ACEI, Statins ในผูปวย DM ที่อายุ ≥ 50 yr. (male), ≥ 60 yr. (female) จะให on ASA (81) 1x1 เปน prophylaxis ตลอดชีวิต กรณีถามี GI risk (e.g. มี Hx ถายดํา แตขณะนี้หายดีแลว) จะให ASA คูกับ PPI ตลอดชีวิต
Hyperglycemic crisis - DKA (Diabetic ketoacidosis) – มักเจอใน type 1 DM; มี criteria ในการ Dx ดังนี้ Diabetic 1. Plasma glucose > 250 mg/dl 2. Wide anion gap metabolic acidosis Ketoacidosis 3. Serum/Urine ketone positive (moderate to large)
TOP SI 117
- DKA จะเปน acute onset, มีอาการ N/V, abdominal distension, abdominal pain, polydipsia, polyuria, Kussmaul breathing (หายใจหอบลึก) - HHS (Hyperglycemic hyperosmolar state) – มักเจอใน type 2 DM; มี criteria ในการ Dx ดังนี้ Hyperglycemic 1. Plasma glucose > 600 mg/dl 2. Effective serum osmolarity (2Na+ + Glucose/18) > 320 mOsm/kg Hyperosmolar (ไมตอง correct Na+ กอน ใชคาที่วัดไดเลย) 3. HCO3- > 15 mmol/L Nonketotic 4. Serum ketone negative (หรือ mild) - HHS จะเปน gradual onset, มีอาการทาง neuro. (stupor, unconscious, seizure, chorea), CVD - การรักษา DKA, HHS เหมือนกัน ตองทําไปพรอมๆ กัน 4 อยาง คือ แก volume depletion, drip RI, add K+, ดู pH 1.6) 1. IV fluid (ตองคิด Corrected Na Measured Na BS - Low Na+ / BP drop Æ NSS 250-500 cc/hr - High/Normal Na+ Æ 0.45% NaCl 250-500 cc/hr 2. Insulin Æ drip RI ทาง IV หรือ IM; ถา BP drop ตองใหทาง IV เทานั้น (ถาไมแนใจก็ใหทาง IV ไปเลย) - IV route Æ RI 0.1 U/kg stat, then 0.1 U/kg/hr - IM route Æ RI 10 U IV + 10 U IM stat then 10 U/hr IM Goal: Plasma glucose ลดลง 50 mg/dl in 1st hour ถายังไมถึง Goal ใน 1st hour Æ Double dose RI q 1 hr. จน Plasma glucose ลดลง 50-75 mg/dl 3. K+ (ตัดที่ ± 0.2 จากคาปกติคือ 3.5-5 Æ 3.3-5.2) - K+ < 3.3 Æ Hold RI, Add K+ 20-30 mEq/hr (เขาไปกับ IV fluid) until K+ ≥ 3.3 mmol/L, EKG monitoring - K+ 3.3-5.2, Normal renal function Æ Add K+ 20-30 mEq in each 1,000 ml of IV fluid, keep K+ 4-5 mmol/L - K+ > 5.2 Æ Don’t give K+, check K+ q 2 hr. 4. pH (ดูความตองการ HCO3-) - pH < 6.9 Æ 7.5% NaHCO3 100 cc, repeat q 2 hr. until pH > 7.0 - pH > 6.9 Æ No NaHCO3 - เมื่อ Plasma glucose ลงมาถึง 250 mg/dl แลว ขั้นตอนตอไปทําดังนี้ 1. Change to 5%D/NSS 150-200 cc/hr (ใหเปน 5%D/NSS หรือ 5%D/N/2 ก็ได อยูที่วาเดิมใหเปน NSS หรือ 0.45% NaCl) ระวัง หามลืมเปลี่ยนเปนแบบที่มี 5%D เด็ดขาด เพราะยัง drip RI อยู (ถาไมเปลี่ยนจะเกิด Hypoglycemia) 2. Switch RI drip to 0.1 U/kg SC ac แตยังคงให IV ไปดวยพรอมกันกอนในชวง 1-2 hr. แรกหลังฉีด SC ครั้งแรก หลังจากนั้นคอย off RI drip เพราะการฉีด SC กวา RI จะออกฤทธิ์ตองใชเวลาพอสมควร ถา off RI drip ไปตอน แรก จะมีชวงที่ขาด insulin ทําใหเกิด Rebound DKA ได; keep Plasma glucose 150-200 mg/dl - ตัวอยางการเขียน order ในผูปวย DKA / HHS ผูปวย BW 60 kg, BS = 660, Na+ = 145, K+ = 4, HCO3- = 16, ABG: pH 6.89, BP 80/50 mmHg Effective serum osmolarity = 326, Corrected Na+ = 154
TOP SI 117
ผูปวยรายนี้เปน HHS, มี BP drop One day - On O2 cannula 3 LPM (ถาหายใจไมไหว, GCS < 8 ใหใส ETT) - NSS 1,000 cc IV drip in 1 hr. x I, then NSS 1,000 cc IV drip in 2 hr. x II, then NSS 1,000 cc IV drip 250 cc/hr - Add K+ 30 mEq ใน IV fluid แตละขวด - Blood for CBC, BUN/Cr, Electrolytes, BS, Ketone, Serum osmolarity (ทําแลว) - ABG (ทําแลว) - U/A - CXR - DTX q 1 hr. - Blood for Electrolytes q 6 hr. - RI 6 U IV stat, then IV drip 6 U/hr - 7.5% NaHCO3 100 cc + sterile water 200 cc IV drip in 30-60 min - ABG at next 2 hr.
Continue - NPO - Record V/S, I/O - Retained Foley catheter Medication - Ceftriaxone 2 g IV OD (ถามี infection e.g. UTI เปน precipitating cause)
Hypoglycemia - เมื่อสงสัย เจาะ DTX: Plasma glucose < 55 mg/dl (male), < 45 mg/dl (female) - Whipple’s triad – ใชเปนเกณฑสําหรับ Dx วาเปน True hypoglycemia ดังนี้ 1. มีอาการของ Hypoglycemia 1) Autonomic symptoms (Sympathetic overactivity): มือสั่น (tremor), ใจสั่น (palpitation), เหงื่อออก มาก (sweating), หิว (hunger), anxiety 2) Neuroglycopenic symptoms: ซึม, เรียกไมรูสึกตัว (alteration of consciousness), พูดไมชัด, มองเห็นไม ชัด, ชัก, behavior แปลกๆ 2. Plasma glucose < 50 mg/dl (คนปกติ), < 70 mg/dl (คนไข DM) 3. ให Glucose แลวอาการดีขึ้น - Hypoglycemia มี 2 types ไดแก 1. Fasting hypoglycemia เกิดจาก - Drugs: insulin, oral hypoglycemic drugs - Pituitary insufficiency: GH ลดลง - Adrenal insufficiency (Addison’s disease): cortisol ลดลง - Malignancy - Islets cell tumor (Insulinoma) – look well
TOP SI 117
-
-
-
- Non-islets cell tumor (HCC, RCC, retroperitoneal fibrosarcoma, MM, HL) – look sick ใน HL มีการหลั่ง anti-insulin receptor Ab (จับ receptor แบบกระตุน) = Autoimmune hypoglycemia - Severe critically ill (เชนคนไข sepsis, malaria) - Liver failure (เสียกลไก glycogenolysis, gluconeogenesis; เชนกิน alcohol มากๆ) - Renal failure (กําจัดยาไดนอยลง) - Iatrogenic 2. Postprandial hypoglycemia (อยูเฉยๆ ไมเปนไร แตพอกินอาหารเขาไปแลวเกิด hypoglycemia เพราะอาหาร ไปกระตุนใหหลั่ง insulin แตดัน absorb glucose จากอาหารไมได) เจอใน S/P Gastric surgery, เปน Short bowel syndrome Severity 1. Mild – มี Autonomic symptoms 2. Moderate – มีทั้ง Autonomic & Neuroglycopenic symptoms 3. Severe – Unconscious เมื่อเจอ Hypoglycemia ใหแกโดยดูวาคนไข conscious ดีหรือไม - Conscious ดี (Mild to moderate hypoglycemia) Æ ให Oral Glucose 15-30 g (ประมาณน้ําผลไม 100 cc หรือน้ําอัดลม 150 cc) - Conscious ไมดี (Severe hypoglycemia) Æ ให IV 50% Glucose 50 cc (push) DTX ซ้ํา ตอน 15 min ถาคนไข no recovery Æ ให IV 50% glucose 50 cc ตอ Æ DTX ซ้ํา ถาไมดีขึ้นอีก ก็ใหไป เรื่อยๆ จนคนไข recovery เมื่อคนไข recovery แลว Æ ใหกินอาหารทันที ถากินไมได จะให 10% D/W rate 80 cc/hr แลวเจาะ DTX ซ้ํา q 2-4 hr. ใน 24 hr., keep DTX > 100 mg/dl Goal: DTX 150-200 mg/dl, พอ clinical stable ก็หา cause, ใหความรูคนไข, ปรับยา, etc. ไมใหเกิดอีก กรณีผูปวยมี Hx กินเหลา / ถูกคนพบเห็นขางทางแลวนําสง ER, เจาะ DTX พบ Hypoglycemia Æ กอนแก Hypoglycemia ตองให Vitamin B1 (Thiamine) 100 mg IV กอนเสมอ (เพราะผูปวยมักขาด Vitamin B1 ทําใหเอา glucose เขาไปใชใน aerobic cellular respiration ไมได) จําวา “B before G” (Vitamin B1 before Glucose)
Thyroid disorders Thyrotoxicosis - Thyrotoxicosis = มี Thyroid hormone สูง - Hyperthyroidism = Thyrotoxicosis ที่เกิดจาก Hyperfunctioning ของ Thyroid gland - Graves’ disease = เปน Autoimmune disease ที่ทําใหเกิด Hyperthyroidism โดยเกิดจากรางกายสราง TSI (Thyroid stimulating immunoglobulin) มากระตุน TSH receptor; มี signs เปน Triad: 1. Exophthalmos – eyeball ยื่นออกมาเลย supraorbital margin (เวลาตรวจ ตองมองจากดานบน), อาจทําให limit EOM ได 2. Pretibial myxedema 3. Thyroid bruit - ปกติ thyroid gland หนัก 15-20 g เวลาคลํา thyroid โต จะดูวาโตที่เทา รายงานวากี่ g (e.g. คลําไดโต 3 เทา = 60 g)
TOP SI 117
- S&S: 1. Exophthalmos – ทําใหหลับตาไมสนิท = Lagophthalmos ทําใหตาแหง ระวังเกิด Keratitis 2. Chemosis – conjunctiva บวมน้ํา 3. Lid lag – มองจากบนลงลางแลว upper lid เลื่อนลงมาคลุม cornea ชา จะเห็น sclera ดานบน 4. Lid retraction – upper/lower เห็น sclera บน/ใตตาดํา 5. Onycholysis – nail bed แยกตัวออก; เปน sign ของ long-standing hyperthyroidism เปนปๆ 6. Thyroid acropachy (clubbing of finger) 7. Warm and moist skin 8. Tremor 9. Other: Palpitation, New AF, Weight loss, Systolic HT, PH, Proximal muscle weakness (จาก Hypokalemic periodic paralysis), เหนื่อยงาย, ถายบอย, หงุดหงิดงาย, ในผูหญิงอาจมี Amenorrhea / Oligomenorrhea, ผูชายอาจมี Gynaecomastia / ED - Specific eye signs ตางๆ ที่บอกวาเปน Graves’ disease เรียกรวมวา Graves’ ophthalmopathy - การรักษา Graves’ disease แนะนําใหใช Methimazole (MMI) มากกวา Propylthiouracil (PTU) เพราะ SE 3 ขอ SE PTU MMI 1. Agranulocytosis Idiosyncracy Dose-related (ถาให ≤ 30 mg/d จะไมเกิด) 2. Hepatotoxicity Hepatitis (เกิดใน 3 mo.) Cholestasis 3. ANCA-associated เกิดบอยกวา MMI, จะมี acute renal เกิดนอยกวา PTU vasculitis dysfunction, arthritis, skin ulcer, rash, TEN, sinusitis, hemoptysis, ANCA +ve - เมื่อไหรที่จะใช PTU (เมื่อไหรที่ PTU ดีกวา MMI) มี 2 กรณี 1. Pregnancy – เพราะ MMI ทําใหเกิด Scalp defect, Aplasia cutis ได 2. Thyroid crisis – เพราะ PTU สามารถ inhibit peripheral conversion จาก T4 Æ T3 ได - เวลา start Antithyroid drug จะเริ่ม start dose เยอะๆ ไปกอน (ตรงขามกับ DM) เพื่อใหกลายเปน Euthyroid เร็ว ที่สุดกอน เริ่มใหเปน 1. MMI (5) 3x2 (30 mg/d) หรือ 2. PTU (50) 1x3 – 2x3 (150-300 mg/d) - คนไข Hyperthyroid ทองไดมั้ย? Æ ได แตตองรอใหลด dose ยาลงมาต่ําๆ กอน (เพราะสงผานไปถึงเด็กได เด็กจะมี goiter ได; ถากิน MMI อยู ก็ใหเปลี่ยนเปน PTU กอน) พอใกลคลอด (เดือนที่ 8) จะหยุดยา เพื่อไมใหเกิด Congenital hypothyroidism (ทําใหมี RDS ได) - กอนให Antithyroid drug ตองเจาะ CBC ไวกอนเปน baseline เพราะคนที่เปน thyrotoxicosis บางคนอาจมี Transient neutropenia อยูกอนได ถาไมเจาะ CBC ไวกอน ตอไปเวลาสงสัย Agranulocytosis จะไมรูวาเกิดจากยาหรือเปลา - เวลามา F/U แตละครั้ง ไมตองเจาะ CBC, เจาะเฉพาะเมื่อสงสัย Agranulocytosis เทานั้น
TOP SI 117
-
-
-
-
-
(PBS ของผูปวยที่ไดรับ PTU แลวเกิด Agranulocytosis) เวลา F/U ใหดูทั้ง T3 & T4 (ไมเหมือน hypothyroid ที่ดูเฉพาะ T4 ได), หลังกินยา 2 mo. จะตองลงเปน euthyroid แนนอน ทุกครั้งที่ F/U แลวพบ euthyroid Æ ลดยาลง ½ ถาจะให MMI 20 mg/d ก็ให 2x2, ถาให MMI 15 mg/d ก็ให 3x1 สิ่งสําคัญที่ตอง F/U ทุกครั้ง นอกจากอาการของ hyperthyroidism แลวคือเรื่อง “Body weight” (น้ําหนักจะขึ้น) หยุดยาไดเมื่อกินยานาน 18 mo. (1½ yr.) โดย TFT ปกติทั้ง T3, T4, TSH หลังหยุดยาจะ relapse ไดบอย ตองมา F/U TFT q 2 mo. ใน 6 mo. แรก แลว F/U TFT q 1 yr. Fail medication เมื่อลด dose ยาลงแลวกลับเปน thyrotoxicosis อีก, ให dose เทาเดิมแต TFT แยลง, เจอ major SE ของยา: Agranulocytosis, Hepatitis, TEN Æ I-131 / Sx จะทํา I-131 เมื่อ fail medication, เปน heart disease, มี hypoK+ periodic paralysis, relapse หลังหยุดยาไปแลว Pregnancy 1. TBGÇ ทําให total T3, T4Ç มี N/V, TSHÈ ได (แตจะเปนแบบ low normal ไมต่ํามาก) 2. β-HCGÇ (มี subunit เหมือน TSH) ทํางานแทน TSH ได ในคน pregnancy ที่มี thyrotoxicosis กอนที่จะบอกวาเปน Graves’ disease ตอง R/O 2 โรคนี้ออกไปกอน 1. Molar pregnancy (Hydatidiform mole) – N/V มาก, HT, Ut size > date, U/S: snowstorm, bleeding ออกมาเปนไขปลาอุก; มี β-HCGÇ กระตุน thyroid gland ทําให TSHÈ ได 2. Hyperemesis gravidarum – N/V มากจนกินไมไดเลย, U/A พบ ketosis; สราง β-HCGÇ กระตุน thyroid gland เหมือน molar pregnancy ถาอาการไมมาก ใหรอจน GA 20 wk. แลวประเมินอีกที อาการจะหายไปเอง Graves’ disease จะ remission ในชวง 2nd/3rd trimester (TSH receptor ลดลง) ถามาชวงนี้ ไมตอง treat; ถามาชวง 1st trimester ตอง treat; ถาคนไขไมมี symptom มาก จะไมให β-blocker เพราะจะทําใหเกิด IUGR ได
Thyroid crisis - Thyroid crisis (Thyroid storm) – เปน Emergency condition, Mortality rate 20-30%, ใช Clinical Dx เปนหลัก - เกิดในผูปว ยที่เปน Thyrotoxicosis อยูกอน แตไมไดรักษา / รักษาไมถูกตอง ไมเพียงพอ / poor compliance - Precipitating factor ที่ทําใหเกิด Thyroid crisis ได มีดังนี้: “GOITER” 1. Graves’ disease 2. Operation (Sx) 3. Infection
TOP SI 117
4. Trauma 5. Exogenous thyroid hormone 6. Radioactive iodine Other: ภาวะเจ็บปวยอื่นๆ เชน CHF, DKA, Hypoglycemia, Preeclampsia, PE, Stroke, Bowel infarction, Severe emotional stress, etc. - Burch and Wartofsky’s criteria – ใชประเมิน score สําหรับ Dx Thyroid crisis Score ≥ 45: Thyroid crisis Score 24-44: Impending thyroid crisis Score < 25: ไมนาเปน Thyroid crisis Thermoregulatory dysfunction Cardiovascular dysfunction Temperature (°F)
Tachycardia
99-99.9 100-100.9 101-101.9
5 10 15
99-109 110-119 120-129
5 10 15
102-102.9
20
130-139
20
103-103.9
25
> 140
25
> 104.0
30
Central nervous system effect Absent
Congestive heart failure Absent
0
Mild: pedal edema
5
0
Moderate: bibasilar rales
10
Mild: agitation
10
Severe: pulmonary edema
15
Moderate: delirium, psychosis
20
Atrial fibrillation Absent Present
extreme lethargy Severe: seizure, coma
0
Moderate: diarrhea, nausea/vomiting,
10
Precipitant history
30
Gastrointestinal-Hepatic dysfunction Absent
0
Negative
0
Positive
10
10
abdominal pain Severe: unexplained jaundice
20
- Management 1. Inhibit thyroid hormone synthesis: PTU loading 600-1,000 mg, then 200-250 mg q 4 hr. for 1-2 d (~ 1,500 mg/d) หลังจากควบคุมอาการไดแลว ลดขนาดยาเหลือ 600 mg/d กรณี NPO: PTU 400 mg + sterile water 90 cc via rectum q 4-6 hr. กรณีถาให MMI: MMI 20 mg q 4 hr. (120 mg/d); อาจให loading dose 60-100 mg
TOP SI 117
2.
3.
4.
5.
ใน Thyroid crisis จะแนะนํา PTU มากกวา MMI เพราะ PTU สามารถ inhibit peripheral conversion จาก T4 Æ T3 ไดดวย Inhibit thyroid hormone secretion: Lugol’s solution (8.4 mg/drop) 10 drop q 8 hr. Lugol’s solution เปน Inoganic iodide มีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่ง Thyroid hormone ได, ถาให dose สูง จะ สามารถยับยั้งการสราง Thyroid hormone ไดดวยกลไกของ Wolff-Chaikoff effect ควรให PTU กอน 1 hr. แลวคอยให Lugol’s solution เพราะถาให Lugol’s solution กอน จะทําให iodide เขา Thyroid gland ยิ่งสราง Thyroid hormone มากขึ้น Inhibit peripheral conversion (เพื่อลดการทํางานของ Thyroid hormone ที่ tissue) 1) Propranolol 20-80 mg q 6 hr. for 1 wk. (อยางนอย); เพิ่มไดถึง 120 mg q 6 hr. กรณีถาผูปวยเปน Asthma อาจให CCB แทน 2) Dexamethasone 2 mg q 6 hr. หรือ Hydrocortisone 100 mg IV q 8 hr. Corticosteroid นอกจากจะไปชวย inhibit peripheral conversion แลว ยังชวยแกไขภาวะ relative adrenal insufficiency ซึ่งอาจพบไดดวย Supportive treatment 1) Paracetamol, Hypothermic blanker, เช็ดตัว หามใช ASA ลดไข เพราะจะไปแทนที่ Thyroid hormone จาก binding site, ยิ่งเพิ่ม Thermogenesis ได 2) IV fluid (Hydration) 3) CHF: “LMNOP” 4) Other: ใหพลังงานที่เพียงพอ, ให Vitamin เสริม (esp. Vitamin B) Treat cause
Subacute thyroiditis - เปน Thyrotoxicosis ที่ไมมี hyperthyroidism - S&S: มี URI นํามากอน, tenderness ที่ thyroid, เจ็บเวลากลืน, อาจ refer ไปหู/กราม - มี 3 phases คือ 1. Thyrotoxic phase – ชวงแรก มีอาการของ thyrotoxicosis 2. Hypothyroid phase 3. Recovery phase - Management: NSAIDs (แกปวด), β-blocker (treat แบบ hyperthyroid), Corticosteroid
Hypothyroidism - Screen – เจาะเฉพาะ TSH; แตถาจะ Dx (e.g. คนไขมา full อาการแบบ hypothyroid ชัดเจน: เชื่องชา, อวนฉุ, ทองผูก) ตองเจาะ TFT ครบ - ใน 1° hypothyroid Æ T4 ต่ํากอน ทําให TSHÇ (ใช TSH screen) คิด: ถาเจาะได TSH ปกติ แต T3, T4 ต่ํา Æ ไมใช 1° hypothyroid แนนอน ตองเปน 2° (central) hypothyroid - การรักษา 1° hypothyroid ให Eltroxin 50-100 μg (tab 50, 100 μg) ถาไมแกมากๆ, ไมมี heart disease Æ start ดวย 100 μg OD เลย, F/U 1 mo. (เพราะ T1/2 ของ T4 = 5-7 วัน ตองรอใหผานไป 5T1/2 กอน แลวมาดูผลเลือด ถาดีขึ้นคอยปรับลดยา)
TOP SI 117
-
-
-
-
เวลามา F/U ตองดูเรื่อง “BW” (คนไขจะผอมลงเร็วมาก) กรณีถาแกมากๆ, มี heart disease: start ดวย 25 μg OD แลวเพิ่ม q 1 mo. (ถาให dose มากจะกลายเปน hyperthyroid กระตุนใหเกิด IHD ได) เวลา F/U ดูเฉพาะ T4 ถา T4 ขึ้นมาปกติแลว คอยเจาะ TSH ดวยเพื่อ normalize TSH ตอ (ใชเวลา 3 mo.) หลังจาก TSH ปกติแลว ก็ F/U q 6 mo. กินยา life-long! กรณีให Eltroxin ไป 1 mo. แลว T4 ยังไมขึ้น แสดงวา 1. Poor compliance 2. กินยาอื่นที่ไปลด absorption ของ Eltroxin ที่สําคัญคือ Fe & Ca (ตองกินหางจาก Eltroxin อยางนอย 2 hr.) 3. Dose ไมพอ Pregnancy: ตองเพิ่ม dose ของ Eltroxin เพราะลูกจะไดรับ thyroid hormone สงผานจากแม (esp. 1st trimester: organogenesis) เพิ่มจนเกือบถึง upper limit, ถาไมเพิ่ม dose ลูกจะกลายเปน cretinism (โรคเออ) ได ระวัง ใน pregnancy ทั่วไปจะกิน Fe, Ca เสริมดวย ตอง advice เรื่องใหกินหางจาก Eltroxin อยางนอย 2 hr. Hypothyroid เปนสาเหตุของ 2° DLP ได (เปน DLP จะสงสัยวาเกิดจาก hypothyroid ในคนอายุนอย, ไมมี FHx DLP) Hypothyroid – CholÇ Alcohol – TGÇ Sex hormone – TG & CholÇ Hypothyroid ทําใหเกิด HypoNa+ ได (ถาสงสัยวาเกิดจาก hypothyroid ตองเจาะ TFT ครบเพื่อ Dx) SIADH – กอนจะ Dx ตอง R/O Hypothyroid & Adrenal insufficiency ออกไปกอนเสมอ Hypothyroid ทําให TRHÇ, Adrenal insufficiency ทําให CRHÇ TRH & CRH สามารถไปกระตุนการหลั่ง ADH ออกมามากได ทําใหเกิด HypoNa+ ไดแบบเดียวกับ SIADH
Thyroid nodule - ถามีอาการ Æ TFT ทุกตัว - ถาไมมีอาการ Æ TSH screening - TSHÈ = Hyperthyroid Æ ทํา Thyroid scan ตอ - Hot nodule Æ โอกาสเปน CA นอย, นาจะเปน Toxic adenoma ไมตองสง cytology ให treat แบบ hyperthyroid - Warm / Cold nodule Æ มีโอกาสเปน CA Æ ทํา Thyroid U/S / FNA / Bx - TSH ปกติ Æ ทํา FNA ตอ (เจาะ 4 ตําแหนง, negative pressure) - Positive / Suspicious for malignancy Æ Sx - Negative for malignancy Æ F/U ไปกอน - Non-diagnostic (เข็มไมไดเขาไปใน nodule) Æ U/S-guided FNA Æ ถายัง Non-diagnostic อีก ให กลับมาพิจารณาที่ risk factors - High risk (e.g. ผูชาย) Æ Sx - Low risk (e.g. ผูหญิง) Æ F/U ไปกอน - อาจ try รักษา thyroid nodule โดยให Eltroxin ไปกอน 6 mo. ถา response ก็ใหตอ ถาไม response ก็เลิกใหเลย ปลอยไว แลวนัด F/U, ทํา FNA 1-2 ปครั้ง ถา –ve ติดกันก็ไมตองทําแลว ปลอยทิ้งไวได กรณีถาคนไขอยากเอากอน ออกจริงๆ ก็ไป Sx
TOP SI 117
Thyroid carcinoma - เวลาเจอกอน สงสัย CA thyroid ตองซัก Hx สําคัญ 3 อยางคือ 1. อาชีพ: expose ตอรังสี ใส thyroid shield? หรือ เปน CA Nasopharynx แลวตองมา RT 2. FHx: Medullary thyroid CA (เปน familial แนนอน) 3. อาการ: กอนโตเร็ว, เสียงแหบ, กลืนลําบาก - Risk factors for CA Thyroid 1. Extreme age 2. ผูชายมีกอนที่ thyroid (เพราะสวนใหญกอนมักเจอในผูหญิง แตถาเจอในผูชาย โอกาสเปน CA สูง) 3. Thyroid disease อยูเดิม - สวนที่ไมสราง hormone จะเปนสวนที่กลายเปน CA ดังนั้น ถาเปน thyrotoxicosis จะไมกลายเปน CA หรือถาเปน MNG แลวกลายเปน Toxic MNG สวนที่สราง hormone จะไมกลายเปน CA แตสวน MNG อื่นที่ไมไดสราง hormone จะกลายเปน CA ได
Calcium disorders - Serum total Ca2+ ที่วัด ประกอบดวย 1. Free Ca2+ 50% 2. Protein-bound Ca2+ (จับกับ albumin) 40-45%, 3. Complexed Ca2+ (จับ anion อื่นๆ e.g. citrate, phosphate, bicarbonate) 10% - ภาวะ hypo-/hyperCa+ บอกถึงระดับ free Ca2+ ซึ่งผานเขาออกเซลลได เปนตัวทําหนาที่หลัก (ทําใหเกิด AP ของ nerve & muscle) แตเนื่องจากวัดระดับ free Ca2+ ยาก วัด total Ca2+ งายกวา จึงเจาะตรวจ total Ca2+ แตตอง correct โดยใช albumin เมื่อมีภาวะ hypoalbuminemia - Corrected serum Ca2+ = [(4 - albumin) x 0.8] + Measured serum total Ca2+ เมื่อ albumin ในเลือดลดลง ไปจาก 4 g/dl ทุก 1 g/dl, total Ca2+ จะลดลง 0.8 mg/dl, จึงตอง correct โดยบวกเพิ่ม สวนที่วัดไดลดลงเขาไป (ลดลงจาก protein-bound Ca2+ ที่ลดลง) เพราะ free Ca2+ ซึ่งเปนตัวออกฤทธิ์ยังเทาเดิม
Hypercalcemia - Hypercalcemia = Corrected serum Ca2+ > 10.4 mg/dl - แบง severity เปน mild, moderate, severe ตัดที่ Ca2+ 12 กับ 13 (< 12 = mild, 12-13 = moderate, > 13 = severe หรือถาทําใหเกิด neurological symptom (alteration of consciousness, seizure) ก็จัดเปน severe) - S&S: Polyuria (เหมือน nephrogenic DI), Weakness, Fatigue, N/V, Abdominal pain, Constipation, Anorexia, Weight loss, Alteration of consciousness, Seizure - ในคนที่มี hyperCa2+ นานๆ อาจมาดวย Stone (esp. opaque stone), Nephrocalcinosis, Calcified basal gg. - HyperCa2+ Æ EKG: Short QT (เพราะ Ca2+ แยงกันเขาเซลลในชวง Plateau phase ของ action potential) - มี 6 สาเหตุ (ที่พบบอยคือ 3 สาเหตุแรก เจอรวมกัน > 90%; 1° HyperPTH เปน most common cause แตถาเกิดใน ร.พ. Drugs เปน most common cause) ไดแก 1. Drugs – e.g. Ca2++Vit.D, Vit.A overdose (กินรักษาสิว), HCTZ, Li 2. HyperPTH
TOP SI 117
1) 1° HyperPTH (parathyroid adenoma (85%), hyperplasia (15%), cancer (< 1%)) 2) 3° HyperPTH (ในผูปวย CKD ที่มี PO43- คั่ง Æ เกิด 2° HyperPTH เพื่อขับ PO43- Æ parathyroid hyperplasia Æ สุดทายกลายเปน parathyroid adenoma) 3. Malignancy = Malignancy-associated hypercalcemia (MAH) เกิดไดจาก 4 กลไก 1) Humeral-mediated hypercalcemia – ใน SCC, CA Breast, Hematologic malignancy สราง PTH-rP 2) Local osteolytic hypercalcemia (LOH) – ใน MM, CA Breast หลั่ง cytokine 3) Extrarenal vit.D3 synthesis – ใน Lymphoma 4) Ectopic PTH (rare) 4, Familial hypocalciuric hypercalcemia (FHH) (mutation ของ Ca2+ sensor ที่ parathyroid gland & kidney Æ เพิ่ม Ca2+ set point) 5. Granulomatous disease (TB, Histoplasma, Sarcoidosis, Wegener’s; Mø ใน granuloma มี 1α-OHase เหมือนที่ไต Æ ผลิต vit.D ได) 6. Miscellaneous (toxic goiter, adrenal insufficiency, immobilization, etc.) - HyperCa2+ ทุกโรคจะทําให PTH ต่ํา มีโรคเดียวที่จะทําให PTH สูงคือ HyperPTH - Management 1. Hydration – ดวย NSS เทานั้น (เพิ่มการขับ Ca2+, ลดการดูดกลับ Ca2+ ที่ proximal tubule) จน urine output ≥ 3 L/d, ถากินได ใหผูปวยดื่มน้ํามากๆ; เมื่อ hydration เพียงพอแลว ให Lasix® ตอ หาม Hydration ดวย RLS (มี Ca2+ 3 mEq/L) หรือ Acetar (มี Ca2+ 3 mEq/L) เด็ดขาด 2. Lasix® – ใหเมื่อ hydration จน volume เพียงพอแลว จุดประสงคที่ให Lasix คือ เพื่อลด Ca2+ ในเลือด Lasix® เปน loop diuretic ไปยับยั้งการดูดกลับ Ca2+ ที่ loop of Henle 3. Restrict Ca intake – งดถั่ว นม งา และอาหาร Ca2+ สูงอื่นๆ 4. Pharmacological treatment (ใหในผูปวย severe hypercalcemia) 1) Bisphosphonate (e.g. Pamidronate) onset 2-4 d, duration 3-4 wk. C/I: CrCl < 30 ml/min; ดังนั้น ตองดู CrCl กอนให (e.g. ในคนไข MM ที่เปน renal failure ดวย) SE ที่สําคัญ: (1) Drug-induced feve (2) Myalgia (3) HypoCa2+ (4) Osteonecrosis of jaw (esp. ในคนที่มี poor oral hygiene) (5) FSGS (6) อาการทางตา (e.g. uveitis, scleritis, orbital inflammation) ถามี Fever, Myalgia (เกิดใน 2 d) Æ ใหยาลดไข, ยาแกปวด อาการจะดีขึ้นเอง 2) Calcitonin 4 U/kg IM/IV q 12 hr. – onset เร็ว แตหามใชเกิน 2 d เพราะจะเกิด Tachyphylaxis; ใชใน ผูปวยที่มี Severe hyperCa2+ ที่มีซึม/ชักดวย (ใหเปน Bisphosphonate + Calcitonin) 3) Steroid – Prednisolone 10-40 mg/d หรือ Dexamethasone 5 mg IV q 12 hr.; response ใน HyperCa2+ ที่เกิดจากภาวะตอไปนี้ (1) MM
TOP SI 117
(2) Lymphoid malignancy (Lymphoma) – มี Extrarenal vit.D3 synthesis (3) Granulomatous disease
Hypocalcemia - Hypocalcemia แยกเปน 1. กลุมที่ PO43-È – Vit.D deficiency (จาก Renal/Nutritional + Inadequate sunlight exposure) GI tract disorder, Chronic diarrhea, Malnutrition 2. กลุมที่ PO43-Ç – Renal failure (PO43- คั่ง Æ สราง Vit.D ลดลง Æ Renal osteodystrophy), TLS, HypoPTH (เชนใน post-thyroidectomy), ไดรับ PO43- มาก แยกวา HypoCa2+ ที่มี PO43- จาก Renal failure หรือ HypoPTH โดยเจาะระดับ PTH ในเลือด ถา PTH สูง Æ Renal failure; ถา PTH ต่ํา Æ HypoPTH เมื่อพบวาเปน HypoPTH Æ ไปดู scar ที่คอ (ทํา thyroidectomy) Æ ถาไมมี ดูคา Mg2+ ถา HypoMg2+ Æ จาก 1. Chronic disease 2. Alcohol 3. กลุมที่ PO43- ปกติ – เปนอะไรก็ได - Renal osteodystrophy (จาก Renal failure Æ PO43- คั่ง Æ สราง Vit.D ลดลง) ประกอบดวย 1. Osteomalacia – จาก Ca2+ & Vit.D ต่ํา ทําให mineralization ของ bone ไมเพียงพอ 2. Osteitis fibrosa cystica – จาก 2° HyperPTH ทําให bone resorption เพิ่มขึ้น (salt & pepper appearance) - ผูปวย Acute pancreatitis Æ เกิด hypoCa2+ ได (ตองเจาะ screen Ca2+ profile ถา Ca2+ ต่ํา บอกถึง poor prognosis); กรณีที่เปน Acute pancreatitis แลวเจาะ Ca2+ ไดสูง แสดงวามีโรคอื่นที่ทําใหเกิด hyperCa2+ อยูกอน - S&S: 1. Hypocalcemic tenany 2. Unexplained muscle cramp 3. Unexplained seizure (เกิดไดทั้ง hypo- & hyper- แตเกิดใน hypo- บอยกวา) 4. Diarrhea 5. Trousseau’s sign - บีบ cuff ไวที่ SBP + 10-20 mmHg คางไว 2-3 min แลวเกิด Carpopedal spasm = Accoucheur’s hand (adduct thumb, flex MCP, extend IP, flex wrist, flex elbow) - การแปลผล +ve: แบง response ออกเปน 4 grades ไดแก Grade 1 – ผูปวยฝนไดดวยตัวเอง Grade 2 – ผูปวยฝนเองไมได แตผูตรวจชวยฝนได Grade 3 – Grade 2 แตเกิดหลังจากเริ่มทดสอบ > 1 min Grade 4 – Grade 2 แตเกิดหลังจากเริ่มทดสอบ < 1 min - การแปลผล –ve: เมื่อเวลาผานไป 5 min แลวไมมี response ใดๆ 6. Chvostek’s sign – เคาะ facial n. แลวเกิด twitch ของ m. จาก hyperexcitability ของ nerves - แบงเปน 1) Chvostek I – เคาะ facial n. “โดยตรง” ทําโดยใชนิ้วกลางเคาะที่ facial n. ตําแหนง 2-3 cm หนาตอ ใบหู ใตตอ zygomatic arch (เคาะแบบเดียวกับเคาะปอด/ทอง)
TOP SI 117
-
-
-
-
2) Chvostek II – กระตุนระหวาง facial n. โดย “reflex” ทําโดยใชนิ้วกลางเคาะที่ตําแหนงระหวาง zygomatic arch กับมุมปาก โดยเคลื่อนขอมือไปเรื่อยๆ - การแปลผล +ve: แบง response ออกเปน 4 grades ไดแก Grade 1 – กระตุกมุมปากขางที่ทดสอบ (พบได 25% ในคนปกติ esp. ในเด็ก) Grade 2 – กระตุกมุมปาก, Alae nasi ขางที่ทดสอบ Grade 3 – กระตุกมุมปาก, Alae nasi, M.Orbicularis oculi ขางที่ทดสอบ Grade 4 – กระตุก facial m. ทุกมัดของขางที่ทดสอบ - การแปลผล –ve: ไมมีการกระตุกใดๆ Trousseau’s sign, Chvostek’s sign +ve: DDx 4 ภาวะ ไดแก 1. HypoCa2+ (สําคัญที่สุด) 2. Metabolic alkalosis 3. Hypo-/HyperK+ 4. HypoMg2+ HypoCa2+ Æ EKG: QT prolong (เพราะ Plateau phase ของ action potential นาน เนื่องจาก Ca2+ เขาเซลลชา) Metabolic bone diseases – มี clinical feature 5 อยาง ไดแก 1. Fracture 2. Deformity 3. Impaired growth 4. Calcium disorder 5. Bone pain Metabolic bone diseases ที่สําคัญ มี 3 โรค ไดแก 1. Rickets (เกิดกอน epiphysis ปด) – เกิดจาก Vit.D ต่ํา พบในเด็ก 2. Osteomalacia (เกิดหลัง epiphysis ปด) – เกิดจาก Vit.D ต่ํา (เชนจาก renal failure) Æ เสีย mineralization Æ เนื้อกระดูกยังมีเทาเดิม แตมี mineralized matrix นอย 3. Osteoporosis – เกิดจาก Estrogen ต่ํา (ใน postmenopause) Æ เนื้อกระดูกลดลง (bone mass & density ลดลง) แตสัดสวนของ matrix:mineralized matrix ยังคงเดิม HypoCa2+ ที่เกี่ยวกับภาวะ Shock ได มี 4 สาเหตุหลักๆ คือ 1. Refractory shock – shock นานๆ ใช ATP ไปมาก จึงใช Ca2+ ไปมาก (cardiac & smooth m. contraction) 2. Rhabdomyolysis – ทําให PO43- ในเลือดสูง ทําใหสราง Vit.D ลดลง ทําให Ca2+ ต่ําลง 3. Massive blood transfusion – เพราะเลือดในถุงใช Citrate เปน anticoagulant ปกติ citrate ที่เขาสูรางกายจะ ถูกตับเปลี่ยนเปน HCO3- ถา citrate เขาไปมากๆ ตับจับไมทัน citrate จะไปจับ Ca2+ แทน 4. Plasmapheresis (Plasma exchange) – เพราะ blood component ที่ใชจะใส Citrate ลงไปเปน anticoagulant
Adrenal insufficiency Adrenal crisis - สงสัยในผูปวยที่มีลักษณะตอไปนี้
TOP SI 117
1. 2. 3.
เปน Adrenal insufficiency อยูเดิม On steroid มากอน – e.g. คนไข COPD, RA, SLE ได steroid นานๆ แลวอยูๆ BP drop มี condition ที่ทําใหเกิด Adrenal insufficiency ได เชน 1) หลังผาตัด Pituitary/Adrenal gland 2) Bleeding disorder – เกิด Adrenal hemorrhage 3) มี Hx Postpartum hemorrhage – ทําใหเกิด Sheehan’s syndrome 4. ไม response ตอ NE – BP drop ให IV fluid แลว BP ยังไมขึ้น, ให NE แลว BP ก็ยังไมขึ้น = มี Unexplained hypotension - เมื่อสงสัยวาผูปวยอาจมี adrenal crisis ใหเจาะ serum Cortisol (± ACTH) สงตรวจ Æ ระหวางรอผล lab ให push Hydrocortisone 100 mg IV stat ไปกอน 1 dose แลวรอผล lab ออก - Cortisol level < 20 μg/dL Æ แสดงวาเปน adrenal crisis จริง Æ ให Hydrocortisone 200-300 mg/d ตอ - Cortisol level > 20 μg/dL Æ ไมเหมือน adrenal crisis ใหหยุด hydrocortisone แลว W/U หา cause อื่น - คนไขที่ติดเชื้อ N. meningitidis แลวมี meningococcemia ทําใหเกิด DIC แลวเกิด adrenal hemorrhage ตามมาได เรียกวา Waterhouse-Friderichsen syndrome (WFS)
TO OP SI 117
Gastroenteroology Acute diarrhea - ถายเหหลวบอย ≥ 3 ครั้ง/d (feces > 200 g/d) - 90% เกิดจาก Infecttion (70% เปน virus, 5% เปน bacteria) A diarrheaa - ATB ที่ใหในผูปวย Acute Conditions ATBB Mucous bloody diarrhea Norfloxaccin (400) 1x2 for 3 d Seveere watery diaarrhea, Stool C/S: C V. cholerra Tetracycline 2 g/d for 3 d Stool exam: Trophhozoite of E. histolytica h Metronidazole (400) 1x3 for 7 d Metronidazole (400) 1x3 for 7 d หรือ ATB--associated colitis c (AAC) จาก จ C. difficilee Vancomyycin 125-500 mg q 6 hr. for 7 d - AAC เกิดไดเร็วสุดหลัง on ATB นาาน 3 d, ชาสุดหลั ห งจาก off ATTB 2 mo. (ถายังอยูในชวงนี้ใหหสงสัย AAC ดวย) me และ electrrolytes จน V/SS ปกติดีแลว แตต urine ยังออกกนอย Æ สงสัยยภาวะ Ischem mic ATN - ถาหลัลังจากแก volum
GI bleeding - Uppeer & Lower GI tract ตัดที่บริเวณ เ Ligament of Treitz (Susspensory musccle of duodenuum) – เปน ligaament ที่ยึดจากบริเวณ DJ juunction ไปที่ diaphhragm - S&S: UGIBB - Overt O GIB 1. Hematemeesis 1) Red blood b 2) Coffeee-ground 2. Blood per rectum 1) Melenna 2) Hemaatochezia (กรณ ณีที่เปน massive UGIB) O GIB – FOBT +ve - Occult LGIB - Overt O GIB – Paass blood perr rectum 1. Red bloodd 2. Maroon stoool 3. Melena (กรณีที่เปน sloww LGIB) O GIB – FOBT +ve - Occult - Sympptoms of bloodd loss: เหนื่อยงาย, dyspneaa, angina, synncope, shock
TOP SI 117
- เมื่อเจอผูปวย GI bleeding มาที่ ER Æ Resuscitation กอน จากนั้น ประเมิน risk stratification (adapt โดยใช 3 สวนแรกจาก 5 สวนของ Rockall score) เปน Pre-endoscopy score ดังนี้ Score 1 2 3 Age ≥ 80 60-79 Shock BP drop Tachycardia (P > 100) SBP < 100 โดยที่ SBP ≥ 100 Comorbidity HF, IHD, Renal/Liver failure, Any major Disseminated CA comorbidity Score ≥ 3 – High risk Æ NPO, Omeprazole 40 mg IV q 12 hr. (กรณีสงสัยวาเปน variceal bleeding มากกวา จะให Octreotide 50 μg IV, then IV drip 50 μg/hr) Æ EGD w/in 24 hr. กรณีถาเปน Non-variceal bleeding ที่ Hx อาเจียนเปนเลือดมากๆ, V/S change จะให drip Controloc® เลย Score ≤ 2 – Low risk Æ Omeprazole (20) 1x2 ac, Elective EGD w/in 72 hr. - Variceal bleeding VS Non-variceal bleeding (แยกจาก clinicial) Variceal Non-variceal Painless Pain/Painless Hematemesis (usually) Hematemesis, Coffee-ground, Melena Hemodynamic change, Hct < 30% Vary Portal HT No portal HT - Management of variceal bleeding 1. NPO 2. Octreotide 50 μg IV, then IV drip 50 μg/hr for 5 d กรณีถาเปน Somatostatin ให 250 μg IV, then IV drip 250 μg/hr 3. Scope ไปทํา EVL / EVS EVL = Endoscopic variceal band ligation (ใช rubber band) EVS = Endoscopic variceal sclerotherapy (ใช sclerosing agent) 4. Keep Hct 25%, if profound shock: keep Hct 30% (ถาไมไดมี chronic anemia อยูเดิม) 5. ATB: Norfloxacin (400) 1x2 for 7 d เปน prophylaxis ลด bacterial infection, SBP, mortality rate ในชวงที่ NPO อยู จะให Ceftriaxone 1 g IV OD แทน 6. Propranolol (non-selective β-blocker), keep HR 55-60/min - กรณีที่จะตองใส Sengstaken-Blakemore (SB) tube ตองใส ETT กอนทุกครั้ง (ถาไมใส ETT คนไขจะ aspirate ได) - Rockall score (ตัดที่ 2 กับ 6) เอามาใชประเมินได เปน Post-endoscopy score คิดคะแนนจากทั้ง 5 สวน Score 0 1 2 3 Age ≥ 80 < 60 60-79 Shock No shock, P < 100, P > 100 (Tachycardia), BP drop SBP > 100 SBP > 100 SBP < 100
TOP SI 117
Comorbidity
HF, IHD, Renal/Liver failure, No major Any major comorbidity Disseminated CA comorbidity Diagnosis Mallory-Weiss tear, All other diagnoses Malignancy of No lesion, No SRH upper GI tract Major SRH Adherent clot, NBBV, Clean base, Active bleeding Dark spot Rockall score ≥ 5-6 – High risk Æ NPO, Pantoprazole (Controloc®) 80 mg IV stat, then 80 mg + NSS 100 ml IV drip 8 mg/hr. (100 ml/hr.) for 72 hr. หรือ Omeprazole 40 mg IV q 12 hr. for 72 hr., then Omeprazole (20) 1x2 ac for 8 wk. Rockall score 3-5 – Intermediate risk Rockall score ≤ 2 – Low risk Æ Omeprazole (20) 1x2 ac, D/C ไดภายใน 24 hr. - Non-variceal bleeding มีโอกาสเกิด re-bleed มากในชวง 3 d แรก (จึงตองให PPI ฉีด 3 d) Variceal bleeding มีโอกาสเกิด re-bleed มากในชวง 5 d แรก (จึงตองให Octreotide ฉีด 5 d) - ให PPI นานเทาไหร: 4-6 wk. for DU, 8-12 wk. for GU - Stigmata of recent hemorrhage (SRH) – lesion ที่เห็นจาก scope แบงเปน 5 แบบ ดังนี้
1. Clean base – Prevalence 49% (เจอบอยที่สุด), Risk re-bleeding 5% 2. Dark spot / Flat spot – Prevalence 23%, Risk re-bleeding 10% 3. Adherent clot – Prevalence 13%, Risk re-bleeding 22% 4. Non-bleeding visible vessel (NBBV) – Prevalence 8%, Risk re-bleeding 43% 5. Active bleeding – Prevalence 7%, Risk re-bleeding 55% Lesion แบบที่ 3, 4, 5 Æ High risk ตอการเกิด re-bleeding - ถาผล H. pylori +ve Æ หลัง NPO ครบ 72 hr. แลวจะให H. pylori eradication = Triple therapy for “7-14 d” Triple therapy ประกอบดวย 1. Omeprazole (20) 1x2 ac 2. Amoxicillin (500) 2x2 or Metronidazole (400) 1x3 3. Clarithromycin (250) 2x2 pc Triple therapy จริงๆ แลวสามารถเลือกยา 3 ชนิดอะไรก็ได (เชนกรณีมีแพ ATB) แตตองมี PPI ไดแก “AOC, MOC, AOM” (นิยมใช AOC มากที่สุด) หลังจากให Triple therapy จะให PPI กินตออีก “3 mo.”
TOP SI 117
- Peptic ulcer disease (PUD) ถามี complication เกิดขึ้น (e.g. PU perforation) จะตองให Lifelong PPI (กินตลอด ชีวิต) - NSAIDs – เปนยาที่ไมควรใหในผูปวยที่มี GI risk, Renal/Liver impairment, CAD; หากตองให NSAIDs ในผูปวยที่มี GI / CV risk ใหประเมิน risk ดังนี้ GI risk 1. Age > 70 yr. 2. Previous ulcer 3. Previous complicated ulcer (เคย bleed มากอน) 4. Anticoagulant 5. ASA / Multiple NSAIDs 6. NSAIDs high-dose 7. Steroid 0-1 ขอ Æ Low risk 2-3 ขอ Æ Intermediate risk > 3 ขอ หรือมีขอ Previous complicated ulcer เพียงขอเดียว Æ High risk CV risk – ตองใช ASA prophylaxis, มี CAD equivalent หรือคํานวณ Framingham risk score อยูในกลุม high risk (10-yr risk ≥ 20%) ถาตองให NSAIDs ใหพิจารณาตาม risk ดังนี้ GI risk Low Intermediate High NSAIDs + PPI NSAIDs COX-2 inhibitor + PPI Low CV risk หรือ COX-2 inhibitor High CV risk NSAIDs + PPI ใชยาแกปวดกลุมอื่น NSAIDs ที่ prefer ที่สุดในคนที่มี CV risk คือ Naproxen เพราะมีผลตอ CV นอยสุด COX-2 inhibitor หามใหในผูปวยที่มี CV risk
Gastroesophageal reflex disease (GERD) - GERD เกิดไดจาก 3 สาเหตุ 1. Transient LES relaxation (tLESR) 2. Hypotensive LES 3. Anatomic disruption of EG junction (e.g. Hiatal hernia) - Symptoms: Typical GERD 1. Heartburn, better in upright position 2. Regurgitation Atypical GERD 1. Chronic cough 2. Recurrent sore throat 3. Recurrent laryngitis
TOP SI 117
-
-
-
4. Dental enamel loss 5. Chest pain 6. Asthma ในผูปวยที่เปน GERD นานๆ อาจ turn เปน Barrett’s esophagus (esophageal mucosa เกิด intestinal metaplasia) ซึ่งถือเปน high risk for AdenoCA Management 1. Lifestyle modification 1) Elevate head of bed 2) Decrease fat intake 3) Stop smoking 4) Avoid recumbency for 3 hr. postprandially 5) Avoid certain foods – Chocolate, Alcohol, Peppermint, Coffee, Onions, Garlic, Fatty food, Tomato 6) Avoid large meals 7) Do not eat before sleeping 8) Avoid medications that can potentiate symptoms – CCB, Anticholinergic, Nitrate 9) Chewing gum using 10) Weight loss 2. Medication 1) PPI – Omeprazole 20 mg/d (standard dose) 2) H2 blocker – Ranitidine 150-300 mg bid 3) Antacid – Alum milk 3. Antireflux surgery 4. Endotherapy PPI – Standard dose (ใชรักษา GERD ที่ไมมี Extra-esophageal manifestation) = dose ที่เทียบเทากันของ PPI ชนิดตางๆ 1. Omeprazole (Losec®, Miracid®) 20 mg 2. Pantoprazole (Controloc®) 40 mg 3. Esomeprazole (Nexium®) 40 mg 4. Rabeprazole (Pariet®) 40 mg 5. Lansoprazole (Prevacid®) 30 mg ถามี Extra-esophageal manifestation (e.g. แสบรอนถึงคอ, laryngeal asthma) ให PPI “Double dose” ของ standard dose ถาเปน stable GERD ให PPI “Half dose” ของ standard dose PPI ที่ใหทาง NG feed ได มี 2 ตัว คือ Esomeprazole (Nexium®) & Lansoprazole (Prevacid®) PPI กับ Plavix®: ในผูปวยที่กิน Plavix® อยู, การให PPI ควรเลือกให Pantoprazole (Controloc®) เปนอันดับ 1 เพราะ metabolize ผาน CYP2C19 (อยูในกลุม CYP450) “นอยที่สุด” Æ เกิด drug interaction นอยที่สุด PPI ตัวรองลงไปคือ Esomeprazole (Nexium®) กับ Rabeprazole (Pariet®)
TOP SI 117
Rabeprazole ไมผาน CYP2C19 แตเมื่อ metabolize ได ester form ของ Rabeprazole ก็จะผาน CYP2C19 อยูดี - Pregnancy: Omeprazole เปน category C สวน PPI ตัวอื่นเปน category B ดังนั้น ถาจําเปนตองให PPI ควรให PPI ที่ไมใช Omeprazole - I/C for GERD investigation (Upper endoscopy, Ambulatory esophageal pH monitoring) 1. Failure medical treatment 2. Long-term symptoms > 5 yr. 3. Age > 50 yr. 4. Atypical GERD 5. Alarm symptoms – Weight loss, Dysphagia, Odynophagia, Nausea, Fever, Hematemesis 6. Cannot R/O other diseases
Liver function test (LFT) - AST (SGOT) – ปกติ 5-40 U/L, อยูทั้งใน cytoplasm & mitochondria, พบทั้งใน liver, heart, kidney, RBC; ไม specific - ALT (SGPT) – ปกติ 0-40 U/L, อยูเฉพาะใน cytoplasm ของ liver cell, specific ตอ liver - ALP – ปกติ 40-117 U/L, อยูที่ canalicular membrane ที่ liver, เจอที่ bone (esp. bone formation มากๆ), intestine, placenta ดวย - Conditions ตางๆ ที่นึกถึงไดจาก LFT 1. Viral hepatitis (เปน Acute hepatocellular damage) Æ ALT ≥ AST (AST:ALT ≤ 1) 2. Alcoholic liver disease, Cirrhosis Æ AST > ALT เกิน 2x 3. Cholestasis Æ ALP > 4x UNML; ควร confirm วามาจาก liver จริงโดยเจาะ GGT จะสูงดวย เพราะ GGT ไมมีใน bone 4. Infiltrative lesion (Tumor, Granuloma) Æ ALP > 4x UNML แต LFT อื่นๆ normal
Cirrhosis - Signs of Chronic liver disease 1. Parotid gland enlargement 2. Spider nevi (ที่ V-shaped area) 3. Palmar erythema 4. Clubbing of fingers 5. Terry’s (white) nail 6. Dupuytren contracture (พบใน alcoholic cirrhosis) 7. Gynaecomastia 8. Testicular atrophy - Child-Pugh classification – บอก prognosis Score 1 2 2.8-3.5 Albumin > 3.5 2-3 Bilirubin (TB) 3
TOP SI 117
4-6 >6 Easily controlled Poorly controlled No (suppressed with medication) (refractory) Grade 1-2 Grade 3-4 Encephalopathy No (or suppressed with (or refractory) medication) วิธีจํา Albumin – สูตรคูณแม 7 (7x4=28, 7x5=35), Bilirubin 2-3, Coagulopathy (PT) เอา bilirubin x2 Prognosis – ตัด score ที่ 7 กับ 10 Survival 1-year 2-year Child A (score 5-6) 100% 85% Child B (score 7-9) 80% 60% Child C (score 10-15) 45% 35% - Management of cirrhosis 1. Symptomatic 2. Treat complication ที่เกิดขึ้น e.g. SBP, HE 3. Liver transplant (ใน Child B-C) - ในผูปวย cirrhosis จะให diuretics เปน Aldactone® (100) 1x1 pc ถาบวมมากๆ, มี ascites มาก Æ add Lasix® (40) 1x1 pc - ในผูปวย cirrhosis ถามาดวย diarrhea ตัวที่ชอบเปน pathogen คือ Vibrio กับ Aeromonas hydrophila (ถามีประวัติไปลุยน้ํา จะสงสัย Aeromonas มากกวา) ถามาดวย wound infection with septicemia มีประวัติไปลุยแองน้ํา/ทะเล ใหนึกถึง Vibrio vulnificus G/S: Gram-negative curved rods (ทั้ง Vibrio และ Aeromonas) Aeromonas จะชอบ Fresh/Waste water สวน Vibrio vulnificus จะชอบ Salt water (Halophilic) Coagulopathy (PT) Distended abdomen (Ascites)
2.5 g/dl – เกิดจาก Peritoneal disease (e.g. TB peritonitis, Carcinomatosis peritonei) - Complications of Ascites: “CHEST” 1. Cellulitis 2. Hepatorenal syndrome (HRS), Umbilical Hernia 3. Effusion (Rt. pleural effusion) 4. Spontaneous bacterial peritonitis (SBP) 5. Tense ascites - ถาให Diuretics ไมตอบสนอง Æ Large-volume paracentesis (LVP) = tap > 2 L, ให 20% Albumin (หรือ 50% albumin) กลับคืน 10 g ตอ 1 L ของ ascitic fluid ที่ออก e.g. LVP 2 L จะตองให Albumin คืน 20 g = 20% Albumin 100 ml ระวัง การทํา LVP ตองระวังเกิด Hypotension; การทํา LVP ทําใหเกิด HRS ไดงาย - การให Albumin 10 g: 20% Albumin 50 ml + Lasix® 40-120 mg IV drip in 30 min
Spontaneous bacterial peritonitis (SBP) -
-
-
Ascitic fluid infection – แบงเปน 4 types ดังนี้ C/S Type PMN (/mm3) MNB (Monomicrobial non-neutrocytic bacterascites) < 250 +ve Monomicrobial SBP (Spontaneous bacterial peritonitis) +ve Monomicrobial CNNA (Culture-negative neutrocytic ascites) -ve > 250 2° Peritonitis +ve Polymicrobial S&S of SBP: Abdominal pain (60%), Fever (50%), Rebound tenderness (10%), HE (10%) SBP เกิดจาก bact. ในลําไส หรือจาก infection ที่ urinary/respiratory tract แลวเกิด sepsis ทําใหมี bacteria ผาน เขามาใน ascitic fluid ชวงแรกๆ จะ C/S ขึ้น แต immune response ยังนอยอยู จะเปนแบบ MNB ตอมา immune response เพิ่มขึ้น กลายเปน SBP ตอมาเมื่อกําจัด bacteria ไดหมด ก็จะกลายเปน CNNA สรุป MNB Æ SBP Æ CNNA 60% เปน E. coli, ที่เหลือจะเปน Klepsiella, Streptococcus Management of SBP: Cefotaxime 2 g IV q 12 hr. for 5 d, F/U โดยสงตรวจ Ascitic fluid หลัง start ยา D.2
TOP SI 117
- Risk factors for SBP 1. UGIB 2. Previous SBP 3. AFTP < 1 g/dl ถามี Risk factor 1/3 ขอนี้ Æ Prophylaxis: Norfloxacin (400) 1x2 for 7 d (ในคนที่หายจาก SBP แลวจะทํา liver transplant จะให Norfloxacin ตอไป โดยลดขนาดเปน (400) 1x1 จนกวาจะ ทํา liver transplant)
Hepatitis Viral hepatitis profile - Hepatitis A virus (HAV) – เปน Acute, ชวงเวลาที่มี viremia สั้น (จึงไมตรวจ Ag) Anti-HAV IgG Anti-HAV IgM Interpretation กําลังติดเชื้อ + + เคยติดเชื้อ (มีภูมิอยูจากการ + ติดเชื้อ) / เคยฉีด vaccine - Hepatitis B (HBV) – เปนชนิดเดียวที่เปน DNA virus, เปนไดทั้ง Acute & Chronic
HBsAg
Anti-HBs
+
+
Anti-HBc IgM IgG IgG IgM
-
IgG
Interpretation Acute infection Chronic infection (carrier) Past infection (มีภูมิอยูจากการเคยติดเชื้อ) เคยฉีด vaccine Window period Occult infection (virus ต่ํามาก จนกระตุน Anti-HBs ไมได) หรือ Anti-HBs ต่ํามากจน detect ไมได
TOP SI 117
-
-
-
-
หลักการดู 1. ดูที่ HBsAg & Anti-HBs กอน 2 ชองนี้ จะไม +ve พรอมกัน (ถามี Ag อยู ก็จะยังไมมี Ab) Æ ใชแยกกอนวามี เชื้ออยูในตัวหรือเปลา 2. ถา HBsAg +ve Æ แยกวาเปน Acute หรือ Chronic hepatitis จาก Anti-HBc IgM 3. ถา Anti-HBs +ve Æ ดู Anti-HBc IgG (core Ag; มีเฉพาะใน virus จริงๆ เทานั้น ไมมีใน vaccine) แยกวาภูมิที่ ขึ้นมาจากเชื้อจริงๆ ที่เคยติด หรือมาจาก vaccine 4. ถาทั้ง HBsAg และ Anti-HBs –ve Æ ดู Anti-HBc วา IgM +ve (Window period) หรือ IgG +ve (Occult infection) HBV infection สวนใหญเปน Vertical transmission (ติดมาตั้งแตเกิด) ทําใหเกิด Chronic HBV infection (HBV carrier) Æ turn เปน Cirrhosis / HCC ได แตถาเพิ่งมาติด HBV ในผูใหญ มักเปน STD ซึ่งการติดในผูใหญ (immune ดีกวา) มักเปน Acute HBV infection มาดวยเรื่อง jaundice และหายขาดได ไมคอยเปน chronic Management of Chronic HBV infection (HBV carrier) 1. HBeAg +ve Æ Lamivudine 1-2 yr. หรือ PEG-IFN 4-6 mo. 2. HBeAg –ve แต HBV DNA > 105 copies/ml Æ Lamivudine > 1-2 yr. หรือ PEG-IFN 1 yr. 3. HCC surveillance: U/S + AFP q 6 mo. – ทําใน HBV carrier ที่เปนกลุม High risk ดังตอไปนี้ 1) Age > 40 yr. (male), > 50 yr. (female) 2) Advanced fibrosis / Cirrhosis 3) FHx of HCC สาเหตุที่ตองมีการทํา HCC surveillance เพราะ HBV carrier สามารถ turn เปน HCC ไดโดยไมจําเปนตอง ผานการเปน cirrhosis กอน (ตางกับ HCV carrier ที่จะเปน cirrhosis กอนแลวคอยกลายเปน HCC) Hepatitis C virus (HCV) – สวนใหญ (> 80%) เปน Chronic; ทําใหเกิด Cirrhosis Æ turn เปน HCC Anti-HCV IgG HCV RNA Interpretation Acute / Chronic Æ แยกโดยนัดอีก 6 mo. มาเจาะ HCV RNA ใหม ถา HCV RNA +ve Æ Chronic + + ถา HCV RNA –ve Æ Past infection (ตอนนั้นเปน Acute) Anti-HCV IgG จะมีอยูตลอดไป แต “มีนอย” Æ ยังติดเชื้อใหมได (HCV เปนชนิดเดียวที่เคยเปนแลว ยังเปนอีกได) HBV & HCV ติดตอทางเลือดได เทียบกับ HIV ติดตอไดดังนี้: HIV 0.3%, HBV 30%, HCV 3-10% Management of Chronic HCV infection: PEG-IFN weekly + Ribavirin 6-12 mo. Hepatitis D virus (HDV) – ติดรวมกับ HBV เสมอ (เพราะตองการ HBsAg มาใช); ชวงเวลาที่มี viremia สั้น (เหมือน HAV จึงไมตรวจ Ag); ตรวจ Anti-HDV ถา +ve ในคนที่เปน Acute hepatitis B Æ Co-infection ถา +ve ในคนที่เปน Chronic hepatitis B Æ Superinfection
Hepatocellular carcinoma (HCC) - HCC มี criteria ในการ Dx 2 อยาง (ใชกับคนไขที่เปน cirrhosis อยูเดิมเทานั้น), เอาขอใดขอหนึ่ง 1. Radiological criteria – 2 imaging techniques +ve (liver mass > 2 cm with arterial hypervascularization) 2. Combined criteria – 1 imaging technique +ve + AFP > 200 ng/ml
TOP SI 117
- Management of HCC 1. Hepatectomy 2. PEI (Percutaneous ethanol injection) ทําในผูปวย HCC ตอไปนี้ 1) Tumor ≤ 3 cm 2) Number ≤ 3 sites 3) No ascites / coagulopathy 3. RFA (Radiofrequency ablation) ทําในผูปวย HCC ตอไปนี้ 1) Tumor ≤ 6 cm 2) Number ≤ 3 sites 3) No ascites / coagulopathy 4. TACE (Transarterial chemoembolization) 5. Liver transplantation
Liver failure - Definition 1. Acute hepatocellular failure = Hepatocellular jaundice + Coagulopathy 2. Fulminant hepatic failure (เปน complication ของ Acute hepatocellular failure) = Brain edema + HE 3. Chronic hepatocellular failure = Jaundice + HE + Ascites + Variceal bleeding - Signs of liver failure 1. Flapping tremor (Asterixis) 2. Fetor hepaticus – กลิ่น dimethylsulfide - ถา F/U LFT ของผูปวยที่มี Liver failure แลว ถา Liver enzyme นอยลง ไมไดแปลวาดีขึ้น (เพราะตับปลอย enzyme ออกไปแลว และไมสามารถ regenerate ใหมได, confirm จากผล coagulogram ที่แยมากๆ)
Hepatic encephalopathy (HE) - HE มี 4 grade ดังนี้ Grade 1 – ΔMS (behavior/mood เปลี่ยน, มี sleep disturbance เชน reverse sleep pattern) Grade 2 – Lethargy (drowsy, slurred speech), Confusion, Disorientation Grade 3 – Stupor, Persistent disorientation Grade 4 – Coma; ถา response to pain = 4a, ถา no response = 4b ใน Grade 3, 4 เปน severe case พิจารณาใส ET tube (ปองกัน aspiration) - Minimal HE (MHE) = HE Grade 0 – Subclinical (เฉพาะคนใกลชิดเทานั้นถึงจะ detect ได) - Precipitating factors of HE: “BIG SCALP” Blood transfusion, BUNÇ Infection GI bleeding Sedation – จาก BDZ; แกโดยให Flumazenil IV Constipation – แกโดยให Lactulose
TOP SI 117
Alkalosis (metabolic) Low K+, Na+, Glucose (HypoK+, HypoNa+, Hypoglycemia) – แกโดย correct metabolic Protein intakeÇ (ทําให waste product เพิ่ม) – แกโดย restrict protein - Management of HE 1. Restrict protein – เริ่มจาก 0.5-0.8 g/kg/d แลวคอยๆ เพิ่มทีละ 0.25-0.5 g/kg/d q 3-5 d จนได 1-1.5 g/kg/d 2. Lactulose – start ที่ 30-45 g/d จนถายนิ่มวันละ 2-3 ครั้ง ถาใช Lactulose ไมไดผล พิจารณาให short-term ATB 1-2 wk. เปน Neomycin 3-6 g/d 2-3d แลวลดขนา เหลือ 1-2 g/d หรือ Metronidazole 400 mg/d (200 mg bid) 3. Zn 600 mg/d – เฉพาะใน chronic HE 4. Ornithine 9-18 g/d – เพื่อลด NH3 ในรางกาย 5. Flumazenil IV – เฉพาะในรายที่ซึมจาก BDZ
Hepatorenal syndrome (HRS) - HRS = Renal failure ที่เปน complication จาก Advanced chronic liver disease (มักเปน alcoholic), Liver failure และ Portal hypertension โดยตรวจไมพบ pathology ในเนื้อไต (structure, U/A, IVP, renal biopsy) ในผูปวย Liver failure ทุกรายที่มี S&S of pre-renal uremia, ไม response ตอการให IV fluid ตองนึกถึง HRS เสมอ - เกิดจากความไมสมดุลของ PG (vasodilator) และ TXA2 (vasoconstrictor) ซึ่งทั้ง 2 ตัวนี้เปน metabolite ของ Arachidonic acid - ผูปวยเหลานี้จะมี C.O. เพิ่มขึ้น แตมี vasoconstriction ของ bl. vv. ที่มาที่ไต ทําให GFR ลดลง ในทางตรงขาม กลับมี systemic arterial hypotension จาก vasodilator substance ทําใหเลือดไหลไปสู muscle, skin, spleen มากขึ้น - HRS แบงเปน 2 types ไดแก 1. HRS type 1 – เกิด renal failure รวดเร็ว (rapidly progressive; ภายในเวลา < 2 wk.), Cr จะเพิ่ม 2 เทา ภายใน 24 hr. ทําให GFR ลดลง > 50% (บางครั้งอาจเหลือ GFR < 20 cc/min) 2. HRS type 2 – เกิด renal failure ขึ้นชาๆ - Management: Albumin IV + Terlipressin (Arterial vasoconstrictor), ± HD, ± TIPPS, ± Liver transplant
Pancreatitis Acute pancreatitis - Acute pancreatitis – Common cause: 1. Alcohol (40%) – ผูชายมากกวา 2. Gallstone (40%) – ผูหญิงมากกวา - S&S: Epigastric pain นั่งโนมตัวมาขางหนาแลวอาการดีขึ้น - Acute pancreatitis ทุก case ควรสงตรวจ ALT, U/S upper abdomen; Dx Acute pancreatitis วามีสาเหตุจาก Gallstone เมื่อ 1. ALT > 3x UNL หรือ 2. U/S: Gallstone - Dx Acute pancreatitis เมื่อมี 2/3 ขอตอไปนี้
TOP SI 117
-
-
-
1. Abdominal pain ที่ทําใหสงสัย Acute pancreatitis 2. Amylase หรือ Lipase > 3x UNL 3. Imaging: CT หรือ MRI เขาไดกับ Acute pancreatitis Acute pancreatitis ที่เกิดจาก Gallstone + มี Cholangitis รวมดวย Æ ERCP w/in 72 hr., then LC เพื่อ prevent recurrence Revised Atlanta classification – ใชเพื่อประเมิน severity ของ Acute pancreatitis On admission or within 1st 24 hr. APACHE II score ≥ 8 BISAP score ≥ 3 (Elevated BUN, Impaired consciousness (GCS < 15), SIRS, Age > 60, Pleural effusion) Within 1st 48 hr. Clinical - Persistent organ failure > 48 hr. (SBP < 90 mmHg or Pao2/Fio2 < 200 or Serum Cr > 2 mg/dl) - Persistent SIRS > 48 hr. Ranson’s score ≥ 3 Modified Glasgow score ≥ 3 CRP ≥ 150 mg/L ESR ≥ 60 mm/hr. Management Mild (80%) Æ Supportive Severe (20%) Æ Enteral feeding, ERCP w/in 72 hr., CT scan with contrast (ปลาย wk. แรก) ผล CT scan with contrast - ไมมี Pancreatic necrosis Æ Supportive - มี Pancreatic necrosis - มี Pancreatic gas Æ Sx - ไมมี Pancreatic gas Æ Supportive 5-7 d ± ATB Æ ถาไมดีขึ้น ใหทํา FNA ผล FNA: - Infection Æ Sx - No infection Æ Supportive Prognosis: ใน Mild acute pancreatitis อาการมักดีขึ้นใน 3-5 d, Mortality rate 0-1% สวน Severe acute pancreatitis มี Mortality rate 10-30%
Chronic pancreatitis - Chronic pancreatitis – Common cause: 1. Chronic alcoholism (80%) 2. Idiopathic (20%) แบงเปน Early-onset (Age < 35 yr.), Late-onset (Age ≥ 35 yr.); เกี่ยวของกับ genetic, cystic fibrosis - S&S: Abdominal pain, Pancreatic enzyme deficiency, DM, Jaundice
TOP SI 117
- Ix: U/S, CT, MRCP, ERCP, EUS - Management 1. Medical treatment 1) Stop alcohol & smoking 2) Analgesic 3) Lipase 90,000 Ph Eur ตอมื้อพรอมอาหาร (แตในทางปฏิบัติอาจใหครึ่งเดียวกอน คือ 40,000-45,000 Ph Eur ตอมื้อ) 4) Antioxidant: Selenium 600 μg/d, Vitamin A 9,000 U/d, Vitamin C 500 mg/d, Vitamin E 400 U/d, Methionine 2 g/d 2. ERCP 3. Sx: Modified Peustow operation (ในผูปวยที่ Pancreatic duct โต) Pancreatic head resection (ในผูปวยที่ Pancreatic duct ไมโต หรือมี Pancreatic head โต) – ใชในผูปวยที่รักษาดวย Medical treatment / ERCP แลวไมไดผล 4. Celiac plexus block (ผานทาง EUS หรือ CT-guided posterior Percutaneous approach) หรือ Thoracic splanchnicectomy – ทําใหอาการดีขึ้นชั่วคราว ~ 2-3 mo. - Complications of ERCP มี 4 ขอ ดังนี้ 1. Bleeding 2. Perforation 3. Cholangitis 4. Pancreatitis
Gallstones - Risk factors of GS = “4F” 1. Female 2. Forty 3. Fertile 4. Fat - Cause: Cholesterol supersaturation, Hypersecretion of mucin & bilirubin, Hypomotility or stasis of GB - Symptoms: Biliary colic – มี characteristic ดังนี้ 1. Severe persistent RUQ / Epigastric pain 2. Duration 1-5 hr. 3. Refer to Rt. scapula 4. After big fatty meal / Night pain 5. ± Other symptoms e.g. N/V - Ix: U/S (Sense 95%, Spec 90%), Plain abdomen (+ve opaque stone < 30%) - Management: Cholecystectomy – Open (OC) / Laparoscopic (LC) เมื่อมี I/C I/C for Cholecystectomy
TOP SI 117
1. 2.
3. 4.
Symptomatic GS Asymptomatic GS ในกรณีตอไปนี้ 1) GS > 2.5-3 cm 2) Premalignant lesion – GB polyp > 1 cm, Porcelain GB (Calcified GB) GB polyp เปน premalignant มากกวา Porcelain GB 3) Splenectomy in hemolytic anemia (HS, Sickle cell anemia) 4) Bariatric surgery 5) Long-term TPN Acute cholecystitis (± Complications: Empyema of GB, Emphysematous cholecystitis, GB perforation) นักบินอวกาศ
Acute cholecystitis - Acute cholecystitis – แบงเปน 1. Acute calculous cholecystitis (90-95%) – relate to GS 2. Acute acalculous cholecystitis (5-10%) - Pathophysiology: GS Æ Cystic duct obstruction Æ GB distension Æ GB wall inflammation & edema Æ GB ischemia & necrosis - Symptoms: RUQ pain เหมือน Biliary colic แต Duration เปนวัน (นานกวา Biliary colic), N/V, Fever - Signs: 1. RUQ tenderness with guarding 2. Murphy’s sign (Inspiratory arrest with deep RUQ palpation) 3. ± Palpable RUQ mass - Ix: 1. U/S (Sense 85%, Spec 95%) – พบ 1) Thickened GB wall > 4 mm 2) GB distension 3) Posterior acoustic shadow (GS) 4) Pericholecystic fluid 5) Sonographic Murphy’s sign (Focal tenderness directly over GB) 2. 99Tc-HIDA scan (Sense 95%, Spec 95%) – พบ 1) Obstructed cystic duct 2) Non-filling GB (ไมเห็นสีเขาไป fill ใน GB) False negative (สี fill GB ภายใน 30 min) 0.5%, 15-20% สีจะ fill ใน GB ในชวง 30-60 min False positive (สีไม fill GB) อาจพบไดในผูปวย fasting ที่ไดรับแต TPN, Severe liver disease (uptake ไม ดี), Cystic duct obstruction จาก chronic inflammation ทําให bile flow ลงไปสู duodenum ไมเขาไปใน GB
TOP SI 117
วิธีแกไมใหเกิด False positive: ทํา Morphine cholescintigraphy โดยฉีด Morphine IV เพื่อไปเพิ่ม resistance ของ Sphincter of Oddi (เปนการเพิ่ม Spec) ถาสียังเขา GB ไมไดอีก แสดงวามี cystic duct obstruction จริง - Management 1. ATB: 3rd gen. Cephalosporin / Gentamicin / FQ + Metronidazole (cover Gram negative + Anaerobe) 2. Pain control: Pethidine® ไมควรให NSAIDs 3. Cholecystectomy – Open (OC) / Laparoscopic (LC), แบงเปน 1) Immediate cholecystectomy – ตองทําภายใน 24-48 hr. ไมควรทําหลังจากนี้ เพราะ GB จะ inflame มาก, ปกติมักทําไมคอยได เพราะมักจะมาชา 3-4 d ไปแลว หรือแมวาจะให Hx onset ไมเกิน 48 hr. แตก็ เชื่อถือไดยากในคนไทย เพราะไมได detect ตนเองไดตั้งแต onset จริงๆ จึงมักตองทํา Interval cholecystectomy มากกวา Early LC (w/in 48 hr.) มีโอกาส fail 4%, แตถา Delayed LC (> 48 hr.) จะเพิ่มโอกาส fail เปน 23% 2) Interval cholecystectomy – มักใชวิธีนี้ คือให ATB ไปกอน 6 wk. หรือ 2 mo. แลวคอยนัดมา Sx Prefer OC > LC ในคนอายุมาก, ASA class มาก, อวนมากๆ, GB wall หนา กรณีผูปวยที่ unfit for Sx จริงๆ ใหทํา Cholecystostomy (Percutaneous transhepatic cholecystostomy) เพื่อ drainage แทน (ใชแค LA ไมตอง under GA) Æ Off เมื่อทํา Cholangiography แลวพบวา Patent cystic duct; กรณีที่ fail Cholecystostomy ก็ตอง Sx - Complications of Cholecystitis 1. Empyema of GB 2. Emphysematous cholecystitis – มี air ใน GB wall / lumen, เกิดจาก Gas-forming Clostridium spp. 3. GB perforation – พบ 10% ของ Acute cholecystitis, มักเกิดที่ Fundus - Management for Complicated cholecystitis 1. Resuscitation 2. Closed monitoring 3. IV ATB 4. Emergency cholecystectomy
Colorectal diseases Colonic polyposis - Colonic polyposis – polyp ที่พบบอย ไดแก 1. Tubular adenoma - ไมจัดเปน precancerous lesion, โอกาส turn เปน CA ขึ้นกับขนาดของ tumor ถาขนาด < 1.5 cm Æ โอกาส turn เปน CA 2% ถาขนาด > 3.5 cm Æ โอกาส turn เปน CA 76% - แบงเปน 2 ชนิด 1) Pedunculated polyp
TOP SI 117
2.
3.
2) Sessile polyp – โอกาสเปน CA มากกวา Villous adenoma - เปน precancerous lesion, มีโอกาสเปน turn เปน CA สูง (esp. elderly, large tumor) - สราง mucus Æ ทําใหถายเปนมูก, เสีย K+ ไดมาก ทําใหเกิด HypoK+ มีอาการ weakness ได Familial adenomatous polyposis (FAP, Adenomatous polyposis coli, APC) - เปน genetic disease, ถายทอดแบบ AD, ผิดปกติที่ APC gene (เปน tumor suppressor gene) บน chromosome 5q21 - เปน precancerous lesion, มี polyp จํานวนมากกระจายตลอดลําไสทุกสวน, เมื่ออายุมากขึ้น polyp จะ turn เปน CA ทุกราย - ผูปวยที่ Dx เปน FAP ทุกรายตอง Sx: เอา LB + Rectum ออกหมดจนถึงสวนที่ใกล Anal verge + ทํา Ileal-pouch anal anastomosis - ตองตรวจทุกคนในครอบครัว, F/U ตั้งแตอายุนอย - Gardner’s syndrome = FAP + Extraintestinal manifestations ไดแก 1) Sebaceous cyst 2) Osteoma (Mandible, Skull, Long bones) 3) Desmoid tumor
Colonic diverticulosis - Colonic diverticulosis – เกิดไดทุกสวนของลําไส, พบมากสุดที่ Sigmoid colon - Diverticulum เกิดจาก pressure ใน lumen ของลําไสมากกวาปกติ, ฝง mesenteric site ของ intestinal wall (มี blood supply เขามา) เปน weak point Æ ดันออกเปนถุงโปงยื่นไปดานนอก - การกินอาหารที่มี fiber นอย (esp. คนที่ชอบกิน fast food) จะมีโอกาสเกิด Diverticulosis ไดมากกวา - ผูปวย Colonic diverticulosis อาจไมมีอาการเลย แตจะมาพบแพทยเมื่อเกิด Colonic diverticulitis - Colonic diverticulitis – มักพบในผูปว ยอายุ > 40 yr. - S&S: Abdominal pain, Fever, Tenderness ± Mass, ถาเปนมาก จะเปน Abscess อาจมี Perforation ทําใหเกิด Peritonitis - Management 1. NPO 2. IV ATB: Gentamicin + Metronidazole 3. Plain film abdomen: ดูวามี perforation หรือไม (มี free air ใต dome of diaphragm) 4. CT - ไมควรทํา Sigmoidoscopy หรือ BE ในขณะที่ยังอักเสบมาก หรือ perforation, ใหทําหลังจากหายอักเสบ 3-6 wk. - บางราย มี perforation เขาไปใน bladder ทําใหมี feces ปนออกมากับ urine = Fecaluria บางรายมีลมออกมากับ urine = Pneumaturia - Diverticular hemorrhage – ผูปวยจะมี Hematochezia, สวนใหญจะ bleed ไมมาก, หยุดเองได แตบางรายอาจเปน Massive LGIB ตองรีบ Sx; Ix: Colonoscopy, Angiography Most common cause ของ Massive LGIB คือ Diverticular hemorrhage - ผูปวย Colonic diverticulosis ที่มี Diverticular hemorrhage > 2 ครั้ง Æ เปน I/C for Sx
TOP SI 117
Colorectal cancer (CRC) - CRC screening – ในคนทั่วไปที่ average risk: No Hx Adenoma / CRC / IBD, No FHx CRC ให screen เมื่ออายุ ≥ 50 yr.; วิธี screen ทําไดดังนี้ (เลือกขอใดอยางหนึ่ง หรือหลายขอก็ได) 1. Stool occult blood (FOBT) q 1 yr. 2. Flexible Sigmoidoscopy q 5 yr. 3. Double-contrast barium enema (DCBE) q 5 yr. 4. Colonoscopy q 10 yr. - Dukes’ staging of CRC T1 Invade Submucosa T2 Invade Muscular layer T3 Invade Serosa, Perirectal tissue T4 Invade Adjacent organ N0 No regional LN metastasis N1 Metastasis in 1-3 regional LN N2 Metastasis ≥ 4 regional LN M0 No distant metastasis M1 Distant metastasis ถาอันไหน assess ไมได จะใสเปน X (e.g. TX, NX, MX) Stage TNM Management 1 100, 200 Early Sx 2a 300 2b 400 3a 110, 210 Locally Sx + CMT advanced 3b 310, 410 3c T20 TN1 CMT + RT ± Sx Metastatic 4 สังเกต N1 Æ Stage 3 ขึ้นไป; M1 Æ Stage 4 - CA Cecum (Rt. side) – most common มาดวย “Anemia” (PBS: IDA), ทําใหเกิด LBO, Perforation, Bleeding, ไมคอยมี bowel habit change เพราะ feces ที่บริเวณ Cecum ยังเปน liquid อยู - CA Sigmoid (Lt. side) – most common มาดวย “LBO”, ทําใหเกิด Bowel habit change, Abnormal defecation, Constipation, Mucous bloody stool - CA Transverse colon – อาการคลายกับ Rt. side, มาดวย Anemia - เมื่อสงสัย CA Colon หรือ Sigmoid Æ Ix ตามลําดับ คือ 1. BE – เห็น Apple-core appearance 2. Sigmoidoscopy + Bx - การผาตัด CA Colon จะตองเลาะเอา LN ออกอยางนอย 12 nodes จึงจะเพียงพอตอการประเมิน metastasis
T
N
M
TOP SI 117
- Early stage (1, 2a) Æ Sx เทานั้น ยกเวนกรณีตอไปนี้ ให add CMT ดวย 1. Age < 40 yr. 2. Pathology เปน Poorly-differentiated 3. Angiolymphatic invasion - Locally advanced stage (2b, 3) Æ Sx + CMT - Metastatic stage – ถามี Liver metastasis ใหทํา Wedge hepatectomy - CA Rectum – S&S: Bowel habit change, Mucous bloody stool, Anorexia, Weight loss, etc. - ถาสงสัย CA Rectum ใหทํา PR, BE Æ ถาเห็น lesion เอาไปทํา Sigmoidoscopy ตอ Rectum ยาว 15 cm, แบงเปน 3 สวน (สวนละ 5 cm) 1. Upper rectum – หางจาก Anal verge 11-15 cm 2. Middle rectum – หางจาก Anal verge 7-11 cm 3. Lower rectum – หางจาก Anal verge 7 cm, ตรวจไดจาก PR (ลึกสุดปลายนิ้ว) Anal verge ทาง Clinical: ถึง Dentate line ทาง Anatomy: ถึง Anorectal junction - Management: Sx - Upper rectum Æ AR (Anterior resection) - Lower rectum Æ APR (Abdomino-perineal resection) – ตัด Rectum ออก แลวทํา Permanent colostomy - Middle rectum Æ AR or APR - ในบางราย อาจทําผาตัดใหยังสามารถถายทาง anus แบบธรรมชาติหลังผาได เรียกวา LAR (Low anterior resection, Sphincter sparing operation) - กรณีเปน CA Rectum stage 2 ขึ้นไป หรือกอนใหญมาก พิจารณาทํา Neoadjuvant chemoradiation กอน Sx
TOP SI 117
Infectious Diseases Acute febrile illness (AFI) - AFI = มีไข T > 38.3°C ไมเกิน 2 wk. - แบงสาเหตุใหญๆ ออกเปน 1. Infectious cause: Hx & PE เพื่อแยก 1) Localized infection – w/ specific organ involvement 2) Systemic infection – w/o specific organ involvement 2. Non-infectious cause: Drug hypersensitivity, Autoimmune - DDx ใน AFI ที่เปน systemic infection (ไมมี organ-specific symptom) มีดังนี้ 1. Dengue/Chikungunya infection 2. Rickettsial infection (Scrub/Murine typhus) 3. Leptospirosis 4. Malaria 5. Salmonellosis 6. Other viral infection (Influenza A/B, EBV, JEV)
Dengue infection - พาหะที่นํา Dengue virus คือ ยุงลาย = Stegomyia aegypti (ชื่อเดิม: Aedes aegypti) - แบง severity เปน 3 แบบ คือ 1. Undifferentiated fever – ในเด็กเล็ก มีไขสูงลอย อาจมี MP rash ดวย 2. Dengue fever (DF) – ไขสูงลอย, หนาแดง, Headache, Myalgia, Anorexia, อาจมี Petechiae, Tourniquet test +ve (พัน cuff อยูที่กึ่งกลาง SBP กับ DBP นาน 5 min, คลาย cuff ทิ้งไว 1 min, +ve เมื่อมีจุดเลือดออก มากกวา 10 จุด/in2) 3. Dengue hemorrhagic fever (DHF) = DF + Plasma leakage (S&S: Hepatomegaly, RUQ tenderness (น้ําไปคั่งอยูในตับ), Hemoconcentration, Ascites, Pleural effusion) - DHF ในที่ plasma leakage มากๆ จะเกิด Dengue shock syndrome (DSS) = DHF grade 3, 4 - DF แบงเปน 3 stage คือ 1. Febrile stage – 2-7 วัน, มีไขสูงลอย; ใหจิบ ORS หรือน้ําผลไม ถากินไมได ใหเปน 5%D/N/2 50%MT (ไมให มาก เพราะเดี๋ยวตอน shock stage จะมี plasma leakage มากขึ้น), ให Paracetamol ลดไข, ถามี N/V ให Motilium® Dengue infection ในผูใหญ มีขอสังเกตที่แตกตางจากในเด็ก คือ ในผูใหญ ชอบทําใหเกิด Diarrhea ดวย 2. Shock stage – 1-2 วัน, มี plasma leakage, ไขลดลงอยางรวดเร็ว; ให 5%D/NSS (isotonic), ดู V/S, PP, capillary refill, Hct ถามี bleeding รุนแรง (Hct drop เร็ว) จะให Fresh whole blood; ถามี shock จะมี pulse เบาเร็ว, PP แคบ ตองให fluid เขาไปเร็วๆ ระวัง “วันแรกทีไ่ ขลง” คือวันที่จะมี Plasma leakage มากที่สุด, Platelet ลงต่ําที่สุด เปนชวงที่จะ shock, bleeding ไดมาก, ไมจําเปนตองให Platelet ในกรณีที่มีแต Thrombocytopenia โดยไมมี bleeding เพราะถึง ใหไปก็ถูกทําลายหมดอยางรวดเร็ว; หลังจากผาน 24 hr. แรกที่ไขลงไปแลว มักจะเปนชวงที่ปลอดภัยแลว
TOP SI 117
3.
-
-
-
-
-
Convalescent stage – 2-7 วัน, plasma ที่ leak ออกมาถูกดูดกลับเขา bl.vv., ปสสาวะออกเพิ่มขึ้น, อยาก อาหารเพิ่มขึ้น, อาจมี convalescent rash; ระยะนี้ตองหยุดให IV fluid เพราะสารน้ํากลับเขา bl.vv. อาจทําให เกิด pulmonary edema, pleural effusion หรือ ascites ได, observe clinical bleeding ขณะที่ platelet ยังไม ปกติดวย WHO Criteria for DHF (Dengue hemorrhagic fever) ตองมีครบ 4 ขอ ดังนี้ 1. Fever 2-7 days (มักเปน high continuous fever > 38.5°C), บางครั้งอาจเปน biphasic 2. Hemorrhagic tendency เชน 1) Tourniquet test +ve 2) Petechiae / Ecchymosis / Purpura 3) Hematemesis / Melena 4) Mucosal bleeding, GIB, Bleeding from injection site, etc. 3. Thrombocytopenia (Platelet < 100,000/mm3) 4. Evidence of plasma leakage โดยมีขอใดขอหนึ่งตอไปนี้ 1) Hemoconcentration: HctÇ ≥ 20% 2) มีอาการของ Plasma leakage – e.g. Pleural effusion, Ascites, Hyponatremia WHO Criteria for DSS (Dengue shock syndrome) = DHF + ขอใดขอหนึ่งตอไปนี้ 1. Pulse เบา เร็ว, PP แคบ (≤ 20 mmHg) 2. Hypotension ตัวเย็น กระสับกระสาย WHO Grading of DHF Grade Description Symptoms เขาไดกับ DHF รวมกับ Tourniquet test +ve หรือ 1 CBC / Serology สนับสนุนวาเปน DHF โดยที่ไมมี bleeding, V/S stable Bleeding (e.g. Petechiae, Epistaxis, GIB, Melena) แตยัง V/S stable 2 Impending shock: V/S change – Hypotension, PP แคบ, Pulse เบาเร็ว, มือเทาเย็น, กระสับกระสาย, ตัวเย็นเหงื่อออกผิดปกติ, Urine ออกนอยลง, มี 3 Significant bleeding Profound shock: วัด BP ไมได, มี Massive bleeding 4 DHF grade 1, 2 แยกกับ DF ตรงที่ DHF จะมี Hemoconcentration (Plasma leakage) รวมดวย DHF grade 3, 4 = DSS สังเกต DHF ไมจําเปนตองมี hemorrhage ตองแยก DSS กับ Hypovolemic shock จาก bleeding DSS – BP ไมต่ํามาก แต PP แคบมาก (e.g. BP 100/90 mmHg) Hypovolemic shock – BP ต่ํา, PP แคบ แตกวางกวา DSS (e.g. BP 80/50 mmHg) ควรใหยาลดไขเปน Paracetamol ไมควรให NSAIDs เพราะอาจทําใหเกิด GIB ได ถาเปนผูหญิงที่มี menses อยูแลวเปนโรค DHF ตองใหยาหยุด menses สิ่งที่ใชดูวาผูปวยใกลจะหายแลว (เขาสู Convalescent stage แลว) = “ABCD”: Appetite, Bradycardia, Convalescent rash, Diuresis + คันฝามือฝาเทา
TO OP SI 117
Malaria - S&S: Spike fever w/ w chill, Headaache, Mild jauundice & anem mia, Hepatospplenomegaly (ไมมี lymphadenoppathy, ไมมี rash), มี Hx ไปเทีที่ยวใน endem mic area - Incubbation period 14 d (Pf), 17 d (Pv) - Ix: 1. Thick & Thin film, Giemsa stain for malaaria
-
Pf (Plasm modium falcipparum) – Infeccted RBC ขนาาดปกติ, Ring form, f Double chromatin, Multiple infection, Marginal form, Maurer’s dot, d Crescent--shaped gametocyte
modium vivaxx) – Infected RBC R ขนาดใหญ ญกวาปกติ, Schuffner’s dotss, พบเชื้อหลายยระยะ - Pv (Plasm 2. CBC – normaal, แตอาจมี thrrombocytopennia ได - Compplicated Pf (Severe malariaa) = มีสิ่งตอไปนี้ – Cerebral malaria, Markked jaundice, Renal failure, Pulmoonary edema, CVS collapsse, Hypoglyceemia, Spontanneous bleedinng, Repeated GTC seizure, Acidosis - Manaagement 1. Uncomplicateed Pf – ให Combined anti-m malarial ดังนี้ (ต ( องใหทั้ง 2 ตััว) 1) Artesunaate (50) 4x1 foor 3 d (รวม 6000 mg = 12 taab) 2) Mefloquinne (250) 3 tabb stat, then 2 tab in 6 hr. laater (รวม 5 taab = 1,250 mgg) ขอควรระวังของ Mefloqquine (1) หามใหทีเดียว 5 tab เพราะจะเกิด SE คือเวียนศีศีรษะมากจนทําอะไรไม า ไดเลยย ตองแบงให 3 tab ไป กอน แลวอีก 6-24 hr. ถัดมาคอยใหอีก 2 tab (2) ยามี T½ = 28 d, ถถาได Mefloquuine มาแลวภายใน 1 mo. หามให า อีก m – เหมือน อ Uncompliccated Pf แตเปลี่ยน Artesunaate เปนยาฉีด 2. Complicated Pf (Severe malaria) a 12 hr., thenn at 24 hr., 1) Artesunaate 2.4 mg/kg IV stat, then at then 2.4 mg/kg OD, Total course = 5 d 2) Mefloquine (250) 3 tabb stat, then 2 tab in 6 hr. laater 3. Pv – ให Combbined anti-maalarial ดังนี้ 1) Chloroquuine (250) สูตร “4-2-2-2”(ใหห 4 tab stat, อีก 6 hr. ใหอีก 2 tab, วันรุงขึ้นใหอีก 2 tab,, วันรุงขึ้น ใหอีก 2 tab; t รวม 3 วัน = 10 tab)
TOP SI 117
2) Primaquine (15) 1x1 for 14 d (กําจัด hypnozoite ปองกัน relapsed) 4. Pf+Pv – ให Combined anti-malarial เหมือน Pf แต add Primaquine 14 d เขาไปดวย สรุป Pf: Artesunate (50) 4x1 for 3 d + Mefloquine (250) 3 tab then 2 tab next 6-24 hr. Pv: Chloroquine (250) สูตร 4-2-2-2 + Primaquine (15) 1x1 for 14 d - ตัวอยางการเขียน order ในผูปวย Malaria ชนิด Complicated Pf (Cerebral malaria) + Pv (BW = 50 kg) One day Continue - Record V/S q 1 hr. - Regular diet - Observe neurological sign q 1 hr., if GCS - Record V/S, I/O as ml drop > 2, pls. notify - Retained Foley catheter - Record urine output q 4 hr. Medication 1. Primaquine (15) 1x1 for 14 d - DTX q 6 hr. 2. Artesunate 120 mg IV stat, then at 12 hr., then - Blood for CBC with PBS, BUN/Cr, Electrolyte, 2+ 2+ 3at 24 hr., then 120 mg OD (Total 5 d) Ca , Mg , PO4 , Uric acid, LFT - U/A - On O2 cannula 3 LPM, keep O2 sat. ≥ 95% - Dilantin® 750 mg (15-20 mg/kg) + NSS 100 cc IV drip in 20 min - Mefloquine (250) 3 tab stat, then 2 tab next 6 hr.
Leptospirosis - เกิดจาก 2 serotypes หลัก คือ Leptospira interrogans และ Leptospira biflexa - S&S: Asymptomatic (Subclinical infection) / Symptomatic ในกลุมที่เปน Symptomatic จะมีอาการแบงเปน 2 phases คือ 1. Leptospiremic phase – D.4-7, แยกเชื้อไดจาก Blood & CSF; มีอาการไขสูง, ปวดศีรษะ, ปวดเมื่อยกลามเนื้อ (esp. back, calf, neck), N/V, ตาแดง (เพราะ vessel ในตาเกิด vasodilatation), ± มี hypotension, stiff neck, lymphadenopathy, hepatosplenomegaly, rash 2. Immune phase (Leptospiruric phase) – เริ่มมี Ab, หลังจากมีไข 1 wk., มีชวงที่ไขลง 1-2 d แลวกลับมีไขขึ้นอีก = “Biphasic”, มีอาการปวดศีรษะ, ไขต่ําๆ, N/V แตไมรุนแรง, meningitis, iridocyclitis, impaired liver & renal function, ผูปวยอยูใน phase นี้ไดนาน 4-30 d, พบเชื้อไดจาก blood & CSF ไดเฉพาะใน 1-2 d แรก หลังจาก นั้น เชื้อจะออกมาใน Urine นาน 1-3 wk., ผูปวยที่ severe จะมีไขสูงลอย
Urinary tract infection (UTI) - เกิดจากเชื้อ SEEK PP: S. saprophyticus (10%), E. coli (80%), Enterobacter, Klepsiella, Proteus, Pseudomonas
Acute pyelonephritis - S&S: Triad 1. Fever with chill 2. CVA tenderness
TOP SI 117
-
-
-
-
3. Flank pain ซัก Hx เกี่ยวกับปสสาวะ, obstruction, status bed ridden (esp. old CVA), catheter, DM Ix: CBC, U/A (WBC > 10/HP), MUC Severity – แบงดังนี้ 1. Mild 2. Moderate – มี 1/4 ขอตอไปนี้ 1) High fever 2) Severe flank pain 3) N/V or systemic symptoms 4) WBC > 15,000/mm3 3. Severe – Unstable sepsis Management - Mild – OPD case: ให Ofloxacin (400) 1x2 หรือ Ciprofloxacin (500) 1x2 for 14 d then F/U D.3 (72 hr.) ถาไมดีขึ้น Æ admit - Moderate-Severe – Admit แลวให Ceftriaxone 1 g IV OD for 14 d (or Ampicillin 1 g IV q 6 hr. + Gentamicin 2 mg/kg IV q 8 hr.) เขียน order ดังนี้ One day Continue - Blood for CBC, BUN/Cr, Electrolytes - Record V/S, I/O q 2 hr. - U/A, MUC Medication - NSS 1,000 ml IV drip rate 80 ml/hr (~ MT) - Ceftriaxone 1 g IV OD หลังจากให Ceftriaxone D.2 (48 hr.) แลว re-evaluation - ถา improve Æ switch เปน oral ATB (แบบ OPD case) จนครบ 14 d - ถาไข, WBC ยังไมลง, ยังมี flank pain อาจเกิดจาก sense เชื้อผิด, เชื้อดื้อยา หรือมี complication Æ สง MUC (ขอ sense – เปลี่ยน ATB), Plain KUB, U/S kidney ถาพบ Perinephric abscess (ในคนที่มี predisposing factor e.g. DM, stone, old CVA status bed ridden) ให ทํา Percutaneous drainage
Streptococcal infection - Streptococcus pyogenes (Streptococcus group A, GAS) – ทําใหเกิด Erysipelas, Impetigo contagiosa, Scarlet fever, Toxic shock syndrome (TSS), Necrotizing fasciitis (NF), Rheumatic fever (RF) - Management of TSS: PGS 6 MU IV q 6 hr. + Clindamycin 900 mg IV q 8 hr. - Management of RF: PGS 1.2 MU IM OD for 10 d
Staphylococcal infection -
Management: Cloxacillin 500 mg + NSS 100 cc IV drip in 30 min q 6 hr. กรณีเปน S. aureus เขา joint: เพิ่ม dose เปน Cloxacillin 2 g q 6 hr. กรณีเปน S. aureus ขึ้นใน H/C: เพิ่ม dose เปน Cloxacillin 2 g q 4 hr. (หรือ q 6 hr.)
TOP SI 117
-
กรณีเปน MRSA – ATB: Vancomycin 1 g q 12 hr. (สําหรับ normal renal function; ปรับ dose ตาม renal function)
Pneumonia - การรายงานผล adequate sputum: WBC > 25/LF, squamous epithelial cells < 10/LF - CURB-65 score – ใชประเมิน severity เพื่อบอกวาตอง admit หรือไม 1. Confusion (AMTS ≤ 8) 2. Uremia (BUN > 20 mg/dl) 3. RR ≥ 30/min 4. BP < 90/60 mmHg (SBP < 90 or DBP ≤ 60) 5. Age ≥ 65 yr. Score = 0-1 Æ OPD case Score = 2 Æ Admit ward (IPD) Score ≥ 3 Æ Admit ICU - Management Pathogen / Disease ATB S. pneumoniae Ceftriaxone 2 g IV OD P. aeruginosa Ceftazidime 2 g IV q 8 hr + Amikacin 15 MKD IV drip B. pseudomallei Ceftazidime 40 mg/kg IV q 8 hr. for 14 d A. baumannii Sulperazone (Sulcef®) or Ampicillin/Sulbactam (Unasyn®) A. baumannii (MDR) Colistin CAP (include Ceftriaxone 2 g IV OD + Azithromycin (250) 2x1 or Clarithromycin (250) 2x2 Atypical pneumonia) (แตถาเปน lobar pneumonia ก็ไมตองให Macrolide) CAP / HCAP Levofloxacin (Cravit®) (500) 1x1 (ถาตัวใหญให 1½x1) (OPD case) ถาใหใน ร.พ. เปน IV form: Levofloxacin 750 mg IV OD HAP Tazocin® 4.5 g q 6-8 hr. (ปรับตาม CrCl) Mixed (Aspiration) Ceftriaxone 2 g IV OD + Clindamycin 600 mg IV q 8 hr. - CAP บานๆ ให ATB นาน 5 d (ถาให IV กอน ก็ใหจนไขลง 48-72 hr. แลวเปลี่ยนเปน oral ATB จนครบ 5 d) - HAP สงสัยเมื่อเกิด pneumonia ขึ้นหลังจาก admit ≥ 72 hr. หรือเกิดหลังจาก D/C จาก ร.พ. ไปไมเกิน 2 wk. - K. pneumoniae – มักกอโรคใน host ที่เปน DM, ทําใหเกิด Lobar pneumonia CXR: Lobar consolidation, Bulging of minor fissure (ชวยบอกวาเปนการติดเชื้อ K. pneumonia)
Pulmonary TB - สงสัย Pulmonary TB Æ สง morning sputum AFB (เก็บตอนเชาหลังตื่นนอน 2-3 วัน); Dx เมื่อ 1. AFB +ve 1 ครั้ง บวกกับ 1) CXR เขาไดกับ TB หรือ 2) Sputum C/S ขึ้นเชื้อ TB 2. AFB –ve แตมี
TOP SI 117
-
-
-
-
-
1) Clinical + CXR เขาไดกับ TB หรือ 2) Sputum C/S ขึ้นเชื้อ TB ถามี Pleural effusion ที่สงสัย TB ใหสงตรวจ ADA (Adenosine deaminase) ADA > 60 Æ Very likely TB ADA 40-60 Æ บอกไมได ADA < 40 Æ Less likely TB ADA ใชชวยสนับสนุน แตไมสามารถใช Dx ได เพราะมี false positive ไดในโรคอื่นๆ e.g. Parapneumonic effusion / Empyema (มี ADA จาก neutrophil), Hemothorax, AdenoCA, Lymphoma (มี ADA จาก lymphocyte) Pleural biopsy จะได yield สูงสุดใน TB pleuritis (เพราะ lesion จะ diffuse; ไมเหมือน malignancy ที่ lesion เปน หยอมๆ) ถา Cytology –ve for malignancy Æ repeat Cytology + ทํา Pleural biopsy เพื่อเพิ่ม sensitivity Anti-TB drugs: จํา dose IRZE = “5-10-25-15” MKD; จํา max dose IRZE = “300-600-2,000-1,600” Drugs Preparation Dose Max dose I (Isoniazid) Tab 100 mg 300 mg (3 tab) 5 MKD Tab 300, 10 MKD BW < 50 kg Æ 450, 600 mg R (Rifampicin) 450, 600 mg BW > 50 kg Æ 600 mg 600 mg Z (Pyrazinamide) Tab 500 mg 2,000 mg (4 tab) 25 MKD 15 MKD E (Ethambutol) Tab 400 mg 1,600 mg (4 tab) (ให 25 MKD 2 wk. แรก then 15 MKD) S (Streptomycin) IV 15 MKD 15 MKD Tab 200, เปน concentration-dependent O (Ofloxacin) 800 mg pc เย็น 400 mg (ยิ่งระดับยาสูง efficacy จะยิ่งดี) e.g. คนไขหนัก 60 kg สั่งยา Anti-TB ดังนี้ (คิด IRZE เปน 300-600-1,500-900 ตามลําดับ) Isoniazid (100) 3x1 hs, Rifampicin (600) 1x1 hs, Pyrazinamide (500) 3x1 hs, Ethambutol (400) 2½x1 hs CAT1: 2IRZE / 4IR (ทุกตัวใหกิน hs) CAT2: 2IRZES / 1IRZE / 5IRE (ใชใน relapsed TB หรือ fail เชน ตรวจ sputum เดือนที่ 5 ยัง +ve, หยุดยาเกิน 2 ครั้ง ผลตรวจ sputum กอนขาดยา & ตรวจซ้ําปจจุบันยังคง +ve) ในคนไขโรคไต: สูตร IRZE ตองปรับที่ ZE (IR กินตามเดิม) โดยใหกิน ZE 3 d/wk., ถาไปชนกับวันที่นัดทํา dialysis ให กินหลังวัน dialysis ในคนไข Pregnancy หรือ Liver ไมคอยดี: ใชสูตร 2IRE / 7IR (ไมให Z) การกินยา Anti-TB ใชหลักการ DOTS (Direct observed therapy) โดยใหกินยาตอหนา supervisor (เชน สมาชิกใน บาน, เจาหนาที่ของ ร.พ.) เพื่อลดการดื้อยา ยา Anti-TB กับ ARV ที่มี interact แรงมากคือ R (Rifampicin) กับ PI (เพราะ R เปน CYP450 inducer แรงมาก จะ ทําให PI ถูกทําลายไมเหลืออยูในเลือดเลย)
TOP SI 117
- ตองบอกคนไขเกี่ยวกับ SE ของ R วาจะทําให secretion เปนสีสม, หลังกินยาไปชวงหนึ่ง สีผิวจะคล้ําขึ้น แตหลังจาก หยุดกิน สีผิวจะกลับมาเหมือนเดิม (ปองกันไมใหคนไข esp. ผูหญิง หยุดกินยา) - F/U: 1. LFT 2 wk.; จะหยุดยาก็ตอเมื่อ 1) Liver enzyme > 3x + มี Symptoms 2) Liver enzyme > 5x หลังจากหยุดยาแลว ใหใช “EOS”: E + 2nd line (O + S) ตอ 2. Sputum AFB 2 mo., 4 mo. 3. CXR 2 mo., 6 mo. - ถาระหวางใหยา anti-TB เกิด Anti-TB drug-induced hepatitis (risk: อายุมาก, alcohol, ยามากเกิน) ทํายังไงตอ? 1. Admit Æ หยุดยา anti-TB + ยา DM (liver failure ทําใหเกิด hypoglycemia ได) F/U Plasma glucose, Electrolytes 2. สง Hepatitis virus profile (HBsAg, Anti-HCV), supportive & symptomatic Rx for hepatitis, ระวัง HE 3. ระหวาง admit ให E 600 mg/d + S 600 mg/d ± O 400 mg/d 4. หลัง admit 2 wk. อาการดีขึ้นแลว เจาะ LFT ใหม 5. ถา LFT ลง เริ่ม challenge I 100 Æ 200 Æ 300 mg/d 1 wk. แลว F/U LFT อีกครั้ง 6. ถา LFT ปกติ ใหใชสูตร 2IES / 16IE - Non-tuberculous mycobacterium (NTM) – ATB: “EOC” Ethambutol (400) 1x1 Ofloxacin (100) 3x2 Clarithromycin (500) 1x2
Meningitis - ถือเปนภาวะ emergency ทาง medicine - S&S: ไข, ปวดศีรษะ, คอแข็ง, ตาสูแสงไมได, N/V - แบงตามระยะเวลาที่เปน ดังนี้ 1. Acute meningitis: < 1 wk., เชื้อที่เปนสาเหตุ e.g. Virus, Bacteria, Protozoa, Parasite, Systemic infection 2. Subacute meningitis: 1-4 wk., เชื้อที่เปนสาเหตุ e.g. TB, Parasite, Systemic infection, Syphilis 3. Chronic meningitis: > 4 wk., เชื้อที่เปนสาเหตุ e.g. TB, Cryptococcus neoformans, Parasite, Syphilis - CSF profile Protein Glucose Pressure WBC Appearance (9-18 cmH2O) (predominate) (15-40 mg/dl) (50-75 mg/dl) Organism PMN Bacteria È Ç Turbid TB (< 45 mg/dl) (18-30 cmH2O) Fungus Ç Lymphocyte Aseptic Clear Normal Normal (mostly viral) - Glucose ใน CSF คาปกติประมาณ 2/3 ของในเลือด
TOP SI 117
- Acute bacterial meningitis – เชื้อที่เปนสาเหตุ ไดแก - Gram positive – e.g. S. pneumoniae, GAS, GBS, S. aureus - Gram negative – e.g. E. coli, K. pneumoniae เชื้อที่ common ที่สุดใน Acute bacterial meningitis (community-acquired) คือ S. pneumoniae - Viral meningitis – ถามี UTI symptom นํามากอนจะชวยในการ Dx; หากพบวาซึมมาก (encephalitis) + มี vesicles ที่เขาไดกับ Herpes Æ ให Acyclovir 10 mg/kg IV q 8 hr. - Protozoa meningitis – ที่สําคัญ เกิดจากเชื้อ Naegleria fowleri - Parasitic meningitis – ที่สําคัญมี 3 ชนิด ไดแก Angiostrongylus cantonensis, Gnathostoma spinigerum, Cysticercosis - CSF profile ของ Parasitic meningitis ที่เกิดจาก A. cantonensis และ G. spinigerum จะมี Eo สูง เรียกวา Eosinophilic meningitis - Cysticercosis ทําใหเกิด cyst ใน brain แบงเปน 2 form ไดแก 1. Parenchymal form – ทําใหเกิด Seizure, Focal neurological deficit 2. Subarachnoid form – ทําใหเกิด Chronic meningitis - Systemic infection – ที่ทําใหเกิด Meningitis ที่พบบอยคือ Rickettsial infection (Scrub typhus, Murine typhus), Leptospirosis - TB meningitis – เปนสาเหตุที่พบบอยที่สุดของ Subacute และ Chronic meningitis ผูปวย Subacute / Chronic meningitis ที่ CSF profile ออกมาเปน low sugar, lymphocytic predominate ถาจับ เชื้อไมได ตอง treat แบบ TB meningitis ไปเลยเสมอ (เพราะยอม AFB จาก CSF โอกาสเจอ +ve นอยมาก) - Cryptococcal meningitis – เปนสาเหตุที่พบบอยที่สุดของ meningitis ในผูปวยโรค AIDS Symptoms: ปวดศีรษะ แตจะไมคอยคอแข็ง, ตรวจ stiff neck –ve ได เพราะมี inflammation ไมคอยมาก แตคนไขจะ มีอาการปวดศีรษะจาก IICP (ไมใชจาก inflammation เหมือน meningitis อื่นๆ) Ix: CSF for India ink, Cryptococcal Ag - Management of Acute bacterial meningitis: Ceftriaxone 2 g IV q 12 hr. + Dexamethasone 10 mg IV q 6 hr. สังเกต การให ATB ในผูปวย Acute bacterial meningitis จะตองให dose สูงกวาปกติ - หลังจาก treat แบบ Acute bacterial meningitis โดยให adequate ATB แลวยังไมดีขึ้น ตองคิดถึง Fungal/TB meningitis หรือ pathogen อื่นๆ รวมถึง Parameningeal infection e.g. Subdural empyema, Brain abscess ดวย
Nocardiosis - Nocardia asteroides เปน filamentous Gram positive rod with branching (MAF +ve) - Nocardiosis เปน OI (พบใน immunocompromised host / on steroid) - Management - Sputum MAF +ve: Bactrim® 10 MKD (ของ TMP) IV for 6 mo. - Brain abscess: Bactrim® 15 MKD (ของ TMP) IV for 12 mo.
Pneumocystis jiroveci pneumonia (PCP) - Pneumocystis jiroveci (ชื่อเดิม: Pneumocystis carinii) ระยะ trophozoite ไปเกาะที่ pneumocyte type 1 แลว แบงตัวใน alveoli, ไมมี tissue invasion
TOP SI 117
- PCP เปน OI (พบใน immunocompromised host esp. CD4+ < 200/mm3) - สวนใหญใช Clinical Dx - Ix (ทีอ่ าจสง): 1. Sputum / BAL for GMS stain (ยอมติด cyst wall) 2. Sputum / BAL for Giemsa stain (ยอมติด trophozoite) 3. IFA 4. PCR for Pneumocystis 5. Transbroncheal biopsy - Management: Bactrim® SS 4x3 (หรือ DS 2x3) pc for 21 d + Prednisolone (5) 8x2 ac for 5 d, then 8x1 ac for 5 d, then 4x1 ac for 11 d (รวม 21 d เทากับ Bactrim®)
Herpes virus infection - เกิดจาก Human herpes virus (HHV)
Herpes simplex - เกิดจาก HSV type 1 (HHV-1) หรือ HSV type 2 (HHV-2) Herpetic gingivostomatitis, Herpes labialis – มักเกิดจาก HSV type 1 Herpes genitalis – มักเกิดจาก HSV type 2 - ลักษณะ lesion เปน group of vesicles (หรือแตกเปน shallow ulcers) - Tzanck smear – พบ Multinucleated giant cell ได 60-70% - Management: Acyclovir 400 mg q 8 hr. for 5 d
Varicella (Chickenpox) -
เกิดจาก VZV (HHV-3), พบบอยชวงฤดูหนาว Incubation period 10-21 d (exposure 2-3 wk. before onset) สามารถแพรเชื้อไดตั้งแต 1-2 d กอนผื่นขึ้น เปน highly contagious, ติดตอทาง Airborne หรือสัมผัส vesicular fluid ถาเด็กเปน varicella มา admit ตอง isolate (เปน airborne, droplet และ contact precaution) จนกวา lesion ทั้งหมดจะกลายเปน crust ใชเวลา ~ 6-7 d ผูที่ไป expose ผูปวยที่เปน varicella ตองหยุดงานในชวงระหวาง D.10-21 (= incubation period) หลัง exposure เพราะเปนชวงที่จะแพรเชื้อได (แพรเชื้อไดต้งั แต 1-2 d กอนผื่นขึ้น ถาเลย D.21 ไปแลวยังไมมีผื่น ก็แสดงวาไมเปน) 60% ของคนไทย จะเปน varicella กอนอายุ 10 yr. คนอายุ > 30 yr. สวนใหญ (> 98%) เมื่อตรวจเลือดดูจะพบวาเคยเปนแลว อาการในเด็ก: ไมมี prodrome ลวงหนา, rash จะขึ้นพรอมอาการอื่นๆ e.g. low-grade fever, headache, anorexia, ไมสบายตัว ผื่นลักษณะเปน papulovesicular rash, มีการเปลี่ยนแปลงอยางรวดเร็ว แบงเปน 4 stage 1. Pruritic, centrifugal, papular – ผื่นแดงเรียบนูน 2. Vesicular – ตุมน้ํา (vesicle) 1-2 mm บนพื้นแดง = “Dewdrops on a rose petal” appearance 3. Pustular – ตุมหนอง, ตรงกลางบุม = Central umbilication
TOP SI 117
4.
-
-
Crusting – ในที่สุด แตละผื่นจะตกสะเก็ดเปน crust ใน 8-12 hr. แลวหายโดยไมมี scar (ถาไมมี 2° bacterial infection) 2° bacterial infection เปน complication ที่พบบอยที่สุด ผื่นจะทยอยขึ้นใน 3-5 d, ในวันเดียวกันจะพบผื่นหลายระยะ = Multistage (มีไดตั้งแต papular จนถึงแหงเปน crusting), คันชัดเจน ผื่นจะกระจายเปนกลุม เริ่มขึ้นที่ head Æ face Æ trunk Æ extremities ที่ mucosa จะเจอตุมที่ palate บอยที่สุด เปนแผลที่ palate, pharynx, tonsils, conjunctiva, genitalia อาการในวัยรุน & ผูใหญ จะรุนแรงกวาเด็กเล็ก ผูปวยที่ไดยา immunosuppressive ถาเปน varicella จะเปนรุนแรง, มี vesicle ขึ้นมาก, มี bleed ใน vesicle ได, แม เวลาผานไปหลาย wk. ยังมี vesicle ขึ้นใหมไดอกี เรื่อยๆ, เวลาหายอาจเปน scar, ไขยังสูงอยูใน wk.2, อาจมี complication เชน pneumonia หญิงตั้งครรภที่เปน varicella ในชวง 1st & 2nd trimester อาจทําใหเด็กในครรภเกิด DFIU ได หรือมี limb hypoplasia, scar, eye anomalies, อันตรายตอ CNS ใหยาฉีด Acyclovir 10 d เฉพาะใน severe case หรือเปน immunocompromised host
Herpes zoster (Shingles) - เกิดจาก VZV (HHV-3) - Management: Acyclovir (800) 1x5 (6, 10, 14, 18, 22 น.) for 7 d - การเริม่ ใหยา w/in 48 hr. จะชวยลดการเกิด Postherpetic neuralgia ได; ถาเกิด postherpetic neuralgia ขึ้น จะให ยา Gabapentin หรือ Amytriptyline ก็ได (อาจให Gabapentin ตอนกลางวัน 1 tab tid + Amytriptyline 1 tab hs) - Zoster headache จะปวดมากๆ typical คือ ปวดทีไร น้ําตาไหล น้ํามูกไหล (autonomic) รักษาโดยให 100% O2 แลว จะดีขึ้น
Infectious mononucleosis (IMN, Glandular fever) - เกิดจาก EBV (HHV-4) infection มี triad คือ 1. Exudative pharyngitis 2. Lymphadenopathy 3. Splenomegaly - Virus ที่ทําใหเกิด IMN, IMN-like มี 5 ตัว คือ “CHETA” – CMV, HAV, EBV, Toxoplasma, Adenovirus - ถามี Puffy eyelid ดวย = Hoagland’s sign (bilateral lid swelling) - CBC: Leukocytosis, มี Atypical lymphocyte PBS: Downey cell (เปน Atypical lymphocyte ที่เจอใน IMN จะมีลักษณะคือ cytoplasm จะยื่นไปติดกับ RBC, สวนขอบๆ ที่ติดกับ RBC จะติดสีน้ําเงินเขม)
- Management: Supportive
TOP SI 117
- ให Steroid ในผูปวย IMN เฉพาะเมื่อมี I/C ดังตอไปนี้ 1. Upper airway obstruction (UAO) / Severe tonsillar hypertrophy (prevent UAO) 2. Impending respiratory failure 3. Liver failure 4. Hematologic complication: AIHA, Severe thrombocytopenia 5. Severe malaise and fever 6. Severe CNS / Cardiac diseases
CMV infection - CMV (HHV-5) ทําใหเกิด “CREP”: Colitis, Retinitis, Esophagitis, Pneumonia
Fungal infection - Amphotericin B เปน empirical systemic antifungal ชนิดเดียว; dose: 0.7 mg/kg ระวัง SE: “K+-Mg2+-ไต-ไข-สั่น-ซีด” (HypoK+, HypoMg2+, Azotemia, Fever with chill, Hemolysis) Order (BW 60 kg): Amphotericin B 45 mg + 5%D/W 500 ml IV drip in 4 hr. Premedication 1. NSS 500 ml IV drip in 3 hr. 2. CPM 1 amp IV 3. Paracetamol (500) 2 tab F/U BUN/Cr, Electrolytes, Mg twice a week (จ., พฤ.) - หากให Conventional Amphotericin B (CAB) แลวเกิด severe complication (e.g. HypoK+ มากจน cardiac arrest) Æ ถือเปน I/C ในการเปลี่ยนเปนรูป Liposomal Amphotericin B (AmBisome®) 3-5 mg/kg OD IV drip in 2 hr. (1 vial มี 50 mg ราคา 8,000 บาท)
HIV infection - Acute retroviral syndrome ที่สําคัญ เชน fever, lymphadenopathy, pharyngitis, MP rash - Ix ในผูป วย HIV ที่ตองสง: CBC, CD4+, Viral load, ALT, VDRL, CXR - I/C for start ARV – มี 5 ขอ ดังนี้ 1. AIDS-defining illness 2. Symptomatic patient 1) Oral candidiasis 2) Pruritic papular eruptions (PPE) 3) Chronic fever ไมทราบสาเหตุ 4) Chronic diarrhea > 14 d ไมทราบสาเหตุ 5) Weight loss > 10% in 3 mo. 6) Herpes zoster > 2 dermatomes 3. Asymptomatic patient with CD4+ < 350/mm3 (ถา CD4+ ≥ 350/mm3 ยังไม start ARV, ให F/U CD4+ q 6 mo.) 4. Pregnancy (หยุดยาหลังคลอดได ถากอน start ARV มี CD4+ ≥ 350/mm3)
TOP SI 117
-
-
-
-
-
5. Co-HBV or HCV infection 6. HIVAN (HIV-associated nephropathy) 7. Age > 50 yr. (CD4+ 350-500/mm3) ที่มีโรคใดโรคหนึ่งตอไปนี้: DM, HT, DLP ARV ที่แนะนําใหใช คือ 2 NRTI (d4T + 3TC) + 1 NNRTI (NVP) Start: d4T (30) 1x2 pc, 3TC (150) 1x2 pc, NVP (200) 1x1 pc for 2 wk. F/U SE 2 wk.: - Life threatening: Severe rash, TEN, SJS, Severe hepatitis (ALT ≥ 5x) Æ Stop ARV - Mild to moderate: Mild rash, ALT < 5x w/o symptoms Æ Symptomatic & supportive Rx, F/U q 1 wk. - Improved Æ เหมือน No SE - Worsen Æ Stop ARV - No SE Æ เพิ่ม NVP เปน full strength คือ NVP (200) 1x2 pc (กิน 1x2 pc พรอมกันทั้ง 3 ตัว) F/U 2 wk., then q 4 wk. x 2, if no SE Æ F/U q 4-6 mo. (F/U 3 อยาง: Clinical, CD4+, Viral load) GPO-vir ของประเทศไทย เปนยารวมที่มี 2 NRTI + 1 NNRTI; มี 2 สูตร ไดแก 1. S30 – d4T (30) + 3TC (150) + NVP (200) 2. Z250 – AZT (250) + 3TC (150) + NVP (200) 6 mo. แรก ใชสูตร S30, then เปลี่ยนเปนสูตร Z250 เพื่อเลี่ยง long-term SE ของ d4T SE of d4T: Lipodystrophy, Lactic acidosis, แกมตอบ SE of AZT: Nausea, BM suppression SE of NVP: Rash, Severe hepatitis Æ ถาพบ SE เหลานี้ ใหเปลี่ยนเปน Efavirenz (EFV) (600) 1x1 hs ไมควรใช EFV ใน pregnancy (esp. 1st trimester) เพราะ EFV มี Teratogenic effect การกิน ARV ตองกินตรงเวลาเปะ, late ไดไมเกิน ½ hr. ตองกินตรงเวลา 95% ถึงจะยอมรับวากด virus ได (e.g. 1 mo. กิน 60 dose จะพลาดไดไมเกิน 3 dose) ถากิน 1x2 Æ กินหางกัน 12 hr.; ถากิน 1x1 Æ กินเวลาเดิมเปะทุกวัน Prophylaxis for OI OI ATB prophylaxis หยุดยาเมื่อ CD4+ < 200 PCP Bactrim® (SS) 2x1 pc หรือ (DS) 1x1 pc CD4+ > 200 (SS = TMP 80 / SMX 400; DS = TMP 160 / SMX 800) for 3 mo. < 100 Cryptococcus, Toxoplasma, Fluconazole (200) 2 cap once a week pc Histoplasma, Penicillium < 50 MAC, CMV (ตองตรวจ CD4+ > 100 Clarithromycin (500) 1x2 pc หรือ for 3 mo. fundoscope ดู retinitis) Azithromycin (250) 4x1 once a week pc กรณีถาตรวจพบ CMV IgG +ve / มีอาการจาก CMV: Gangciclovir 5 mg/kg IV q 12 hr. for 2-3 wk. I/C for start ARV in TB patient CD4+ < 200 Æ Start ARV เมื่อกิน Anti-TB ไดดี 2-8 wk. CD4+ 200-350 Æ Anti-TB 2 mo., then start ARV CD4+ ≥ 350 Æ F/U clinical & CD4 q 6 mo. ไปกอน (ยังไม start ARV)
TOP SI 117
- F/U: CBC, CD4+, Viral load, FBS, ALT, Lipid profile q 6 mo. Viral load ในปที่ 2 เปนตนไป อาจ F/U q 1 yr. ก็ได (แตถา F/U q 6 mo. ไดจะดีกวา) - กรณีที่ผูปวยเปน DLP on statin อยู ควร F/U AST q 6 mo. ดวย เพื่อติดตามปญหา Rhabdomyolysis - Opportunistic protozoa Protozoa Management Intestinal protozoa (ทําใหเกิด Chronic watery diarrhea) Cryptosporidium parvum ARV Cyclospora cayetanensis, Isospora belli Bactrim® SS (80/400) 2x3 for 14 d Microsporidia ARV Tissue protozoa ARV + Pyrimethamine 75 mg OD for 3 d, then 25-50 mg/d for 6 wk. + Toxoplasma gondii Sulfadiazine (500) 1x4 for 6 wk. + Folinic acid 3-10 mg/d Bactrim® SS 4x3 (or DS 2x3) pc for 21 d + PCP Prednisolone (5) 8x2 ac for 5 d, then 8x1 ac for 5 d, then 4x1 ac for 11 d
Post-exposure prophylaxis for HIV - เมื่อ expose กับ blood / secretion ของผูปวยที่ไมทราบวาเปน HIV infection หรือไม ใหทําดังนี้ 1. เมื่อถูกเข็มเปอนเลือดตํา Æ ลางดวยน้ําสะอาด + สบู Æ ทา 70% alcohol ถา blood / secretion เขาปาก/mucosa ใหรีบลางน้ําเร็วๆ 2. เจาะเลือดผูปวยสง Anti-HIV, HBsAg, Anti-HCV เจาะเลือดผูถูกตําสง Anti-HIV, HBsAg, ±Anti-HBs, Anti-HCV - การพิจารณาให ARV ให Accidental medical injury ผูปวย Management สําหรับผูถูกตํา Anti-HIV –ve No medication (ยกเวนมี Hx HIV exposure in 1 mo. หรือ IVDU ใหคิดเหมือน Anti-HIV +ve) Anti-HIV +ve กรณีถูกเข็มเปอนเลือด / secretion ถูกตําลึก / bleed มาก, ผูปวย stage ใดๆ Æ AZT + 3TC + Indinavir for 4 wk. ถูกตําไมลึก / bleed ไมมาก, ผูปวย full-borne AIDS Æ AZT + 3TC + Indinavir for 4 wk. ถูกตําไมลึก / bleed ไมมาก, ผูปวย asymptomatic Æ AZT + 3TC for 4 wk. กรณีถูก blood / secretion กระเด็นเขาตา/ปาก เขามาก, ผูปวย full-borne AIDS Æ AZT + 3TC + Indinavir for 4 wk. เขานอย, ผูปวย full-borne AIDS Æ AZT + 3TC for 4 wk. เขานอย, ผูปวย asymptomatic Æ No medication Intact skin, ผูปวย stage ใดๆ Æ No medication Dose: AZT (300) 1x2, 3TC (150) 1x2, Indinavir (80) q 8 hr. - Post-exposure prophylaxis for HBV – กรณีที่ HBsAg ของผูปวย +ve
TOP SI 117
- ผูถูกตํา Anti-HBs +ve หรือ HBsAg +ve Æ No medication - ผูถูกตํา Anti-HBs –ve Æ HBIG 0.06 cc/kg + HBV 3 doses ผล HBsAg ของผูปวยจะตองไดภายใน 24 hr. ถาไมไดใน 24 hr. Æ ให HBIG กับผูถูกตําไปกอน
Parasitic infestation - Antihelminthic drugs Helminthes Nematode Ascaris lumbricoides, Trichuris trichiura, Enterobius vermicularis, Hookworm Capillaria philippinensis Strongyloides stercoralis
Antihelminthic drugs Albendazole (400) once Albendazole (400) 1x1 for 10 d Ivermectin 200 μg/kg/d for 2 d or Albendazole (400) 1x1 for 3 d
Cestode Taenia solium, Taenia saginata (กิน Larva) Praziquantel 10 mg/kg once Cysticercosis (กิน Egg) Albendazole (400) 1x2 for 21 d Fluke Ophisthorchis viverrini (OV), Praziquantel 25 MKD tid pc for 1 d Fasciolopsis buski Paragonimus westermani Praziquantel 75 MKD tid pc for 2 d Fasciola hepatica Triclabendazole 10 mg/kg once - Filariasis (Elephantiasis) = โรคเทาชาง - ตัวออนระยะติดตอ (3rd stage larva) อยูในยุง (e.g. Culex, Aedes, etc.) Æ มากัดคน Æ ไชผานเขาไปใน lymphatic Æ Microfilaria อาศัยอยูในกระแสเลือดและปอด, ชอบออกมาตอน around midnight = Nocturnal subperiodicity, ดังนั้น เวลาเจาะเลือดไปตรวจ ตองเจาะตอน Midnight (Night blood) Æ เอาไปดู Microfilaria จาก Thick blood film - เกิดจาก Nematode 2 species ตอไปนี้ 1. Wuchereria bancrofti
-
พบภาคเหนือและภาคตะวันตก (e.g. กาญจนบุรี, ตาก, แมฮองสอน) ไมมี reservoir host ในธรรมชาติ Microfilaria ไมมี terminal nuclei Involve Genitalia ทําให penis / scrotum / labia บวม
TOP SI 117
2. Brugia malayi
-
พบตามปาพรุในภาคใต (e.g. สุราษฎรธานี, นครศรีธรรมราช, นราธิวาส) มี Reservoir host ในธรรมชาติ (e.g. ลิง, คาง, แมว) Microfilaria มี Terminal nuclei ทองวา “แหลมมลายูจะมีเกาะสิงคโปรอยูฉันใด, Brugia malayi ก็มี Terminal nuclei อยูฉันนั้น” ไม involve genitalia จําวา “Wuchereria เดนบวมเหนือเขา, Brugia เดนบวมตั้งแตเขาลงมา”
- Management 1. DEC 6 MKD for 12 d (W. bancrofti), 6 d (B. malayi) + Albendazole 400 mg/d for 2-3 wk. DEC = Diethylcarbamazine (Hetrazan®) 2. Mass treatment (ในแหลงระบาดของโรค): DEC 6 mg/kg + Albendazole 400 mg 1 ครั้ง/ป 3. รายงานกองควบคุมโรคติดตอ (จะมีแบบฟอรมใหติ๊กสงไป)
Fever of unknown origin (FUO) - FUO มี criteria ในการ Dx 3 ขอ ดังนี้ 1. Fever ≥ 38.3°C 2 peak ขึ้นไป 2. เปนนาน 3 wk. 3. W/U ใน ร.พ. 1 wk. แลวยัง Dx ไมได - FUO แบงเปน 4 ชนิด คือ 1. Classic FUO – infection, CA, autoimmune, drug fever 2. Nosocomial FUO (มีไขเกิดใน ร.พ.) – sinusitis, C. difficile colitis, PE, post-op., drug fever, septic thrombophlebitis 3. Neutropenic FUO (ANC < 500 หรือ predicted nadir < 500) – perianal infection, Aspergillus, Candida 4. HIV-related FUO – TB, MAC, CMV, drug fever
TOP SI 117
Hematology - การดู Peripheral blood smear (PBS) Zone กลาง: ใชดู RBC โดยรวม จะบอกการติดสีที่แทจริง Zone ปลาย: จะมี RBC ตัวใหญ e.g. Polychromasia (Reticulocyte), NRC มาอยู - การบอกความมากนอยของ cell ที่พบใน PBS 1+ = มีนอยๆ 2+ = มีครึ่ง field 3+ = มีเกือบเต็ม field - Anemia แยกใหไดกอนวาเปนจาก 1) สรางนอย, 2) ทําลายมาก, หรือ 3) เสียเลือด - แบงตามชวงเวลาที่เกิด 1. Acute (< 2-3 wk.) – มาดวย 1) Bleeding 2) Hemolysis 2. Subacute (2-3 wk. ถึง 2-3 mo.) – มักเปน BM disease 1) Aplastic anemia (AA) 2) Anemia of chronic disease (ACD) / Renal disease 3. Chronic (> 2-3 mo.) – มักเปน Nutritional anemia 1) Iron deficiency anemia (IDA) 2) Megaloblastic anemia: B12/Folate deficiency ยกเวน “Chronic intermittent intravascular hemolysis” นึกถึง PNH - ถาคนไขมี Jaundice Æ แสดงวามี Hemolysis มาแยกตอวาเปน intravascular หรือ extravascular Intravascular: มี dark urine (จาก hemoglobinuria) e.g. G-6-PD deficiency, PNH, MAHA, Valvular heart diseae (macroangiopathic), DIC, TTP, etc. Extravascular: มี hepatosplenomegaly, indirect bilirubinÇ, LDHÇ e.g. HS, HbH disease, Homozygous HbCS, AIHA
Microcytic anemia Iron deficiency anemia (IDA)
TO OP SI 117
- IDA เกิกิดไดจาก 1. Chronic bloodd loss, hemorrrhage, parasite อ / S/P Gaastrectomy 2. Diet (Fe มีในออาหารพวกเนื้อแดง) p koilonychhia, glossitis, angular stomaatitis - PE: pale, - Ix: 1. CBC: MCV เล็ล็ก ( pallorr > 1/3 Ø RBCC), no aniso/ppoikilocytosis, Pencil cell (EElongated RBCC) 2. PBS: HCMC (central ± Thrombocyytosis (PltÇ) Plt เปน acutee phase reacttant จะสูงขึ้นไดดในภาวะ IDA PBS ใน IDA ทีท่เพิ่งไดรับการรรักษา หรือมี acute blood looss รวมดวย จะะเจอ Polychroomasia ได ดังนัน้นจึง ไมควรใช Polyychromasia มาาเปนตัวแยกระะหวาง IDA กับ Thalassemiaa ควรมองหา SSpherocyte มาาใชแยก 3. Iron study (ไมมตองทําทุกรายย ทําเฉพาะรายยที่ไมแนใจ เพราะสวนใหญ IDDA ใช therapeeutic Dx): Seruum ironÈ (< 50)), FerritinÈ, Transferin T satturationÈ, TIBCÇ - Manaagement 1. หา cause: Dieet, Parasite (ออาจสง stool occcult blood ดูดดวย) Æ รักษาา cause 2. FeSO4 (325) 1x3 PO (กินตอนทองวาง) ใหหนานอยางนอย 6 mo. ย น SE ไมคอยไดด) SE: N/V, dysppepsia, consttipation (ผูปวยบางคนอาจทน - หลังใหห iron supplement: “1-3-7” 1 d Æ Clinical ดีขึข้ึน 3 d Æ Reticulocyte count เพิ่มขึ้น 7 d Æ Hb, Hct เพิพิ่มขึ้น (ดังนั้น ใหห F/U CBC 1 wk.) (เวลาจะตางกับในเด็ด็ก ถาเปนในเด็ด็ก จะเปน 1 d,, 1 wk., 1 mo.. ตามลําดับ)
Thalasssemia
(β-thalaassemia/HbE disease) - ทําใหเกิด Extravasccular hemolyssis - CBC: Anemia, MCVV เล็ก, RDW สูง W (RBC distribbution width) บอกถึ บ ง Anisoccytosis RDW - PBS: HCMC, Anisoo-/Poikilocytossis มาก - Hypersplenism = spleen s ทํางานมมากเกินปกติ Æ CBC พบต่าทั ํ ้ง RBC, WBBC, Platelet Æ ตองทํา spleenectomy
TO OP SI 117
สังเกตต คนเปน Thaalassemia ที่มี splenomegally (ตองมีอยูแลว เพราะทําลาย RBC มาก) ไมจําเปนตองมีมี hyperrsplenism ก็ไดด - Thalaassemia เปน risk หนึ่งที่ทําใหหเกิด AIHA ได - Infecttion ที่ specificc กับ Thalasseemia คือ Pythiium insidiosum m ทําใหเกิด Pyythiosis มี lesiion ที่ขา ลักษณ ณะเปน granulomatous, neccrotizing, supppurative arteritis (เชื้อจะกิน bl. vv. ทําใหเกิด vascuular insufficienncy, vascular occlusion) Manaagement: Surggical debridem ment (Pythium m ไมใช funguss จึงไมมียารักษา), ษ อาจตองทํา Amputation Pythiuum spp. เปนสิ่งมีชีวิตจําพวกก oomycete (ออยูใน Kingdom m Stramenopila, Phylum O Oomycota) อยูกึ่งกลาง ระหวาง า algae กับ fungus f เรียกวา Pseudofunggus (อาจเรียกววาเปน “ราน้ํา” แตไมใชเชื้อราาจริง) - HbH disease
Hx: ซีดหลังจากมีไขภายใน 1 wk. mia, mild spleenomegaly PE: mild anem CBC: Hct > 3x 3 Hb หรือ 4x Hb (e.g. Hb 7, 7 Hct 30), MCCV เล็ก (e.g. 60 6 fl) HbH disease จะยอมใหทํา abortion ได เฉฉพาะในกรณีทเคยมี ี่ ลูกคนแรกกเปน HbH dissease มากอน แลว ด วเปน HbH disease อีก Æ ทํา aboortion ใหได severe เทานัน้ ถามีลูกคนถัดมาแล D ไว 4 โรค คือ - เมื่อเจอผูปวยมมาดวย Hx มีไข แลวซีดภายในน 1 wk. ตอง DDx 1. G-6-PD deficiency d – Inntravascular hemolysis h 2. HS – Exttravascular heemolysis 3. HbH diseease – Extravaascular hemoolysis 4. Malaria - Homoozygous HbE (βE/βE) -
TOP SI 117
- ไมใช disease - CBC: ปกติ ± ซีดนิดหนอย - PBS: Target cell 3+ - Homozygous HbCS disease
-
-
เปน disease (ตางกับ Homozygous HbE ที่ไมใช disease) PBS: Basophilic stippling Basophilic stippling ลักษณะเปนจุดสีน้ําเงินหยาบๆ ขนาดตางกันกระจายอยูบน RBC, เกิดจากเศษชิ้นสวน ของ RNA ที่ยังเหลืออยู; ถา PBS เจอ Basophilic stippling ให DDx 3 ภาวะหลักๆ คือ 1. Lead poisoning 2. Homozygous HbCS disease 3. Megaloblastic anemia ภาวะอื่นๆ e.g. Sideroblastic anemia Management 1. Counseling 2. Folic acid (5) 1x1 หามให Fe 3. Blood transfusion (ถาจําเปน) – ให Fresh whole blood โดยใช “เลือดใหม” (เพื่อให RBC มีอายุนาน) - Low transfusion Æ ไมใหยาขับเหล็ก, ใหเลือดเมื่อ Hb 5-7 g/dl, ใหเปน PRC 10 cc/kg IV drip in 3 hr. + Diuretics - High transfusion Æ ตองใหยาขับเหล็กดวย, ใหใน β-thalassemia/HbE ที่ severe, Homozygous β-thalassemia ที่ยังไมมี Thalassemic facies & Splenomegaly, ใหเมื่อ Hb < 10 g/dl โดยให q 2-4 hr., keep Hb > 10 g/dl การให High transfusion ควร screen Minor blood group ดวย 4. Deferoxamine (Desferal®) – ให 40 MKD SC 8-10 hr./d x 5-7 d/wk.; ใหเมื่อ 1. Serum ferritin > 1,000 2. ได PRC > 20-30 U 5. Splenectomy - I/C: 1) Age ≥ 5 yr. 2) Splenomegaly > 6 cm BLCM + มี Pressure symptoms 3) Hypersplenism 4) ใหเลือดบอย (esp. HbH disease, β-thalassemia/HbE ที่ไดเลือดทุกเดือน)
TO OP SI 117
-
กอนผาตัด Æ ฉีด Pneumococccal polysacchaaride vaccine (23 serotypess) + v 4-6 wk. w Hib vaccine หลังผผาตัด Æ ให Penicillin P V 2550 mg 1x2 เปน prophylaxiss ตลอดชีวิต 3 ถา Platelet P > 800,,000/mm Æ ให ASA 2-4 mg/kg m หลังจาก จ Splenectoomy ไปแลว ดู PBS: Howell--Jolly body, NRC, N Giant plaatelet, Cabot’ss ring (ปกติติจะถูกกรองโดย MØ ใน spleeen)
Cabot’s ring เปน remnant r ของ mitotic spindlle (microtubuule) ในเซลลได ลักษณะเปนรูปวงกลม ป / เลข 8, ปกติจะถูกกรองโดย ก MØ ใน ใ spleen; อาจพบไดใน Meggaloblastic annemia, Hemolysis S ไ ว แตดู PBBS ไมมี Howeell-Jolly body หรือ NRC เลยย แสดงวา ไปแล ระวัง ถาคนไขทํา Splenectomy มี Acccessory spleen หรือตัดไมหมด ห
Macrocytic anneemia - Macroocytic anemiaa (MCV > 100) จะพบใน 5 โรรคที่สําคัญ คือ 1. Megaloblasticc anemia – B121 /Folate deficciency; MCV มัมกจะ > 120 fl 2. Hemolysis/Blood loss – MCCV เพิ่ม เนื่องจจากมี Polychroomasia (Reticuulocyte) ออกมมามาก m ทําให ใ MCV ใหญ 3. MDS – defect ที่ nuclear maturation ใ 4. Liver diseasee – ทําให choleesterol metabolism เสียไป เกิดปญหาที่ RBBC membranee ทําให MCV ใหญ 5. Hypothyroidissm O ดวย) - ยา AZZT, Alcohol ก็ทํทาให MCV ใหญได (ตอง R/O - ถา MCCV 100-110 fl Æ นึกถึง BM M disease, มี PolychromasiaÇ จาก bloood loss/ใน hem molytic anemia ถา MCCV > 120 fl Æ นึกถึง Megaaloblastic aneemia
Megaloblastic anemia a
-
เกิดได ไ จาก
TOP SI 117
1. Vitamin B12 deficiency (ใชเวลาเปนป) - เจอในคนที่ไมกินเนื้อสัตว (มังสวิรัติ), ขาด intrinsic factor จาก stomach (Pernicious anemia), S/P ตัด stomach (Total/partial gastrectomy) หรือตัด ileum 3-5 yr., Diphyllobothrium latum (พยาธิตืดปลา) พยาธิตืดปลาจะดูดซึม Vitamin B12 ทําใหเกิด Vitamin B12 deficiency
-
(Diphyllobothrium latum: ปลองตามขวาง) พยาธิตืดปลา ลักษณะเปนปลองตามขวาง ตางกับพยาธิตืดหมู/วัว จะเปนเหมือนปลองไมไผมาตอกัน - ทําใหเกิด Neurological symptoms ได e.g. decreased vibratory and proprioceptive sensation, ataxia, paresthesia, confusion, dementia; คนไขจะเดินเปไปมา ดูงงๆ (ใน Folate deficiency จะไมมี neurological symptoms) - Management: Cobalamin IM 1,000 μg/d x 2 wk. then once a week until Hct normal, then once a month for life 2. Folate deficiency (เกิดใน 2-3 mo.) - เจอในคนที่ไมกินผักใบเขียว, คนที่ตองการ folate มากขึ้น (pregnancy, hemolytic anemia), alcoholism, malabsorption, drugs (e.g. TMP, sulfasalazine, pyrimethamine, metrotrexate, OCP, AED) - Management: Folic acid (5) 1x1 PO pc ใน Pregnancy ที่มา ANC จะได Folic acid supplement เปน prophylaxis อยูแลว PBS: 1. Macroovalocyte 2. Hypersegmented neutrophil (เจอใน Megaloblastic anemia, MDS) = เจอ neutrophil ที่มี nucleus ≥ 5 lobes 5 ตัว หรือ ≥ 6 lobes 1 ตัว จากการดู WBC 100 ตัว
Myelodysplastic syndrome (MDS)
TO OP SI 117
- มีความผิดปกติในกาารสรางเม็ดเลือดชนิดตางๆ โดดยมี defect ที่ nuclear maturration ทําให M MCV ใหญ - มี riskk ที่จะ turn ไปเเปน Acute leukemia - FAB แบ แ ง MDS เปน 5 types 1. Refractory annemia (RA) – พบบ พ อยที่สุด 2. Refractory annemia with ringged sideroblaast (RARS) 3. Refractory annemia with exccess blast (RAAEB) – พบรองงลงมาเปนอันดับ 2 t n (RAEB-T) 4. Refractory annemia with exccess blast in transformation 5. Chronic myellomonocytic leeukemia (CMML) - PBS: Macroovaloccyte, Dysplastic WBC & plaatelet e.g. Bilobe neutrophil
Liver disease d
- ทําให cholesterol metabolism m เสียไป เกิดปญหาที่ RBC mem mbrane ทําให MCV M ใหญ - PBS: Acanthocyte (Spur cell), Round R macroccyte, Target ceell
Hemolytic anemia G-6-PD deficienncy
-
เปน XR: เจอในผูชาย ช Hx: มีไข / ไดยาหรืรืออาหารบางชนินิด แลวซีด จากก Intravasculaar hemolysis PBSS: 1. Hb leakage cell, c RBC with Contracted Hb H H leak ออกไปปแลว เห็นขอบบเซลลเปนเปลือกบางๆ อ อยูขอบหนึ่ง เสมือนววาสีของ 2. Eccentrocyte – เปน cell ที่ Hb Hb ถูกผลักใหชิชิดขอบใดขอบหนึ่ง
TO OP SI 117
-
3. Ghost cell – เป เ น cell ที่ Hb leak ออกไปจนนหมด เหลือแตตเปลือกของ ceell 4. Polychromasia – เซลลตัวใหหญ สีชมพูออกฟาๆ, บอกวามี compensatioon จาก BM, เจจอในภาวะที่มี hemolysis c pallor, เจอในภาวะทีมีม่ ี hemolysis 5. Spherocyte – เซลลตัวเล็ก ติดสีเขม, ไมมี central M in reduction teest Ix: Methemoglob เมื่อยอมดวย methhylene blue หรือื bromocressyl green จะติดสี Heinz boddy Mannagement 1. Avoid precipiitating factor 2. O2 supplement, bed rest 3. Blood transfuusion
Autoim mmune heemolytic anemia a (AAIHA)
-
-
มักเจอในผูหญิง; แบ แ งตามสาเหตุ เปน 1° กับ 2°° (จาก SLE, malignancy m เชน CLL, lymphooma) ง น 2 types แบงเป 1. Warm AIHA (IgG; ( Extravasscular hemolyysis; 37°C) – พบบ พ อยกวา; ไมมทราบสาเหตุ / สัมพันธกับ CLL, C lymphoma, autoimmune, drug; d DAT +vee to IgG 2. Cold AIHA (IggM; Intravasccular hemolysis; < 37°C) – พบ พ Acrocyanoosis (ปลายจมูก, หู, นิ้ว เปลียนเป ย่ นสี มวงเมื่อโดนคววามเย็น); ไมทราบสาเหตุ ร / สัมพั ม นธกับ infecction (Mycoplaasma, EBV), CCLL, lymphom ma; DAT +ve to C3 PE: Anemia, Jaunndice, Splenoomegaly, Acroocyanosis (ในน cold AIHA) Ix: 1. CBC 2. PBS: Microsppherocyte, Auttoagglutinatioon (cold > warrm), Polychromasia ผูปวย AIHA จะมี จ Ig มา coat ที่ผิว RBC ทําให า 1) เวลา RBCC ผาน spleen จะทําให RBCC ถูกจับ เหลือออกมาขนาดเล็กลง ก = Microspherocyte 2) ประจุลบทีที่ผิว RBC เสียไป ไ Æ RBC เกกาะกัน = Autooagglutination สังเกต ถาเจอ Microspheroccyte บอกเลยววาเปน AIHA แต แ ถาเจอ Spheerocyte อาจเปปน AIHA หรือ HS ก็ได C test)): +ve Æ ใชแยกกั แ บ HS (DAAT –ve) 3. DAT (Direct Coombs’ แต IAT (Indireect Coombs’ test) จะ +ve หรือ –ve ก็ได
TO OP SI 117
-
-
-
ก เอาเลือดคคนไขมา ลาง Serum S ออก เหลือเฉพาะ RBCC ถามี Ab DAT (detect Ab ที่เกาะบน RBC) – หลักการ: เกาะที่ RBC หยดน้ ห ํายา Cooombs ลงไป ก็จะ จ +ve (Ab บน RBC เปน Ag A ของน้าํ ยา CCoombs ซึ่งมี Ab A ตอ Ab บน RBC) IAT (detect free fr Ab ใน Plaasma) – หลักการ: ก เอาเฉพาะะ Serum คนไขขมา หยด Donoor RBC ถา Seerum คนไขมี free Ab A อยู พอหยด Donor RBC แลวเอาไป incubate ที่ T 377°C ให Ab ไปเเกาะบน Donorr RBC พอหยดน้ํายา Coombs ลงไปปก็จะ +ve h titre in coold AIHA 4. Cold agglutinnin: +ve with high 5. ANA (screen autoimmune)) Mannagement 1. หา cause ถาเป เ น 2° AIHA ให ใ ไปรักษาตามม cause เดิม ถาเจอ 2° AIHHA ในคนแก ตองหา อ CA เสมออ (เพราะรางกาายจะสราง imm mune ขึน้ มาตออสู ทําใหเกิด 2° 2 AIHA หรือ 2° ITP ไดด), ที่เจอเยอะคืคือ Hematologgic malignanccy – most com mmon คือ CLLL 2. Prednisolone 1 MKD แลวคอยๆ tape off b bank ในนคนไข AIHA จะไม จ สามารถหหาเลือดที่ –ve หมดได ห blood bank จะเลือก most เวลาาขอเลือดจาก blood com mpatible bloodd ให แลวให drrip ชาๆ e.g.. PRC 1 U driip in 8 hr. แตเนื เ ่องจาก PRCC ที่ room T มีอายุ อ แค 4 hr. (ปปกติจึงให dripp in 4 hr.) ดังนัน้น จึงตอง แบง PRC 1 U อออกเปน 2 ถุง ถุงละ ง ½ U แลว drip ถุงละ 4 hr. h AIHA จะมี plateleet ปกติ แตถามี Thrombocytoopenia รวมดวย ว ใหนึกถึง 2 โรค โ คือ 1. Evans’ syndrome = AIHA + ITP 2. SLE
Hereditary spheerocytosiss (HS)
-
สวนใหญ น เปน AD (มาจาก new mutation) m ทําใหหเกิด membraane protein deefect Æ เกิดเเปน spherocyte (HSS จริงๆ แลว เกิดไดจาก mutaation ไดหลายแแบบ Æ อาจมีมี FHx ได) Hx: Intermittent jaaundice (เกิดตอน ต fatigue, stress, s pregnaancy, etc.), ซีดหลั ด งจากมีไขภภายใน 1 wk. อาจจมี Hx เปน Gallstone (w/ or w/o Hx of choolecystectomyy) CBCC: MCHCÇ (> ( 35) PBSS: Spherocytees > 50% PBSS ที่พบ Spheroocytes > 50% ของ RBC ทั้งหมด ห ให DDx 2 โรค คือ 1. HS – อาการเเปนๆ หายๆ ตั้งแตเด็ก หรือมี FHx (ตองตรวจจเลือดของสมาาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวดวย)), OF test +ve, DAT –vve
TO OP SI 117
-
2. AIHA – มักเจอในผูหญิงวัยเจริ เ ญพันธุ เปนครั้งแรกในชีวติ ไมเคยเปนมากอน, DAT +vee A ดวย DAT ถาไมมแนใจระหวาง HS กับ AIHAA ใหแยกจาก AIHA ถาดู PBS จนชํานาาญ จะบอกไดวา ถามี Polychromasia เยออะ, Anisocytossis มาก นาจะเปน AIHA มากกกวา Osm motic fragility (OF) test (Dilutional OF tesst) – HS ทนตอ hypotonic saaline ไดนอย = OF test +ve (ตรงงขามกับ thalaassemia จะทนนไดมาก) Mannagement: Foolic acid (5) 1xx1 PO pc ถาซีดมากๆ พิจารณ ณาทํา Splenectomy
Microaangiopathic hemolyytic anemia (MAHAA)
- MAHAA blood picture จะพบ 3 อยยางใน PBS 1. Schistocyte (Fragmented RBC) R 2. Polychromasia 3. Thrombocytoopenia P (Preeclam mpsia, Eclamppsia), Disseminated CA, Proosthetic valve - พบไดดใน DIC, HUS, TTP, TMA, PIH - DIC (Disseminatedd intravasculaar coagulopathhy) เกิดไดจาก infection, trauuma, shock, m malignancy, obstetric o compplications - DIC แบ แ งเปน 1. Acute DIC (uncompensateed) – พบ ÈFibrinogen, ÇPT, Ç aPTT, LDDH, FDP/D-dim mer ง normal ได 2. Chronic DIC (compensated) – พบคาตางๆ โอ ด bleeeding กับ throombosis พอๆ กัน) (ถาเปน chronnic DIC แลว โอกาสเกิ - Manaagement of DIC: Treat U/D, ให FFP / Cryoprecipitate, Platelet Goal: Fibrinogen > 100 mg/dl me) เกิดจาก Shiga S toxin ของ S. dysenterriae และ EHECC, มี triad คือ - HUS (Hemolytic urremic syndrom 1. MAHA blood picture 2. Thrombocytoopenia 3. Renal failure ( thrombocytopenic purpura)) มี pentad คือ HUS + อีก 2 ขอ คือ - TTP (Thrombotic 4. Fever 5. ΔMS
TOP SI 117
- TTP เกิดจาก defect ของตัวที่จะมาทําลาย vWF ตามธรรมชาติ, ปกติ vWF จะทําหนาที่เชื่อม Platelet กับ Platelet ถาไมมีตัวที่มาทําลาย vWF จะทําให Platelet เกาะกันมาก เกิดเปน Platelet thrombi ไปอุดตาม vessel เล็กๆ (ไปที่ Kidney เกิด Renal failure, ไปที่ Brain เกิด ΔMS) ทําให Platelet ต่ําลง (Thrombocytopenia) - ยาที่ทําใหเกิด TTP ได เชน - Antiplatelet: Clopidogrel, Ticlopidine - Antimalarial: Quinine - CMT: Cyclosporin A (CsA), Gemcitabine, Mitomycin C - Management of TTP: Plasmapheresis (จุดประสงคเพื่อลด vWF ไมใหเกิด Platelet thrombi)
Macroangiopathic hemolytic anemia - เจอไดใน Valvular heart disease, Severe burn, Malignant HT, DIC - PBS: Schistocyte, Polychromasia - Management 1. รักษา cause (e.g. ถาเปน valvular heart diseae ก็ทํา valve replacement) 2. Blood transfusion
Paroxysmal nocturnal hemoglobinuria (PNH) -
-
-
-
เจอในผูชายมากกวา ชวงอายุ ~ 20-30 yr. (แตก็เจอไดทั้ง 2 เพศ, ทุกอายุ) keyword คือ “Chronic intermittent intravascular hemolysis” มี picture ของ IDA รวมดวยได เนื่องจากจะมี Fe loss ทาง GI ดังนั้น ถาเจอผูปวย ลักษณะเปนแบบ IDA รวมกับมีประวัติ chronic intravascular hemolysis Æ นึกถึง PNH เกิดจาก mutation ของ gene ที่ควบคุม stem cell (ทั้ง RBC, WBC, Plt) Æ มาดวย Pancytopenia ได มี Thrombosis รวมดวยได (venous > arterial) ถามี Hepatomegaly รวมดวย Æ นึกถึง Budd-Chiari syndrome (ทําใหเกิด post-hepatic, non-cirrhotic portal HT) ถามี Splenomegaly รวมดวย Æ นึกถึง Splenic vein thrombosis Triad: 1. Hemolytic anemia 2. Pancytopenia 3. Thrombosis Investigation 1. Ham test (Acid hemolysis test) +ve 2. Flow cytometry: CD55 or CD59 –ve 3. CBC: ± Pancytopenia 4. Urine hemosiderin +ve (เพราะเปน chronic จึงมี hemosiderin ไป deposit ที่ไต ทําใหมี hemosiderinuria) ถาเปน G-6-PD deficiency เปน acute จะมีเฉพาะ hemoglobinuria แตไมมี hemosiderinuria 5. ตรวจหา abdominal / cerebral v. thrombosis Management 1. Eculizumab (Anti-C5)
TOP SI 117
2. 3. 4. 5.
Fe, Folic acid supplement Blood transfusion (ถามีมากๆ) Anticoagulant (ถาผูปวยมี thrombosis รวมดวย) BM transplantation (Allogenic stem cell transplantation)
Aplastic anemia -
-
เกิดจาก defect ที่ stem cell และ marrow microenvironment, เปน immune process Æ ทําใหเกิด BM failure (มี peripheral pancytopenia & marrow hypoplasia); มาดวย BM failure โดยที่ไมมี hepatosplenomegaly เกิดไดทั้งผูชาย & ผูหญิง พอๆ กัน, peak ที่ 2 ชวงอายุ: 20-25 yr. & ≥ 60 yr. CBC: Pancytopenia with lymphocyte predominate PBS ใน Aplastic anemia ไมควรมี Polychromasia เพราะเปนโรคที่ BM ไมสามารถสรางเม็ดเลือดได กรณีที่ PBS เจอ Polychromasia ดวย มีความเปนไปได 2 อยาง คือ 1. กําลังจะฟนตัวดีขึ้น (จึงเห็น compensation จาก BM) 2. มีภาวะ PNH รวมดวย – ตองตรวจเพิ่มเติม Management 1. Supportive: Blood transfusion, Treatment of infection 2. Specific 1) BM transplantation (Allogenic stem cell transplantation) 2) Immunosuppressive therapy: Anti-thymocyte globulin, Cyclosporine
Bleeding disorders -
-
-
แยกกอนวา defect ที่ 1° หรือ 2° hemostasis Clue ที่จะบอกวา defect เกิดที่ไหน คือ 1° Hemostasis (เกิดจาก Platelet, Vasoconstriction) – Petechiae, Mucosal bleeding 2° Hemostasis (เกิดจาก Coagulation factor) – Hemarthrosis, Deep hematoma, Delayed bleeding เมื่อแยก 1° กับ 2° ไดแลว มาแยกตอวาเปน hereditary หรือ acquired 1° Hemostasis 2° Hemostasis Hereditary 1. vWD 1. Hemophilia 2. Platelet dysfunction 2. Factor deficiency Acquired 1. ITP 1. Acquired factor inhibitor 2. DIC 2. Liver disease 3. Hypersplenism 3. Massive blood transfusion (Dilutional coagulopathy) 4. Mechanical platelet obstruction 4. Prolonged ATB (ทําใหขาด Vit. K dependent factor) 5. Consumptive coagulopathy 5. Aplastic anemia Screening test Disorder Abnormal screening test Thrombocytopenia Platelet count Platelet dysfunction Bleeding time
TOP SI 117
-
-
Hemophilia aPTT F7 deficiency PT Dysfibrinogenemia TT Hypofibrinogenemia aPTT, PT, Fibrinogen Approach 1. Prolonged aPTT (อยางอื่น normal) - Bleeding Æ Hemophilia A/B, Severe F11 deficiency, vWD, Acquired F8 inhibitor - No bleeding Æ F12/HK/PK deficiency, Lupus anticoagulant, Heparin contamination 2. Prolonged PT (อยางอื่น normal) - Bleeding Æ Severe F7 deficiency - No bleeding Æ Mild F7 deficiency, Use of oral anticoagulant 3. Prolonged aPTT & PT (platelet normal) - Bleeding Æ Afibrinogenemia, Severe F2/5/10 deficiency, F5+F8 deficiency, Vit. K deficiency, Acquire F2/5 inhibitor, Acquire F10 deficiency (amyloidosis) - No bleeding Æ Hypofibrinogenemia, Mild F2/5/10 deficiency Spontaneous hemorrhage (petechiae) จะเกิดไดเมื่อ platelet < 20,000/mm3 (ใน ITP, DIC, HUS, TTP) ดังนั้น โรคในกลุม platelet dysfunction (ซึ่งมีจํานวน platelet ปกติ) จะไมมี petechiae
Primary immune thrombocytopenia (ITP) -
-
Thrombocytopenia – approach ตามขั้นตอนดังนี้ 1. Exclude Pseudothrombocytopenia กอน Hx: - กินยาตัวใหมใน 2-4 wk. แลวเกิด - HIV infection เกิด thrombocytopenia จาก disease เองหรือจาก immune ก็ได - Pregnancy - FHx ของ thrombocytopenia - Rheumatological condition - Malignancy ทําใหเกิด thrombocytopenia ไดโดย 1. Invade เขา BM โดยตรง 2. Chronic DIC (มี tissue factor เพิ่มขึ้น ทําให platelet consumption เพิ่ม) 2. ดูวามี Possible cause ที่อธิบายไดหรือไม – ถามีให W/U หา cause (สรางนอย, ทําลายมาก, splenic sequestration, dilution) 3. ถาหา cause ใดๆ ไมได ใหดูวาเปน “ผูหญิงอายุนอย” (teenage female) หรือไม - เปนผูหญิงอายุนอย Æ โอกาสเปน ITP สูง ให try Prednisolone 1 MKD ไปเลย - ไมใชผูหญิงอายุนอย Æ ทํา BM study ITP – Isolated thrombocytopenia (Platelet < 100,000/mm3) โดยไมมีสาเหตุ; Dx by exclusion (ไมมี criteria) S&S ที่พบไดชัดคือ Mucocutaneous bleeding; ตองไมมี splenomegaly DDx: HIV, HCV, Autoimmune (SLE, Graves’ disease), LPD, Recent vaccination (e.g. MMR), Liver disease, Drug, Alcohol abuse, TTP, MDS, Leukemia, Inherited thrombocytopenia
TOP SI 117
-
-
-
Ix (เพื่อ exclusion): PBS, DAT (ถาสงสัย AIHA), ANA (ถาสงสัย SLE), Anti-HIV, Anti-HCV, TFT (ถาสงสัย hyperthyroidism), DIC profile (ถามีภาวะที่สัมพันธกับ DIC อยู สงตรวจ Coagulogram, D-dimer, Fibrinogen), LFT (ถาสงสัย cirrhosis with hypersplenism), Antiphospholipid Ab (ถาสงสัย APS) พบในหญิงมากกวาชายในชวงอายุ 30-60 yr. สวนชวงอายุอื่นๆ พบในทั้งชายและหญิงใกลเคียงกัน ถาเปนเด็ก มักหายเองไดใน 6 mo. แตในผูใหญ มักเปน Chronic ITP (เปนนานอยางนอย 12 mo.) เริ่ม treat เมื่อ Platelet < 30,000/mm3, ถา high-risk hemorrhage เริ่ม treat เมื่อ Platelet < 50,000/mm3 Admit เมื่อ Platelet < 10,000/mm3 การรักษา: Goal: Platelet > 30,000/mm3 (พบวาโอกาสเกิด severe bleeding ไมตางจาก normal population) การรักษา ITP – 1st line คือ Anti-D, steroid, IVIg; ดูตาม severity ดังนี้ 1. Platelet < 30,000/mm3 with No significant bleeding: เปน OPD case ให Prednisolone 1 MKD Æ F/U 2 wk. ถา platelet ขึ้นถึง goal ให tape off ลง 10 mg/wk ถา treat 6 wk. แลวไมดีขึ้น (ปกติจะ response ใน 1-3 wk.) Æ steroid resistance สงให hematologist 2. Significant bleeding (e.g. ICH, Intra-abdominal bleeding): ให 1) Platelet 1 U/10 kg จนขึ้นเปน 30,000-60,000/mm3 Platelet 1 U/10 kg จะ raise Hct ขึ้นได 6,000-10,000/mm3 Platelet ที่ไดมาเขา blood bank จะเก็บที่ room T, มีอายุแค 5 d (เพราะมี bacterial contamination ได) จึงมักขาดแคลน เวลาให Platelet ไมจําเปนตองใหตรง group ก็ได 2) IVIg 1 g/kg x 2d; ถาให IVIg ไมได ใหพิจาณาทํา emergency Splenectomy พิจารณาทํา elective splenectomy เมื่อไม response ตอ steroid หรือ steroid-dependent (พอลด dose steroid แลว platelet ก็ลงดวย) หรือไม response ตอ high-dose IVIg ถาให Anti-D (Ab ตอ Rh Ag) จะไปจับ RBC ที่ Rh Ag พอ RBC วิ่งผาน spleen ก็จะไป fill ที่ spleen จนเต็ม จนกระทั่ง platelet ไมโดนทําลายที่ spleen อีก SE ของ Anti-D คือ Extravascular hemolysis; C/I: มี Anemia อยูเดิม, เปน Rh –ve
Hemophilia - เปน Coagulopathy, พบ prolonged aPTT - ถายทอดแบบ XR (เจอในผูชายเทานั้น); 80% เปน hemophilia A (ขาด F8), 20% เปน hemophilia B (ขาด F9) - S&S ที่พบเชน hemarthrosis (esp. knee jt.), hematoma (intramuscular, retroperitoneal), bruise, mucosal bleeding (GI (e.g. bleeding per gum), GU), intracranial bleeding - Severity Normal factor activity Clinical Mild 5-25% Post-traumatic bleeding Post-traumatic bleeding, 1-5% Moderate Occasional spontaneous bleeding Severe < 1% Spontaneous bleeding from early life - การรักษา keep 30-60% 2-3 d ยกเวนกรณีมี life-threatening (intracranial bleeding) ให keep 100% 1 wk. - FFP มีทุก factor; Cryoprecipitate มี factor 1, 8, 13, vWF
TOP SI 117
ดังนั้น คนไข hemophilia A จะให cryoprecipitate, สวนคนไข hemophilia B จะให FFP ถาไมรูวาเปน hemophilia ชนิดไหน ก็จะให FFP ไปกอน Cryoprecipitate ทําโดยเอา FFP มาไวที่ T 0°C จะไดตะกอนของ factor 1, 8, 13, vWF เทน้ําออก เหลือตะกอนแลว ฉีด NSS เขาไป จึงไมมีสวนผสมของ serum ดังนั้นจึงไมจําเปนตองใหตรงตาม blood group - F8 - 1 U/kg ของ F8 จะเพิ่มได 2%, ให q 12 hr. (ตาม T1/2) - FFP 1 cc มี F8 1 U - Cryoprecipitate 1 bag (1 U) มี F8 100 U - F9 - 1 U/kg ของ F9 จะเพิ่มได 1%, ให q 24 hr. (ตาม T1/2) - FFP 1 cc มี F9 1 U Example: 1. คนไขหนัก 60 kg เปน hemophilia A มี intracranial bleeding ทํายังไง? คิด: ตองเพิ่มใหได 100% Æ ให F8 50 U/kg = 3,000 U Æ ให cryoprecipitate 30 bag อีก 12 hr. ถัดไป เรื่อยๆ ใหอีกครั้งละ 15 bag นาน 1 wk. # 2. คนไขหนัก 60 kg เปน hemophilia (ไมทราบชนิด) มี intracranial bleeding ทํายังไง? คิด: ตองเพิ่มใหได 100% ทั้ง F8 & F9 ไปกอน ทําให F9 ได 100% Æ ให F9 100 U/kg = 6,000 U Æ ให FFP 6,000 cc ทําให F8 ได 100% Æ ให F8 50 U/kg = 3,000 U Æ ให FFP 3,000 cc ดังนั้น ให FFP 6,000 cc stat กอน อีก 12 hr. ถัดไปเรื่อยๆ ใหอีกครั้งละ 3,000 cc #
Von Willebrand disease (vWD) - vWD จะมา present ดวย Bruise, Mucosal bleeding, Hypermenorrhea - เปนทัง้ 1° และ 2° hemostatic defect, มี prolonged aPTT ได (เพราะทําใหมีลักษณะเหมือน F8 deficiency) - มี 3 types คือ 1. Type 1 (70-80%): most common, ถายทอดแบบ AD; เปน quantitative deficiency 2. Type 2 (15%): ถายทอดแบบ AD; เปน qualitative deficiency 3. Type 3 (rare): most severe, ถายทอดแบบ AR, มี vWF < 1% + marked deficiency of F8 Æ มาดวย Hemarthrosis ได (เหมือน hemophilia) - การให vWF (โดยการให Cryoprecipitate) คํานวณเหมือน F8 ใน Hemophilia A
Hematologic malignancies Leukemia - แบงเปน 1. Acute leukemia – แบงเปน 1) AML (ANLL) – แบงตาม FAB เปน 8 subtypes (M0-M7) 2) ALL – แบงตาม FAB เปน 3 subtypes (L1-3) ในผูใหญ: 80% เปน AML; ในเด็ก: 80% เปน ALL 2. Chronic leukemia – แบงเปน CML, CLL
TO OP SI 117
- FAB classification of AML – แบง AML ออกเปน 8 subtypes (M0-M7) merican-Britishh) (FAB = French-Am
Namee Cytogennetics % (adult) 5% Minimally differentiaated acute myyeloblastic leuukemia 15% Acute myeloblastic leukemia, witthout maturation t(8;21), t(6;9) 25% Acute myeloblastic leukemia, witth granulocytic maturation t(15;117) 10% Acute promyelocytic leukemia (AAPL) inv(16), ddel(16q) 20% Acute myelomonoccytic leukemiaa e inv(16), t((16;16) 5% Myeloomonocytic toggether with boone marrow eosinophilia del(11q), t(9;11), 10% Acute monoblastic leukemia (M55a) t(11;119) Acute monocytic leeukemia (M5b) M M6 5% Acute erythroid leukemia M M7 t(1;222) 5% Acute megakaryocytic leukemia - APL (M3) ( – เกิดจากก t(15;17), ผูปวยที ป ่เปน APL มีโอกาสที่จะเกิกิดภาวะ DIC มากกว ม า leukemia ชนิดอื่นๆ เพราะ ลักษณ ณะของ Promyyelocyte ตางจาาก Myeloblast หรือ Lymphooid cell คือจะมีมี Azurophillic granule ใน cyytoplasm, ใน granule ของ Proomyelocyte มี Potent tissuee factor (F3) ซึงเมื ่ง ่อเซลลแตก Tissue factorr นี้จะไปกระตุน D ไดงาย จึงตตอง keep Plattelet มากกวา leukemia ชนิดดอื่น coagulation cascaade ทําใหเกิด DIC Subtype M M0 M M1 M M2 M M3 M M4 M44eo M M5
TO OP SI 117
- Granuule ใน cytoplaasm ของ Prom myelocyte บางงเซลลจะรวมกันเป น น Auer’s rod r - Hypergranular form m of APL: Promyelocyte บาางเซลลมี Auer’’s rod จํานวนมมากอยูเปนฟอนนๆ ในเซลล (bundles of Auer’s rod) เรียกวา Faggot cell
-
-
(Faggot cell)) ถาเจออ Auer’s rod บอกได บ เลยวาเปปน AML (เพราาะใน lymphobblast ไมมี grannule) ถาเจออ Faggot cell บอกไดเลยวาเป เ น APL (Hyppergranular foorm) Manaagement of APPL: ATRA (All-trans retinoicc acid) – ทําใหห promyelocytte สามารถ difffferentiate ตอไปเป ไ น maturre cell ได M7 (AAcute megakaaryocytic leukkemia) สัมพันธกับ Down synndrome, อาจมีมี MF รวมดวย การใหห CMT ใน Leuukemia จะตองให ง จนไมเหลือ blast ใน BM เลย เ (แมวาให CMT C ไปแลว W WBC จะต่ํามากก แตยังมี blast เหลืออยูก็ตองใใหตอ), เมื่อ CBBC ไมพบ blasst แลว ใหเจาะะ BM ดู Æ ถายังมี blast จะยยังให CMT ตอไป จนกระทั่งไมมี blast เหลือใน BM า ด T-cell (ยยอมติด CD3) แแตถาเปน lympphoma จะ ALL ที่เปนชนิด B-ceell (ยอมติด CDD19, 20) มี proognosis ดีกวาชนิ บอกไมได ด t(8;14), PBS: Vacuolee จํานวนมากในน WBC Burkittt’s cell leukemia (L3) – เกิดจาก
(Burkkitt’s cell leukemia) - CLL เป เ น leukemia ที่เปน low-graade malignanccy (เหมือน Follicular lymphhoma: โตชาๆ),, คนไขจะอายุมาก ม สบายยดี ไมคอยมีอากการ
(CLL)
TO OP SI 117
- เมื่อไหหรถึงจะให Plattelet transfusiion 1. Clinical bleedding (ไมวา Plaatelet จะเทาไหหรก็ตาม) 2. Platelet < 10,000/mm3 3. Platelet < 20,000/mm3 + มีไข 4. Platelet < 20,000/mm3 + เปปนชนิด APL Leukeemia ทั่วไป จะะ keep Plateleet 10,000/mm3 ยกเวน APL (M3) ที่ตอง keeep Platelet 220,000/mm3 เพพราะเกิด ภาวะ DIC ไดงาย - Flow cytometry – ยิงแสงออกไปผานเม็ดเลือดทีวิว่ ่งิ เรียงเดี่ยว, อาศัยหลักการทีที่วา แสงสะทอนนที่ตกผานเม็ดเลื เ อดที่ แตกตตางกัน ก็จะสะททอนไปตกคนละจุด ทําใหเกิดภาพ histogram ที่แตกตางกััน
- Stem cell transplannt – ฉีด G-CSFF ให donor แลลวเอา peripheeral blood ของง donor (มี steem cell ออกมาามากกวา ปกติ) ไป transfusioon ใหกับคนไข ปจจุบับัน ไมใช BM trransplant แลว
Lymphhoma - Cervical lymphadeenopathy – DDDx ที่สําคัญ ไดแก 1. URI 2. Bacterial infection of uppeer limb 3. TB lymphadeenopathy (Scrrofula – TB cervical lymphaadenopathy) 4. Infectious moononucleosis (IMN) 5. Lymphoma 6. Metastasis (จจาก SCC ที่ moouth, pharynxx, larynx, uppeer esophaguss) C + ซัก Hx B symptoms - เมื่อเจจอผูปวย Dx Lyymphoma Æ สิ่งแรกที่ตองทีที่ตองทําคือ Staaging โดยทํา CT
TOP SI 117
- Staging (Ann Arbor system) Stage 1 – 1 LN region Stage 2 – ≥ 2 LN regions ไมขาม diaphragm Stage 3 – ≥ 2 LN regions ขาม diaphragm Stage 4 – กระจายไป organ อื่นๆ (e.g. BM, brain, liver) เติม A เมื่อไมมี B symptoms เติม B เมื่อมี B symptoms ประกอบดวย 1. Fever (> 38°C) 2. Night sweats 3. Significant weight loss (> 10% in 6 mo.) - LDH (บอกถึง cell turnover rate) เปนตัวที่บอก prognosis ใน lymphoma - CMT: CHOP regimen: Cyclophosphamide, Hydroxydaunorubicin (Doxorubicin), Oncovin (Viscristine), Prednisolone x 8 cycles กอนใหตองทํา Echo. (TTE) กอน เพราะ Doxorubicin (H) มี SE ทําใหเกิด RCM ได ถา heart ไมดี ก็จะตัด H ออก ใหเปน COP regimen x 8 cycles แทน
Multiple myeloma (MM) - MM มี criteria ในการ Dx 3 ขอ คือ 1. เจอตัวมัน Æ BM พบ Plasmacytosis > 10% 2. เจอผลของมัน Æ M-protein (M = monoclonal) in serum > 3 g/dl Ix โดยสง Immunofixation หรือ Serum protein electrophoresis (SPEP) ± urine protein electrophoresis ดู Bence-Jones protein 3. เจออาการจากผลของมัน Æ CRAB: Ca2+Ç, Renal failure, Anemia, Bone lesion (lytic, punched-out) ตองมีขอ 1. & 3. สวนขอ 2. อาจไมมีในกรณีที่เปน Non-secretory MM (5%) ซึ่งจะไมสราง M-protein ออกมา
(SPEP in MM) (SPEP in Non-secretory MM) - S&S: Bone pain / Pathologic Fx (จาก osteolytic bone lesion), Hypercalcemia, Anemia/neutropenia/ thrombocytopenia, Recurrent infection, Renal failure - ผูปวย 2/3 จะพบมี Bence-Jones protein ใน urine (free Ig light chain: κ or λ type; λ type ทําใหเกิด Renal failure ไดมากกวา) - PBS: Anemia, RBC มีลักษณะ Rouleaux formation, Myelophthisis blood picture (Leukoerythroblastic blood picture) (เนื่องจาก bone marrow ถูกเบียดดวย plasma cell ที่เพิ่มขึ้น), พื้น slide เห็นเปนสีชมพู (เพราะมี globulin ในเลือดมาก), อาจเจอ circulating plasma cell ไดบาง
TO OP SI 117
- Ix ที่ตองสงเสมอเพื่อ Dx MM มี 3 อย อ าง ไดแก 1. BM Bx – เพื่อดูดวามี Plasmaccytosis > 10% % หรือไม ตําแหนงที่จะทํทํา BM Bx / BM MA ตองเปน flaat bone เพราะยังคงมี hemoppoietic cell อยูยู; ทําได 2 ตําแหนง คือ 1) PSIS (นิยมที ย ่สุด) 2) Sternum (ในเด็ก ทั้ง lonng bone & flaat bone จะมี hemopoietic h cell c อยู แตพอเปปนผูใหญ hem mopoietic cell ใน long bone จะถูกแททนที่โดยมี calccified แต flat bone b จะยังคงมี hemopoietiic cell อยู ดังนนั้น การเก็บ BM M ไปตรวจ ในผูใหญ จึงตองทําที่ flat boone เทานั้น) ไ (แตถาไมมก็กี อ็ าจเปนชนิด Non-secretoryy MM ได) 2. SPEP – เพื่อดูวา M-protein > 3 g/dl หรือไม 3. Bone survey – bone ที่ signnificant คือ flaat bone, film skkull พบ punchhed-out lesionn ณะแบบ MM แตตไมถึง criteriaa (เชน BM พบ Plasmacytosis < 10% หรือ ไมมี CRAB) จะ จ Dx - กรณีผูผปู วยที่มีลักษณ เปน MGUS M (Monocclonal gammoopathy of unddetermined siggnificance)
Myeloproliferativve disorder (MPD) - MPD – เกิดจาก cell ใน BM prolifferate มากขึ้นผิดปกติ, มักพบบใน old age (ยยกเวน CML พบใน middle age ได), Dx โดดยวิธี R/O (ยกเเวน PV กรณีเจอ จ JAK2 genee mutation), มีอยู 4 โรค ขึ้นอยู อ กับวาเปน ceell ชนิดไหน ไดดแก 1. Chronic myelloid leukemia (CML) - WBCC (myeloid series)Ç
-
พบใน Middle age R Leukemoid reaction Dx โดย R/O
TO OP SI 117
-
2.
3.
(Leuukemoid reacction) Leukemooid reaction – WBC เยอะ แต แ ดู PBS จะมีแต แ เซลลตัวแก ไมมี blast CML – WBC W มีทั้งตัวออนและตั อ วแก, มีม Basophil เยยอะ (CBC ใน MPD จะพบมีมี Basophil สูงกว ก าปกติ) 1 > 95% จะพบ Ph : t(9;222) ซึ่งทําใหเกิด BCR-ABL fusion gene
Polycythemiaa vera (PV) – RBCÇ - > 90% พบ JAK2 genee mutation R 2° Erythroocytosis หรือพบ JAK2 genee mutation - Dx โดย R/O 2° Polycyythemia – e.gg. เสีย plasmaa, ได EPO มากก - ในการ Dxx MPD ตาม WHO W criteria จะใชวิธี R/O ยกกเวน PV ที่จะใให Dx จาก JAKK2 gene mutaation ได (เพราะเจออ > 90%) Essential throombocythemiaa (ET) – PlateeletÇ
TO OP SI 117
M te เจริญมากเปปนพิเศษ, Prognosis ดีที่สุดในนกลุม MPD เกิดจาก Megakaryocyt Dx โดย R/O R 2° Thrombbocytosis 2° Throm mbocytosis – e.g. e Acute bloood loss, IDAA, Post-spleneectomy, Infecttion - 50% พบ JAK2 gene mutation m - มักเกิดในนผูใหญ, มีเพียง 14% เกิดในเด็ด็กอายุ < 20 ป - Criteria foor Dx ET มีดังนีน้ 1. Plateelet ≥ 600,0000/mm3 นานอยยางนอย 2 mo.. 2. ไมมี evidence ของง IDA (พบ stainable iron ในน BM หรือใหการรั า กษาดวย iroon แลวยังมี RBBC mass คงเดิดิม, normal MCCV) 3. ไมมี evidence ของง CML (ไมพบ Ph1) 4. ไมมี evidence ของง PV (RBC maass ปกติ) 5. ไมมี evidence ของง MF (มี fibrossis ไมถึง 1/3 ของ biopsy จากกผูปวยที่มามไมมโต หรือ ไมมี leukooerythroblastoosis ในเลือด) 6. Exclude สาเหตุททํที่ าํ ใหเกิด Reacctive fibrosis แล แ ว (normal innflammatory inndex) ment of ET: Hydroxyurea (HHU) - Managem Myelofibrosis (MF) or Agnoogenic myeloid metaplasia (AMM) – Fibrous tissue ในน BMÇ R Reactive fibrosis f (BM disturbance) d - Dx โดย R/O - 50% พบ JAK2 gene mutation m - PBS: Teaar drop RBC (Dacrocyte), NRC, N WBC ตััวออน (e.g. Myyelocyte) ลักษษณะเปน Myelophthisis blood piccture (Leukoeerythroblastic blood picturee)
-
4.
B JAKK2 mutation Æ ทําให Tyrosine kinase (TTK) activity เพิพิ่มขึ้น Æ เสีย control of prooliferation - Ph1, BCR-ABL, & apooptosis; ปจจุบับันมี targeted therapy: TK inhibitor - ผูปวยที ย ่มาดวย Huge splenomegaaly (Massive splenomegaly s y; ≥ 8 cm BLCCM) – DDx โรคคที่เปนไปได ไดดแก 1. MPD: CML, MF M (สวน PV & ET ไมทําใหมีมี huge splenoomegaly) 2. Lymphoma 3. Hairy cell leukemia (HCL) 4. CLL 5. Major thalasssemia 6. Gaucher’s dissease (เปน lyysosomal storaage disease) 7. AIHA
TOP SI 117
Oncology Oncologic emergencies SVC syndrome - S&S ที่พบคือ dyspnea, หนา & แขน 2 ขางบวม, headache (จาก IICP), dysphagia, chest pain, facial plethora (หนาแดง), vein dilatation ที่ neck & chest wall (จาก collateral circulation) - อาจมี Horner’s syndrome รวมดวย (จาก CA lung – Pancoast tumor) - สวนใหญเกิดจาก malignancy (CXR Lat. view พบ ant. mediastinal mass) DDX: 1. CA lung – small cell lung cancer (SCLC, Oat cell CA) 2. NHL – diffuse large B-cell lymphoma (DLBCL) 3. Metastatic CA – breast, GI, sarcoma, prostate, melanoma 4. Thymoma – อายุ > 40 ป กรณีพบในคนอายุนอย ใหนึกถึง Mediastinal germ cell tumor (Teratoma) – สงตรวจ AFP, β-HCG รองลงมาเปน Lymphoma, Thymoma - กรณีเปนจาก non-malignancy เชน goiter, aortic aneurysm, thrombosis (จากการใสสาย CVP), fibrosis (จาก inflammation, infection, CMT, RT) - Ix: ขึ้นกับวาสงสัยวาเกิดจากอะไร; ถาสงสัยวามาจาก CA lung ก็สง 1. CXR (PA upright, Lat.) – ดู mediastinal mass, widening of mediastinum, rt. hilar mass 2. LN Bx - จะเปน emergency เมื่อพบ severe symptoms (life-threatening) 3 อยาง คือ 1. Airway obstruction (stridor) Æ emergency tracheostomy 2. CVS collapse (BP drop) 3. IICP (severe headache, blurred vision, ΔMS, seizure) Æ hyperventilation, 20% mannitol 1 mg/kg - Management: เมื่อ S&S สงสัย SVC syndrome Æ สง CXR (PA upright, Lat.) Æ ถาไมเห็น ใหสง CT chest with contrast จะเห็น SVC ชัดกวา (อาจเกิดจาก clot ใน SVC); ถามี C/I ในการฉีด contrast ก็ทํา MRI แทน - หลังจาก identify ไดแลว - General management – head elevation (30-45°), bed rest, O2, ไมเจาะเลือด/ให IV ที่แขน (ใหที่ขาแทน), ถาบวมมากๆ อาจให Diuretic (แตไมควรใหในคนที่บวมไมมาก เพราะอาจทําใหเกิด hypovolemia เลือดจะ เกิด stasis ทําใหเลือด clot งายขึ้น ยิ่งทําให SVC syndrome เปนมากขึ้นได), ให Dexamethasone 4 mg q 6 hr. ใน IICP, lymphoma, thymoma - Severity assessment - ถามี severe symptoms 3 อยาง Æ ตองรีบรักษาโดย emergency RT ยกเวนในคนอายุนอย เพราะสาเหตุที่ common มากคือ germ cell tumor Æ ใหตรวจ AFP, β-HCG ไป เลย ถา +ve Dx เปน non-seminoma germ cell tumor (NSGCT) - ถาไมมี severe symptoms Æ Ix ใหได definite Dx กอน - Specific treatment
TOP SI 117
-
ถาเปนกลุมที่ response ตอ CMT (e.g. SCLC, lymphoma, germ cell tumor) ก็ให CMT กอน ถาเปนกลุมที่ไม response (e.g. NSCLC, metastatic CA) ก็ให RT กอนเพื่อ control อาการ ถาเปนกลุม non-malignancy เชนจาก thrombosis ก็ให anticoagulant Balloon venoplasty + SVC stent
Febrile neutropenia (FN) - Febrile neutropenia มี criteria ในการ DX คือ 1. T ≥ 38.3°C 1 peak หรือ T ≥ 38°C นาน 1 hr. (2 peaks หางกัน 1 hr.) 2. ANC < 500 หรือ ANC < 1,000 with predicted nadir < 500 - เมื่อ Dx FN Æ ให Ceftazidime (Fortum®) 2 g IV q 8 hr. + Amikacin (Amikin®) 15 MKD IV OD ถาหลังจากให ATB แลว มีไข peak ใหม หรือ ผานไป 5 d แลว ไขไมลง Æ add Amphotericin B 1 MKD IV - คนไขที่เปน FN เมื่อไหรมี BP drop โอกาส dead > 70%
Tumor lysis syndrome (TLS) -
-
-
-
TLS จะพบคา Electrolytes ที่ผิดปกติ คือ “PUKCa”: PO4, Uric acid, K+Ç; Ca2+È คําอธิบาย: ใน cell มี K+, DNA ในเซลลมี PO4 (เปนสวนประกอบของ nucleotide), Purine (สลายได uric acid) Æ เมื่อ cell แตก ทําให K+, PO4, Uric acid ออกมานอกเซลล Æ PO4, Uric acid, K+Ç เมื่อ PO4 ออกมา จะไปจับกับ Ca2+ ในเลือด Æ Ca2+È มักพบใน ALL, Burkitt's lymphoma ผูปวยที่เปน Burkitt’s lymphoma ควรเจาะเลือดตรวจ q 6 hr. คนเปนโรคนี้สวนใหญจะตายในวันแรกๆ (5 d หลัง CMT) จาก TLS จึงตอง hydration ดีๆ ถาผานชวงแรกไปไดจะดี มีโอกาสหายขาดสูง Management 1. Hydration – keep Urine sp.gr. < 1.010 2. Urine alkalinization – ให NaHCO3-, keep urine pH 6.5-7.5 คนที่เกิด TLS สิ่งที่เรากลัวที่สุดคือ Uric acid ที่สูงจะไปตกตะกอนที่ไต Æ toxic ตอ tubule เกิด ATN (ทําใหเกิด renal failure ได ทําใหการใหยา CMT จะมีปญหา, ตอง dialysis AML VS ALL ALL – เซลลตัวเล็ก แตกงายกวา Æ เกิด TLS งายกวา AML – เซลลตัวใหญ มักไปทําให obstruct bl. vv. Æ มักเกิด Hyperleukocytosis มากกวา
Hyperleukocytosis -
Hyperleukocytosis = ภาวะที่มี WBC > 100,000/mm3 พบบอยใน AML, ALL, CML ทําให blood viscosity เพิ่มขึ้น Æ เกิด microthrombi อุดตัน bl. vv. S&S: Dyspnea, Tachypnea, Hypoxia, Respiratory failure, Headache, Alteration of consciousness, Seizure, IICP, ICH, Oliguria, Renal failure, etc. Cause of death: ICH, Renal failure Investigation: CBC (ตองระวังการเกิด complication มากขึ้น ถา Hct + Leukocrit ≥ 30% และ Platelet < 50,000/mm3), Electrolytes, Uric acid, BUN/Cr, LFT, Coagulogram
TOP SI 117
-
ถามี respiratory symptoms ควรสง ABG ดวย Monitor V/S, I/O, O2 sat., consciousness Management: 1. Platelet transfusion (keep ≥ 20,000/mm3 ใน ALL; ≥ 40,000/mm3 ใน AML เพื่อลด risk ของการเกิด ICH), ถามี Prolonged coagulogram พิจารณาให FFP ระวัง หามใหเลือด เพราะจะยิ่งทําให blood viscosity เพิ่มขึ้น, keep Hb ≤ 10 g/dl + ให O2 2. CMT 3. Leukapheresis หรือ Total exchange transfusion – พิจารณาทํากอนใหยา CMT ถาคนไขมี symptoms ของ Hyperleukocytosis 4. ระวังเกิด TLS: Hydration, Urine alkalinization, Allopurinol
TOP SI 117
Neurology Stroke - Definition – Stroke (Cerebrovascular disease, CVD) ตองมีลักษณะครบ 3 ขอตอไปนี้ 1. Sudden onset of focal/global neurological deficit 2. Lasting more than 24 hr. 3. No apparent cause other than that of vascular origin - Risk factors 1. Non-modifiable – e.g. Age, Sex, Race, FHx 2. Modifiable – e.g. HT, AF, DM, DLP, Smoking, Carotid a. stenosis - Classification – แบงเปน 1. Ischemic stroke (85%) – แบงตาม TOAST classification เปน 5 subtypes (TOAST = Trial of ORG 10172 in acute stroke treatment) 1) Large-artery atherosclerosis (1) Embolic stroke – แบงเปน - Arterial-to-arterial – source จาก ICA, Vertebral a., Ascending aorta (esp. ถาทํา TEE แลว เจอ plaque หนา > 0.4 cm) - Paradoxical – เกิด Rt.-to-Lt. shunt; clot จาก peripheral v. ลอดผาน septal defect (e.g. PFO, ASD, Pulmonary AVF) ขึ้นไปที่ brain (2) Thrombotic (Atherosclerotic) stroke – เกิดกับ large a. (e.g. ICA; ดูไดจาก CDUS), mediumsized a. (e.g. MCA) 2) Cardioembolism – พบในผูปวยที่มี AF, Vulvular heart disease, Post-MI, Ventricular thrombus, etc. ทําใหเกิด mural thrombus แลวหลุดไปเปน thromboemboli; แบงเปน High-risk กับ Medium-risk 3) Small-vessel occlusion (Lacunar infarction) – relate กับ HT, DM, smoking; พบที่ Putamen, Basis pontis, Thalamus, Posterior limb of internal capsule, Caudate nucleus; เกิดจาก Perforating br. occlusion จาก lipohyalinosis / microatheroma; ทําใหเกิด “Lacunar syndromes” ได 5 แบบ ไดแก (1) Pure motor stroke (พบมากที่สุด) – lesion ที่ Posterior limb of internal capsule (2) Pure sensory stroke – lesion ที่ Thalamus (involve PLV nucleus) (3) Ataxic hemiparesis (พบเปนอันดับ 2) – lesion ที่ Posterior limb of internal capsule, Basis pontis, Corona radiata (4) Dysarthria-clumsy hand syndrome – lesion ที่ Basis pontis (5) Mixed sensorimotor stroke – lesion ที่ Thalamus & adjacent Posterior limb of internal capsule 4) Stroke of other determined etiology (1) Hemodynamic – CBF ลดลง เกิด Watershed infarction (hypoperfusion ที่ distal part of arterial territories) (2) Vascular disease – Dissection, Moyamoya disease (MMD), Arteritis, Fibromuscular dysplasia (FMD) (3) Abnormal coagulation – Protein C/Protein S deficiency, Hyperviscosity syndrome, APS
TOP SI 117
(4) Cerebral venous sinus thrombosis (CVST) – มักเกิดจาก hypercoagulable state; อาการที่ typical คือ sudden onset of headache ตอนนอน รูสึกตึงมาก พอนั่งแลวดีขึ้น แตพอนอนก็จะปวด มากอีกจนทนไมไหว (เพราะตอนนอน flow ไมเยอะ จึงเกิด coagulation แลวทําใหเกิด acute pain) 5) Stroke of undetermined etiology 2. Hemorrhagic stroke (15%) – แบงเปน 1) Intracerebral hemorrhage (ICH) – แบงเปน (1) Hypertensive (Spontaneous) - Basal gg. (esp Putamen) (50%) - Thalamus (15%) - Pons (10-15%) - Cerebellum (10%) - Lobar (10-20%) (2) Other causes - Amyloid angiopathy – ทําใหเกิด hemorrhage ที่ subcortical white matter - Anticoagulant / Antithrombotic use - Brain tumor - AVM 2) Subarachnoid hemorrhage (SAH) – แบงเปน (1) Aneurysmal – Ruptured berry aneurysm (มักเจอที่ Circle of Willis) Anterior circulation: A-Com (30%), P-Com (25%), MCA (20%) Posterior circulation: BA (10%), VA (5%) (2) Traumatic – เกิดที่ผิวของ brain (3) AVM – นึกถึงถาเจอ SAH ในคนอายุนอย - Management – เมื่อเจอผูปวยที่สงสัย stroke ใหทําดังนี้ 1. Call acute stroke team, วัด V/S, BLS (ประเมิน ABC) 2. Exclude stroke mimic 5 ภาวะ ไดแก 1) Hypoglycemia 2) Seizure 3) Hypertensive encephalopathy 4) Complicated migraine 5) Conversion Ix: BS, BUN/Cr, Electrolytes, CBC, PT, aPTT 3. CT Brain w/o contrast - Hemorrhagic stroke Æ consult Neurosurgeon - Ischemic stroke Æ ถา onset ยังไมเกิน 4.5 hr. เขาสู stroke fast track, พิจารณาให rt-PA 4. rt-PA (Alteplase) 0.9 mg/kg (10% in 1 min, 90% in 1 hr.) ถา Age ≥ 18 yr., Onset < 4.5 hr., NIHSS ≥ 4, ไมมี C/I ในการให rt-PA
TOP SI 117
กอนให rt-PA ตองมี consent form: โอกาส ICH 7%, โอกาส Anaphylaxis 0.1%, มีโอกาสฟนตัวมากกวาคนที่ ไมให 30% ตองจอง ICU, crossmatch FFP 10 cc/kg + notify Neurosurgeon กอนใหยา 5. Admit stroke unit 6. ASA 160-300 mg/d w/in 48 hr. หลัง onset, ใหนาน 14 d - AHA guideline 2010 สําหรับผูปวยที่สงสัย Stroke
TOP SI 117
- BP ที่ keep ในผูปวย Acute stroke - Ischemic stroke ที่ไมได rt-PA Æ keep BP ≤ 220/120 mmHg - Ischemic stroke ที่ได rt-PA Æ keep BP < 180/105 mmHg - Hemorrhagic stroke Æ keep normal BP - ผูปวยที่ได rt-PA มีขอควรระวัง ดังนี้ 1. หามให Antiplatelet, Anticoagulant ในชวง 24 hr. แรก 2. เมื่อสงสัยวามี bleeding หยุดให rt-PA ทันที 3. หามใส NG tube, CVP line, A-line ในชวง 24 hr. แรก 4. หามใส Foley catheter ในชวงที่ใหยา & หลังใหยา 30 min - ABCD3-I score (ป 2010) – ใชประเมิน risk ของการเกิด stroke ใน 48 hr. แรกหลังจากเกิด TIA ดังนี้ 1. Age ≥ 60 (+1) 2. BP ≥ 140/90 mmHg (+1) 3. Clinical features: Speech disturbance (+1) / Unilateral weakness (+2) 4. Duration of symptoms: 10-59 min (+1) / ≥ 60 min (+2) 5. DM (+1) 6. Dual TIA (Hx of previous TIA w/in 7 d) (+1) 7. Investigation - Diffusion-weighted MRI (DWI): Brain ischemia (+1) - CDUS: Carotid a. stenosis ≥ 50% (+1) Score = 0-3 – Low risk (2-day risk = 1%) Score = 4-5 – Moderate risk (2-day risk = 4%) Score ≥ 6 – High risk (2-day risk = 8%) ตั้งแต Moderate risk ขึ้นไป (Score ≥ 4) Æ Admit ใน ร.พ. อยางนอย 48 hr. จุดประสงคเพื่อ 1. Observe อาการ ถาเกิด stroke ซ้ํา Æ ให rt-TA ไดทัน 2. W/U หา cause ของ TIA ตาม TOAST classification Æ ให prevention ที่เหมาะสมตอไป - โรคทาง neurology ที่จะตองให Heparin ที่สําคัญมีเพียง 2 โรค ไดแก 1. Dissection (e.g. Vertebral a. dissection) – ให Heparin เพื่อปองกัน clot propagation เนื่องจากมี raw surface เกิดขึ้น 2. CVST
Stroke syndrome Brainstem syndromes - “Rule of 4” ของ BS syndromes Medial BS syndrome จะมี lesion ที่ “4M” ดังนี้ 1. Motor nucleus at N.3, 4, 6, 12 2. Motor pathway (Pyramidal tract) 3. MLF 4. Medial lemniscus
TOP SI 117
Lateral BS syndrome จะมี lesion ที่ “4S” ดังนี้ 1. Spinothalamic tract 2. Spinocerebellar tract 3. Sympathetic pathway 4. Spinal tract of N.5 - Midbrain syndromes ที่สําคัญมีดังนี้ Syndromes Structures involved Weber 1. Rootlets of N.3 2. Cerebral peduncle Benedikt 1. Rootlets of N.3 (Paramedian basal 2. Red nucleus infarction) Claude (Thalamoperforating)
Parinaud (Dorsal midbrain)
1. Rootlets of N.3 2. Red nucleus 3. SCP (Brachium conjunctivum) Pretectal region
Physical signs 1. Ipsilateral N.3 palsy 2. Contralateral hemiparesis (UMNL) + Contralateral facial palsy (UMNL) 1. Ipsilateral N.3 palsy 2. Contralateral Holmes tremor 3. (±) Contralateral hemianesthesia เหมือน Benedikt + Contralateral ataxia
Common cause Occlusion of Penetrating br. of PCA Occlusion of Paramedian br. of PCA Occlusion of Paramedian br. of PCA
1. 2. 3. 4.
Pineal gland tumor
Upward gaze palsy Large pupil, Light-near dissociation Lid retraction (Collier sign) Convergence retraction nystagmus on upward gaze
- Medullary syndromes ที่สําคัญมีดังนี้ Syndromes Physical signs Wallenberg 1. Numbness of Ipsilateral face + Contralateral limb (Lateral medullary) 2. Vertigo 3. Diplopia, Hoarseness, Dysarthria, Dysphagia 4. Ipsilateral Horner’s syndrome Medial medullary 1. Contralateral hemiparesis, spare face 2. Contralateral tactile & proprioception 3. Ipsilateral tongue weakness
Common cause Occlusion of Vertebral a. (1st) or PICA (2nd) Occlusion of Vertebral a. or Br. of vertebral a. or Lower Basilar a.
Bell’s palsy -
Bell’s palsy (Idiopathic facial n. palsy) = Acute onset of unilateral facial palsy (LMNL); ไมรูสาเหตุ, ไมมี risk factor, ไมมี skin lesion ของ HSV, PE neuro. WNL ทุกอยาง (ยกเวน N.7) DDx กับสาเหตุที่ทําใหเกิด facial palsy ได ดังนี้ 1. Bell’s palsy – 75%; Dx by exclusion
TOP SI 117
-
-
2. Ramsay Hunt syndrome 3. Lyme disease 4. Meningitis – Fungal 5. TB, virus – HIV, Polio 6. Mycoplasma (rare) 7. Brainstem lesion – Stroke, Tumor, MS 8. CP angle – Schwannoma, Meningioma 9. Systemic disease – DM, Sarcoidosis, GBS (แตมักเปน 2 ขาง) 10. ENT & other cause – Otitis media, Parotid tumor, Temporal bone trauma/tumor, Orofacial granuloma, Diving (barotrauma, temporal bone pneumocele) Management: ดีขึ้นไดเองใน 4-6 wk. กรณีที่มาใน 6 d แรก Æ Prednisolone 50 mg/d for 5 d (± 10 mg/d ตออีก 5 d) เพื่อชวยลด nerve edema ปองกันไมใหจาก weakness กลายไปเปน paralysis Ramsay Hunt syndrome = Herpes zoster infection of Geniculate gg.; อาการเหมือน Bell’s palsy, พบ vesicles ที่ pharynx, EAM รวมดวย; อาจ involve N.8 ดวยได ทําใหเกิด SNHL
Seizure -
1st line ของการรักษา GTC คือ Dilantin® (Phenytoin) 1st line ของการรักษา PS คือ Depakine® (Sodium valproate) เพราะเปน broad-spectrum AED ถาผูปวยเคยใช Phenytoin คุมอาการ GTC ได ตอมาขาดยา แลวมีอาการชักขึ้นมาอีก Management - ถาชักมา ร.พ. ตอหนา Æ ให IV Diazepam load ไปกอน แลวจายยา Phenytoin ใหกลับไปกิน continue ตามเดิม - ถามาถึง ร.พ. หยุดชักแลว Æ ให Oral Phenytoin load แลวจายยา Phenytoin ใหกลับไปกิน continue ตามเดิม
Status epilepticus -
-
Status epilepticus = ชักตอเนื่องนาน ≥ 5 min ปกติ การชักทั่วๆ ไป จะไมเกิน 2 min ถา ≥ 5 min โอกาสที่จะชักตอไปเรื่อยๆ สูง ให treat แบบ status epilepticus เลย เพราะถา treat ชา neurological outcome จะแย (GABA receptor จะหายเขาไปใน neuron, ทําให resistance ตอยาที่ออกฤทธิ์ตอ GABA receptor) แบงเปน 4 แบบ 1. Simple partial – ชักแบบ simple partial seizure นาน (e.g. แขนกระตุกขางเดียวเปนวันก็ยังไมหาย แต conscious ยังปกติ) 2. Complex partial – ชักแบบ complex partial seizure (เสีย conscious) 3. GTC – ชักกระตุกทั้งตัวแบบ GTC seizure นาน; ตองใช treatment aggressive เพราะอันตราย ถาปลอยใหชัก ไปเรื่อยๆ เปน ชม. neuron จะ exhaust กลายเปนไมกระตุกทั้งตัวแลว turn เปน coma (แตก็ยังเห็นตากระตุก/ นิ้วกระตุก/มุมปากกระตุกอยูเปนพักๆ = subtle clonic activity เทาที่ neuron ยังมีแรงทําได) กลายเปนแบบที่ 4. 4. Generalized nonconvulsive – GTC status epilepticus ที่ปลอยทิ้งไวจน neuron exhaust
TOP SI 117
-
Management At 0-5 min: ABC, O2, เปด IV, DTX (ถา hypoglycemia ก็ให 50% glucose + B1 100 mg IV) At 5 min: Valium® 10 mg IV bolus (ออกฤทธิ์ใน brain แค 30 min แลวจะกระจายไป deposit ตาม fat ที่อื่นๆ) ถา ยังไมดี Æ repeat Valium® 10 mg IV (ระวัง SE: Respiratory depression, Hypotension); ถายังไมหยุดชัก At 10 min: Dilantin® 20 mg/kg IV drip (Max rate 50 mg/min), ขณะ drip ตอง monitor EKG, BP SE of Dilantin®: BP drop, Arrhythmia ขอดีของ Dilantin® คือ ไมทําใหคนไขงวงซึมมาก, พอหยุดชัก สามารถปลุกคนไขมา assess ได ถาคนไขอายุเยอะ / heart ไมดี ตอง drip rate < 25 mg/min (ชากวาปกติ เพราะเสี่ยงตอ BP drop, Arrhythmia) ขอควรระวังเพิ่มเติม คือปกติ Phenytoin เปนยาที่ละลายยาก ตองอยูใน solution ที่เปนดางมากๆ เทานั้น ถา IV ไม ดี เกิด IV leak จะทําใหเกิด skin necrosis ได = Purple glove syndrome (PGS) = ถาใหที่หลังมือจะมวงทั้งมือ; ถาไมมั่นใจ IV site ใหใช Fosphenytoin แทน (ถามี) เพราะเปน water-soluble (ใช dose เดียวกัน พอเขารางกาย จะไปเปลี่ยนเปน Phenytoin) ถายังไมหยุดชัก At 30 min: Dilantin® 5-10 mg/kg IV drip (Max rate 50 mg/min); ถายังไมหยุดชัก At 40 min: Phenobarbital 20 mg/kg IV drip ไมใชเปนอันดับแรกๆ เพราะมีขอเสียคือทําใหงวงซึมมาก มี Respiratory depression อาจ care airway ตัวเอง ไมได ตองใส ETT, พอหยุดชักปลุกคนไขมา assess ไมได; มี SE เรื่อง BP drop, Arrhythmia นอยกวา Phenytoin ถายังไมหยุดชัก At 1 hr: Phenobarbital 5-10 mg/kg IV drip ถายังไมหยุดชักอีก = Refractory status epilepticus (mortality สูงมาก ตอง on ET tube, refer ไปเขา ICU) สรุปหลัก treatment 1. At 5 min: Valium® 10 mg Æ add 10 mgÆ 2. At 10 min: Dilantin® 20 mg/kg (Max rate 50 mg/min) Æ add 5-10 mg/kg Æ 3. At 40 min: Phenobarbital 20 mg/kg Æ add 5-10 mg/kg
Headache -
-
Headache – ขัน้ ตอนการ approach อันดับแรก คือ แยกวาเปน 1° หรือ 2° headache 1. 1° Headache – ไมมี U/D อธิบาย; ไดแก 1) Tension-type headache (TTH) – most common 1° headache 2) Migraine 3) Cluster headache 2. 2° Headache – มี cause จาก U/D; ไดแก 1) Systemic disease – most common 2° headache 2) Intracranial disease 3) Paracranial disease ตําแหนงที่ปวด ชวยแยกคราวๆ ได ดังนี้ - Forehead / Occipital area Æ 1° > 2° headache - Face Æ 2° > 1° headache
TOP SI 117
-
- Neck Æ 1° = 2° headache Character ของ headache แตละชนิด
Migraine -
-
-
Migraine – ตองซัก Hx ปวดศีรษะขางเดียว (แตปวด 2 ขางก็ได) ปวดตุบๆ, นาน 4-72 hr., สัมพันธกับกิจกรรม, อาจ มี aura (เห็นแสงวูบวาบ), N/V, photophobia, phonophobia, อาจสัมพันธกับประจําเดือน (menstrual migraine) PE: Complete Neuro. exam + Ophthalmoscope (ดู fundus เพื่อ R/O 2° cause) DDx: 1. Migraine 2. Tension-type headache (TTH) – ปวดศีรษะ 2 ขาง เหมือนมีอะไรรัด/บีบ, เครียด, ไมสัมพันธกับกิจกรรม, ไมมี aura/ N/V/photophobia /phonophobia 3. Drug-induced migraine การรักษา 1. หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุน – ความเครียด, chocolate, caffeine, ยาสูบ, สภาพแวดลอมตางๆ 2. ใหยา แบงเปน 2 แบบ 1) Abortive therapy – เมื่อปวดไมเกิน 2 episodes/mo. กินตอนเริ่มปวดทันที ภายใน 30 min จะไดผลดี 1. NSAIDs – Ibuprofen 200-400 mg หรือ Naproxen 250-500 mg 2. Cafergot (Ergotamine 1 mg/Caffeine 100 mg) 1 tab SE: N/V (esp. 1st dose) จะให Plasil® (Metoclopramide) 5-10 mg PO/IV 3. Sumatriptan 25-50 mg (repeat in 2 hr.) (max = 200 mg/d) SE: Chest discomfort; C/I: CAD (เพราะ triptans ทําใหเกิด coronary vasoconstriction) 2) Preventive therapy – เมื่อปวดบอยๆ ≥ 3 episodes/mo. กินเพื่อปองกัน (1) Propranolol (40 mg) 1-3 tab bid/tid (2) Flunarizine (CCB) 5-10 mg OD hs – ใชใน migraine with aura ยาตัวอื่นๆ e.g. Amitriptyline, Sodium valproate, Topiramate
Vertigo -
Vertigo = hallucination of motion; แบงเปน
TOP SI 117
-
1. Central vertigo 2. Peripheral vertigo lesion ที่ Cerebellum ที่จะทําใหเกิดอาการ Vertigo (บานหมุน) ได คือที่ Flocculonodular lobe
Parkinson’s disease -
-
-
Parkinson’s disease (PD) – มีอาการสําคัญ 4 อยาง 1. Resting tremor – เปนอาการที่ทําใหมาพบแพทยมากที่สุด 2. Rigidity – เปนอาการที่ทําใหทรมานมากที่สุด 3. Bradykinesia – เปนอาการที่ specific ที่สุดของ PD 4. Postural instability Rigidity ≠ Spasticity Rigidity = มีแรงตานตลอดเวลาที่เคลื่อนไหว – เหมือนทอ Spasticity = มีแรงตานถึงจุดจุดหนึ่งแลวจะหลุดจากแรงตานได – เหมือนมีดพับ Cogwheel rigidity เกิดจากมี tremor + rigidity; แตไมจําเปนวา rigidity จะตองเปน cogwheel ดวยเสมอไป
Myasthenia gravis (MG) - เปน autoimmune disease ที่มีการสราง Ab ตอ nAChR ที่ postsynaptic NMJ - peak ในผูหญิงอายุ 20-30 yr. (กลุม Early-onset), ผูชายอายุ 60-70 yr. (กลุม Late-onset) - 10% ของผูป วย MG มี Thymoma รวมดวย; พบวาผูที่มี Thymoma รวมดวย จะมี Ab ตอ Titin & Ab ตอ Ryanodine receptor - PE: 1. Enhancing ptosis – เปดเปลือกตาขึ้นขางหนึ่งคางไว เปลือกตาอีกขางหนึ่งจะคอยๆ ตกลงมาเรื่อยๆ 2. Fatigability of eyelids – ใหมองขึ้น (upward gaze) นาน 45 sec – 1 min จะมี ptosis - Clinical subtypes 1. Early-onset – มักเจอในผูหญิง, อายุ < 40 yr., มักมี AChR Ab +ve, Hyperplasia of thymus gland 2. Late-onset – มักเจอในผูชาย, อายุ > 40 yr. 3. Ocular MG – มีแค mild symptoms, AChR Ab +ve แค 40-60%, F/U ตอไป 50-60% จะกลายเปน generalized MG, อีก 40% ยังคงเปน ocular MG ตอไป 4. Seronegative MG – AChR Ab –ve แตพบวาในกลุมนี้จะมี Anti-MuSK +ve - Investigation 1. Tensilon test 2. Neostigmine test – ฉีด 1-2 mg IM, เห็น effect w/in 20-40 min; ควรใชในผูปวยที่มี ptosis ใหวัดไดชัดเจน Adverse effects: Parasympathetic activation (ไมควรใชในผูสูงอายุ เพราะอาจเกิด Bradycardia ได; เวลาทํา test นี้ตองเตรียม Atropine ไวเสมอ) 3. AChR Ab – ใน generalized MG +ve 85%, ใน ocular MG +ve 50% 4. Electrodiagnostic studies 1) Repetitive nerve stimulation study – กระตุน n. หลายๆ ครั้ง จะเห็นวา amplitude ของ AP จะลดลงเรื่อยๆ เพราะหลั่ง ACh ไดนอยลง ทําใหเกิด fatigability of m.
TOP SI 117
2) Single fiber EMG – ในผูปวย generalized MG +ve 95-99%; sense สูง แต spec ต่ํา จึงควรใชเฉพาะเมื่อ exclude โรคอื่นออกไปแลว - Management 1. AChEI – ยาที่ใชคือ Pyridostigmine (Mestinon®) 60 mg 1-2 tab tid (เพิ่มไดจนถึง q 4 hr.) ความจริงแลว Pyridostigmine ไปชวยให ACh ถูกทําลายนอยลงเทานั้น ทําใหอาการ weak ดีขึ้น แตไมไดไปทํา อะไรกับตัวโรคเลย 2. Immunosuppressive therapy – Steroid 0.5-1 mg/kg, Azathioprine
Diseases of peripheral nerve - แบงเปน 3 กลุม 1. Mononeuropathy – เปนโรคที่มีความผิดปกติของ nerve เสนใหญ 1 เสน 2. Mononeuropathy multiplex – เปนโรคที่มีความผิดปกติของ nerve เสนใหญหลายเสน แบงเปน 1) Axonal injury (1) Vasculitis (2) DM (3) Sarcoidosis (4) Leprosy (5) HIV infection 2) Demyelination/Conduction block (1) Multifocal acquired demyelinating sensory and motor neuropathy (MADSAM) (2) Multifocal motor neuropathy (MMN) (3) Multiple compression neuropathy (Hypothyroid, DM) (4) Hereditary neuropathy with liability to pressure palsies (HNPP) 3. Polyneuropathy – e.g. GBS
Guillain-Barré syndrome (GBS) -
-
GBS – ลักษณะเปน Ascending paralysis 70-80% จะมี URI / GI symptom / Vaccination นํามากอน แลวมาดวยการเดินผิดปกติ, เดินแลวลมบอย, รองลงมาคือ อาการปวดขา / ชาปลายมือปลายเทา = Glove-stocking pattern PE: Symmetrical weakness, Hyporeflexia / Areflexia Investigation 1. LP: Cyto-albumino dissociation (ไมมี cell ใน CSF แตมี protein สูง) 2. PNCV (Peripheral n. conduction velocity): Demyelination Complication ที่ตองระวัง: Respiratory failure, Autonomic instability, Pressure sore, Sepsis Management 1. Supportive 2. IVIG – ใหเฉพาะในรายที่มี Respiratory failure / เดินไมได (การให IVIG ตอง refer มาใหกอน D.10 ไมงั้นจะเลย Golden period ไปแลว
TOP SI 117
Multiple sclerosis and other demyelinating diseases Multiple sclerosis (MS) - Multiple sclerosis (MS) เปน demyelinating disease ที่ involve CNS เนื่องจาก BBB ถูกทําลาย แลวทําใหมี autoAb เขามาทําลาย myelin (แบบเดียวกับ neurodegenerative process) ทําใหเกิด white matter lesion; เกิดจาก lymphocyte (ทั้ง T & B cell); เมื่อ myelin หายไป ทําให conduction velocity ลดลง - เจอในผูหญิงมากกวา - มีลักษณะสําคัญ 3 อยางเปน Triad: Inflammation, Demyelination, Gliosis ชื่อ Multiple sclerosis มาจากสมัยกอนมีการทํา Autopsy ในผูปวย MS แลวพบวาเนื้อ brain แข็งเปนหยอมๆ (จาก scar tissue ที่เกิดจาก gliosis) - เกิดกับ N.2, 5, 8 (มี myelinated nerve fiber) - Cord lesion เปนแบบ Incomplete cord lesion; recovery ดี - S&S ที่พบได 1. Visual: Optic neuritis (มาดวย Pain on eye movement, Acute visual loss, Central scotoma, Impaired color vision โดยสีที่หายไปคือ “สีแดง” ผูปวยจะเห็นโลกเปนสีฟา, ตรวจ RAPD +ve), Dimmed vision, Double vision 2. Spinal cord: Weakness (UMNL), Painful spasm, Paresthesia, Bladder dysfunction, Constipation, Sexual dysfunction (Impotence, ED) 3. Brain stem: Internuclear ophthalmoplegia (INO; จาก MLF lesion), Vertigo, Diplopia, Nystagmus, Dysarthria, Dysphagia, Pseudobalbar palsy 4. Cerebellum: Ataxia, Intention tremor (Dysmetria), Scanning speech 5. Cognitive dysfunction, Depression 6. Other: Neuropathic pain, Myalgia, Fatigue, Heat sensitivity = Uhthoff’s phenomenon (เกิดอาการทาง neuro. e.g. ตามองเห็นไมชัด ในชวงที่ T สูงขึ้น e.g. อาบน้ําอุน, ออกกําลังกาย), Exercise intolerance, Paroxysmal symptoms, Trigeminal neuralgia, Hemifacial spasm, Glossopharyngeal neuralgia, Facial weakness, Facial myokymia, etc. - Charcot’s triad 1. Intention tremor 2. Nystagmus 3. Scanning speech - Clinical course – มี 4 แบบ ไดแก 1. Relapsing/remitting MS (RRMS) 2. Secondary progressive MS (SPMS) 3. Primary progressive MS (PPMS) 4. Progressive/relapsing MS (PRMS) - Management: IFN-β - ผูปวย MS ที่ไดรับการรักษา เมื่อเกิด remyelin แลวก็จะไม perfect เหมือนเดิม ปลอง myelin ที่สรางใหมจะสั้นลง ทํา ให conduction velocity ไมเร็วเทาเดิม แตก็จะดีขึ้นพอที่จะไมทําใหเกิดอาการได
TOP SI 117
Neuromyelitis optica (NMO) - Neuromyelitis optica (NMO, Devic’s disease) – Optic neuritis + Acute myelitis; เกิดจาก neutrophil, มี autoAb ตอ Aquaporin-4, MRI ตองไมพบ brain lesion, involve spinal cord ≥ 3 levels - Cord lesion เปนแบบ Complete cord lesion; recovery ไมดี - Management: Azathioprine (F/U เรื่อง Neutropenia, Hepatitis)
TOP SI 117
Rheumatology Arthritis - DDx ที่สําคัญในผูปวยที่มาดวย Arthritis Monoarthritis 1. Septic arthritis (S. aureus, GC) 2. Traumatic arthritis 3. Crystal-induced (Gout, Pseudogout) 4. Rheumatic fever Acute 5. Hemophilia 6. Reactive arthritis (Reiter’s syndrome)
Polyarthritis 1. Rheumatic arthritis 2. Viral arthritis 3. GC arthritis 4. Crystal-induced (Gout, Pseudogout) 5. Post-vaccination 6. Connective tissue diseases (RA, SLE, Scleroderma, Sjögren’s syndrome) 7. Serum sickness 8. Reactive arthritis (Reiter’s syndrome) 1. Connective tissue diseases (RA, SLE, Scleroderma, Sjögren’s syndrome) 2. Crystal-induced (Gout, Pseudogout) 3. OA 4. Seronegative spondyloarthropathy (SpA, SNSA) (Reactive arthritis (Reiter’s syndrome), Psoriatic arthritis, AS, IBD)
1. Crystal-induced (Gout, Pseudogout) 2. TB arthritis 3. OA Chronic 4. Neuropathic arthropathy (Charcot’s joint) – DM, syphilis 5. Hemophilia 6. Reactive arthritis (Reiter’s syndrome) สังเกต 1. Crystal-induced จะถูก DDx อยูในทุกอัน (เพราะมีหลาย phase) – Gout มักเปน Acute mono. สวน Pseudogout เปนไปไดทุกอัน 2. Reactive arthritis จะตองอยูใน DDx สุดทายของทุกอัน ที่เดนใน Acute monoarthritis คือ Septic, Traumatic, Crystal-induced ที่เดนใน Acute polyarthritis คือ Rheumatic, Viral, GC ที่เดนใน Chronic monoarthritis คือ Crystal-induced, TB, OA ที่เดนใน Chronic polyarthritis คือ RA, SLE, SpA - Joint fluid analysis (จาก Arthrocentesis) Non-inflammatory Inflammatory Normal Septic (e.g. OA) (e.g. Crystal-induced, RA, SNSA) Test Appearance Clear Clear, Yellow Clear to opaque yellow-white Opaque WBC (/mm3) < 200 < 2,000 > 2,000 PMN ≥ 50% ≥ 75% < 25% C/S -ve +ve
TOP SI 117
Septic arthritis -
-
-
Acute monoarthritis – S. aureus (non-GC); Acute polyarthritis – N. gonorrhoeae (GC) Non-GC arthritis: direct inoculation หรือ hematogenous ก็ได; ซัก Hx IVDU, trauma, prosthetic joint GC arthritis: hematogenous, มี Hx ผูหญิงมีเพศสัมพันธ, peri-menstrual period/pregnancy; Triad: 1. Acute polyarthritis 2. Skin lesion (pustule, vasculitis) 3. Tendon sheath involvement (Tenosynovitis: fusiform swelling) Ix: Arthrocentesis (cell count, cell diff, G/S, C/S, ดู fresh เพื่อ R/O crystal-induced ดวย), H/C, Cervical/Urethral swab C/S (in GC) Management: ระหวางรอผล C/S หรือ G/S no bact., ให Empirical ATB ไปกอน Non-GC arthritis: Cloxacillin 500 mg IV (ใหชาๆ 3-4 min) q 4-6 hr. ถาเปน Gram –ve rods: Ceftriaxone 2 g IV OD หรือ Cefotaxime 2 g IV 4-6 hr. ถาเปน Pseudomonas: Ceftazidime 1-2 g IV q 8 hr. + Gentamicin 3-5 MKD q 8 hr. ถาแพ Cephalosporin: Ciprofloxacin 400 mg IV q 12 hr. หรือ 500-750 mg PO bid GC arthritis: ให Ceftriaxone 1g IV OD for 7d ตอง treat Sexual partner ดวย: ให Ciprofloxacin (500) single dose หลังจากผล C/S ออกแลว คอยเปลี่ยน ATB ตาม sense ของเชื้อที่ขึ้น ให IV 2 wk. switch เปน oral 2-4 wk. ถามี joint fluid เยอะ ให drain ออก กําจัด source of infection (ถามี) DGI (Disseminated gonococcal infection) – Triad: 1. Dermatitis 2. Arthritis 3. Urethritis
Gout -
-
เกิดจาก Chronic hyperuricemia นาน 10-30 yr. (ชาย/หญิง: ≥ 6.8 mg/dl, หญิง postmenopause: ≥ 6 mg/dl) Æ มาดวย symptom ของ gout หรือ stone ก็ได กรณี Asymptomatic hyperuricemia ไมตองรักษา ถาเปน Acute hyperuricemia (e.g. TLS) จะไมเกิด gout เด็ดขาด ที่ตองระวังคือ uric ไปสะสมที่ไต Æ Urate nephropathy Æ ARF Uric สรางที่ตับ ขับที่ไต; Hyperuricemia มาจาก 2 ทาง 1. Endogenous: > 80% เปนทางหลัก; แบงเปน 2 กลไก 1) สรางมาก – เกี่ยวกับ enzyme (e.g. HGPRT, G-6-PD deficiency), เปน genetic 2) ขับนอย – Disease ที่ proximal tubule (prototype คือ ADPKD) ** Alcohol ทําทั้ง 2 กลไก คือทําให ตับสรางมาก & interfere ใหไตขับนอย 2. Exogenous: < 20%, e.g. drug, alcohol, protein/purine intake Gout มี 3 phases ไดแก
TOP SI 117
-
-
-
1. Acute gouty arthritis (AGA) - มักเปน Acute painful monoarthritis - พบบอยในผูชาย อายุ 30-40 yr., ผูหญิงอายุ 50-70 yr. (postmenopause) - ตําแหนงที่เจอบอย 2 อันดับแรก 1. 1st MTP joint – เรียกวา “Podagra”, มักเปนขางใดขางหนึ่ง, หายภายใน 3-10 d 2. Ankle joint - X-ray ไมมีประโยชนเพราะจะเห็นแต soft tissue swelling - เจาะระดับ uric acid ไมมีประโยชน เพราะ normal ได 1/3 (เพราะในภาวะ stress จะขับ uric เพิ่มขึ้น); มี ประโยชนเฉพาะตอน subside ไปแลว เจาะ uric acid ไวเปน baseline กอนใหยา 2. Intercritical gout (IC) – ปกติทุกอยาง 3. Chronic tophaceous gout (CTG) - มีกอนของผลึก MSUM สะสมตาม joint = Tophi, อาจแตกออกมาเปนสีขาวๆ คลาย chalk - X-ray: Punch-out lesion ที่ขอบของ joint - มีไขได ถา exclude infection ไมได ตองทํา Arthrocentesis - ตําแหนงที่พบ Tophi ได e.g. Finger, Wrist, Knee, Pinna, Achilles tendon, Pressure area - ประมาณคา uric acid ในเลือดจาก Tophi ถาเจอ Tophi ขนาดเล็ก Æ Uric acid 10-11 mg/dl ถาเจอ Tophi ขนาดใหญจํานวนมาก Æ Uric acid > 11 mg/dl DDx กับ Pseudogout, Septic arthritis, Traumatic arthritis, Reactive arthritis การซัก Hx ตองถาม 4 อยางสําคัญ คือ 1. FHx – เพราะสัมพันธกับ genetic 2. Skin disease (esp. Psoriasis) – เพราะมี cell turnover rate เร็ว ทําให uric สูง 3. Precipitating factors 1) Abrupt change of uric acid (ΔuricÇ) - Drug – e.g. Diuretic, Ethambutol, Pyrazinamide, low-dose ASA, Niacin, Cyclosporine - Alcohol - Protein/Purine intakeÇ 2) Trauma ที่ joint 3) Stress (ไมคอย strong) 4. Associated diseases – 5 โรค: DM, HT, DLP, CAD, obesity (, + stone) 1st Dx Gout ควรดู BMI, BP, plasma glucose, lipid profile, uric acid, renal function (Cr ใชประเมิน dose ยา), U/A, CBC Definite Dx: Arthrocentesis พบ MSUM (monosodium urate monohydrate) crystal เปน Needle-shaped, สอง ดวย polarized light จะพบ Strong birefringence and Negative elongation (แนวนอนจะเปนสีเหลือง แนวตั้งจะ เปนสีฟา จําวา “Gout กลวยนอน”) ถาเจาะไมได จะใช Therapeutic Dx: ให Colchicine แลวดีขึ้นใน 12-24 hr.
TOP SI 117
-
Gout สามารถมี Gouty bursitis ได แต CPPD ไมมี ดังนั้น ถา DDx: Gout & CPPD แลว PE เจอ Bursitis ใหนึกถึง Gout Management: หลักการรักษา Gout ตอง treat 3 อยาง ไดแก Acute arthritis, Hyperuricemia และ Associated diseases ดังนี้ 1. Acute arthritis – รักษาจนหายดีกอน แลวคอยไป treat hyperuricemia เพื่อไมใหเกิด abrupt change; ยาที่ให 1) Colchicine (0.6) 1x3 (max = 4 tab/d) ไดผลดีใน 24-48 hr. แรก ถาไตไมดี ตองลด dose เปน 1x2 หรือ 1x1 ถามี SE: Diarrhea > 3 ครั้ง/d Æ off 2) NSAIDs กรณีที่มาหลัง onset 24-48 hr. ไปแลว; ให NSAIDs ตัวไหนก็ได e.g. Indomethacin (75) 1x1 C/I: Renal/Liver impairment, CAD NSAIDs ทั้งกลุมจับ albumin ถา albumin ต่ํา จะทําให NSAIDs มี free form มากขึ้น 2. Hyperuricemia – keep uric level 5-6 mg/dl 1) Advice – หยุดดื่มเหลา แตไมหามกินสัตวปก/เครื่องใน (ไม total restrict เพราะเชื่อวาเกิดจาก endogenous เปนหลัก); Goal: Uric acid 5-6 mg/dl 2) Uric lowering agent – ใหเมื่อหายจาก attack แลว หลักการให 1. Start dose ต่ําๆ กอน (เพราะถาให dose สูงจะเกิด abrupt change Æ attack อีก) แลวคอยๆ เพิ่ม dose โดยตรวจ check uric level ใหไดตามเกณฑ (5-6 mg/dl) 2. ถามี Hx Attack ≥ 3 episodes/yr.ควรให Colchicine (0.6) 1x1 (low dose) ควบคูไปดวยเพื่อ Prevent further attack จนกวาจะควบคุม uric level ได และไมมี Tophi จึงคอยหยุด Colchicine 3. ให Uric lowering agent ใหกินอยางนอย 3-5 yr. แตมักตองกินตลอดชีวิตเพราะกลไกมักเปน Endogenous (ยกเวนมั่นใจจริงๆ วามาจาก Alcohol) เดิมมี I/C ในการให Uric lowering agent ไดแก 1) Attack ≥ 3 episodes/yr. 2) Tophi / Punch-out lesion 3) Uric stone (แตหามให uricosuric agent) ยาที่ให คือ (1) Allopurinol (tab 100, 300 mg) – start ที่ (100) 1x1 หลัง acute arthritis หายแลว 1 mo. (ตัวออก ฤทธิ์คือ oxypurinol มี T1/2 นาน) ให 2-4 wk. แลวนัด F/U Æ ถาไมดีขึ้นคอยปรับ dose เพิ่ม (100 Æ 200 Æ 300; max = 600 mg/d) ย้ําวาใหเฉพาะเมื่อมี I/C เทานั้น เพราะแพได 20-30% (เปน SJS) ใน 6-8 wk. หลังให Hypersensitivity syndrome จาก Allopurinol (mortality rate 50%) ทําใหเกิด 1. Rash – เปนอาการนํา, ถาเจอใหหยุดยาทันที 2. Liver failure 3. Renal failure (2) Uricosuric agent – ใหไดในคนอายุ < 60 yr. (เพราะไตยังดี) + ไตปกติ (Cr < 3) + ไมมีนิ่ว; advice ใหดื่มน้ําตามมากๆ 1.5-2 L/d ปองกันไมใหเปนนิ่ว; เลือกใชยาตอไปนี้
TOP SI 117
-
-
1. Benzbromarone 50-100 mg/d 2. Probenecid 0.5-3 g/d (ไมคอยมีแลว) 3. Sulfinpyrazone 200-800 mg/d ถาคนไขแพ Allopurinol ก็ให Benzbromarone แทนได (ถาไตดี ไมมีนิ่ว) แตถาใหไมไดอีก ก็ไมตอง treat เพราะเปน gout แลวไมทําใหตาย แตถาแพยาแลวตายได 3. Associated diseases Prevention of further attack: Colchicine (0.6) 1x1 (low dose) ใหรวมกับ Uric lowering agent I/C for Prevention of further attack 1. Attack ≥ 3 episodes/yr. 2. เพิ่ง Start Uric lowering agent (เนื่องจากมีโอกาส attack ได esp. 1-2 wk.) มักใหยาเพื่อ Prevent further attack ไมเกิน 3 mo. หรือใหจนกวาระดับ uric level จะอยูในเกณฑเหมาะสม & ไมมี attack ติดตอกันนาน 6-12 mo. หรือตรวจไมพบ Tophi แลว F/U: Colchicine (prevent further attack) Æ ถามคนไขเรื่อง attack Allopurinol Æ เจาะระดับ serum uric acid ในคนที่เปน AGA แลวไตไมดี มักไมไดเกิดจาก gout แตมาจาก Poor controlled HT ในคนที่เปน CTG แลวไตไมดี เปนได 2 อยางตามลําดับ คือ 1. Renal stone 2. Urate nephropathy (ทําใหเกิด fibrosis ใน interstitium)
Pseudogout (CPPD deposition disease) -
-
CPPD = Calcium pyrophosphate dihydrate อาการเหมือน AGA แตมักเปนที่ Knee joint เจอในคนอายุมาก Precipitating cause: Sx, trauma, severe illness ในคนที่ Ca2+Ç, PO43-È จะเกิดผลึก CPPD ในงาย Arthrocentesis เปนสี chalk สองกลอง พบ crystal เปน Rhomboid-shaped, Weakly positive birefringent; สง G/S, C/S เพื่อ R/O septic arthritis X-ray: Chondrocalcinosis articularis Management: Rest, NSAIDs ± Colchicine (0.6) 1x3 ทั้ง Gout & Pseudogout (กลุม crystal-induced) หามประคบทั้งรอน/เย็น เพราะจะยิ่งกระตุนให crystal เขามา มากขึ้น โรค/ภาวะที่อาจพบรวมกับ CPPD เชน HyperPTH, Hypothyroid, Gout, OA (previous joint damage), Neuropathic joint, Wilson’s disease, Hemochromatosis, Hemosiderosis, DM, Amyloidosis, Ochronosis (พบใน alkaptonuria), Ca2+Ç, Mg2+È, PO43-È
Rheumatoid arthritis (RA) -
RA มี criteria 7 ขอ ดังนี้ (เอา 4/7) Clinical criteria 1. Morning stiffness ≥ 1 hr. for 6 wk.
TOP SI 117
-
-
2. Arthritis ≥ 3 joints for 6 wk. 3. Arthritis of hand joints for 6 wk. 4. Symmetrical arthritis for 6 wk. 5. Rheumatoid nodules (เจอที่ extensor area; common ที่ olecranon) Laboratory criteria 6. Rheumatoid factor (RF) +ve (RF = IgM ตอ IgG = anti-IgG IgM) 7. Radiographic changes (compared with RA) Ix: ESR, CRP, RF, ANA, X-ray X-ray พบ 1. Bilateral symmetrical joint space narrowing 2. Subchondral bone destruction 3. Periarticular osteoporosis (Juxtaarticular osteopenia) 4. Soft tissue swelling 5. Deformity (Ulnar deviation, Boutoniere/Swan-neck) การรักษา: ให NSAIDs คูกับ DMARDs 1. NSAIDs: Naproxen (250) 1x2 หรือ Diclofenac (25) 1x3; พยายามลด dose ลง w/in 3 mo. ถา NSAIDs ไมไดผล จะให low-dose Prednisolone 10 mg/d 2. DMARDs (Disease-modifying anti-rheumatic drugs): ใหภายใน 3 mo. หลัง Dx เลือกใหได 3 ชนิดตอไปนี้ 1) Chloroquine 250 mg/d + Hydroxychloroquine 200 mg bid 2) Metrotrexate 5-7.5 mg/wk (มี hepatotoxicity – ตอง monitor LFT) 3) Sulfasalazine 500-1,000 mg bid/tid
Osteoarthritis (OA) - OA เปนโรคขอที่พบบอยที่สุดในประชากร, 10% ของคนที่อายุ ≥ 60 ปจะเปน OA - Risk factors: Age ≥ 60 yr., Genetic, Abnormal joint structure, Previous joint trauma, Obesity, Repetitive use - Hx: Morning stiffness ≤ 30 min, ปวดเวลาใชงาน (เคลื่อนไหว/ลงน้ําหนัก) แลวเปนมากขึ้น, พักแลวดีขึ้น Morning stiffness เปนอาการขอฝดเนื่องจากไมคอยไดใชงานเปนเวลานาน = Gelling phenomenon ทําใหชวงหลัง ตื่นนอนมีขอฝด ขยับไปมาแลวดีขึ้น เปน ≤ 30 min - PE: Crepitus on motion, Joint enlargement, Limit ROM - Common sites Lower extremities 1. Knee 2. Hip 3. 1st MTP Upper extremities 1. DIP – เรียกวา Heberden’s node 2. PIP – เรียกวา Bouchard’s node 3. 1st CMC joint – จะเห็นลักษณะรูปเหลี่ยมของ osteophyte เรียกวา Squaring appearance
TOP SI 117
Spine 1. C-spine 2. L-S spine - Ix: X-ray both knees (AP, Lat.) - Early: Asymmetrical joint space narrowing - Late: 1. Subchondral bone sclerosis, Subchondral bone cyst (ดาน medial) 2. Marginal osteophyte 3. Vulgus deformity X-ray hand - ถา joint ที่มี lesion อยูที่ DIP, joint อื่นดูดี ใหนึกถึง OA - ถา joint ที่มี lesion เดนที่ PIP, MCP, wrist joint ใหนึกถึง RA - Management 1. Non-pharmacological: Education, Weight reduction, Quadriceps exercise, Assistive device, Acupuncture, etc. 2. Pharmacological – แบงเปน 2 กลุม 1) SMOADs (Symptom-modifying OA drugs): Paracetamol, NSAIDs, ถาไมไดผล ให Tramadol การใช NSAIDs ในผูปวยที่มี CV risk, GI risk CV risk = ตองใช ASA prophylaxis, มี CAD equivalent หรือคํานวณ Framingham risk score อยูใน กลุม high risk (10-yr risk ≥ 20%) GI risk Low Intermediate High NSAIDs + PPI NSAIDs COX-2 inhibitor + PPI Low CV risk หรือ COX-2 inhibitor High CV risk NSAIDs + PPI ใชยาแกปวดกลุมอื่น NSAIDs ที่ prefer ที่สุดในคนที่มี CV risk คือ Naproxen เพราะมีผลตอ CV นอยสุด COX-2 inhibitor หามใหในผูปวยที่มี CV risk ตัวอยาง NSIADs ที่เลือกใหใน OA (1) Celecoxib (Celebrex®) (200) 1x1 pc (2) Naproxen (250) 1x3 pc (3) Ibuprofen (400) 1x3 pc 2) DMOADs (Disease-modifying OA drugs, Structural-modifying drugs) e.g. Viatril-S® (Glucosamine sulphate) – มีขอมูลวาสามารถชะลอการทําลาย cartilage ที่ knee joint ได (ระดับ 1A). ลดอาการปวดได, มีผล anti-inflammation เล็กนอย; Dose: 1,500 mg/d ติดตอกัน ≥ 2-3 yr. 3. Surgery – Arthroplasty, Osteotomy, Prosthetic joint replacement
Reactive arthritis (Reiter’s syndrome) - สัมพันธกับการมี GI/GU tract infection อยูกอน – Chlamydia, Yersinia, Shigella, Salmonella, Campylobacter - Reiter’s syndrome มี Triad:
TOP SI 117
1. Reactive arthritis 2. Urethritis (NGU: Non-gonococcal urethritis) 3. Conjunctivitis - Management: NSAIDs เลือกยาตอไปนี้ 1. Naproxen (500) 1x3 for 14 d 2. Indomethacin (50) 1x3 for 14 d - ถามี Acute infection อื่นรวมดวย Æ ให ATB
Systemic lupus erythematosus (SLE) - SLE มี criteria 11 ขอ ดังนี้ (เอา 4/11) Skin criteria 1. Malar rash – เปน butterfly rash, spare ตรง nasolabial fold 2. Discoid rash – เปน erythematous-raised patches with keratic scaling & follicular plugging 3. Photosensitivity 4. Painless oral ulcers Systemic criteria 5. Non-erosive arthritis ≥ 2 jt. – เปน oligoarticular (≥ 2 jt.), episodic, migratory, symmetrical 6. Serositis: Pleuritis (มี pleuritic chest pain, evidence of pleural effusion), Pericarditis (มี pericardial effusion, EKG พบ PR depression, electrical alternans) 7. Renal disorder – persistent proteinuria (≥ 3+ หรือ > 0.5 g/d), cellular cast 8. Neurological disorder – seizure, psychosis ที่ identify cause อื่นๆ ไมได Laboratory criteria 9. Hematologic disorder 1) AIHA (DAT +ve) 2) Leukopenia (WBC < 4,000) 3) Lymphopenia (L < 1,500) 4) Thrombocytopenia (Plt < 100,000) 10. ANA +ve 11. Immunologic disorder 1) Anti-dsDNA +ve 2) Anti-Sm +ve 3) Antiphospholipid Ab +ve (1) Anti-cardiolipin IgG or IgM (2) Lupus anticoagulant (LA) (3) False positive serological test for Syphilis > 6 mo. (VDRL +ve; แต TPHA -ve) - ANA sense 95% ใช screen ไดดี แตระวัง false positive ใน elderly, pregnancy, neoplasm, chronic infection, other autoimmune - การประเมินวาโรคกําลัง active หรือไม Æ สงตรวจ 2 อยาง คือ Complement level & Anti-dsDNA
TOP SI 117
- ถาเปนผูปวย pregnancy Æ สงตรวจ Anti-Ro, Anti-La, Antiphospholipid Ab ดวย - ยาทีใ่ ชรักษา SLE มีดังนี้ 1. Antimalarial drug – Hydroxychloroquine หรือ Chloroquine 2. NSAIDs – กรณีที่มี arthralgia, myalgia ให ASA 60-80 MKD หรือ Indomethacin 75-150 mg/d 3. Topical steroid – กรณีที่มี skin involvement ให 0.1% หรือ 0.02% TA cream 4. Systemic corticosteroid – เมื่อยังคุมอาการไมได จะให Prednisolone - การรักษาขึ้นกับ severity 1. Mild: อาการไมมาก ไมมีผลตอการดําเนินชีวิต e.g. มีแค malar rash, discoid rash, oral ulcer, arthralgia, myalgia Management: Antimalarial drug: Hydroxychloroquine 200-400 mg OD หรือ Chloroquine 250 mg OD ถาคุมไมได Æ add Prednisolone 0.5 MKD 2. Moderate: e.g. มีไข, น้ําหนักลด, มี leukocytic vasculitis, bulla, acute cutaneous rash ที่เปนมากๆ Management: Antimalarial drug + Prednisolone ถาคุมไมได Æ add Immunosupressive drug (e.g. Cyclophosphamide, Azathioprine, Metrotrexate) 3. Severe: Major organ involvement Management: Prednisolone 1-2 MKD + Cyclophosphamide ถาคุมไมได อาการรุนแรงมาก Æ Pulse therapy ดังนี้ 1) Pulse Methylprednisolone 0.5-1 g/d drip IV in 1 hr. for 3-5 d 2) Pulse Cyclophosphamide 1 g/mm2/mo. for 6 mo. (ใหเดือนละครั้ง) - ถามีการให Chloroquine Æ สงตรวจ Eye exam กอน เพราะมี SE: Retinopathy - ถามีการให Prednisolone Æ สงตรวจ Stool exam กอน - Lupus nephritis class 3, 4 รักษาโดยให high-dose steroid therapy + Cyclophosphamide
Antiphospholipid syndrome (APS) - APS มี criteria ดังนี้ (เอา clinical 1 ขอ + lab 1 ขอ) Clinical criteria 1. Vascular thrombosis – arterial, venous, small vessel 2. Pregnancy morbidity 1) GA < 10 wk. abortion ≥ 3 times 2) GA > 10 wk. abortion ≥ 1 time 3) GA > 34 wk. premature birth ≥ 1 time due to eclampsia Laboratory criteria (+ve x 2 ครั้ง หางกัน 6 wk.) 1. Anti-cardiolipin IgG or IgM 2. Lupus anticoagulant (LA) 3. Anti-β2-glycoprotein I Ab
TOP SI 117
Dermatology Eczema - มี 3 ระยะ คือ Acute, Subacute, Chronic - ทุกระยะจะมีอาการคัน จะใหยาแกคัน เปน Loratadine (10) 1x1 (ขอดี: ไมงวง, ราคาถูก)
Acute eczema - PE: Vesicle, Serum oozing, บวมแดง - Management: Wet dressing
Subacute eczema - PE: Scale, Crust, บวมแดงนอยลง ยังไมมี lichenification - Management: Topical steroid (0.1% หรือ 0.02% TA cream)
Chronic eczema (Lichen simplex chronicus, LSC) - PE: Lichenification (หนา + สีคล้ํา + increased skin marking), Hyperpigmentation, Excoriation (รอยเกา) - Management: Topical steroid
Dyshidrosis (Pompholyx) - Dyshidrosis – เปน acute eczema ลักษณะเปนตุมน้ําใสผนังหนา คลายเม็ดสาคู อยูที่ฝามือ, ฝาเทา; เกิดจาก chronic inflammation ที่มักไมทราบสาเหตุ การใช term วา Dyshidrosis ทําใหเขาใจผิดวาเกี่ยวกับ sweat gland แตจริงๆ แลวไมเกี่ยว; term ที่ดีกวา คือ Pompholyx (แปลวา พอง) - มักเกิดขึ้นรวดเร็ว, มักเปนทั้ง 2 ขาง - เมื่อเปนใหมๆ (acute) จะคันมาก ถาเกาจน vesicle แตก มีน้ําไหลออกมา มักจะหายคัน แตอาจมี 2° bacterial infection ได, ตอมา (subacute) จะแหงแตกเปนขุย หรือเห็นมีรอยปริแตกที่ผิวหนัง - อาการของโรคมักเปนเรื้อรัง มีเหอขึ้นไดเปนพักๆ ปลอยทิ้งไวนานๆ ไป แลวโรคอาจจะหายไปไดเอง - DDx: 1. Tinea pedis (ถาเจอที่เทา) 2. Dyshidrosiform pemphigoid (เปน BP form หนึ่ง; เจอ tense bullae แบบ BP) - Management: Topical steroid (Moderate potency), Antihistamine (แกคัน) - กรณีที่ severe อาจตองกิน Prednisolone 15-30 mg/d เปนเวลาสั้นๆ (ไมเกิน 1 wk.) - ถาอยูในชวงที่ vesicle แตก มีน้ําเหลืองไหลเยิ้ม ใหรักษาโดยทํา Wet dressing - ถามี 2° bacterial infection รวมดวย ให ATB: Cloxacillin 1.5-2 g/d นาน 1 wk.
Seborrheic dermatitis -
-
Seborrheic dermatitis (Seb derm) – Typical distribution: Scalp, คิ้ว, รอบตา, Nasolabial fold, Retroauricular (เปนคราบหลังหู), Groin, Axilla, Interscapular, Sternum, ซอกคอ (ชอบขึ้นในบริเวณที่มี sebaceous gland เยอะๆ; ที่หนาอาจเรียกวาเปน T-zone ของใบหนา) Management: Topical steroid (0.1% หรือ 0.02% TA cream) apply bid
TOP SI 117
Papulosquamous diseases Psoriasis -
ชื่อไทย = “โรคสะเก็ดเงิน” Common site: Scalp, Knee, Elbow, Extensor surface of extremities, Nail ถาแกะเอาสะเก็ดออก จะพบจุดเลือดออกที่ผิว = Auspitz’s sign การแกะเกา จะทําใหเกิดตุมผิวหนังอักเสบเกิดใหมตามรอยเกา = Koebner’s phenomenon (Isomorphic response) แบงเปน 4 types 1. Plaque type (Psoriasis vulgaris) – common 2. Guttate type – ลักษณะผื่นคลายหยดน้ํา, มักเกิดจากตามหลัง Streptococcal infection 3. Inverse (Flexural) type – ผื่นอยูตรงขอพับ, มักเปนสะเก็ดขาวเล็กนอย ไมเห็น hallmark ของโรคชัดเจน; เปน type ที่ response ไดดีตอ topical steroid 4. Erythrodermic type – มีผื่นแบบ Exfoliative dermatitis, ตอนแรกมักมีผื่นแบบ plaque type นํามากอน - Nail change ที่พบใน Psoriasis มี 4 อยาง ไดแก 1. Pitting nail – บอกวาเปน psoriasis จริง ไมใช onychomycosis 2. Nail dystrophy 3. Subungual hyperkeratosis 4. Onycholysis
Pityriasis rosea (PR) - ชื่อไทย = “โรคผื่นกุหลาบ” - PE: Herald patch (นํามากอนที่หนาอก/ทอง) with Collarette scale (เกิดตามมาอยูขางๆ Herald patch), “Christmas tree appearance” (แกนตามยาวของแตละผื่นขนานกับ line of cleavage) - Management: Supportive (ใหยาแกคัน)
Lichen planus (LP) - มีลักษณะ 4P: Purple Polygonal Pruritic Papule; พบ lesion ที่ Skin, Mucosa (lace-like at buccal mucosa), Nail (10-15%); เจอในคนอายุ 30-60 yr. - ผิวบนของผื่นมีเสนขาวละเอียดเปนรางแห = Wickham’s striae - มี 3 types 1. Idiopathic (Classical) LP 2. Drug-induced LP 3. LP associated with other diseases – Infection, Chronic GVHD (เกิดผื่นแบบ LP-like ได)
Bacterial infection Erysipelas - เกิดจาก GAS infection ที่ชั้น Dermis - ลักษณะ lesion “ขอบชัด” (ใชแยกกับ cellulitis), มี vesicle หรือ bullae ไดบอย
TOP SI 117
Erysipeloid - เกิดจากเชื้อ Erysipelothrix rhusiopathiae - เจอในคนที่ตองสัมผัสเนื้อปลาดิบ/เนื้อสัตวดิบๆ (e.g. อาชีพขายปลาสด / เนื้อสด)
Fungal infection -
Candidiasis, กลาก, เกลื้อน เปน infection ที่ระดับชั้น keratin (ขี้ไคล); ปกติ keratin จากชั้นลางสุดถึงชั้นบนสุด จะ ลอกออกหมดใชเวลา 2 wk. (14 d) Æ เปนเหตุผลวา การทายาฆาเชื้อราที่ skin จึงตองทานาน 2 wk. เชื้อราจะอยูแคที่ระดับ keratin แตที่ระดับ dermis สามารถมี lymphocyte เขามาทําใหเกิด inflammation ได (แต ไมมีเชื้อ)
Candidiasis - PE: Discrete erythematous papule, pustule/plaque = “Satellite pattern” พบที่ซอกพับ บริเวณที่อับชื้น - Ix: KOH พบ budding yeast with pseudohyphae - Management: Clotrimazole cream bid for 2 wk.
Dermatophyte infection - เกิดจากเชื้อ TEM: Trichophyton (skin, nail, hair), Epidermophyton (skin, nail), Microsporum (skin, hair) - Ix: KOH พบ branching septate hyphae with arthrospore - Tinea corporis (ที่ลําตัว แขน ขา), Tinea cruris (ที่ขาหนีบ) - PE: Scaly, pruritic eruption, irregular border with central clearing - ใน Tinea corporis จะมีลักษณะเปน annular lesion, ขอบชัด, มี active border - Management: Clotrimazole cream bid for 2 wk. ทาเลยขอบ lesion ออกไป 2 cm - ในบางคนที่ทายา steroid (e.g. 0.1% TA cream) ที่ lesion มามากๆ จะไป modified ลักษณะ lesion = Tinea incognito - ถาเปนมาก / กวาง / อยูในตําแหนงที่ทายายาก / response ตอยาไมดี Æ กิน Griseofulvin 500-1,000 mg/day for 4 wk. - Tinea capitis (ที่หนังศีรษะ) - พบบอยในเด็ก - PE: Diffuse, erythematous scaly scalp eruption, มีผมรวงเปนหยอมๆ - Kerion = Inflammatory tinea capitis (อักเสบมาก เห็นเปนตุมหนองบวมนูนแดงเปนกอนฝ) - Ix: Wood lamp สอง จะเห็นบริเวณที่เปนกลากเรืองแสงสีเขียว - Management: มียาใหเลือกใช ดังนี้ 1. Griseofulvin 20-25 MKD for 2 mo. (8 wk.) 2. Itraconazole 3-5 MKD (เด็ก), 200-400 mg/d (ผูใหญ) for 4-6 wk. - Onychomycosis (Tinea unguum) (ที่เล็บ) - signs ที่ตรวจพบได: Onycholysis, Subungual hyperkeratosis - แบงเปน 5 types 1. DLSO (Distal & lateral subungual onychomycosis) – เจอบอยที่สุด 2. SWO (Superficial white onychomycosis)
TOP SI 117
3. PSO (Proximal subungual onychomycosis) – ถาเจอ type นี้ เปน I/C ที่จะตองตรวจ Anti-HIV 4. Total dysmorphic onychomycosis – เหมือนกับที่เจอใน Psoriasis 5. Onycholysis - Ix: ตัดมาตรวจ (เวลาตัดใหตัดถึง junction ระหวางเล็บที่ดีกับเล็บที่หนาๆ) การทํา KOH ที่ถูกตอง ควรหยด KOH แลวทิ้งไวสักพัก ให KOH ยอย keratin ใหหมดกอน แลวจึงเอามาดู (ถา ideal ใหทิ้งไว 30-60 min) - Management: Itraconazole (Sporal®) 200 mg เปน Pulse therapy (กิน 2x2 เดือนละ 1 wk.) - เล็บมือ Æ ให 3 pulses (ใชเวลา 3 mo.) - เล็บเทา Æ ให 6 pulses (ใชเวลา 6 mo.) Itraconazole มีฤทธิ์เปน Fungistatic ระวังการให Itraconazole ซึ่งเปน CYP450 inhibitor ในผูสูงอายุอาจ on Statin อยู ทําใหเกิด Rhabdomyolysis ได - Tinea pedis (ที่เทา) - สวนใหญเปน Interdigital type - ถาพบเปน Inflammatory vesicular type ตอง DDx กับ Dyshidrosis
Pityriasis versicolor (Tinea versicolor) - เกิดจาก Malassezia furfur (เปน lipophilic fungi) - PE: Scaly hypo-/hyperpigmented patch/macule ที่ upper back / upper chest / neck (พบบอยที่ seborrheic area) - lesion เปนได 3 สี คือ สีน้ําตาล, ขาว, แดง/ชมพู - ขูดที่ lesion เบาๆ จะเห็นเปนขุยละเอียด (fine scale) ขึ้นมา = Scratch sign - Ix: KOH พบ “Spaghetti and meatballs” - Management: มียาใหเลือกใช ดังนี้ 1. 20% Sodium thiosulfate – ทา bid, ทาทิ้งไว 15 min แลวลางออก, ทานาน 2 wk. ขอเสีย: เหม็นมาก แตไดผลดี 2. 2.5% Selenium sulfide (Selsun®) – ทา OD, ทาทิ้งไว 15 min แลวลางออก, ทานาน 2 wk. 3. Clotrimazole cream – ทา bid, ทานาน 2 wk. 4. Ketoconazole – กิน 200 mg/d นาน 1 wk. 5. Ketoconazole shampoo (Nizoral®) – ผสมน้ํา ฟอกตัวทิ้งไว 2-3 min แลวลางออก bid, ใชนาน 2 wk. ระวัง ถาใช Nizoral® มาทาตัวเลยโดยที่ไมผสมน้ํา อาจเกิด irritant contact dermatitis ได - Advice: รอยจุดขาวตองใชเวลานานเปนเดือน แลวจะคอยๆ จางหายไป
Parasitic infection and Insects Scabies - เกิดจาก Sarcoptes scabiei var. hominis (ตัวหิด) - อาการที่พบคือ severe night itching, มักเจอที่งามนิ้ว, ขอพับแขนขา, สะดือ, genitalia - PE: Multiple crusted with excoriated papules and burrow
TOP SI 117
- อาจพบ Scabietic nodule (เปน reaction จาก Scabies; ใน nodule ไมมีเชื้ออยู) - ในผูปวยทีเ่ ปน immunocompromised host อาจมี scabies ทั่วตัวได = Norwegian scabies - Management: ครอบคลุม 3 อยาง คือ ผูปวย, คนในครอบครัว, ความสะอาด 1. รักษาผูปวย: ยาที่เลือกใชได มีดังนี้ 1) Lindane® (0.3% Gamma benzene hexachloride) – ทาหลังอาบน้ําตอนเย็นตั้งแตคอลงมาถึงงามเทา (ไมทาหนา & mucous membrane) ทาทิ้งไว 1 คืน (10-12 hr.) แลวลางออกตอนเชา, ทาติดกัน 3 d, ทาซ้ํา อีก 1 wk. ถัดไป (เพื่อกําจัดตัวที่เพิ่งฟกออกมาจากไข) ระวัง SE: Neurotoxic (ไมใชในเด็กเล็กอายุ < 2 mo. & Pregnancy) 2) 25% Benzyl benzoate – ทาทั่วตัว ทิ้งไว 3 d ติดกัน, ทาซ้ําอีก 1 wk. ถัดไป 3) 6% Sulfur ointment – ใชกับเด็กเล็กอายุ < 2 mo. & Pregnancy 2. รักษาคนในครอบครัว: Treat ทุกคนในบานเหมือนผูปวย, กรณีเด็กเล็กอายุ < 2 mo., Pregnancy ใหใช 6% Sulfur ointment 3. รักษาความสะอาด: ผาเช็ดตัว, เสื้อผา, เครื่องนอน (เอาไปอบ/ตมฆาเชื้อ)
Pediculosis - Pediculosis capitis (เหา) เกิดจาก Pediculus humanus capitis (ตัวเหา) - Pediculosis pubis (โลน) เกิดจาก Phthirus pubis (ตัวโลน) - Management: Lindane® (0.3% Gamma benzene hexachloride) วิธีใช: สระผมใหสะอาด หามเกา, เช็ดผมใหแหง ชโลมดวยยา ทิ้งไว 12 hr. แลวลางออก, ทําซ้ําในอีก 8-10 d (เพื่อฆา ตัวออนที่เพิ่งฟกจากไข) Treat คนในบาน + แยกของใชดวย
Paederus dermatitis - เกิดจาก Paederus (ดวงกนกระดก) - Management: Topical steroid
Allergy Fixed drug eruption (FDE) - ยาที่ทําใหเกิดไดบอย ไดแก NSAIDs, Sulfa, Anticonvulsant ทําใหเกิด localized hypersensitivity - ผื่นมีลักษณะรูปกลม สีน้ําตาลเทา ขอบเขตชัดเจน ถาไดยาซ้ําเขาไปใหม ก็จะเกิด lesion ขึ้นซ้ําที่ตําแหนงเดิม ± ตําแหนงใหม; ตําแหนงที่ common: Genitalia, Perioral, Periorbital - Management: ไมตองรักษา, แนะนําใหปองกัน, รอยดําจะคอยๆ จางหายไป (ใชเวลานานเปน wk.-mo. หลังหยุดยาที่ เปนสาเหตุ สีผิวจึงจะกลับมาเหมือนเดิม) - ถา lesion แตกเปนแผล ให Wet dressing + ATB - ถา lesion เปนมาก กระจายทั่ว ให Prednisolone 1 mg/kg
Autoimmune vesiculobullous diseases Pemphigus - เจอในคนอายุ 40-50 yr.
TOP SI 117
- เกิดจาก AutoAb ตอ protein ที่ Desmosome Æ เกิด Suprabasal separation Æ lesion เปน Flaccid bullae เจาะน้ําไปตรวจ จะเจอ PMN, Acantholytic cell Acantholytic cell = keratinocyte ที่หลุดออกมาเปนตัวๆ เนื่องจาก intercellular bridging หายไป - มักมี mucosal involvement (> 50% มา present ดวย oral ulcer)
Bullous pemphigoid (BP) - เจอในผูสูงอายุ (esp. 80 yr. ขึ้นไป) - เกิดจาก AutoAb ตอ protein ที่ Basement membrane Æ เกิด Subepidermal separation (แยกที่ DEJ) Æ lesion เปน Tense bullae เจาะน้ําไปตรวจไมเจอ Acantholytic cell, อาจเจอ Eosinophil ได - มักไมมี mucosal involvement (แตพบวามีได 30%)
Leprosy (Hansen’s disease, HD) - Leprosy (โรคเรื้อน) – เกิดจาก Mycobacterium leprae, involve ที่ skin & peripheral nerve - ติดตอทาง droplets จากคนสูคน, ผูที่จะเปน leprosy ตองมี Genetic susceptibility ดวยถึงจะเปนได (esp. มีคนใน ครอบครัวที่อยูในบานเดียวกันเปน leprosy อยู) - HIV infection ไมไดเพิ่ม risk ตอการเปน leprosy - เชื้อ M. leprae ชอบอยูในที่เย็นๆ, incubation period นานไดถึง 5-10 yr. - Criteria ในการ Dx Leprosy มี 4 ขอ ดังนี้ (Dx เมื่อมี 2/3 ขอจาก 3 ขอแรก หรือมีขอ 4. เพียงขอเดียวก็ได) 1. มี Skin lesion 2. Loss of sensation (Temp จะเสียกอน) ถาเปนนอย จะเสีย sensation ที่บริเวณ lesion, ถาเปนมาก จะเสีย sensation เปน Glove-stocking pattern คลาย DM (เพราะเชื้อจะไป attack ที่ peripheral n. ทําใหเกิด peripheral neuropathy) อาจมาดวย Neuropathic ulcer ได 3. คลําได Nerve โต Nerve ที่จะคลํา: 1) หนา: Facial n. ที่ Temporal br. & Zygomatic br. (อาจมาดวย lagophthalmos ทําใหเกิด exposure keratitis) 2) แขน: Median n. (อาจมาดวย ape hand), Radial n. (อาจมาดวย wrist drop), Ulnar n. (อาจมาดวย claw hand) 3) ขา: Common peroneal n. (อาจมาดวย foot drop), Posterior tibial n. (อาจมาดวย claw toe) 4. Slit-skin smear +ve (ใช blade ปกลงไปบน lesion บีบเอา serum ออกมา smear แลวเอามายอม AFB) - Slit-skin smear จะเห็นเชื้อรูปแบบตางๆ ไดดังนี้ 1) Globi formation (รวมกันอยูเปนกลุม) 2) Fragmented form (แยกมาเปน fragment, ติดสีไมสม่ําเสมอ) 3) Granular form (หักเปนทอนๆ) 4) Solid form (รูปแทง) - PE: ตรวจ pain, T, touch ที่ lesion, ตรวจ sensory ที่ตําแหนงอื่นของรางกาย, autonomic n., motor n., คลํา nerve
TOP SI 117
-
-
-
-
การ test เรื่องชา จะมีการใช Monofilament มี 200 g, 2 g, 4 g, 10 g, 300 g เพื่อดูวาอาการชาเปนมาก/นอย การทํา Skin biopsy ไมจําเปน ยกเวนรายที่อาการไมชัดเจน เพื่อ DDx จากโรคอื่นๆ จึงคอยทํา Classification – แบงเปน PB & MB (เวลาใหยาจะตางกัน) 1. Paucibacillary (PB) – เปนกลุมเชื้อนอย, ทําใหเกิด 2-5 skin lesions, asymmetrical distribution, damage เพียง 1 nerve trunk, AFB -ve; แบงเปน 1) I (Indeterminate) 2) T (Tuberculoid) 3) BT- (Borderline tuberculoid ที่จัดเปน PB) 2. Multibacillary (MB) – เปนกลุมเชื้อมาก, ทําใหเกิด > 5 skin lesion, more symmetrical distribution, damage หลาย nerve trunks, AFB +ve; แบงเปน 1) BT+ (Borderline tuberculoid ที่จัดเปน MB) 2) BB (Borderline borderline) 3) BL (Borderline lepromatous) 4) LL (Lepromatous) สังเกตวากลุม BT ตองมาดูวาจะใหเปน PB หรือ MB โดยดูดังนี้ BT ที่จะใหอยูในกลุม PB จะตองมี 3 ขอดังนี้ 1) Skin lesion < 5 lesions 2) อยูขางใดขางหนึ่งของรางกาย 3) Slit-skin smear –ve ถามีไมครบ (e.g. ≥ 5 lesions / เปน 2 ขาง / Slit-skin smear +ve) จะถือวาอยูในกลุม MB ทันที กลุม MB จะเจอวา lesion เปนผื่นนูนแดง ขอบไมเรียบ ลักษณะคลายวงแหวน (punched-out), มี pseudopod; เวลา ดูกลุม MB ใหดูที่ “หู” ดวย (ชอบเปนที่หู เพราะเชื้อชอบที่เย็นๆ) Organ involvements 1. Nerve – sensory, motor, autonomic function of peripheral n. (อาจทําใหขนรวง, ไมมีเหงื่อออก) 2. Eye – visual loss, lagophthalmos, corneal ulceration, acute/chronic iridocyclitis, 2° cataract 3. Testis Management: ใชหลัก Multidrug therapy (MDT), ตองกินยา OD ทุกวันตอเนื่อง ยาจะจัดเปนแผง ใชแผงละ 28 d แบงเปนแผงสําหรับกลุม PB & แผงสําหรับกลุม MB - กรณีเปนกลุมเชื้อนอย (PB) Æ treat นาน 6 mo. ยาที่ใชในแตละเดือน: D.1 Æ Rifampicin (600) 1 tab + Dapsone (100) 1 tab D.2-28 Æ Dapsone (100) 1 tab - กรณีเปนกลุมเชื้อมาก (MB) Æ treat นาน 2 yr. ยาที่ใชในแตละเดือน: D.1 Æ Rifampicin (600) 1 tab + Clofazimine (100) 3 tab D.2-28 Æ Clofazimine (50) 1 tab + Dapsone (100) 1 tab
TOP SI 117
- SE ของ Rifampicin: ปสสาวะสีสมแดง, N/V, Flu-like symptom, Hepatotoxic, CYP450 inducer (ตอง advice ใน หญิงที่กินยาคุม วาอาจตั้งครรภได) - SE ของ Dapsone: Hemolytic anemia, Dapsone syndrome (drug hypersensitivity: ไข, MP rash, hepatitis, impaired renal function; เกิดหลังจากไดรับยาไปแลว 3-4 wk.), อาจมี Agranulocytosis, Peripheral neuropathy - SE ของ Clofazimine: สีผิวเขมขึ้น (ตอง advice วาหลังจากหยุดยาแลว สีผิวจะกลับมาเหมือนเดิมไดภายใน 1-2 yr.), Dry skin, GI upset (เพราะทําให pigment ไป deposit ที่ bowel ดวย) - กอนใหยา จะตองเจาะ lab: CBC, LFT, BUN/Cr, G-6-PD (ถาอยูในที่ที่เจาะได) กรณีที่เจอวาผูปวยเปน G-6-PD deficiency Æ ใหกินยาได แตตอง closed F/U; ถา Hct < 30% เมื่อไหร ใหหยุด Dapsone กอน
Leprosy reaction - Leprosy reaction (โรคเหอ) – แบงเปน 2 types 1. Type 1 (Reversal reaction, RR) – เปน delayed type hypersensitivity (DTH; type 4), เดนไปในทางกลุม เชื้อนอย (เจอใน BT, BB, BL), Hx: ผื่นเรื้อนเดิมบวมแดงมากขึ้น, เจ็บ (ถา severe อาจแตกเปนแผลได) Management: Topical steroid 2. Type 2 (Erythema nodosum leprosum, ENL) – เปนชนิด immune complex (type 3), เดนไปในทางกลุม เชื้อมาก, ลักษณะเปน erythematous dermal to subcutaneous nodule กดเจ็บ (คลาย EN แตเปนที่หนา / แขน ได) Management: Topical steroid + Clofazimine 200-300 mg/d Type 2 reaction มักเกิดไมนาน จึงลดขนาดของ Prednisolone ไดเร็ว แตอาจกลับเปนซ้ําอีกได (ตองบอก คนไขวาจะ off and on อยูไดเรื่อยๆ, ตองหา Precipitating factor ตอไป) - สรุป concept ของการ treat Leprosy reaction 1. Anti-inflammatory drug (Topical steroid) 2. หา Precipitating factor: Infection, Vaccination, Pregnancy 3. Continue MDT 4. Treatment of neuritis, acute iridocyclitis, acute epididymoorchitis Epididymoorchitis เปน 2nd most common cause ของ infertile ในผูชาย รองจาก Mumps
TOP SI 117
Toxicology Emergency management in toxicology General management - เมื่อผูปวยมาที่ ER เพราะไดรับสารพิษ ใหทํา 4 ขั้นตอนตอไปนี้กอน คือ 1. Basic life support (BLS) – ABC 1) Airway – ถาตองใส ETT ระวัง C/I ในการให Succinylcholine คือ (1) Organophosphate/Carbamate poisoning – จะทําให Succinylcholine ออกฤทธิ์นานเกินไป (2) HyperK+ (3) เสี่ยงตอ Rhabdomyolysis 2) Breathing – ถาผูปวยมี metabolic acidosis จะตองไดรับ hyperventilation 3) Circulation 2. Initial evaluation – Hx, PE; ดู Toxidrome e.g. แยก Sympatomimetic: มี diaphoresis (เหงื่อออก) แต Anticholinergic: dry skin (ไมมีเหงื่อ) Sympatolytic: จาก opioid, α2-agonist Cholinergic: มี “SLUDGE + 3B” Salivation + Small pupil (miosis), Lacrimation, Urination, Diaphoresis + Diarrhea, GI upset, Emesis, Bradycardia, Bronchorrhea, Bronchospasm etc. (Sedative, Paracetamol, Alcohol, Amphetamine, Cannabis, Cocaine intoxication/withdrawal) 3. Decontamination 1) Skin – ลาง/แปรงดวยสบู 2) GI – ทําได 3 วิธี คือ (1) Gastric lavage – ตองมาภายใน 1 hr. (สารพิษยังอยูใน stomach) (2) Single-dose activated charcoal 1 g/kg – ไดผลดีใน 1-2 hr. - ผสม activated charcoal 50 g (1 g/kg) in water 500 cc ใหกิน/NG - ใชไมไดกับ corrosive (acid/base), hydrocarbon, Fe, Li, alcohol C/I ในการทํา Gastric lavage & Single-dose activated charcoal: 1. Unconsciousness/Seizure (ที่ไมได on ET tube) Æ เสี่ยงตอ aspiration 2. Corrosive agent Æ กินกรด/ดาง ถาทํา gastric lavage เสี่ยงตอ perforation, ถาให single-dose activated charcoal จะไมชวยดูดซับ & เวลาไป scope จะไมเห็นอะไร 3. Hydrocarbon Æ หามเกิด aspiration เขา lung เด็ดขาด (3) Whole bowel irrigation – ใชเมื่อทํา 2 วิธีแรกไมได (มาชา, มี C/I 3 ขอ, กินสารที่ไมจับ charcoal), กินยาที่เปนรูป SR/EC มาเยอะๆ, body packer (กินถุงยางอัดยาบามา) - ผสม PEG in balanced electrolyte ใหกิน/NG rate 2 L/hr (adult), 20-35 cc/kg/hr (child) จนกวาสารน้ําที่ออกมาทาง anus จะใสไมมีสี หรือจนกวาเงาของสารพิษจาก X-ray หายไป (ถามี film ไวกอน) C/I ในการทํา Whole bowel irrigation:
TOP SI 117
4.
1. Unconsciousness/Seizure (ที่ไมได on ET tube) Æ เสี่ยงตอ aspiration 2. Gut obstruction – Mechanical (SBO, LBO) / Functional (ileus) Æ จะ irrigate ไมออก Supportive care
Specific treatment - มี 2 วิธี คือ 1. Enhancement of elimination – ใชกับสารพิษบางชนิด; มี 3 วิธี คือ 1) Urine alkalinization – ใชกับ Salicylate, Phenobarbital (เปนยาที่มี pKa เปนกรด, อยูในเลือดไดมาก (Vd < 1 L/kg) & เพิ่ม total clearance ได > 30%); keep urine pH 7.5-8 C/I: Renal failure 2) Multiple-dose activated charcoal – ใชกับ AED (Phenytoin, Phenobarbital, Valproate, CBZ), ASA, Dapsone, Quinidine, Theophylline; เขาไปจับสารพิษเพื่อเรงใหขับออกทาง feces ลด T1/2 ของยา (จุดประสงคตางกับ single-dose ที่ใหเพื่อ decontaminate แต multiple-dose ใหเพื่อ eliminate) - ให activated charcoal 20-30 g (0.5-1 g/kg) q 2-3 hr. C/I: Gut obstruction 3) Hemodialysis (HD) – ใชกับสารพิษโมเลกุลเล็ก เชน Li, K+, Alcohol (methanol, ethanol, ethylene glycol), ยาที่อยูในเลือดมาก เชน Salicylate, Phenobarbital, Phenytoin, Valproate, Theophylline C/I: Hypotension 2. Antidote – เมื่อมี I/C ตามชนิดของสารพิษ
Paracetamol toxicity - หลังกิน Paracetamol จะถูก absorb ทาง GI เร็ว มี peak plasma level ที่ 45 min, absorb สมบูรณที่เวลา 4 hr., มี oral bioavailability 60-98% - การกําจัด Paracetamol - 90-95% ถูก conjugate โดย glucuronidation, sulfation แลวขับทาง urine (ปลอดภัย) - 5% ถูกขับทาง urine ในรูปเดิม (ปลอดภัย) - < 5% (ที่เหลือ) เขาสู biotransformation ที่ liver โดย CYP2E1, 1A2, 3A4 กลายเปน NAPQI (N-acetyl-pbenzoquinoeimine) Æ ทําลาย centrilobular area ในตับ, proximal tubule ที่ไต Æ เกิด renal failure ได - ปกติ NAPQI ที่เกิดขึ้น เราใช glutathione detoxification ได (มีมากพอ) จึงไมเกิดผล toxic ตางๆ แตถากิน Paracetamol overdose (> 4 g/d) ทําใหยา saturate ใน pathway ที่ปลอดภัย จึงเขาสู pathway ที่ทําใหเกิด NAPQI เยอะขึ้น และใช glutathione จนหมด ทําใหเกิด toxicity ตางๆ - Toxicity จาก Paracetamol ไมวาจะ Acute (กิน ≥ 7.5 g ใน 4 hr.) หรือ Chronic (กิน 4 g/d ไปเรื่อยๆ) ก็ทําใหเกิด hepatitis ได - Toxicity จาก Paracetamol แบงทาง clinic เปน 4 phases ไดแก Phase 1 (< 1 d) Æ ปกติ, อาจมี N/V, liver enz. ยังปกติ Phase 2 (1-3 d) Æ RUQ pain, liver enz. อาจขึ้น Phase 3 (3-4 d) Æ peak สุด, pain มากสุด, liver enz. ขึ้นมากสุด Æ ตายได Phase 4 (4 d-2 wk.) Æ ถารอดชีวิตจาก phase 3 มาได จะหายอยาง complete (periportal area จะ regenerate ให centrilobular area ได)
TOP SI 117
- ถามา w/in 1 hr. Æ Gastric lavage ถามา w/in 2 hr. Æ Activated charcoal 1 g/kg via NG - เจาะ Paracetamol level หลังจากกิน Paracetamol ไปแลว 4 hr. (เปนเวลาที่ Paracetamol ถูก absorb สมบูรณ) เมื่อผลออก เอาคามา plot บน Rumack-Matthew nomogram (ถากอนตรวจกอน 4 hr. จะเอามา plot ไมได)
- การให NAC ปองกัน hepatitis ไดดีมาก ตองใหภายใน 8 hr. หามรอใหเกิดพิษกอน เพราะเปน Delayed toxidrome - NAC ชวยโดย 1. เปน precursor ในการสราง glutathione 2. ชวย detoxify เอง 3. ลดความรุนแรงของ hepatitis - NAC 1 tab = 600 mg, 1 amp = 300 mg; Dose: Oral form: NAC loading 140 mg/kg, then 70 mg/kg q 4 hr. x 17 doses IV form ให 3 doses ดังนี้: NAC 150 mg/kg + 5%D/W 200 ml IV drip in 15 min, then 50 mg/kg + 5%D/W 500 ml IV drip in 4 hr., then 100 mg/kg + 5%D/W 1,000 ml IV drip in 16 hr. - การให NAC ใน 8 hr. มีโอกาสเกิด Severe hepatitis ได 2% (oral form), 0% (IV form) - ตัวอยางการเขียน order ในผูปวยที่มาดวย Paracetamol overdose ผูปวยชายอายุ 30 yr., BW 50 kg, กิน Paracetamol 50 เม็ด 90 min PTA, เวลาที่มาถึง ร.พ. 18.30 น. One day Continue - Blood for CBC, BUN/Cr, Electrolytes, LFT, - NPO Coagulogram - Record V/S, I/O - Activated charcoal 50 g (1 g/kg) + water 500 cc Medication - Omeprazole 40 mg IV OD (ถามี coagulopathy) via NG - Blood for Paracetamol level at 21.00 น. - NAC long (600) loading 12 tab, then 6 tab q 4 hr. x 17 doses
TOP SI 117
(หรือ NAC 7.5 g + 5%D/W 200 ml IV drip in 15 min, then 2.5 g + 5%D/W 500 ml IV drip in 4 hr., then 5 g + 5%D/W 1,000 ml IV drip in 16 hr.) ให NAC ระหวางรอ Paracetamol level, จะตองไดคา Paracetamol level ภายใน 8 hr. เมื่อได Paracetamol level เอาไป plot ลงบน Rumack-Matthew nomogram ที่ 4 hr. (เวลาที่เจาะสง) - ถาต่ํากวา treatment line Æ หยุด NAC ได - ถาสูงกวา treatment line Æ ให NAC ตอ 3 d แลว F/U LFT เพื่อดู Hepatitis T
ถาผานไปครบ 8 hr. แลวยังไมได Paracetamol level ใหคํานวณ Paracetamol level (mg/dl) = BW - ถา < 7.5 Æ continue NAC IV จนครบ 20 hr. แลว F/U LFT ที่ 36 hr. (~ 2 d) เพื่อดู Hepatitis - ถา > 7.5 Æ continue NAC IV 3 d แลว F/U LFT เพื่อดู Hepatitis เมื่อ F/U LFT แลวไมมี Hepatitis Æ หยุด NAC ได
Gas and toxic inhalation - Toxic gas แบงเปน 2 กลุม คือ 1. Asphyxiant 2. Irritant
Asphyxiants - Asphyxiants ทําใหเกิดภาวะขาด O2 แบงเปน 1. Simple asphyxiant Æ “แทนที่” O2 ในอากาศ เมื่อเราหายใจเขาไปจะเกิด hypoxia; e.g. CO2, N2, H2, acetylene (C2H4), butane (gas หุงตม) 2. Systemic asphyxiant Æ ทําใหรางกายขาด O2 โดย “กลไกอื่น” โดยที่ O2 อากาศยังปกติ; e.g. CO, CN, H2S - CO2 - เปน simple asphyxiant - เจอในคนที่ไดรับ dry ice (CO2) นานๆ / อยูในที่อับๆ (e.g. ในอุโมงค) O2 < 16% (ปกติ 21%) - ทําใหเกิดอาการ; organ ที่ไวตอการขาด O2 คือ heart & brain ผูปวยจะ “เสีย recent memory” - Management: เอาออกจากที่เกิดเหตุ + ให O2 - CO - เปน systemic asphyxiant - เกิดจากการสันดาปไมสมบูรณจากไฟไหม, รถยนตเกาๆ ที่เครื่องรั่ว, หรือการไดรับสารลอกสี (methylene chloride) เมื่อเขาไปในรางกายจะถูก metabolite ได CO - CO มี affinity ตอ Hb มากกวา O2 200 เทา เมื่อมี CO จะทําให shift HbO2 dissociation curve to the left เกิด HbCO CO ยังมี affinity ตอ myoglobin มากกวา O2 60 เทาดวย - Management: ให O2 - คนที่ไดรับ CO จะทําใหตัวแดงจาก “Pigment ของ HbCO” เรียกวา Cherry red skin - CN - เปน systemic asphyxiant แบงเปน 2 กลุม
TOP SI 117
-
-
-
1. Cyanide salt Æ early onset; e.g. HCN, KCN, น้ํายาทําความสะอาดโลหะ, ควันไฟ 2. Cyanogen Æ late onset; e.g. มันสําปะหลัง, น้ํายาถอดเล็บ (methylCN) CN ชอบ Fe3+ ซึ่งพบที่ Cyt. a-a3 ใน mitochondria Æ เมื่อ CN ไปจับกับ cyt. a-a3 ก็ทําให aerobic metabolism ลม Æ เกิด anaerobic เพิ่มขึ้น Æ lactic acid คั่ง CN ออกฤทธิ์ที่ heart & brain เปนหลัก (ใช aerobic มาก) Æ Loss of consciousness, metabolic acidosis, HT, tachycardia ตามดวย bradycardia ระวัง CN ไมทําใหเกิด cyanosis คนที่ไดรับ CN จะตัวแดงเพราะ “เลือดมี HbO2 มาก” เพราะรางกายเอาไปใชไมได (เกิด Arteriolization of venous blood) การที่เจอ Svo2 ≥ 90% แตมี Lactic acidosis / Wide AG metabolic acidosis Æ suggest อยางมากๆ วา เกิดจาก CN poisoning Management: 100% O2 + Antidote (ในคนที่มีอาการแลวไมดีขึ้น) คือ Sodium nitrite & Sodium thiosulfate Sodium nitrite ทําใหเกิด MetHb ให CN ไปจับกับ Fe3+ ตอมาให sodium thiosulfate เพื่อจับกับ CN เปน Thiocyanate ขับออกทาง urine
Irritants - Irritants แบงเปน 2 กลุม 1. Upper airway irritant (Eyes ถึง Vocal cord) - HCl, SO2, NH3Cl - ละลายน้ํา (water soluble สูง) ทําใหบวมจนเกิด Airway obstruction 2. Lower airway irritant (ต่ํากวา Vocal cord Æ Alveoli) - PH3 (phosgene), NO2 - ไมคอยละลายน้ํา (water soluble ต่ํา) ทําใหเกิด Pulmonary edema และ pneumonitis สังเกต ควันไฟ มีทั้ง asphyxiant & irritant
Air pollution - Air pollutant แบงเปน 2 กลุม ไดแก particle & gas - มีผลตอ RS & CVS เปนหลัก RS: เปน irritant, CVS: ÇHR & กระตุน IHD)
Particle -
Particle (Particulate matter, PM) มีหลายสถานะ, ประกอบดวย mixture ของหลายๆ อยาง; e.g. ฝุนดิน, โลหะ, ใย asbestos; แบง inhalable particles ตามขนาดเปน 1. Coarse particles (PM-10) (< 10 μm) - ขนาดใหญสุดที่เราหายใจเขาไปได; e.g. ฝุน - มากับดิน, กอสราง, บดหิน 2. Fine particles (PM-2.5) (< 2.5 μm) - เปนพิษตอ alveoli (อันตรายกวาเยอะ) - เกิดจากปฏิกิริยาในอากาศจาก gas ตางๆ (e.g. SO2, NO, VOC) กลายเปน air pollution
TOP SI 117
Gas - Gas (Gaseous pollutant) e.g. SO2, NOx, VOC, CO, O3 - SO2 - เปน upper airway irritant - เกิดที่แมเมาะ จ.ลําปาง จากการใชถานหิน lignite คุณภาพต่ําผลิตกระแสไฟฟา โดยไมไดบําบัดอากาศเสียใหได มาตรฐาน - เมื่อ SO2 อยูในอากาศจะเกิดปฏิกิริยา: 2SO2(g) + O2(g) Æ 2SO3(g) ซึ่งเปนอันตรายตอทางเดินหายใจ - O3 (Ozone) - เปน irritant - เกิดจาก NOx + VOC ทําปฏิกิริยาแลวปลอยออกมากับไอเสียรถยนต, การเผาไหมเชื้อเพลิง เมื่อมาเจอ heat & UV จาก sunlight ก็จะเกิด O3 ขึ้น (เปน photo-oxidant product) - Smog = smoke + fog; ประกอบดวย component หลัก ไดแก SO2, O3, fine particles (PM-2.5) - การปองกันผลจาก air pollution 1. ชวยลด Æ ใชรถเมล, ใชแหลงพลังงานที่สะอาด 2. หลีกเลี่ยง Æ หลีกเลี่ยงเขาไปในบริเวณที่การจราจรหนาแนน, มี smog - คนที่มี High-risk ไดแก Elderly (ผูสูงอายุ), Asthma (คนเปนหอบหืด), คนที่มี Heart/Lung disease ฤดูที่อากาศสะอาดที่สุดคือ “ฤดูฝน”; ฤดูที่อากาศแยที่สุดคือ “ฤดูหนาว”
Pesticide toxicity - Pesticide แบงเปน 4 กลุมหลักๆ ไดแก Insect-, Herb-, Rodent, & Fungicide - ทําใหเกิดปญหาหลักๆ 2 อยางคือ Toxicity & CA
Insecticide - Insecticide เปน Pesticide ที่ปญหาและอันตรายมากที่สุด; แบงเปน 3 กลุม ไดแก 1. AChEI - ใชในภาคอุตสาหกรรม & เกษตรกรรม; ผูปวยที่มาคือเกษตรกร & ผูบริโภคผักปนเปอน - เขาสูรางกายไดทาง inhalation, oral, skin - ทําใหเกิด “SLUDGE + 3B”: Salivation + Small pupil, Lacrimation, Urine incontinence, Diarrhea + Diaphoresis, GI upset, Emesis, Bradycardia, Bronchorrhea, Bronchospasm - ตองไป inhibit AChE > 50% ถึงจะแสดงอาการ (อาจ delayed manifestation ไดถึง 12 hr.) - แบงเปน 2 อยาง 1) Carbamate (reversible) e.g. Carbofuran - จับ AChE ไมแนน ปลอยเร็ว (เปน min-hr.) - ในที่สุด AChE ก็จะถูกปลอยไดเอง โดยไมตอง treat (spontaneous degradation w/in 24-48 hr.) 2) Organophosphate (OP) (irreversible) Æ e.g. Malathion - จับ AChE แนน (กวาจะปลอย เปน day-wk.) - ทําใหเกิด Enzyme aging ไมคืน ตองรอใหสราง AChE ใหม - ตอง treat ใหเร็ว เพื่อ stop aging
TOP SI 117
- ถาเจาะดูระดับ AChE ในเลือด จะพบวา วันที่เกิดเหตุ ระดับ AChE จะลดลง แลวตอมาจะคอยๆ เพิ่ม - Management 1. Supportive: คนไข “จมน้ําบนบก” (จม secretion ตัวเองตาย) Æ Suction น้ําออกจาก airway 2. Specific 1) Atropine 2-5 mg IV / IM จนมี Atropinization (ดูจากเรื่อง secretion ที่ลดลงเปนหลัก) 2) Pralidoxime (2-PAM) 30 mg/kg IV over 20 min, then IV drip 8 mg/kg/hr – เปน Antidote, ชวย hydrolyze OP ออกจาก AChE Atropine ทําใหอาการ muscarinic ดีขึ้น สวน 2-PAM จะทําใหดีขึ้นทั้ง muscarinic & nicotinic 2. Pyrethrin & Pyrethroid - Pyrethrin เปนสารที่สกัดจากดอกเบญจมาศ (chrysanthemum) Pyrethroid มนุษยสังเคราะหขึ้น โดยทําให stable ขึ้น & เพิ่ม toxicity - กลไก: เปด Na+ channel ทําใหแมลงตายโดยการชัก - Pyrethroid (ลงทายดวย ~thrin) มี 2 type; type 2 มี cyano group พิษ severe กวา - เขาสูรางกายทาง inhalation, oral (เขาทาง skin นอยมาก!) - ไมมีการสะสมใน mammal เนื่องจากมี enz. hydrolyze ถึงแมปจจุบัน pyrethroid จะ stable ขึ้นก็ยังถือวา ปลอดภัย - อาการที่เกิด: Allergic dermatitis (ผื่นแพ), AR, Anaphylactoid reaction, Contact dermatitis, Seizure 3. Organochlorine - DDT (ใชควบคุม vector ของ malaria), Endosulfan (ฆาปู, หอยเชอรี่), Lindane (ฆาเหา) - เปน GABA antagonist ทําใหเกิด Seizure (ผูปวยจะชักไมหยุด Mortality rate จะสูงมาก) - ตกคางในสิ่งแวดลอมเยอะมาก เจอปริมาณมากขึ้นใน food chain ที่สูงขึ้น (ซึ่ง “คน” เปน top food chain) - สะสมใน fat, liver, brain; ทําใหเกิด CA liver - ไมมี antidote; Management เรื่อง seizure เปนหลัก
Metal poisoning Pb (Lead) - Pb (ตะกั่ว) มาจากการถลุงแร, บัดกรี, ลูกปน, สีกันสนิม, ยาลูกกลอน, ceramic ระวัง หมอกวยเตี๋ยว เมื่อทะลุ ใชตะกั่วบัดกรี Æ อันตราย - เด็กรับ Pb จากพอแมที่ทํางานแลวติดตามเสื้อผามา - Pb ในน้ํามัน เปน Organic lead เขาสูรางกายทาง Skin only!! สวน Pb อื่นๆ เขาสูรางกายทาง inhalation, oral - ผูใหญกิน Pb จะ absorb ได 10-15% แตถาเด็กกินจะ absorb ไดถึง 50% - คนที่ขาด Fe / Ca จะยิ่ง absorb Pb ไดดียิ่งขึ้น (> 50%) - เมื่อ Pb เขารางกายจะไปอยูที่ Kidney, Brain, Bone - Pb ใน bone มี T1/2 ยาวมาก (35 yr.) เอาออกยาก เปน dynamic equillibrium กับ Pb ในเลือด Æ ดังนั้น ใน Pregnancy, Hyperthyroid มีการสลาย bone มาก Æ Pb จะเขามาในเลือดมาก Æ ยิ่งเกิดพิษมาก - Pb ที่อยูในเลือดจะไปเขา brain, RBC Æ กด enz. ที่ใชในการ Hb synthesis Æ MCHC anemia PBS: Basophilic stippling
TOP SI 117
- Pb poisoning 1. Acute Æ ตองมีระดับสูงมากๆ; ทําใหซึม สับสน หมดสติ 2. Chronic (common) Æ พบ Multisystemic S&S อาการไมจําเพาะ – คนไขมาดวยปวดหัว, ความจําไมดี, ซึมเศรา, Anemia, HT, Hyperuricemia, Peripheral motor neuropathy (wrist drop, foot drop), Renal tubule damage - อาจเจอ Lead line ที่ gingival-tooth border - ในเด็ก จะพบวาทําใหเด็กเรียนหนังสือไมดี สมาธิสั้น - เด็กมี threshold ในการเกิดผลของ Pb ต่ํากวาผูใหญ (คือเกิดงายกวา) เพราะ 1. Nervous system กําลัง develop (เปน target) 2. BBB ไมดี (ปองกันไมดี) 3. Absorb Pb ดีกวา (ไดถึง 50%) - Dx Pb poisoning จาก S&S, Anemia ที่มี Basophilic stippling, เจาะดู blood Pb level (บอกถึง Pb level ใน bone ดวย) - คนที่ไดรับ Pb มา 3 yr. (blood PbÇ) กับไดรับมา 1 mo. (blood PbÇ เหมือนกันเพราะยังไมเขา bone) จะแยกกัน อยางไร? Ans: เจาะดูระดับ Protoporphyrin ถาสูง Æ ไดรับ Pb มา > 3 mo. เพราะ RBC มีอายุ 120 d Æ ถา Pb ไป block enz. ในการสราง heme ก็จะมี protoporphyrin คั่งใน RBC เมื่อ RBC เหลานั้นสลายไปก็จะมี protoporphyrin ออกมาในเลือดมาก - Management 1. Avoid exposure (สําคัญที่สุด) 2. Chelator: EDTA 3. Ca2+, Fe2+ เสริม (ไมให Pb ถูก absorbÇ)
As (Arsenic) - As (สารหนู) อยูใน Crust (เปลือกโลก) เมื่อมีพายุถลมก็จะชะหนาดินมาโดนคน/ปนเปอนแหลงน้ําดื่ม - เมื่อ As เขาสูเลือดแลว จะหายจากเลือดเร็วมาก (w/in 24 hr.) เพราะไปเขา tissue หมด คือที่ Kidney, Brain, Keratin (ผม, เล็บ) - As poisoning 1. Acute Æ เจอเฉพาะคนที่จงใจกินเยอะๆ; ทําใหเกิด Diarrhea (เหมือน cholera), Shock, Myocarditis Management: Chelator: Dimercaprol 2. Subacute Æ ไดจากน้ําดื่ม / รอดมาจาก acute; ทําใหเกิด Peripheral neuropathy (ชาปลายมือปลายเทา), มี weakness จากทาง distal ได (คลายกับ GBS) 3. Chronic (ลักษณะเฉพาะ: skin & nail changes) Æ ไดจากน้ําดื่ม, กินยาหมอ ยาสมุนไพร; ทําใหเกิด Hyperkeratosis, Hyperpigmentation, Exfoliative dermatitis Management: Avoid exposure (เพราะทําอะไรไมได, ไมตองให chelator) - การตรวจ As level ตองงดอาหารทะเลกอน 3 d (เพราะในอาหารทะเลมี organic As ซึ่งไมทําใหเกิดพิษดวย)
Hg (Mercury) - Hg (ปรอท) มี 3 forms ไดแก
TOP SI 117
1. 2. 3.
Elemental (HgO) – e.g. HgO ใน thermometer; ระเหิดได เขาสูรางกายทาง Inhalation เปนหลัก Salt (HgCl) (inorganic) Organic (CH3Hg) – ตกคาง ถายทอดตาม food chain (เหมือน organochlorine) คนเปน top food chain เมื่อ ไดรับเขาไปทําใหเกิด chronic toxicity คือ Cerebellar dysfunction (tremor, dysarthria); เปนตัวที่ทําใหเกิด โรค Minamata ระวัง Hg สามารถผาน placenta ไปทําใหลูกเกิด cerebellar dysfunction ไดดวย - Management: Symptomatic, Avoid exposure
TOP SI 117
Critical Care Basic life support (BLS)
- BLS (Basic life support) ตาม AHA guideline 2010 มี sequence ดังนี้ (Chain of survival) “Early recognition, EMS – Early CPR – Early defib. – ACLS – Post-cardiac arrest care” - BLS และการทํา Chest compression ที่ถูกตอง (High-quality CPR) ตาม AHA guideline 2010 ใหทําดังนี้ 1. Sequence: C-A-B 2. CPR rate at least 100/min 3. กดลึกอยางนอย 5 cm (2”) 4. Full recoil กอนกดครั้งตอไป 5. Interrupt ใหนอยที่สุด (e.g. ตอน check pulse ใหใชเวลาไมเกิน 10 sec, ถาคลําไมได ใหเริ่ม CPR เลย) 6. Airway: ใชวิธี Head tilt-Chin lift ยกเวนถาสงสัย trauma ใหใชวิธี Jaw thrust เทานั้น 7. Compression-to-ventilation ratio = 30:2 8. เมื่อมี Advanced airway ใหชวยหายใจโดยตองสัมพันธกับ chest compression; rate 1 breath/6-8 sec (8-10 breaths/min), 1 sec/breath; avoid hyperventilation 9. เมื่อ Defibrillator / AED มาถึง ใหติด paddle โดยที่ไมตองหยุด chest compression Æ เปดเครื่อง AED จะทํา การวินิจฉัย rhythm และบอกวาให shock หรือทํา CPR ตอ
TOP SI 117
Advanced cardiac life support (ACLS) Cardiac arrest
- Cardiac arrest ตาม AHA guideline 2010 ใหทําดังนี้ 1. Call for help, Activate EMS 2. CPR (30:2), O2, ติด monitor / defibrillator / EKG 3. ประเมิน EKG (confirm 2 leads) วาเปน Shockable rhythm (VT/VF) หรือไม 1) VT/VF Æ Defib. 120-200 J (biphasic) Æ CPR 2 min (30:2 x 5 cycles), เปด IV (ถาเปน Defib. monophasic ใหใช 360 J) (1) Check rhythm – ถายังเปน VT/VF Æ Defib. 120-200 J (biphasic) + Adrenaline 1 mg (ตามดวย NSS 10-20 cc) q 3-5 min ± ETT, Capnography
TOP SI 117
(2) Check rhythm – ถายังเปน VT/VF Æ Defib. 120-200 J (biphasic) + Amiodarone 300 mg (1st dose), 150 mg (2nd dose) Treat Reversible cause: “5H 5T” หมายเหตุ เวลา Check rhythm ถา EKG เปน VF ไมตองคลํา carotid pulse แลว (เพราะไมมี pulse อยู แลว) แตถา EKG เปน VT ตองคลํา pulse เพื่อแยกวาเปน VT ที่คลํา pulse ได (เขา Tachycardia algorithm) หรือเปน Pulseless VT (ตอง Defib. ตอ) 2) PEA/Asystole Æ CPR 2 min (30:2 x 5 cycles) + Adrenaline 1 mg q 3-5 min ± ETT, Capnography; Check rhythm วาขณะนี้อยูใน algorithm ไหน - Reversible cause: “5H 5T” มีดังนี้ 1. Hypovolemia – e.g. Blood loss, Volume depletion (ตอง load NSS อยางรวดเร็ว) 2. Hypoxia – e.g. Secretion obstruction, Severe lung parenchymal disease, FB obstruction 3. H+ (Metabolic acidosis) – แยกวาเปน wide / narrow AG I/C for NaHCO3- (dose: 7.5% NaHCO3- 50 cc IV push in 5 min) 1) Hyperkalemia 2) Previous metabolic acidosis (รูคา HCO3- หรือ pH กอนเกิด cardiac arrest) 3) TCA overdose 4. Hypo-/Hyperkalemia Hyperkalemia – e.g. AKI ที่มี oliguria, CKD ที่ไมไดทํา HD, DIC, G-6-PD deficiency anemia with intravascular hemolysis, Rhabdomyolysis (e.g. crush injury, infection, drug), K+ supplement เมื่อนึกถึง Hyperkalemia จะตองรีบ treat เลยทันที (หามรอผล lab ออกกอน) ดังนี้ 1) ถามี EKG change Æ Stabilize myocardial cell membrane: 10% Ca gluconate 15-30 cc (ไมใช 10 cc เหมือนที่ใหทั่วไป) หรือ 10% CaCl2 5-10 cc IV in 2-5 min ระวังใน Digitalis intoxication การให Ca gluconate จะทําให Digitalis จับกับ Na+-K+ pump มากขึ้น ยิ่งไปยับยั้งการทํางานของ Na+-K+ pump ยิ่งทําใหเกิด Hyperkalemia รุนแรงขึ้น 2) Shift K+ เขา cell (1) 50% glucose 50 cc + RI 10 U IV in 15 min (2) 7.5% NaHCO3- 50 cc (1 amp) IV push in 5 min (3) Ventolin® NB 10-20 mg NB in 15 min 3) Promote K+ excretion (1) Lasix® 40-80 mg IV (2) Kayexelate 15-50 g + Sorbitol PO / Rectal (3) Hemodialysis 5. Hypothermia – e.g. Near drowning, Sepsis, Drugs, อยูในอากาศเย็นมาก ภาวะ Hypothermia จะไม response ตอการทํา Defib. (แมวาจะเปน VF/Pulseless VT) ตองไดรับการแกไข ทํา ได 2 วิธี 1) Passive rewarming – ถอดเสื้อผาที่เปยกออก (ในผูปวย Near drowning), หมผา, ใชเครื่อง warmer 2) Active rewarming – Irrigate NG, Irrigate bladder, Warm IV fluid, Hemofiltration
TOP SI 117
6.
Tension pneumothorax – สงสัยในผูปวย Thoracic injury, COPD ที่มี dyspnea, Barotrauma from mechanical ventilator, หลังการใส Central line (Internal jugular vein / Subclavian vein), หลังทํา Thoracentesis Management: ICD or Needle thoracostomy 7. Tamponade (cardiac) – สงสัยในผูปวย Blunt thoracic injury, Pericardial effusion Management: Pericardiocentesis (หลังทํา CPR จนเขาสู ROSC) หรือ Open cardiac massage (ถาจําเปน) 8. Toxins – e.g. Organophosphate poisoning (Antidote: Atropine), TCA overdose (Antidote: 7.5% NaHCO3-) 9. Thrombosis (pulmonary: PE) – สงสัยในผูปวยที่มี Hx DVT, เสี่ยงตอ Hypercoagulable state Management: CPR ตามปกติ, poor prognosis 10. Thrombosis (coronary) Management: PCI (หลังทํา CPR จนเขาสู ROSC) ระวัง หามให Fibrinolytics หลังเกิด cardiac arrest เด็ดขาด (เดิม AHA guideline 2005 มี 6H 6T แต 2010 ตัด Hypoglycemia, Multiple trauma ออกไป เหลือ 5H 5T) - เมื่อเขาสู ROSC (Return of spontaneous circulation: คลํา pulse ได, วัด BP ได, PETCO2 ≥ 40 mmHg, มี arterial pressure waveform ใน A-line) Æ Post-cardiac arrest care (keep O2 sat. ≥ 94%, พิจารณา Advanced airway, ติดตามการรักษาดวย Capnography waveform, หลีกเลี่ยง Hyperventilation)
Bradycardia
TOP SI 117
- Bradycardia (with pulse) ตาม AHA guideline 2010 ใหทําดังนี้ 1. ประเมิน clinical โดยรวม, bradyarrhythmia ที่ทําใหเกิดอาการ ควรมี HR < 50/min 2. Identify & treat cause; Airway, Breathing, O2, Monitor: EKG, BP, O2 sat., เปด IV, 12-lead EKG 3. ดูวา Persistent bradyarrhythmia ทําใหเกิดอาการ 1/5 ตอไปนี้หรือไม 1) Hypotension 2) Signs of shock 3) Chest pain 4) Alteration of consciousness 5) Heart failure ถาไมมี 1/5 = “Stable” Æ Observe ถามี 1/5 = “Unstable” Æ Atropine 0.6 mg IV bolus (ตามดวย NSS 10-20 cc) q 3-5 min (Max 3 mg) (ตาม guideline ให Atropine 0.5 mg แตในเมืองไทย Atropine 1 amp = 0.6 mg) 4. ถาให Atropine แลวไมดีขึ้น Æ เลือก 2nd line therapy 1/3 อยางตอไปนี้ 1) Transcutaneous pacing – แบงเปน Fix mode กับ Demand mode; ควร sedate ผูปวยกอนทํา เลือกให ยาตอไปนี้ (1) Diazepam (Valium®) 5-10 mg IV (2) Midazolam (Dormicum®) 2-5 mg IV (3) Fentanyl 25-100 μg IV Demand mode = ถา rate นอยกวาคาที่ตั้ง ถึงจะ pace ใน ACLS แนะนําใหใช Fix mode เพราะถาตั้ง Demand mode จะมี artifact ตอน transfer ขั้นตอนการตั้งเครื่อง (Fix mode) 1. ตั้ง Output 200 mA, Pacer rate 60/min (อาจตั้งเร็วกวานี้ถามี I/C: QTc prolong) 2. กด Pacer start 3. ดูที่ EKG ตองมี Spike (จากการกระตุน ventricle), EKG เปน Wide QRS complex ตามหลัง pace = Capture (Capture = pace ตามดวย Wide QRS ตลอด), axis ตรงขามเดิม ยกเวน Pacing บางชนิดเปนแบบ Dual chamber (Atrium + Ventricle) ทําใหเปน Narrow QRS ได 4. คอยๆ ลด Output ลงจนกระทั่งไมมี Capture 5. ปรับ Output ขึ้น 20-25% (กันกระแสไฟฟาจากเครื่องตกลง); Output ที่ตั้งสุดทายจะ > Capture threshold 10-20% (Capture threshold = Output ต่ําสุดที่ทําใหมี capture ไดทุกตัว) 2) Dopamine IV drip rate 2-10 μg/kg/min (ออกฤทธิ์ที่ β1, β2 receptor) (ถาใช Dopamine rate > 10 μg/kg/min = High dose จะเปลี่ยนไปออกฤทธิ์ที่ α receptor) BW
µ /
/
; BW = 60 kg: Dopamine (2:1) IV drip 10 μd/min สูตร: µd/min . 3) Adrenaline IV drip rate 2-10 μg/min (ออกฤทธิ์ทุก receptor ทั้ง α และ β receptor) µ /
สูตร: µd/min . ถาทําทั้ง 3 อยางแลวยังไมดีขึ้น Æ Consult expert, Transvenous pacing จริงๆ ในทางปฏิบัติ ตองพยายามหา Reversible cause: 5H 5T, IICP ดวย (แมวาจะไมไดระบุใน AHA guideline 2010) ที่พบบอยคือ Hypoxia, ACS, HyperK+, Metabolic acidosis
TOP SI 117
Tachycardia
- Tachycardia (with pulse) ตาม AHA guideline 2010 ใหทําดังนี้ 1. ประเมิน clinical โดยรวม, tachyarrhythmia ที่ทําใหเกิดอาการ ควรมี HR ≥ 150/min 2. Identify & treat cause; Airway, Breathing, O2, Monitor: EKG, BP, O2 sat. 3. ดูวา Persistent tachyarrhythmia ทําใหเกิดอาการ 1/5 ตอไปนี้หรือไม 1) Hypotension 2) Signs of shock 3) Chest pain 4) Alteration of consciousness 5) Heart failure ถามี 1/5 = “Unstable” Æ Synchronized cardioversion (sedate + ทา gel กอนทํา) - Narrow regular: 50-100 J + Adenosine 6 mg IV push (+ NSS 20 cc flush) ถาไมไดผล Æ 2nd dose: Adenosine 12 mg IV push (+ NSS 20 cc flush) ถายังไมไดผล ไมตองให Adenosine ตอ การให Adenosine จะใช “Double syringe technique” คือใช 3-way, push Adenosine เขาเร็วๆ ตาม ดวย NSS 20 cc flush ทันที เพื่อไมให Adenosine เจอเลือด เพราะถูกทําลายไดโดย Endothelium - Narrow irregular: 120-200 J (biphasic; ถาเปน monophasic ใหใช 200 J)
TOP SI 117
การทํา Cardioversion ใน AF ใหทําเฉพาะใน New-onset AF (เพิ่งเปนไมเกิน 48 hr.) เทานั้น จะไมทําใน Chronic AF เพราะคนที่เปน Chronic AF จะมี clot อยูใน heart chamber ถาไป cardiovert จะทําให clot หลุดไปกลายเปน Stroke ได - Wide regular: 100 J - Wide irregular: Defib. 120-200 J (ไมใช Synchronized cardioversion) ถาไมมี 1/5 = “Stable” Æ ประเมิน QRS complex - Narrow QRS complex – ใหทําดังนี้ 1) เปด IV, 12-lead EKG 2) Carotid massage (Vagal maneuver) – กอนทําตองฟง carotid bruit กอน ถาไมมีจึงจะทําได วิธีทํา: ใช 3 นิ้วนวดที่คอขางใดขางหนึ่ง 3) ถาเปน Narrow regular (เหมือน SVT) Æ Adenosine 6 mg IV push (+ NSS 20 cc flush) ถาไมไดผล Æ 2nd dose: Adenosine 12 mg IV push (+ NSS 20 cc flush) ถายังไมไดผล Æ Synchronized cardioversion 50-100 J (เริ่มที 50 J กอน) 4) ถาเปน Narrow irregular Æ β-blocker หรือ CCB (slow rate AF หรือ Atrial flutter); เลือกใชยา ตอไปนี้ (1) Verapamil 2.5-5 mg IV q 3-5 min (Total max 10 mg) (2) Diltiazem 5-10 mg IV q 3-5 min (Total max 20 mg) Narrow regular: นึกถึง 2 ภาวะคือ AF กับ MAT; กรณีที่เปน MAT มักเกิดจาก lung disease จะ ไม response ตอ Cardioversion Digoxin ไมอยูใน guideline เพราะกวาจะออกฤทธิ์ตองรอ 2-3 hr. จึงใชกับคนไขที่ stable แลว เทานั้น - Wide QRS complex – ใหทําดังนี้ 1) เปด IV, 12-lead EKG 2) ถาเปน Wide regular, monomorphic Æ Adenosine (terminate ไดถาเปน SVT with aberrancy / preexisting BBB) 3) Amiodarone 150 mg (1st dose) over 10 min, repeat ไดถามี VT ซ้ํา Maintenance dose (IV drip): 1 mg/min for 6 hr., then 0.5 mg/min for 18 hr. (Total max 2,200 mg/d) สังเกต 1st dose ของ Amiodarone ใน Tachycardia algorithm (150 mg) ตางกับใน Cardiac arrest algorithm (1st dose ให 300 mg, 2nd dose ให 150 mg) DDx in Wide QRS complex tachycardia 1. VT (> 90%) 2. SVT with aberrancy / preexisting BBB 3. WPW syndrome 4. Ventricular paced rhythm ถาเปน WPW syndrome ยาที่หามใหเด็ดขาด ไดแก “ABCD”: Adenosine, Beta-blocker, CCB, Digitalis เพราะมีฤทธิ์กดการทํางานของ AV node ยิ่งทําใหกระแสไฟฟาลงทาง Bundle of Kent มากขึ้น
TOP SI 117
Shock Early assessment - Shock = multisystem end organ hypoperfusion (ไมจําเปนตองมี hypotension), ผลที่ตามมาคือ tissue hypoxia, lactic acidosis, ถาไมรีบรักษา จะทําใหเกิด organ failure ตามมา - SBP บอกถึง systolic function, DBP บอกถึง afterload (diastolic function) - Classification of shock – แบง shock เปน 2 ประเภท 1. Hypodynamic (Low C.O.) – มี Vasoconstriction, Afterload (SVR) สูง, C.O. ต่ํา Æ Narrow PP (< ½ SBP) ไดแก 1) Hypovolemic shock 2) Cardiogenic shock 3) Obstructive shock – Cardiac tamponade, Massive PE, Tension pneumothorax, Severe PHT 2. Hyperdynamic (High C.O., Distributive) – มี Vasodilatation, Afterload (SVR) ต่ํา, C.O. สูง Æ Wide PP (> ½ SBP) ไดแก 1) Septic shock 2) Anaphylactic shock 3) Endocrinologic shock – Thyroid storm, Adrenal crisis 4) Neurogenic shock 5) Drug & toxin - จาก MAP = C.O. x SVR จะไดสูตร MAP = EDV x EF x HR x SVR C.O. = SV x HR; SV = EDV-ESV; (EDV-ESV)/EDV = EF = เลือดที่เหลือหลังหัวใจบีบตัวเทียบกับกอนบีบตัว บอก ถึง Contractility ดังนั้น factor ที่ควบคุม BP มี 4 factors ไดแก 1. Preload (EDV) – ประเมินจาก JVP, CVP, PCWP 1) JVPÈ – เจอใน Cardiogenic & Obstructive; แยกโดยฟง Lung Cardiogenic shock – มี crepitation; Obstructive shock – ไมมี crepitation 2) JVPÇ – เจอใน Hypovolemic & Hyperdynamic ทั้งกลุม; แยกโดยดู afterload (DBP, PP) 2. Afterload (SVR) – ประเมินจาก DBP, PP, Capillary refill Capillary refill ใชประเมิน tissue perfusion เฉพาะในกลุม Hypodynamic shock, ถาสั้น แสดงวา afterload ต่ํา ตอบสนองตอการรักษาดี ถายาว แสดงวายังมี afterload สูงอยู (ใชใน Hyperdynamic ไมได เพราะมี afterload ต่ําอยูแลว capillary refill ก็จะสั้นทั้งๆ ที่ยัง shock อยู) 3. Contractility (EF) – ประเมินจากการฟง heart sound 1) S1 – ถาเบา = contractility ไมดี; ถาดัง = contractility ดี 2) S3 – ถามี S3 gallop = systolic dysfunction = contractility ไมดี 3) S4 – ถามี S4 gallop = diastolic dysfunction เจอใน RCM/HCM หรือ LV overload แต contractility ดี 4. Rhythm (HR) – ประเมินจาก P, EKG; rate ที่มีผลตอ BP คือ < 60/min หรือ > 150/min - Hypodynamic shock – Goal: SBP ≥ 90 mmHg (เพราะเปน shock ที่มี afterload สูง)
TOP SI 117
-
-
-
-
Hyperdynamic shock – Goal: MAP ≥ 65 mmHg (ใช SBP เปน goal ไมได เพราะแมวา SBP > 90 แต afterload (DBP) ต่ํา เพราะมี wide PP, MAP จะยังไมถึง 65) MAP = DBP + PP/3 ภาวะ shock ที่จะพบลักษณะของทั้ง hypo- & hyperdynamic shock รวมกันได มี 3 อยาง 1. Septic shock –เปน hyperdynamic แตมี vascular leakage มากดวย ทําใหเกิด hypovolemia มี hypovolemic shock (hypodynamic) รวมดวยได; ถาเปนระยะทายๆ จะมี mediator ที่ไปกดหัวใจออกมา ทํา ใหมี cardiogenic shock (hypodynamic) รวมดวยอีกได 2. Hypocalcemia – ทําให systolic function เสียไป เกิด cardiogenic shock (hypodynamic) แต Ca2+ ที่ต่ํายัง ทําใหเกิด vasodilatation ดวย (เพราะปกติ Ca2+ ทําใหเกิด vasoconstriction) ทําใหเกิด hyperdynamic shock ก็ได (สรุปวาเกิดแบบไหนก็ได); มี 4 สาเหตุที่เกี่ยวของกับภาวะ shock คือ Refractory shock, Rhabdomyolysis, Massive blood transfusion, Plasmapheresis 3. Metabolic acidosis – รางกายตอบสนองโดย vasodilatation ทั่วรางกาย ทําใหเกิด hyperdynamic shock แต ภาวะ acidosis จะไปกดการทํางานของหัวใจดวย ทําใหเกิด cardiogenic shock (hypodynamic) ผูปวยกลุม metabolic acidodsis ที่ shock ในทางคลินิกจะพบวา JVP สูง แตตอบสนองตอ vasopressor ไมดี ถา blood loss 10% Æ ไมเปนไร, อาจมี pulse เร็วนิดหนอย, BP ไม drop ถา blood loss 20% Æ เริ่มมี Postural hypotension, แตวัด BP ยังไม drop (ยังมี adequate tissue perfusion อยู) ถา blood loss 30% Æ เริ่มมี BP drop (เขาสู decompensatory shock ไปแลว) Compensation (โดย receptor ที่ carotid sinus): เพิ่ม sympathetic tone เกิด tachycardia, vasoconstriction ที่ หลอดเลือดสวนปลายที่ไปเลี้ยงในชองทอง & กลามเนื้อ ภาวะ shock เริ่มให fluid ได 2 แบบ (ใชเข็ม No. 16, 18) 1. Fluid loading – ใชในผูปวยที่มี loss ชัดเจน e.g. Hypovolemic shock, Septic shock (ที่ไมมี underlying heart disease เดิม) 2. Fluid challenge test: “NSS 200 cc in 10 min” – เปนการ challenge LVEF ของคนไข ในกรณีที่ไมแนใจวา น้ําขาด/เกิน (อาจเปน false high CVP จาก RV ทํางานไมดี แตจริงๆ ขาดน้ํา), ระหวางที่ challenge จะตองดูวา มี sign of volume overload หรือไม e.g. ฟง lung วามี crepitation หรือไม สังเกต ใน medicine ไมเหมือนของ trauma ที่จะให LRS 2,000 cc in 15 min เพราะคนไขตางกัน คนไข trauma มักจะอายุนอย heart ยังดี มาดวย bleed มาก เลือดเต็มตัว ตองรีบให fluid resuscitation แตถาเปน คนไข medicine ที่ ER มักจะอายุมาก heart ไมคอยดี มี septic shock จึง load fluid ไดไมมาก เพราะถา load มากจะทําให heart failure ได (ถาคนไข heart ไมดีมากๆ fluid ที่ใหก็ตองลดลงไปอีก ไมตายตัววาเปน 200 cc ขึ้นอยูกับ “คนไข” แตละคนเปนหลัก) (สาเหตุที่ศัลยชอบเลือกใช LRS เพราะถาให NSS จะไปเพิ่ม hyperchloremic metabolic acidosis) วิธีการทํา Fluid challenge test – ดูตาม CVP หรือ PCWP ที่วัดได แลวให fluid ดังนี้ Infusion CVP (cmH2O) PCWP (mmHg) Start fluid challenge 200 cc in 10 min 5 Ç>7 Stop
TOP SI 117
10 min
-
-
-
-
-
Ç≤2 Ç 2-5 Still Ç > 2
Ç≤3 Ç 3-7 Still Ç > 3
Continue Wait 10 min After waiting 10 min Stop, ให Vasoactive drugs Ç≤2 Ç≤3 Repeat Fluid ที่ใช load สวนมากใช Crystalloid; กรณีที่ใช Colloid จะให ½ ของ Crystalloid Central venous catheter (CVC) (สายสวน CVP) – หลักๆ มี 2 วิธี 1. Percutaneous catheterization เขาสู Internal jugular vein หรือ Subclavian vein 2. Cut down (Venesection) – ที่ใชบอยคือ Brachial vein และ Antecubital vein I/C for CVC 1. ใหยา / fluid / สารอาหารที่มีความเขมขนสูง (e.g. TPN) ทาง IV 2. วัด CVP (เพื่อเปนสวนหนึ่งใน hemodynamic monitoring และเพื่อทํา fluid challenge) 3. เปดเสน Peripheral line ไมได 4. ใชทํา RRT (Renal replacement therapy) 5. ใชเปนทางในการใส Pulmonary artery catheter หรือ Temporary pacemaker ตําแหนงของปลายสาย ควรอยูใน SVC หรือ Brachiocephalic vein (ถาปลายสายอยูในตําแหนงดังกลาว จะเห็นมี respiratory fluctuation) CXR: ปลายสายต่ํากวา Sternoclavicular joint แตไมลึกเกินกึ่งกลางของ Rt. heart border ถาใสตื้นไป อยู proximal ตอ venous valve Æ แปลผลคา CVP ผิดพลาด ถาใสลึกไป เขา atrium Æ เกิด perforation ได การวัด CVP ที่ถูกตอง: วัดจาก Zero point (ตําแหนงกึ่งกลาง AP diameter ในทานอนราบ), วัดขณะ End expiration ถาหายใจเอง Æ วัดที่ระดับน้ําสูงสุด ถา on Ventilator (Positive pressure) Æ วัดที่ระดับน้ําต่ําสุด สิ่งที่ควรตระหนัก: CVP จะมีความหมายก็ตอเมื่อผูปวยรายนั้นมี Macrocirculation failure (Shock, BP drop) หรือ Microcirculation failure (Urine ออกนอย, Lactate สูง, Low Scvo2) ไมควรตั้ง goal วาจะ keep CVP เทาไรโดยไมมี condition เหลานี้
Septic shock - SIRS (systemic inflammatory response syndrome) มี criteria ดังนี้ (เอา 2/4 ขอ) 1. T > 38°C (fever) หรือ T < 36°C (hypothermia) 2. HR > 90/min 3. RR > 20/min หรือ PaCO2 < 32 mmHg 4. WBC > 12,000/mm3 หรือ WBC < 4,000/mm3 หรือ band form > 10% - Sepsis = SIRS + H/C x2 ครั้งในบริเวณตางกัน +ve - Severe sepsis = sepsis + organ dysfunction (e.g. oligulia, ΔMS) - Septic shock = sepsis ที่ยังมี hypotension แมจะไดรับ adequate fluid resuscitation แลว - กลไกของ septic shock เกิดจาก 1. Macrocirculation – myocardial suppression, vasodilatation, vascular leakage
TOP SI 117
-
-
-
2. Microcirculation – microthrombosis จาก DIC, coagulopathy จากทั้ง 2 สวนทําใหเกิด global tissue hypoxia Æ MODS (multiorgan dysfunction syndrome) Early goal-directed therapy (EGDT) w/in 6 hr. 1. CVP 10-15 cmH2O; if on ET tube: CVP 15-20 cmH2O 2. MAP ≥ 65 mmHg 3. Urine output > 0.5 cc/kg/hr 4. Scvo2 ≥ 70% – ใชประเมิน microcirculation บอกถึง adequate tissue oxygenation เมื่อมีผูปวย septic shock จะตองใหการรักษา 3 สวน คือ 1. Hemodynamic support – ใหไดตาม EGDT 2. Source identification – ATB ± surgical drainage (ถามี I/C) 3. Intubation & Mechanical ventilator – เมื่อมี respiratory failure ที่ ER กอนจะ load NSS ใหทํา Fluid challenge test กอน: NSS 200 cc in 15 min เพื่อดูวา heart รับไดหรือไม (challenge กับ LVEF) ขั้นตอนของ hemodynamic support แบงเปน 3 part ดังนี้ 1. Load NSS 500-1,000 cc in 30 min Æ Goal: JVP 3-5 cm; (JVP + 5 ≈ CVP) ถายังไมถึง goal ให load ตอ; ถา uncertain พิจารณา invasive monitoring – CVP (central line), PCWP (Swan-Ganz catheter) Æ Goal: CVP > 10-15 cmH2O (8-12 mmHg), PCWP > 15-18 mmHg 2. ประเมิน BP Æ Goal: MAP ≥ 65 mmHg ถายังไมถึง goal จะใหรักษาตามลําดับดังนี้ 1) ให Vasopressor: Dopamine 5-20 μg/kg/min หรือ NE 0.2-2 μg/kg/min เพิ่ม Dopamine 5-10 μg/min q 5-15 min Dopamine 5-10 μg/kg/min ออกฤทธิ์กระตุน β1 และ β2 receptor Dopamine > 10 μg/kg/min (high dose) จะเปลี่ยนไปกระตุนเฉพาะ α receptor อยางเดียว NE ออกฤทธิ์กระตุนเฉพาะ α1 receptor โดยตรง 2) ถายังไมถึง goal ให Hydrocortisone 50 mg IV q 6 hr., คอยๆ tape off ยา จน off ไดใน 7 d 3) ประเมิน volume ซ้ํา 4) ให Adrenaline drip titrate dose Adrenaline ออกฤทธิ์กระตุนทุก receptor ทั้ง α และ β 3. ประเมิน Organ perfusion Æ Goal: Urine output > 0.5 cc/kg/hr, Scvo2 ≥ 70% (esp. คนที่ได dopamine > 10 μg/kg/min หรือ NE > 10 μg/min) ถายังไมถึง goal ใหเจาะ Hct - Hct < 30% Æ PRC จนได Hct ≥ 30% (PRC 1 ถุงควรเพิ่ม Hct ได 3% ถาไมมี ongoing blood loss) - Hct > 30% แลว Æ ให Dobutamine 5-20 μg/kg/min จนได Scvo2 ≥ 70% Dobutamine ออกฤทธิ์กระตุน β1 และ β2 receptor
Cardiogenic shock - มักเกิดจาก AMI ที่มี LV infarction > 40% - Cardiogenic shock – มี criteria ในการ Dx ดังนี้
TOP SI 117
1.
SBP < 90 mmHg for 30 min (หรือตอง on Vasopressor เพื่อเพิ่ม SBP ให ≥ 90 mmHg) If HT: MAP ลดลง ≥ 30 mmHg 2. Poor tissue perfusion – e.g. ปลายมือปลายเทาเย็น, คลํา peripheral pulse ไมชัดเจน, Urine output < 30 cc/hr, Alteration of consciousness 3. Hemodynamic parameter เขาไดกับ Cardiogenic shock ไดแก 1) Cardiac index (CI) ≤ 2.2 L/min/m2 2) PCWP ≥ 15 mmHg 3) PE/CXR: Pulmonary edema - Management 1. Stabilizing life-threatening hemodynamic condition 2. Early reperfusion therapy 3. Secondary prevention of cardiovascular event - การเลือกใหยาเพื่อเพิ่ม C.O. ให check BP ดังนี้ - SBP > 100 mmHg Æ NTG 10-20 μg/min IV - SBP 70-100 mmHg, No signs/symptoms of shock Æ Dobutamine 2-20 μg/min IV - SBP 70-100 mmHg + Signs/symptoms of shock Æ Dopamine 5-15 μg/min IV - SBP < 70 mmHg + Signs/symptoms of shock Æ NE 0.5-30 μg/min IV
Mechanical ventilator - Ventilator มีหนาที่ชวยหายใจเขาอยางเดียว ไมชวยหายใจออก; มี 2 ประเภท คือ 1. NPPV (non-invasive) – e.g. BIPAP, CPAP; ลมจะเขาทั้ง RS & GI tract 2. IPPV (invasive) – ตอง ventilate ผาน ETT หรือ tracheostomy tube อยางใดอยางหนึ่ง I/C for ETI 1. Respiratory failure type 1, 2 2. UAO 3. GCS ≤ 8 (Prevent aspiration) 4. Pulmonary toilet (e.g. Infected bronchiectasis, Pneumonia ที่ secretion เยอะๆ) เปาหมาย: Provide oxygenation (ไมใช normal PaO2), Provide ventilation (ไมใช normal PaCO2), ลด WOB, Prevent complications (Barotrauma, Hypotension, VAP) การใส ETT ใสในทาหนุน occiput (flex คอ) ผูหญิง – No. 7-7.5, ลึก 20-22 cm จาก upper incisor ผูชาย – No. 7.5-8, ลึก 22-24 cm จาก upper incisor คนไขที่ on ETT แลว off ดวยตัวเอง 50% ไมตองใสใหม แตถาตองใสใหม โอกาสเกิด pneumonia สูง จะถือวา off ETT สําเร็จ ก็ตอเมื่อหลัง off ผานไปแลว 48 hr. - V/P = compliance (compliance ขึ้นกับ lung pathology; V กับ P จะตั้งไดคาใดคาหนึ่งเทานั้น) Limit variable = ตัวที่ตั้งคาได, Cycle variable = ตัวที่เมื่อถึงคานั้นเครื่องจะหยุดทํางาน
Modes of ventilator - แบงเปน 3 แบบใหญๆ
TOP SI 117
1.
Control mode: CMV (Controlled mandatory ventilation) – ตองกําหนด RR ให จึงใหใชกับคนไขหนัก (unstable: O2 sat. drop, BP drop, cardiac arrhythmia, etc.) แบงเปน 2 แบบ 1) VCV (VC-CMV, CMV) = Volume control (เวลาตั้งเครื่อง จะใชคําวา CMV mode แทน VCV mode) - ตองตั้ง TV – ใชกับผูปวยที่ตองการ TV คงที่ e.g. Atelectasis, Neuromuscular disease (e.g. MG) - PIP เปลี่ยนแปลงขึ้นกับ lung pathology e.g. วันที่ 1 – TV 500 cc, PIP 20 cmH2O; วันที่ 2 – TV 500 cc, PIP 30 cmH2O แสดงวาวันที่ 2 ปอดขยายยากกวา (จึงมี IP สูงกวา) = Lung compliance แยกวาวันที่ 1 - กําหนด I time โดยตั้ง PFR (PIF, peak Inspiratory flow rate) ถาตั้ง PFR เยอะ (flow เยอะ) Æ I time สั้น; ถาตั้ง PFR นอย (flow นอย) Æ I time ยาว (ยกเวนในบางรุน CMV mode จะไมไดใหตั้ง PFR แตจะใหตั้ง I:E แทน e.g. Raphael, Galileo) - เมื่อเครื่องปลอย TV ไดถึง flow (PFR) ที่ตั้งไว เครื่องจะตัดทันที (Inspiratory valve ปด, expiratory valve เปด) = Volume cycling - เขียน order: CMV mode, เลือกปรับ Triggering, Fio2, TV, PFR (หรือ I:E ในบางเครื่อง), PEEP / no PEEP, RR Monitor: เวลา round ใหดูเรียงตามลําดับความสําคัญ ดังนี้ (1) PIP ไมเกิน 35 cmH2O (ดูเปนอันดับแรก เพราะไมไดตั้ง IP จึงตอง monitor) (PIP ยิ่งสูง ยิ่ง relate กับ barotrauma – most common: Pneumothorax = ปอดแตก) สังเกต CMV mode เมื่อถึง PFR แลวเครื่องจะตัดเลย Æ PIP มีจุดเดียว แลวลงเลย จึง monitor PIP ไมเกิน 35 cmH2O (ถาใน PCV, PSV mode ซึ่ง PIP จะ sustained ปอดจะทนได นอยกวา จึง monitor PIP ไมเกิน 30 cmH2O) (2) Exhaled TV (ตอง monitor exhaled TV ทั้งๆ ที่ตั้ง TV เพราะบาง cycle ผูปวยอาจมี bronchospasm Æ ลมออกมาไดไมถึงที่ตั้งไว หรือบาง cycle มี diaphragm แข็งแรง ผูปวยถอนหายใจ Æ ลม ออกมาไดเยอะกวาที่ตั้งไว) “CMV mode: guarantee เฉพาะ Inhaled TV แตไม guarantee Exhaled TV” (3) RR (อาจตั้งไวที่ 15/min แตผูปวยหายใจเอง 40/min ก็ได) 2) PCV (PC-CMV, Pressure A/C) = Pressure control - ตองตั้ง IP – ใชกับผูปวยตอไปนี้ (1) ผูปวยที่มี P ในระบบที่สูง e.g. COPD, Asthma, ARDS ที่ P สูงๆ (2) ผูปวยที่ตองการ P คงที่ e.g. Pneumothorax 1 ขาง (ตองการ P คงที่เพื่อ control P อีกขางหนึ่ง) - TV เปลี่ยนแปลงขึ้นกับ lung pathology e.g. วันที่ 1 – IP 25 cmH2O, Exhaled TV 500 cc; วันที่ 2 – IP 25 cmH2O, Exhaled TV 300 cc แสดงวาวันที่ 2 ปอดได TV นอยกวา = Lung compliance แยกวาวันที่ 1 - กําหนด I time โดยตั้ง I time โดยตรง หรือ I:E ratio
TOP SI 117
-
ตั้ง P-ramp (PRT) = Pressure rising time = เวลาตั้งแตเริ่มหายใจเขา IP = 0 จนถึง target IP ที่ตั้ง ไว, ปกติจะตั้งไวที่ 50 ms; เมื่อถึง target IP แลว เครื่องจะยัง sustain การปลอย TV อยูไปจนกวาจะ หมดเวลาของ I time ที่ตั้งไว พอหมด I time เครื่องจึงจะตัด = Time cycling (กรณีตั้งเปน I:E e.g. ตั้ง I:E = 1:2, RR = 20 (3 sec/cycle) Æ ดังนั้น I time = 1 sec เครื่องตัด) การที่เครื่องยังคง sustain PIP ไปอีกระยะหนึ่งจนหมด I time มีขอดีคือ ชวยให alveoli เล็กๆ ที่อยู ไกลๆ โปงออกดวย ไม collapse - เขียน order: PCV mode, เลือกปรับ Triggering, Fio2, PRT, IP, I time (หรือ I:E), PEEP / no PEEP, RR Monitor: เวลา round ใหดูเรียงตามลําดับความสําคัญ ดังนี้ (1) Exhaled TV (ดูเปนอันดับแรก เพราะ PCV ไม guarantee inhaled TV ยอมไม guarantee exhaled TV ดวย) (2) PIP ไมเกิน 30 cmH2O (เพราะ PIP sustain ไมไดมีจุดเดียว) (3) RR 2. Spontaneous mode: PSV (Pressure support ventilation) – ไมตองกําหนด RR, คนไขจะกําหนดอัตราการ หายใจของตัวเอง (ดังนั้นคนไขตองมี RC ดี esp. ระดับ Brain stem) - ใชสําหรับ Wean from ventilator (เพื่อไปหา T-piece หรือ off ETT) เพราะคนไขกลับมาหายใจเองไดแลว - ตองตั้ง PS (pressure support) คลายๆ กับการตั้ง IP ใน PCV mode P ที่คนไขจะได = PS ที่ตั้ง + P ที่คนไขหายใจเอง (e.g. คนไขหายใจเองได P 10 cmH2O, ตั้ง PS อีก 10 mmHg คนไขจะได 10+10 = 20 cmH2O) - TV เปลี่ยนแปลงขึ้นกับ lung pathology e.g. วันที่ 1 – PS 25 cmH2O, Exhaled TV 500 cc; วันที่ 2 – PS 25 cmH2O, Exhaled TV 300 cc แสดงวาวันที่ 2 ปอดได TV นอยกวา = Lung compliance แยกวาวันที่ 1 - กําหนด I time โดยตั้ง ETS (E-sense) = Expiratory trigger sensitivity = %flow จาก initial peak flow (100%) ที่เมื่อ flow ลดลงถึงคานี้แลว (e.g. 25%) เครื่องจะตัด = Flow cycling ถาตั้ง ETS สูง Æ I time สั้น, ได TV นอย; ถาตั้ง ETS ต่ํา Æ I time ยาว, ได TV มาก PSV เปน mode ที่สบายที่สุด เพราะอยากหายใจออกเมื่อไหรก็ทําได, ถาคนไขไอ เครื่องก็จะตัดเลย - เขียน order: PSV mode, เลือกปรับ Triggering, Fio2, PRT, PS, ETS, CPAP / no CPAP (CPAP = continuous positive airway P จะชวยถางขยาย airway ตลอดเวลาทั้งชวงหายใจเขา & ออก) Monitor: เวลา round ใหดูเรียงตามลําดับความสําคัญ ดังนี้ (1) RR (ดูเปนอันดับแรก เพราะเปนคาที่ไมไดตั้ง) (2) PIP ไมเกิน 30 cmH2O (เพราะ PIP sustain ไมไดมีจุดเดียว) PIP ที่ได ควรจะ = PS + CPAP (e.g. ตั้ง PS = 10, CPAP = 5 Æ PIP = 15; ถา PIP นอยกวานี้ แสดงวามี leakage) (3) Exhaled TV สรุปการทํางานของเครื่องใน mode ตางๆ CMV (VCV) mode: เครื่องเริ่มตีเอง Æ ปลอย TV ตามที่ตั้ง ไปจนถึง PFR ที่ตั้งไว (ไดคา PIP จุดเดียว) Æ เครื่องตัด (Volume cycling) Æ เริ่ม cycle ใหมตาม RR ที่ตั้งไว
TOP SI 117
PCV mode: เครื่องเริ่มตีเอง Æ ปลอย TV ไปเรื่อยๆ ไปจนถึง IP ที่ตั้งไวภายในเวลา = P-ramp Æ เครื่อง sustain PIP นั้นไวไปจนถึง I time หรือ I:E ที่ตั้งไว Æ เครื่องตัด (Time cycling) Æ เริ่ม cycle ใหมตาม RR ที่ตั้งไว PSV mode: เครื่องเริ่มตีเมื่อมี trigger จากคนไข Æ ปลอย TV ไปเรื่อยๆ จนถึง PS ที่ตั้งไวภายในเวลา = P-ramp Æ เครื่อง sustain PS นั้นไวไปกระทั่ง %flow ลดลง = ETS Æ เครื่องตัด (Flow cycling) Æ เริ่ม cycle ใหมเมื่อ คนไข trigger Bird’s ventilator: เครื่องเริ่มตีเมื่อมี trigger จากคนไข Æ ปลอย TV ไปเรื่อยๆ จนถึง IP ที่ตั้งไวภายในเวลา I time ที่ตั้งผานการตั้ง PFR Æ เครื่องตัด (Pressure cycling) Æ เริ่ม cycle ใหมเมื่อหมด controlled E time ที่ตั้งไว สรุปการเขียน order ของ ventilators CMV (VCV) mode PCV mode PSV mode เลือกปรับ 1. Triggering 1. Triggering 1. Triggering 2. Fio2 2. Fio2 2. Fio2 3. TV 3. P-ramp, IP 3. P-ramp, PS 4. PFR 4. I:E (or I time) 4. ETS 5. PEEP / no PEEP 5. PEEP / no PEEP 5. CPAP / no CPAP 6. RR 6. RR Monitor 1. RR 1. PIP (≤ 35 cmH2O) 1. Exhaled TV 2. PIP (≤ 30 cmH2O) 2. PIP (≤ 30 cmH2O) 2. Exhaled TV 3. RR 3. Exhaled TV 3. RR 3. Mix control-spontaneous mode: SIMV (Synchronized intermittent mandatory ventilation) - ใชกับผูปวยตอไปนี้ 1) ผูปวยที่มี CNS problem ที่ทําใหหายใจไมสม่ําเสมอ (เดี๋ยวเร็ว เดี๋ยวชา) – e.g. Cheyne-Stokes respiration 2) ผูปวยที่ fail จากการ wean PSV mode / T-piece - Setting มี 2 สวน 1) Setting ของ control mode (อาจเปนแบบ CMV = VC-SIMV หรือแบบ PCV = PC-SIMV ก็ได) Æ ตั้ง RR ต่ําๆ เพื่อชวยเสริม (e.g. ตั้ง RR = 12/min เพื่อให TV ตามที่ตั้งกรณี VC-SIMV หรือให IP ตาม ที่ตั้งกรณี PC-SIMV) 2) Setting ของ PSV mode Æ ตั้ง PS ชวยเสริมในชวงที่คนไขหายใจเอง ในชวงที่เครื่องไมตี หมายความวา SIMV จะมีทั้งสวนที่เครื่องตีใหเองตาม RR ที่ตั้งไว (แบบ control mode) & สวนที่คนไข หายใจเอง แลวให PS (แบบ PSV mode) Æ เวลาใช จะตั้ง RR ต่ําๆ (ทิ้งชวงเวลานานระหวางการตีของ เครื่องแตละครั้ง) ระหวางนั้น จะเปนชวงที่คนไขหายใจเองคั่น โดยชวงที่คนไขหายใจเองก็จะให PS TV ที่ผูปวยไดในชวงที่หายใจเอง (spontaneous breathing) ขึ้นกับ PS ที่ตั้ง + lung pathology - ถาเครื่องทํางานแบบขางตนทุกอยาง = IMV mode ซึ่งจะเกิดปญหาคือ ในชวงที่คนไขหายใจเอง ถาคนไข ยังหายใจออกอยูไมเสร็จ แตถึง cycle ใหมที่เครื่องจะตีแบบ control mode (ตามที่ตั้ง RR) แลว จะทําให เครื่องตีไปตานลมหายใจออกของคนไข Æ จึงมีการพัฒนาจาก IMV mode เปน SIMV mode
TOP SI 117
(S = synchronized) คือจะปรับใหเครื่องตี synchronize กับชวงเวลาที่คนไขเริ่มหายใจ ไมใหไปตานตอนที่ หายใจออก ขอแตกตางระหวาง PCV mode & PC-SIMV mode กรณีที่คนไขหายใจมากกวาเครื่อง: e.g. ตั้ง RR 12/min แต คนไขหายใจจริง 20/min PCV mode (Pressure A/C) Æ อีก 8 ครั้งที่เหลือ หลังจากที่คนไข trigger คนไขจะได IP เขาไปเทากับที่ตั้งคาไว PC-SIMV mode Æ อีก 8 ครั้งที่เหลือ คนไขจะได IP ที่บอกคาแนนอนไมได ขึ้นกับ PS + lung pathology - ตั้ง Fio2 ใหได PaO2 ที่ตองการ; ระวัง ถาให O2 มากไปจะเกิด O2 toxicity ได (เกิดไดเมื่อ Fio2 ≥ 0.6 เปนเวลานาน พอควร) - ARDS – ตั้ง ventilator เปน CMV mode โดยแนะนําใหตั้งคาตางๆ ดังนี้ 1. TV นอยๆ 6 cc/kg หรือ 400 cc (เพื่อลด IP) 2. RR เร็ว 16-20/min (เพื่อลด E time) 3. PFR 40-50 LPM หรือตั้ง I:E 1:2 ให E สั้น (เพื่อลด PFR) 4. PEEP 4 cmH2O (ไมให alveoli collapsed; แตอาจ need Therapeutic PEEP) 5. Fio2 < 0.6 (ไมใหเกิด O2 toxicity)
Phases of ventilator - แบงเปน 6 phases คือ 1. Start of inspiration – trigger ให Inspiratory valve เปด - ตั้ง Trigger mode = A/C mode แบงเปน 1) C (control = fully control) = Time trigger: คนไขไมตองทําอะไรเลย เครื่องจะตีเองตาม RR ที่ตั้ง 2) A (assist = partial control) = Patient trigger: คนไขตองออกแรงบางสิ่งบางอยางเพื่อ trigger; แบงเปน (เลือกอยางใดอยางหนึ่ง แลวแตชอบ) (1) Pressure trigger – ตั้งไวที่ (-2)-(-3) cmH2O (เปนลบเสมอ เพราะเวลาคนไขหายใจเขาจะ create P เปนลบ พอ P เปนลบถึงคาที่ตั้งไว inspiratory valve ถึงจะเปด) (2) Flow trigger – ตั้งไวที่ 2-3 LPM (ออกแรงนอยกวา pressure trigger; พอออกแรงจน flow ถึง velocity ที่ตั้งไว inspiratory valve ถึงจะเปด) - ไมควรตั้งใหผูปวย trigger ยากเกินไป เพราะจะเพิ่ม WOB มาก = Hard to triggering - ไมควรตั้งใหผูปวย trigger งายเกินไป เพราะแคขยับตัวนิดเดียว เครื่องก็จะตีแลว ถาเครื่องตีเขาไปชวงที่ยัง หายใจออกไมสุด ลมจะคางอยูในปอดมาก = Auto-triggering (Auto-cycling) Æ อากาศยังคางอยูชวง หายใจออกสุด = Auto-PEEP Æ เกิดไปนานๆ ปอดจะขยายมากขึ้นเรื่อยๆ = Dynamic hyperinflation (DHI) Æ ทําให intrathoracic P เพิ่ม Æ BP drop ได & อาจทําใหเกิด barotrauma ไดดวย - ใน Neuromuscular disease (e.g. MG, GBS, Neurotoxin) จะตั้งให trigger งาย (ตั้งคาต่ําๆ ได) สังเกต ถาเจอ ventilator ที่ตั้ง flow trigger แค 1 LPM แตไมมี auto-triggering แสดงวาคนไขคนนั้น นาจะมี Neuromuscular disease ที่ทําให weakness - แมจะตั้งเปน patient trigger แตถา cycle ไหนที่คนไขไม trigger การหายใจเอง cycle นั้น จะกลายเปน time trigger โดยอัตโนมัติ 2. Inspiration phase – ตั้งคาตอไปนี้
TOP SI 117
1) Fio2 (fractional inspired O2 concentration) ใหเหมาะสมกับโรค โดยตั้งใหนอยที่สุดเทาที่จะ keep optimal O2 sat. ได 2) TV (ตั้งใน CMV mode) / IP (ตั้งใน PCV mode) / PS (ตั้งใน PSV mode) 3) P-ramp (ตั้งใน PCV, PSV mode) 4) PFR (ตั้งใน CMV mode) / I time หรือ I:E ratio (ตั้งใน PCV mode) / ETS (ตั้งใน PSV mode) - O2 sat. ที่จะ keep ในแตละโรค Diseases Keep O2 sat. COPD ≥ 88% ARDS ≥ 90% (88-92%) ACS ≥ 94% (ตาม AHA guideline 2010) Post-cardiac arrest Other conditions (e.g. Pneumonia, Asthma, ≥ 92% Atelectasis) - Prevent O2 toxicity Fio2 = 1 ใหไดไมเกิน 2-3 hr. Fio2 = 0.8 ใหไดไมเกิน 1-2 d Fio2 = 0.6 ใหไดไมเกิน 1-2 wk. Fio2 < 0.6 ปลอดภัย - O2 toxicity ในเด็ก เกิด ROP, ในผูใหญ เกิด Irreversible pulmonary fibrosis - ใน Bird’s ventilator ที่ให Fio2 เปน Air-mixed (room air mix กับ 100% O2) จะไมรูวาแตละชวง mix กัน อยูเทาไหร Æ ไมรู Fio2 (จริงๆ แลวโดยทั่วไปจะบอกวา ~ 0.4 แตจริงๆ แลว ≠ 0.4) เพราะไมรู Fio2 ที่แนนอน Æ ABG เอาคํานวณ PaO2/Fio2 ratio ในผูปวยที่ on air-mixed ไมได, ดูได เฉพาะ O2 sat. - เปลี่ยน O2 sat. เปน PaO2 O2 sat. (%) PaO2 (mmHg) 95 80 90 60 88 55 75 40 50 27 - เมื่อปรับ Fio2 เพื่อ keep O2 sat. จะปรับเทาไหร Æ ใชสูตร (PaO2/Fio2)1 = (PaO2/Fio2)2 (มาจาก shunt pathology คงที่ ณ เวลาใดๆ) เวลาใชสูตรตองแปลง O2 sat. เปน PaO2 กอน e.g. ผูปวย ARDS ได Fio2 = 1 อยู Pao2 = 100 mmHg, ตองการ keep O2 sat. 90% Æ แปลงเปน PaO2 = 60 mmHg Æ ตองปรับ Fio2: เขาสูตร (PaO2/Fio2)1 = (PaO2/Fio2)2 100/1 = 60/Fio2 Æ ปรับ Fio2 เปน 0.6 - TV (ตั้งใน CMV mode) ตั้งดังนี้ 1. Normal lung (post-operative) Æ ตั้ง Normal TV = 8-10 cc/kg
TOP SI 117
-
-
-
-
2. Lung diseases (ที่ไมใช Atelectasis) Æ ตั้ง Low TV ≤ 6-8 cc/kg - Obstructive lung diseases – Lower airway obstruction e.g. COPD, Asthma; ปอดขยายงาย แตมีความผิดปกติที่การหายใจออก จึงตองการหายใจออกยาวๆ ถาใส TV เขาไปเยอะ ลมจะออก ไมหมด ทําใหปอดขยายขึ้นเรื่อยๆ จนแตก เกิด barotrauma (เหมือน Auto-PEEP แลวเกิด DHI) - Restrictive lung diseases – e.g. ARDS, Interstitial lung disease, Chest wall disease, Pulmonary edema, Intra-abdominal HT; ปอดขยายยาก แตแตกงาย จึงตองให low TV 3. Metabolic acidosis (หายใจหอบลึก เร็ว แตไมเร็วมาก, I time ยาวกวาปกติเล็กนอย), Fever, Hypercatabolic state, Atelectasis, Neuromuscular disease (e.g. MG, GBS) Æ ตั้ง High TV ≥ 10-12 cc/kg คนไข Neuromuscular disease ตองใช high TV เพื่อผลัก diaphragm ให move ลงใหได ถา diaphragm move ลงไมได คนไขจะดูหายใจเหนื่อยตลอดเวลา การคิด TV เปน cc จาก cc/kg ถาคนไขผอม Æ ใช Actual BW (น้ําหนักจริง) ตามปกติ ถาคนไขอวน Æ ตองใช IBW (Ideal BW, Predicted BW) แทน Male: IBW = 0.91(Ht. – 152.4) + 50 (Ht. หนวยเปน cm) Female: IBW = 0.91(Ht. – 152.4) + 45.5 (เปลี่ยนจาก 50 เปน 45.5) IP (ตั้งใน PCV mode) – set ใหได TV ที่อยากได (normal / low / high), monitor PIP ไมเกิน 30 cmH2O PS (ตั้งใน PSV mode) – set ใหได exhaled TV ที่อยากได (normal / low / high), monitor PIP ไมเกิน 30 cmH2O (concept เดียวกับการตั้ง IP ใน PCV mode) P-ramp (ตั้งใน PCV, PSV mode) – normal setting: 50-100 ms - Metabolic acidosis Æ หายใจหอบลึก ถึง target IP/PS ไดเร็ว Æ ตั้ง P-ramp สั้นๆ - UAO Æ ตองใชเวลานานกวาหายใจเขาไดถึง target IP/PS Æ ตั้ง P-ramp ยาว PFR (ตั้งใน CMV mode) ตองตั้ง 2 อยางคือ configuration (รูปแบบ) & value (คา) 1) Configuration – มี 3 waveform (1) Square – flow เทากันตลอด I time (2) Half decelerating – flow ตอนสิ้นสุด I time เปน 1/2 ของ initial (3) Total decelerating – flow ตอนสิ้นสุด I time เปน 0 แสดงวา ถาให TV เทากัน Æ แบบ Square waveform ได flow มาก จะได I time สั้นสุด แบบ Total decelerating waveform ได flow รวมนอยสุด จะได I time ยาวสุด ดังนั้น วิธีเลือกใช - ผูปวย Lower airway obstruction (COPD, Asthma) Æ ตองการ I time สั้น Æ ตั้งเปน Square waveform (แตอาจตั้งเปน Half หรือ Total decelerating ก็ได ถาตั้งให PFR มากพอ) - ผูปวย ARDS ที่ไมตอบสนองตอการใช PEEP ขนาดสูง, Atelectasis Æ ตองการ I time ยาว Æ ตั้งเปน Total decelerating waveform 2) Value – common setting: 40-60 LPM ถาตั้ง PFR เยอะ จะได I time สั้น, ถาตั้ง PFR นอย จะได I time ยาว I time หรือ I:E (ตั้งใน PCV mode), ETS (ตั้งใน PSV mode)
TOP SI 117
Normal I:E = 1:2-1:3, ETS = 25% COPD, Asthma Æ ตองการ E time ยาว Æ ตั้ง I:E = 1:3, ETS > 25% (เพื่อให I time สั้น) Metabolic acidosis Æ “หายใจหอบลึก เร็ว แตไมเร็วมาก” ตองตั้งให I time ยาวกวาปกติเล็กนอย (เลียนแบบ Kussmaul) แตไมถึงกับ reverse Æ ตั้ง I:E = 1:1 – 1:2, ETS < 25% (เพื่อให I time ยาว), RR เร็ว ~ 20/min แตไมเกิน 25/min - ARDS, CHF with hypoxemia ที่ไม response ตอ PEEP Æ ตองการ I time ยาวๆ Æ ตั้ง I:E = 1:2, ETS < 25% หมายเหตุ คนไข ARDS, CHF เริ่มตนตอง set PEEP ใหกอน ถาให PEEP แลว O2 sat. ยังขึ้นไมดี คอยใช Prolonged I time End of inspiration (Cycling from I to E) – inspiratory valve ปด, expiratory valve เปด CMV mode – Volume cycling (ตัดเมื่อปลอย TV ถึง PFR) PCV mode – Time cycling (ตัดเมื่อหมด I time) PSV mode – Flow cycling (ตัดเมื่อ %flow ลดลงถึง ETS) Bird’s – Pressure cycling (ตัดเมื่อเครื่องตีจนถึง IP ที่ตั้งไว) Expiration phase – คนไขตองทําเองดวย elastic recoil End of expiration – ตั้งคา PEEP / no PEEP (ZEEP) (PEEP = positive end expiratory P, ZEEP = zero end expiratory P) - ขอดีของ PEEP 1) Improve hypoxemia (ทําให O2 sat. ที่ drop อยูดีขึ้นใน diffuse alveolar infiltration ที่ไมตอบสนอง ตอการใช Fio2 ขนาดสูง) (PEEP จะชวยไปผลัก exudate/transudate ใน alveoli ออกไป periphery Æ มีที่วางตรงกลาง alveoli ให air เขามาแลกเปลี่ยน gas ได Æ PaO2 ดีขึ้น Æ O2 sat. ดีขึ้น) 2) ลด PaCO2 3) ลด WOB 4) เพิ่ม lung compliance - Complications of PEEP 1) Barotrauma (CXR อาจเห็นเปน Subcutaneous emphysema: มี air เขามาแทรกอยูใน M. Pectoralis major) 2) Hypotension (Hemodynamic instability) 3) Late phase: ทําให hypoxemia / hypercapnia แยลง 4) IICP - Classification of PEEP 1) Physiologic – ตั้ง PEEP < 5 cm H2O, ใชเพื่อปองกัน Atelectasis (เปน belief) 2) Therapeutic – ตั้ง PEEP สูงขึ้นเพื่อ Improve hypoxemia ที่ไมตอบสนองตอการใช Fio2 ขนาดสูง (ใน diffuse alveolar infiltration: ALI/ARDS & Pulmonary edema ดวยกลไกที่กลาวไปแลว), ลด WOB - Absolute C/I of PEEP: Barotrauma (Pneumothorax) Æ หามใช PEEP เด็ดขาด -
3.
4. 5.
TOP SI 117
Relative C/I of PEEP: Unilateral lung disease, Hypotension (Hemodynamic instability), Interstitial lung disease, IICP 6. How to control – ตั้ง RR (ยกเวนใน PSV mode) - Normal RR = 10-15/min (ไมเกิน 16/min) - COPD, Asthma Æ ตั้ง Low RR - ARDS, CHF, Severe pneumonia Æ ตั้ง High RR - ถาคนไขหายใจเองได ไมควรตั้ง RR เทากับ rate ที่คนไขหายใจเอง ควรตั้งใหต่ํากวา (ใหผูปวยหายใจได มากกวาเครื่องตี) RR ของผูปวยไมควรเร็วกวา RR ของเครื่องเกิน 5 ครั้ง - สรุป Ventilator setting สําหรับ Normal lung 1. Triggering: Pressure trigger / Flow trigger 2. Fio2 0.2-0.4 3. TV 8 cc/kg (8-10 cc/kg) 4. I:E 1:2-1:3 5. PEEP < 5 cmH2O 6. RR 12/min (10-15/min)
Ventilator settings in restrictive lung diseases - Restrictive lung disease – แบงเปน 1. Diffuse 1) Alveolar infiltration – ประเมิน volume status ตอ (1) น้ําขาด Æ ALI / ARDS (2) น้ําเกิน Æ Cardiogenic pulmonary edema (ใน CHF) 2) Interstitial infiltration Æ Interstitial lung disease 2. Localized 1) Non-unilateral lung lesion, Non-ALI / ARDS / Cardiogenic pulmonary edema Æ Pneumonia, Atelectasis, Aspiration 2) Unilateral lung lesion Æ Unilateral pneumonia, Unilateral atelectasis, Hemoptysis in unilateral lung, Pleural lesion - หลักการตั้ง ventilator ใน Restrictive lung disease 1. Low TV (6 cc/kg) 2. RR เร็ว (20/min) 3. Normal I:E สังเกต จาก MV = TV x RR; ใน Restrictive lung disease การตั้ง Low TV จะมาคูกับการตั้ง RR เร็ว เพื่อใหได MV ใกลเคียงเดิม - Diffuse alveolar infiltration (ALI / ARDS, Cardiogenic pulmonary edema) Æ ตั้งแบบ Restrictive lung disease + เพิ่ม Fio2 = 1, apply Therapeutic PEEP (> 5 cmH2O), then ลด Fio2 เปน 0.6, keep O2 sat. 88-92% ถายังมี hypoxia Æ ทํา IRV / Alveolar recruitment maneuver / Prone position - Step PEEP ไดทีละ 2-3 cmH2O q 5-15 min; นิยม step อยู 2 แบบ คือ
TOP SI 117
-
-
-
-
-
5 Æ 8 Æ 10 Æ 12 Æ 15 5 Æ 7 Æ 9 Æ 11 Æ 13 Æ 15 (เพิ่มทีละ 2) Goal: ดูจาก O2 sat. เปนหลัก Monitor: O2 sat., BP, PIP, TV, MV, ABG, CXR ใส PEEP ไดมากที่สุดเทาไหร? (ปกติ มักใสไมเกิน 10) Æ ใสไดไมเกิน PIP ที่ยอมไดในแตละ mode ARDS ตองใช PEEP เยอะกวา Cardiogenic pulmonary edema เหตุผล: เพราะปอดของ ARDS ขาด surfactant ทําใหปอดฝดกวา สวน Cardiogenic pulmonary edema ยังมี surfactant อยูครบ มีแคน้ํา fill อยูใน alveoli (ทําใหมี crepitation เยอะกวา จากการที่น้ําใน alveoli กลอกไปมาเวลา หายใจเขา-ออก) ถาใส PEEP ใน ARDS ทําให alveoli เปดไดมากขึ้น Æ ไดยิน crepitation เยอะขึ้น ระวัง การที่ไดยิน crepitation เยอะขึ้นหลังใส PEEP ใน ARDS แสดงวา “ดี” คือ alveoli เปดใหลมเขาไดมากขึ้น (บางคนจะเขาใจผิดวาแยลง แลวไปสั่ง Lasix®) ถาใส PEEP ใส ARDS แลวเกิด BP drop Æ DDx: 1. Pneumothorax (Barotrauma; ตองนึกถึงเปนอันดับแรก) Æ Rx: ICD, ไมตอง off PEEP แมวา PEEP จะทําใหเกิด Pneumothorax ก็หาม off PEEP เด็ดขาด ยังตองคง PEEP ไวเทาเดิม เพื่อไมให lung อีกขาง collapse แตใหลด TV แทน (เพื่อลด PIP) แตถาผูปวยไมไดเปน ARDS แตเปน COPD แลวเกิด Pneumothorax จาก PEEP ให off PEEP ได 2. Relative volume depletion Æ Rx: IV fluid (ใช technique Fluid challenge test), ไมตอง off PEEP Diffuse interstitial infiltration (Interstitial lung disease) Æ ตั้งแบบ Restrictive lung disease, no PEEP ไมใช Therapeutic PEEP ใน interstitial infiltration ยกเวนวามี alveolar infiltration รวมดวย PEEP จะมีประโยชนเฉพาะใน alveolar lesion เทานั้น, ใน interstitial lung disease ไมมีประโยชน & มีผลเสียคือ 1) เปนการไปลด perfusion ใน interstitial tissue ทําใหเกิด V/Q mismatch มากขึ้น 2) เกิด barotrauma ไดงาย เพราะใน interstitial lung disease จะมี low compliance อยูแลว Localized lung lesion 1. Pneumonia, Atelectasis, Aspiration Æ ตั้ง ventilator แบบ Restrictive lung disease ปกติ 2. Unilateral lung lesion Æ ตั้ง ventilator แบบ Restrictive lung disease + Maneuver บางประการ (หัตถการ ยายอากาศ) 1) Unilateral pneumonia, Unilateral atelectasis Æ “Good lung down” or Prolonged I time Good lung down – เพื่อให lung ขางที่มี lesion อยูดานบน Æ lung ดานบนไดรับอากาศจาก ventilator มากขึ้น Æ ลด V/Q mismatch ขอเสีย: อาจทําให secretion จาก lung ดานบนที่มี lesion ไหลลงมาเขา lung ที่ปกติดานลาง กลายเปน bilateral lung disease Prolonged I time – ตั้งให I time ยาว (ถา CMV mode: ลด PFR; ถา PCV mode: ปรับ I:E; ถา PSV mode: ลด ETS) เพื่อใหอากาศเขาไป fill ใน lung ขางที่ดีจนเต็ม จนลนออกมาเขาสูขางที่แย Æ ชวยเปด alveoli ใน lung ขางที่แยทีละนอยๆ ทําใหการแลกเปลี่ยนกาซดีขึ้น = Penduluft effect 2) Hemoptysis in unilateral lung Æ “Bad lung down”
TOP SI 117
Bad lung down – เพื่อปองกันไมใหเลือดใน lung ที่มี lesion ไหลไปเขา lung ขางที่ปกติ จึงตองเอา lung ที่มีเลือดไวดานลาง การใส ETT ในผูปวยที่มี Hemoptysis ใหเลือก ETT เบอรใหญที่สุดเทาที่จะใสได (เพราะถาใสเบอรเล็ก เลือดจะ contact กับ silicone ทําใหเกิด clot) 3) Pleural lesion Æ ICD (เมื่อมี I/C)
Ventilator settings in obstructive lung diseases - Obstructive lung disease – e.g. COPD, Asthma Concept: Low TV (6 cc/kg), RR ชา (10/min), E time ยาว (I:E = 1:3) + Physiologic PEEP / no PEEP (ตองตั้ง E time ยาว เพราะคนไขกลุม COPD, Asthma จะมีปญหาตอนหายใจออกตองใชเวลานานกวาปกติ ถาตั้ง E time สั้น จะทําใหเกิด Auto-PEEP) - จะเห็นวาตั้งทั้ง TV & RR ต่ํา Æ MV ต่ําดวย (ทําให PaCO2Ç) = Permissive hypercapnia: accept if pH > 7.2 สังเกตวาการตั้ง ventilator ใน COPD, Asthma ไมไดปรับเพื่อใหเขา normal blood gas
Ventilator settings in metabolic acidosis - Metabolic acidosis – คนไขจะหายใจแบบ Kussmaul breathing = “หอบลึก เร็ว แตไมเร็วมาก” Æ ตั้ง ventilator เลียนแบบ คือ High TV (10-12 cc/kg), RR เร็ว (20/min แตไมเกิน 25/min), I time ยาว (I:E = 1:2-1:1, ไมตอง inverse ratio) - คนไขที่มี metabolic acidosis รุนแรง จะมี respiratory drive สูง อาจมีปญหาคือผูปวยหายใจไมเขากับเครื่อง = Patient-ventilator dyssynchrony Æ แนะนําใหใช PSV mode แลวปรับ PS สูงๆ เพื่อใหได TV เพียงพอ - ใหความสนใจกับการปรับ TV มากกวาการปรับ RR - รีบรักษา cause ของ metabolic acidosis ใหเร็วที่สุด
Ventilator settings in IICP - IICP – จะให hyperventilation แกผูปวยเพื่อใหเกิด cerebral vasoconstriction Æ ตั้งคลาย metabolic acidosis คือ High TV (10-12 cc/kg), RR เร็ว (20/min แตไมเกิน 25/min), I time ยาว (I:E = 1:2, ไมตอง inverse ratio) - New concept: ทํา hyperventilation โดย keep PaCO2 30-35 mmHg เพื่อ prevent hypercapnia
Ventilator settings in neuromuscular diseases - Neuromuscular disease – e.g. GBS, MG, LEMS, Motor neuron disease, Myopathy ตั้ง High TV คลาย metabolic acidosis & IICP แต RR & I:E ใหตั้ง normal High TV (10-12 cc/kg), Normal RR (12/min), Normal I:E (I:E = 1:2-1:3) แตอาจตั้งให I time ยาวขึ้นเล็กนอยเพื่อ ปองกันการเกิด atelectasis (ถามี atelectasis ไปแลว ก็ใหตั้ง I time ยาว) สรุป Ventilator setting สําหรับ conditions ตางๆ 1. ALI / ARDS, Cardiogenic pulmonary edema Setting: Low TV, RR เร็ว, Normal I:E, Therapeutic PEEP 2. Interstitial lung disease, Pneumonia, Atelectasis, Aspiration Setting: Low TV, RR เร็ว, Normal I:E, Physiologic PEEP / no PEEP 3. Unilateral pneumonia, Unilateral atelectasis Setting: Low TV, RR เร็ว, Normal I:E (หรือ I time ยาว ก็ไดเพื่อใหเกิด Penduluft effect), Good lung down
TO OP SI 117
4. Hem moptysis in unilateral lung Setting: Low TV, RR R เร็ว, Normaal I:E, Bad lunng down 5. COPPD, Asthma Setting: Low TV, RR R ชา, E time ยาว, Physioloogic PEEP / noo PEEP; Perm missive hyperccapnia 6. Metaabolic acidosiis, IICP Setting: High TV, RR เร็ว, I timee ยาว (กรณี IICCP จะ keep PaaCO2 30-35 mmHg) m 7. Neuromuscular diseases N I:E (หรืรอ I time ยาว เพื เ ่อปองกัน ateelectasis ก็ได) Setting: High TV, Normal RR, Normal ห condittions รวมกัน ใหหดูวา conditioon ไหนเดนที่สดุ ณ ขณะนั้น ให ใ ปรับเขาหา ccondition นั้น 8. ถามีหลายๆ (e.g.. เปน COPD with w pneumonia with metabbolic acidosis, ขณะนั้นคนไขขกําลังหายใจแบบบ Kussmaul breaathing Æ ใหตัตง้ั ventilator เปปนแบบ metabbolic acidosis)
Bird’s ventilatorr -
ผูปวยต ย อง trigger เออง เปน Pressuure trigger ตั้ง IP (เหมือน PCV;; pressure conntrol) Æ TV ที่ไดขึ้นกับ lungg pathology me control) กําหนนด I time โดยตัตัง้ PFR (เหมือน CMV; volum เมื่อเคครื่องตีจนถึง IP ที่ตั้งไว เครื่องจจะตัดทันที = Pressure P cycling (guaranteee P, ไมใช V Æ ตอง monitoor TV โดย วัด sppirometer อยางนอย bid; ถาได ไ TV ลดลง แสดงว แ า lung compliance แยยลง) ขอแตตกตางของ PCVV/PSV กับ Birdd’s คือ PCV/PPSV จะ sustainn PIP ไวจนหมมด I time ที่ตั้งไไว แต Bird’s เมื เ ่อถึง PIP จะตัดเลย ด จึงมี PIP จุดเดียว - Monittor: PIP ไมเกิน 35 cmH2O (เพราะมี PIP จุดเดียว) - กําหนนด RR โดยตั้ง Controlled C E time t (ไมสามารรถตั้ง RR ไดเหมื ห อน control mode m ใน ventilator ทั่วไป) ตั้ง Coontrolled E tim me สั้น Æ RR เร็ว; Controlleed E time นานน Æ RR ชา - ขั้นตออนการใชงาน Bird’s B ventilatoor
Onn/Off
PFFR
Triggering
IP Monitor PIP P Coontrolled E time
F 2 Fio
TOP SI 117
1) 2) 3) 4)
-
-
-
เสียบ O2 กอน เติมน้ํา 1/2 (Humidifier system) (ถาอากาศแหงๆ เขาไปจะ irritate mucosa) เปดเครื่อง โดย “หมุน” ปุมที่อยูบนเครื่อง ตั้ง Triggering (Starting effort) ที่คันโยกดาน “ซายมือ” Æ ตั้ง pressure triggering ไวที่ (-2)-(-3) cmH2O ดูตอนชวง Start of inspiration เข็มจะถอยหลังไปที่ -2 ถึง -3 - หมุนมาขางหนา (เขาหาตัว) Æ Hard to triggering มากขึ้น - หมุนไปขางหลัง Æ Triggering งายขึ้น ระวังเกิด Auto-triggering ทําใหเกิด Auto-PEEP 5) ตั้ง Fio2 (Air-mixed / 100% O2) ถาตองการปรับ Fio2 แบบละเอียดขึ้น เปนคาตัวเลข ตองขอ Air-O2 blender มาตอ เวลาตอ 100% O2 เสียง Bird’s จะเบาลง Æ จําวา “Bird’s เสียงเบา คนไขหนัก” 6) ตั้ง TV จากการตั้ง IP ที่คันโยกดาน “ขวามือ” (PIP ≤ 35 cmH2O เพราะมี PIP จุดเดียว) - หมุนมาขางหนา (เขาหาตัว) Æ IP นอยลง Æ TV นอย - หมุนไปขางหลัง Æ IP มากขึ้น Æ TV มาก ปรับใหได Exhaled TV ตามที่ตองการ (normal / low / high) โดยวัดจาก spirometer 7) ตั้ง RR จาก Controlled E time ที่ปุมหมุนอัน “ลาง” - หมุนซาย Æ Controlled E time สั้น Æ RR เร็ว - หมุนขวา Æ Controlled E time นาน Æ RR ชา ระวัง ถาหมุนปุม Controlled E time ไปขวาสุด = off เครื่อง 8) ตั้ง I time จาก PFR ที่ปุมหมุนอัน “บน” - หมุนซาย Æ PFR เยอะ Æ I time สั้น - หมุนขวา Æ PFR นอย Æ I time ยาว 9) ตอ PEEP valve (ถาตองการ) ตอกับ expiratory valve; กอนตอ ใหคลายเกลียว PEEP ใหสุดกอน (ใหอยูที่ ตัวเลข 5 cmH2O) แลวคอยตอ Æ ดูการทํางานของ PEEP จากตอนชวง End of expiration; ถาตองการ PEEP = 5 ก็หมุนเกลียวให monitor ได PEEP = 5 (ใหเชื่อที่เข็ม monitor อยาเชื่อตัวเลขที่อยูตรง PEEP valve) 10) หลังจากตอ PEEP valve แลว ปรับเพิ่ม TV อีกที (e.g. เดิมกอนตอ PEEP ได PIP 15 cmH2O, เมื่อตอ PEEP = 5 แลว ตองปรับ TV ให PIP เพิ่มขึ้นไปชี้ที่ 20 cmH2O) Tips: ถายังไมรูอะไร Æ เสียบ O2, เติมน้ํา, เปดเครื่อง แลวหมุนทุกอยางไว “ตรงกลาง” กอน หลังจากตอกับคนไขแลว คอยตั้งตอก็ได (ทุกอยางใน Bird’s เปนระบบหมุน อยากด) การทํางานของ Bird’s ventilator: เครื่องเริ่มตีเมื่อมี trigger จากคนไข Æ ปลอย TV ไปเรื่อยๆ จนถึง IP ที่ตั้งไวภายใน เวลา I time ที่ตั้งผานการตั้ง PFR Æ เครื่องตัด (Pressure cycling) Æ เริ่ม cycle ใหมเมื่อหมด controlled E time ที่ตั้งไว ที่ดานขางของ Bird’s จะมีแกนสีแดงยื่นออกมา เวลาเครื่องตี แกนจะถูกดูดเขาไปดวย มีประโยชนคือ 1. ใชดูวาเครื่องยังทํางานดีอยูหรือเปลา 2. กดเพื่อทํา Manual inspiration เองได โดยไมตองบีบ bag ถาไดยิน Bird’s ตีตลอดเวลา แสดงวามีสวนใดสวนหนึ่งหลุด
Ventilator alarms - Alarms จาก ventilator มีได 5 อยาง คือ High/Low airway P, Low TV, High/Low RR
TOP SI 117
- เมื่อเกิด alarm ขึ้น Æ กด alarm off Æ ดูวา alarm อะไร แลวแกปญหานั้น ถาไมรูวาจะทําอะไร ใหแกปญหาแบบ “High airway P alarm”
High airway pressure alarm - High airway P alarm – alarm เมื่อ PIP เกิน 35 cmH2O (ใน CMV mode, Bird’s ventilator) หรือ เกิน 30 cmH2O (ใน PCV, PSV mode) - แกปญหาแบบ High airway P alarm: กด alarm off แลวทองวา “Disconnect – บีบ bag – suction – ฟง lung 3 ประเด็น: crep., wheeze, decreased breath sounds” ทําตามที่ทอง 1. Disconnect – ปลดผูปวยออกจากเครื่อง ระวัง ไมควร Disconnect ถาผูปวยตองใช ventilator setting สูงมากๆ (e.g. ใช PEEP > 10 cmH2O) 2. บีบ bag – ตอกับ Ambu bag กับ ETT, บีบ bag ใหเหมือน ventilator e.g. Metabolic acidosis: บีบเลียนแบบ Kussmaul breathing (หอบลึก เร็ว แตไมเร็วมาก) COPD: บีบให TV นอย, RR ชา, I time สั้น, E time ยาว MG: บีบให TV มาก, I:E normal, RR normal ปญหาที่เจอไดเวลาบีบ bag มีดังนี้ 1) บีบ bag แลว chest ไม move แตทองขยับตามการบีบ bag Æ Esophageal intubation ตองใส ETT ใหม 2) บีบ bag แลวรูสึกตาน บีบยาก Æ ใหลองใสสาย suction ดู ถาใสไมลง Æ off ETT แลวใสใหม (แสดงวา ETT นั้นเกรอะกรังไปดวยเลือด/เสมหะ) กรณีถาใส ETT ใหม แลวใสไมได ให hold mask บีบ bag ตอไป (ถา ventilate ดีๆ คนไขไมตาย) 3) บีบ bag ไมเขา Æ DDx (1) UAO – ตอง exclude ออกไปกอนเปนอันดับแรก โดยใสสาย suction วาใสลงหรือไม (2) Refractory bronchospasm – มี wheeze สุดๆ (3) Bilateral pneumothorax (4) Severe lung parenchymal disease – ใน severe ARDS 4) บีบ bag แลว chest move ขางเดียว Æ DDx (1) Pneumothorax (Rt./Lt.) Æ รักษาโดยใส ICD (2) Atelectasis (Rt./Lt.) (3) One-lung intubation (Rt./Lt.) (มักเขาทาง Rt.) Æ แกโดย deflate cuff แลวเลื่อน ETT ขึ้น 2-3 cm แลวฟง lower chest 2 ขางใหไดยินเทากัน แยก One-lung intubation กับ Pneumothorax โดยดูที่ “Marker ของ ETT” ถาลึกเกินไป นาจะเปน Onelung; ถาอยูในตําแหนงปกติ นาจะเปน Pneumothorax 3. Suction – ผาน ETT เมื่อบีบ bag งาย, suction เขาไดดี Æ ไปดูที่ ventilator: ปรับ TV / PFR / IP / PS 4. ฟง lung 3 ประเด็น 1) Crepitation – แสดงวามีรอยโรคใน alveoli; แยกเปน 2 กลุม โดยดูที่ volume status (1) Volume เกิน Æ Cardiogenic pulmonary edema (HF), Volume overload (2) Volume ไมเกิน Æ Pneumonia, Alveolar hemorrhage, Partial atelectasis, ALI / ARDS ที่ progress
TOP SI 117
ระวังขอยกเวน: กรณีที่เปน severe ARDS แลว อาจไมไดยินเสียง crepitation เลยก็ได เพราะ alveoli เปด ไมได 2) Wheezing / Rhonchi – แยกวา flow มากผาน lumen ปกติ หรือ flow ปกติผาน lumen แคบ (คิดเหมือน murmur; ระวัง การที่ไดยินเสียง wheezing ตองดูสาเหตุ ไมจําเปนตองพน Bronchodilator เลยเสมอไป (1) Flow มาก, Lumen ปกติ Æ Hyperventilation, Metabolic acidosis (กลุมนี้ ไมคอยเปน wheezing, มักมีแค rhonchi) (2) Flow ปกติ, Lumen แคบ Æ แยกเปน 2 กลุม โดยดูที่ volume status 1. Volume เกิน Æ HF, Volume overload ย้ํา “New onset of wheezing ในผูสูงอายุ” ตอง R/O “Cardiac asthma” กอน อยามัวแตไปพน Bronchodilator 2. Volume ไมเกิน Æ COPD, Asthma, Hyperactive airway, Anaphylaxis 3) Decreased breath sounds
Low airway pressure alarm - Low airway P alarm – เกิดขึ้นไดจาก 2 สาเหตุ 1. รั่ว (Volume leakage) – แบงเปนในตัว & นอกตัว 1) รั่วในตัวผูปวย (1) ET cuff leakage (บอยที่สุด) – ลองใชมืออังมุมปากผูปวยแลวมีลมรั่วออกมา (ถือวาลมไมอยูใน system ที่ควรจะเปน) Rx: Blow cuff (เพราะเกิดจาก spring ทํางานไมดี ให blow cuff จนหยุด leak, มัก blow ไมเกิน 2-3 cc; กรณีที่ blow แลวก็ยัง leak ใหเปลี่ยน ETT ใหม) (2) Dislodgement of ETT – ETT กําลังจะเลื่อนหลุด ทําใหลมออกมาทั้งทาง ETT & นอก ETT (ระหวาง ตัว ETT กับ vocal cord) (3) TE fistula 2) รั่วนอกตัวผูปวย (1) Ventilator circuit leakage – สวนใหญเปนตรงรอยตอ, ลอง check ดูวามี ventilator circuit ตรงไหน รั่วรึเปลา / รั่วทางสาย ICD (2) Bronchopleural fistula 2. ผูปวยดึงเครื่องตอนหายใจเขา – ผูปวยจะมี air hunger, มีการใช accessory m.; เมื่อผูปวย create negative P ในชวงที่เครื่องอัด positive P เขาไป Æ ผลรวม P ไดนอยลง Æ เครื่อง alarm; จะวัดได exhaled TV เพิ่ม (ใชแยกจาก alarm เพราะรั่วได เพราะถาเกิดจากการรั่ว จะวัดได exhaled TV ลด) สาเหตุ: มักมาจาก 1) Metabolic acidosis – หายใจแบบ Kussmaul breathing, กําลังจะ shock 2) Hyperventilation – จาก CNS lesion / pain / psychogenic 3) Lung pathology อื่นๆ
TOP SI 117
Rx: ปรับ TV เพิ่ม ใหไดเทาที่ตองการ (เพิ่ม TV ใน CMV mode; เพิ่ม IP ใน PCV mode; เพิ่ม PS ใน PSV mode) ถาไมสําเร็จ Æ เพิ่ม flow หรือเปลี่ยนเปน PCV/PSV mode ถายังไมสําเร็จ Æ sedation ± muscle relaxant
Low tidal volume alarm - Low TV alarm – เมื่อเจอ ใหดูวาเกิดพรอมกับ หรือมีแนวโนมที่จะเกิดพรอมกับ High airway P alarm หรือ Low airway P alarm ใหแกปญหาแบบ alarm นั้นๆ
Low respiratory rate alarm - Low RR alarm – เจอใน PSV mode; ถารุนแรง จะเปน Apnea alarm (ไมควรพบใน control mode ถาเจอแสดงวาตั้งคา alarm RR สูงกวา ventilator ซึ่งไมควรเกิดขึ้น) - เมื่อเจอ Low RR alarm หรือ Apnea alarm วิธแี ก คือ “ลด PS” เหลือ 5-7 cmH2O แสดงวาเดิมตั้ง PS ไวสูงเกินไป ทําใหได TV มากเกิน Æ เกิด respiratory alkalosis Æ ไปกด RC - กรณีที่ลด PS เหลือ 5-7 cmH2O แลวยังมี Low RR alarm อยู แสดงวาคนไขหายใจไมไหว ใหเปลี่ยนเปน control mode, หาสาเหตุที่คนไขหายใจชา แลวตั้ง setting ที่เหมาะสมตอไป - สาเหตุที่ทําใหคนไขหายใจไมไหวที่พบบอย 1. CNS disorder – e.g. CNS lesion ที่มีผลตอ RC, High-dose sedation 2. PNS disorder – e.g. Peripheral nerve, NMJ, Myopathy 3. Others – e.g. Anemia, Malnutrition, Electrolyte imbalance, Muscle fatigue
High respiratory rate alarm - High RR alarm – ใหดูวาเกิดรวมกับ alarm อื่นๆ หรือไม ถาเกิดรวมกับ alarm อื่นๆ (High airway P alarm / Low airway P alarm / Low TV alarm) Æ แกไขตาม alarm นั้น ถาไมไดเกิดรวมกับ alarm อื่นๆ Æ นึกถึง 1. ปญหาจากการตั้ง ventilator: ตั้ง trigger ต่ําเกินไป จนเกิด auto-triggering (ขยับตัวนิดเดียว เครื่องก็ตีแลว) 2. ปญหาจากปอดและอวัยวะใกลเคียง 3. ปญหานอกปอด 4. ปญหาอื่นๆ – pain, stress, delirium, psychosis
Hypotension - Hypotension ขณะ on ventilator – เริ่มทําเหมือนเดิม “Disconnect – บีบ bag – suction – ฟง lung 3 ประเด็น: crep., wheeze, decreased breath sounds” แลวคิดใหไดกอนวา relate กับการใช ventilator หรือไม, ถาคิดวา relate Æ หลังจาก Disconnect แลวดู BP - ถา Disconnect แลวยัง hypotension อยู – DDx: 1. Tension pneumothorax 2. Other cause of shock - ถา Disconnect แลว BP มีแนวโนมดีขึ้น – DDx: 1. Relative hypovolemia (จาก PPV ไปทําให Intrathoracic P เพิ่ม) Rx: IV fluid (เพื่อ optimize preload)
TOP SI 117
2. Auto-PEEP (มักเกิดจากการตั้ง E time สั้นไป ทําใหมีลมหายใจออกคางอยูในปอดมาก Æ Intrathoracic P เพิ่ม Æ V.R. ลดลง Æ BP drop) Rx: ตั้ง E time ใหยาวขึ้น - สาเหตุของ Hypotension เมื่อ on ventilator ใหมที่พบบอย 3 อยาง คือ 1. Relative hypovolemia 2. Previous sedation 3. Tension pneumothorax
Hypoxemia - Hypoxemia ขณะ on ventilator – เริ่มทําเหมือนเดิม “Disconnect – บีบ bag – suction – ฟง lung 3 ประเด็น: crep., wheeze, decreased breath sounds” แลวลอง เพิ่ม Fio2 แลวดู O2 sat. - ถาเพิ่ม Fio2 แลว O2 sat. เพิ่ม Æ most common: V/Q mismatch (e.g. มี HF นิดๆ, volume overload หนอยๆ, pneumonia กําลังมา, มี bronchospasm, etc.) - ถาเพิ่ม Fio2 แลว O2 sat. ไมเพิ่ม Æ most common: Intrapulmonary shunt Æ need PEEP > 5 cmH2O - สาเหตุของ Hypoxemia ขณะ on ventilator: Low Fio2, Central / Neuromuscular hypoventilation, V/Q mismatch, Shunt, Diffusion defect, Low Scvo2
Fight of ventilator - Fight of ventilator: Respiratory paradox = หายใจแลว อก-ทอง ไมไปดวยกัน e.g. หายใจเขาแลวอกยกแตทอง แฟบ หรือ อกแฟบแตทองปอง (Respiratory paradox เปน syndrome หนึ่งของ fight of ventilator) – เมื่อเจอ ใหดูวา เกิดรวมกับอะไร - เกิดรวมกับ alarm ตางๆ Æ แกไขปญหาที่เปนสาเหตุของ alarm - เกิดรวมกับ hypoxemia / hypercapnia Æ แกไขปญหา (ถาเจอปญหา) Æ ถาหาไมเจอปญหา ใหไปดูวาตั้ง ventilator เหมาะกับตัวโรคแลวหรือยัง Æ ถาตั้ง ventilator เหมาะสมแลว สุดทายทําอะไรไมไดแลวจริงๆ ให Sedation Sedation จะใชเฉพาะเมื่อเกิดปญหาขึ้น แตลองพยายามแกมาทุกสาเหตุแลว ยังไมดีขึ้น; ใชได 3 ตัว (set เดียวกัน กับที่ให sedate กอนทํา cardioversion ใน CPR) คือ 1. Diazepam 5-10 mg IV slowly push 2. Midazolam (Dormicum®) 2-5 mg IV slowly push หรือ 1-10 mg IV drip (1. & 2. เปน BDZ มีฤทธิ์ทําให “หลับ” แตไมไดแกปวด, ระวัง SE: Hypotension) 3. Fentanyl 25-50 μg IV หรือ 25-100 μg/hr IV drip (3. เปน Opioid มีฤทธิ์ “แกปวด” แตไมไดทําใหหลับ”)
Arterial blood gas (ABG) interpretation - Fio2 room air = 0.21 1. O2 cannula เปดที่ 1-5 LPM Æ ได Fio2 เพิ่ม LPM ละ 0.04 (จากเดิมให room air = 0.2) e.g. O2 cannula 1, 2, 3, 4, 5 LPM Æ Fio2 = 0.24, 0.28, 0.32, 0.36, 0.4 ตามลําดับ 2. O2 mask เปดที่ 6-8 LPM Æ Fio2 ได 0.4, 0.5, 0.6 ตามลําดับ 3. O2 mask with bag เปดที่ 6-10 LPM Æ Fio2 ไดตรงกับตัวเลขที่ตั้ง
TOP SI 117
e.g. O2 mask with bag 6, 7, 8, 9, 10 LPM Æ Fio2 = 0.6, 0.7, 0.8, 0.9, 0.99 ตามลําดับ ระวัง คา Fio2 ขางตน ใชใน setting ที่คนไขหายใจปกติเทานั้น (e.g. ที่ OR, ที่ recovery room) ใชไมไดกับคนไข med ที่หายใจไดไมดี (ถา MVÇ, flowÇ จะได Fio2 ต่ําลง) - การอานผล ABG กอนอื่น ประเมินวาเปน arterial หรือ venous แลวดู 3 components คือ Oxygenation, Ventilation, Acid-base disorder
Oxygenation - ดู 3 อยาง 1. PaO2 – ประเมินที่ room air เพื่อประเมิน severity ของ Hypoxemia PaO2 (mmHg) Severity of hypoxemia (ประเมินที่ room air เทานั้น) 60-80 Mild 40-60 Moderate < 40 Severe - ยิ่งอายุมาก ยิ่งมี PaO2 ต่ําลง (เพราะ interstitial capillary membrane หนาขึ้น) สูตรคาปกติตามอายุ: PaO2 = 100 – (Age/4) e.g. อายุ 60 ป Æ PaO2 = 100 – 15 = 85 mmHg - ระวังในผูปวยที่มี metabolism สูง (e.g. CML) Æ วัด PaO2 = 55 mmHg แปลผลวา moderate hypoxemia แตจริงๆ พอไปวัด O2 sat. ปลายนิ้ว ได 99% ซึ่งปกติ แสดงวาเปน Pseudohypoxemia 2. A-a gradient (= PAO2 – PaO2) – ประเมินที่ room air เทานั้น - ยิ่งอายุมาก ยิ่งมี A-a gradient มาก (เพราะ interstitial capillary membrane หนาขึ้น) สูตรคาปกติตามอายุ: A-a gradient = 2.5 + (Age/4) e.g. อายุ 30 ป Æ A-a gradient = 2.5 + 7.5 = 10 - การคํานวณ A-a gradient ของผูปวย จะตองคํานวณ PAO2 กอน โดยใช Alveolar gas equation PAO2 = (Fio2 x 713) – (PaCO2/R) (713 มาจาก 760-47; 47 คือความดันน้ําที่ sea level) R = Respiratory quotient (RQ); ถา Fio2 < 0.6 Æ R = 0.8; ถา Fio2 ≥ 0.6 Æ R = 1 เมื่อได PAO2 แลวเอาไปลบ PaO2 จะได A-a gradient; คาปกติ: ไมเกิน 20 mmHg Wide A-a gradient Æ บอกวาเปนโรคของ alveoli / interstitium / vascular 3. PaO2/Fio2 ratio (ใชบอยที่สุด) – ประเมินที่ any level of Fio2; คาปกติ = 500 (เพราะปกติ PaO2 100, Fio2 0.2) - ถา PaO2/Fio2 ratio < 500 Æ ผิดปกติ - ถา PaO2/Fio2 ratio < 200 Æ นาจะมี alveolar lesion; เปนไปได 3 กรณี ดังนี้ 1) ARDS (ตองมี criteria ครบ 4 ขอ) 2) Cardiogenic pulmonary edema จาก severe HF ที่ volume status เกิน (PCWP > 18 mmHg) 3) Dead space ventilation (e.g. PE, Lower airway obstruction) 1) & 2) เปน alveolar lesion ที่ทําใหเกิด severe shunt Æ ไม response ตอ 100% O2, ตองรักษาดวย PEEP ถาคนไขหายใจที่ room air ใหประเมินจาก PaO2, A-a gradient ได (ใช PaO2/Fio2 ดวยก็ได) แตถาหายใจที่ Fio2 ที่ ไมใช room air ใหประเมินโดยใช PaO2/Fio2 เทานั้น - Hypoxemia Æ ดู A-a gradient, PaO2/Fio2 แยกเปน 2 กลุม
TOP SI 117
1.
2.
Normal A-a gradient (Fio2 0.2), Near normal PaO2/Fio2 (Fio2 > 0.2); แบงเปน 1) Decreased Fio2 (ไมคอยเจอใน ward แตจะเจอใน smoke inhalation injury) Rx: ปรับเพิ่ม Fio2 2) Hypoventilation (1) Central (เกิดจากสวนบน) – e.g. Opioid overdose, Stroke (esp. BS lesion) Æ PaCO2 สูง ไลที่ O2 ทําให PaO2 ต่ําลงไปดวย (2) Neuromuscular (เกิดจากสวนลาง) – e.g. MG, GBS Rx: ปรับเพิ่ม MV (เพิ่ม TV, RR) Wide A-a gradient (Fio2 0.2), Low PaO2/Fio2 (Fio2 > 0.2) – แบงเปน 1) V/Q mismatch (most common) – เปนคํารวมๆ, จะเปนโรคของ ventilation หรือ perfusion ก็ได; ถาไม สุดโตงไปดานใดดานหนึ่ง จะ response ตอ 100% O2 V/Q mismatch มีสุดโตง 2 ดาน (1) ไมมี ventilation มีแต perfusion = Shunt Æ ไม response ตอ 100% O2 (2) ไมมี perfusion มีแต ventilation = Dead space (e.g. PE) Æ response ตอ 100% O2 แตตอง treat specific disease EKG ของ PE (Pulmonary embolism): Sinus tachycardia, S1Q3 pattern ถาเปน PE ที่ BP stable Æ ให Anticoagulant ถาเปน PE ที่ BP drop Æ ให Antithrombolytic 2) Shunt (เลือดวิ่งผานไปเฉยๆ โดยไมไดแลกเปลี่ยน gas) – เปน subset ของ V/Q mismatch ที่สุดโตง, ไม response ตอ 100% O2; แบงเปน (1) Intrapulmonary – e.g. ARDS, Cardiogenic pulmonary edema; need PEEP (2) Extrapulmonary – e.g. Cyanotic heart disease, Pulmonary AVF; ไม response ตอ PEEP (เพราะ ตัวโรคไมไดอยูใน alveoli) 3) Diffusion defect – e.g. Interstitial lung disease 4) Low Mvo2, Scvo2
Ventilation - ดู PaCO2 (ปกติ 35-45 mmHg) ประเมินภาวะ Hyper- / Hypoventilation ถา PaCO2 < 35 mmHg Æ มี Hyperventilation, Hypocarbia, Hypocapnia ถา PaCO2 > 45 mmHg Æ มี Hypoventilation, Hypercarbia, Hypercapnia - จากสมการ Alveolar ventilation = MV – Dead space ventilation = (VT – VD) x RR PaCO
K
CO RR VT VD
(PaCO2 ขึ้นกับปจจัย 4 อยาง ไดแก CO2 production, TV, Dead space volume, RR) ถาสมการนี้มี CO2 production คงที่ & VD ไมเปนปญหา Æ PaCO2 จะขึ้นกับ VT & RR = ขึ้นกับ MV (VT x RR) Æ ไดสมการใหมเปน (PaCO2 x MV)1 = (PaCO2 x MV)2 - VD (Dead space volume) ที่ทําใหเปนปญหา มีผลตอ PaCO2 เชน เมื่อเกิด Bronchospasm เยอะ, มี Auto-PEEP (e.g. ในคนไข COPD แตกลับไปตั้งให TV มาก, RR เร็ว ทําใหเกิด Auto-PEEP)
TOP SI 117
Acid-base disorder - ดู pH (ปกติ 7.4) รวมกับ PaCO2 (ปกติ 40), HCO3- (ปกติ 24) ระวัง HCO3- ที่เอามาใชในการคํานวณ ตองเปน venous HCO3- (คือ HCO3- ที่ไดจากการสงตรวจ Electrolytes) ไมควรใช HCO3- จากผล ABG เพราะเปน HCO3- by calculation ไมใช HCO3- ที่วัดไดจริง - Respiratory acidosis/alkalosis: นับนิ้ว เพื่อคํานวณคา Predicted HCO3- ± 2 หรือ Predicted pH Acid Chronic 4 Base 3 Chronic 5 2
Base Acute 2 8 Acid Acute 1 8
PaCO2 HCO3- pH Acute respiratory acidosis Ç10 Ç1 È0.08 Acute respiratory alkalosis È10 È2 Ç0.08 Chronic respiratory acidosis Ç10 Ç4 È0.03 Chronic respiratory alkalosis È10 È5 Ç0.02 e.g. PaCO2 = 50 Æ HCO3- = 25 ± 2, pH = 7.32; PaCO2 = 30 Æ HCO3- = 19 ± 2, pH = 7.42 - การแยกวาเปน Acute หรือ Chronic ใหคํานวณคา Predicted pH แลวดูวาแบบไหนใกลเคียงกับ pH คนไขจริง ถา ก้ํากึ่ง ไมไปทั้งทาง Acute และ Chronic แสดงวาเปน Acute on top Chronic e.g. คนไข Acute exacerbation of COPD: pH 7.22, PaCO2 80, HCO3- 32 Æ Acute on top Chronic respiratory acidosis คนไข Alcoholic liver disease + SBP + ICH: pH 7.54, PaCO2 12, HCO3- 12 Æ Acute on top Chronic respiratory alkalosis (Alcoholic liver disease + SBP ทําใหเกิด Chronic respiratory alkalosis อยูเดิม เพราะ ascites ดันให lung volume นอยลง เกิด V/Q mismatch, เมื่อเกิด ICH ทําใหเกิด Cheyne-Stokes respiration จึง เกิด Acute respiratory alkalosis รวมดวย) - เวลาคํานวณ Predicted pH คือดูวา pH จะลดลง/เพิ่มขึ้นจาก reference เทาไหร แลวเอาไปหักลบ/บวกเพิ่มจาก reference - ถาเปน respiratory acidosis/alkalosis อยางเดียวก็หักลบ/บวกเพิ่มจาก 7.40 - ถามี metabolic acidosis รวมดวย ก็ตองคํานวณ Predicted pH (7.Predicted PaCO2) ของ metabolic acidosis กอนเอามาเปน reference แลวคอยมาคํานวณ Predicted pH ของ respiratory acidosis/alkalosis วามี component ของ acute / chronic / acute on top chronic (ในตอนแรก ที่จะตองดูวา PaCO2 จริงเพิ่มขึ้น/ลดลงเทาไหรจาก reference ก็ตองใช Predicted PaCO2 ของ metabolic acidosis เปน reference ดวย) - Metabolic acidosis: Predicted PaCO2 = (1.5 x HCO3-) + 8 ± 2; Predicted pH = 7.Predicted PaCO2 (เอาเลข Predicted PaCO2 ที่ไดมาเปนทศนิยม 2 ตําแหนงของ Predicted pH; e.g. HCO3- 8 Æ Predicted PaCO2 = 20 ± 2; Predicted pH = 7.20)
TOP SI 117
- เมื่อไดวาผูปวยเปน Metabolic acidosis Æ คํานวณ AG = Na+-Cl--HCO3- (normal = 12 ± 4) แบงเปน 1. Wide AG (AG > 16) – เกิดจาก overproduction ของ acid ในรางกาย Æ มี acid เพิ่มขึ้น, neutralized HCO3- ลดลง; แบงสาเหตุไดเปน 3 กลุม 1) Lactic acidosis – Type A, B 2) Ketoacidosis – DKA, Alcoholic ketoacidosis, Starvation ketoacidosis 3) Non-lactate / Non-ketone – แบงเปน 2 กลุมยอย (1) Toxico. - Alcohol – Methanol, Ethanol, Ethylene glycol Methanol – สอง fundus พบ Disc hyperemia Ethylene glycol – เอา urine ไปสองกลองจะพบ Oxalate crystal - Non-alcohol – Salicylate, Toluene (2) Non-toxico. – Renal failure, Rhabdomyolysis เมื่อไดวาเปน Wide AG ตองแยกเปน 3 กลุม โดยคํานวณ ΔAG/ΔHCO3- ดังนี้ (ΔAG = AG-12; ΔHCO3- = 24-HCO3-) 1) ΔAG/ΔHCO3- = 1 (0.8-1.2) Æ Wide AG อยางเดียว (AG ที่เพิ่มขึ้น เทากับ HCO3- ที่ลดลง) 2) ΔAG/ΔHCO3- < 1 (< 0.8) Æ Wide AG + Normal AG (e.g. DKA ที่ให IV fluid + RI แลว) แสดงวา ΔAG เปลี่ยนแปลงนอย, acid ในรางกายที่เกิดขึ้น ไมไดคางอยูในเลือด แตออกไปกับ urine (e.g. RTA) หรือ feces (e.g. diarrhea) 3) ΔAG/ΔHCO3- > 1 (> 1.2) Æ Wide AG + Metabolic alkalosis แสดงวา ΔHCO3- เปลี่ยนแปลงนอย หมายความวาคนไขได HCO3- เพิ่มขึ้นมา (มี Metabolic alkalosis รวมดวย) 2. Normal AG (AG ≤ 16) – e.g. Diarrhea (hyperchloremic metabolic acidosis), RTA type 1, 2, 4 - Metabolic alkalosis: Predicted PaCO2 = (0.7 x HCO3-) + 20 ± 2; แยกไดเปน 2 กลุม 1. Chloride-responsive (Urine Cl- < 10) – พบใน “Volume depletion” (e.g. Vomiting, Long-term diuretic use); response ตอการให fluid; เมื่อมีภาวะ volume depletion จะไปกระตุน RAAS ทําใหหลั่ง aldosterone เพิ่มขึ้น (ดูดกลับ Na+, ขับ K+ & H+) 2. Chloride-resistant (Urine Cl- > 10) – ไม response ตอการให fluid; เกิดจาก 1) มีโรคที่ทําใหกระตุน RAAS โดยที่ไมไดอยูในภาวะ volume depletion – e.g. 1° Hyperaldosteronism, Renin-producing tumor, Renal a. stenosis, etc. Æ ตรวจพบ BP สูง 2) มีภาวะที่ไมมีการกระตุน RAAS – e.g. ไดรับ HCO3- solution, HypoK+, HypoMg2+, Recent diuretic use Æ BP ปกติ - Volume depletion – ABG ที่จะเปนไปได มีดังนี้ 1. Volume depletion ไมรุนแรง Æ Metabolic alkalosis ยกเวน Diarrhea Æ Metabolic acidosis (normal AG) 2. Volume depletion รุนแรงจนมี poor tissue perfusion Æ Metabolic acidosis (wide AG) - ถา ABG ดูคลาย normal acid-base: pH 7.4, PaCO2 40, HCO3- 24 เปนไปได 3 แนวทาง 1. Normal
TOP SI 117
2. Metabolic acidosis + Metabolic alkalosis (wide AG) 3. Respiratory acidosis + Respiratory alkalosis ดังนั้น ตองลองดู condition คนไข ถาคํานวณได wide AG นาจะเปนแบบ 2., ถาคนไขกําลังหายใจ RR 30/min นาจะเปนแบบ 3.(e.g. คนไข Acute asthmatic attack ชวงแรก PaCO2 จะลดลงจาก hyperventilation ตอมา PaCO2 จะ normal ตอมาจะสูง; ถากําลังอยูในชวงที่ PaCO2 normal ผล ABG จะออกมาคลาย normal acid-base ได แตจริงๆ กําลังเปน Respiratory acidosis + Respiratory alkalosis)
Respiratory failure - Respiratory failure – แบงเปน 2 types คือ 1. Hypoxemic (Type 1) – PaO2 < 60 mmHg Æ วัดได O2 sat < 90% 2. Hypercapnic (Type 2) – PaCO2 > 50 mmHg Æ พบ signs of CO2 retention ไดแก 1) Alteration of consciousness (ซึม) = CO2 narcosis (เพราะ CO2 ทําให cerebral vessel dilate เกิด IICP) 2) หายใจชา 3) HT (เพราะ CO2 กระตุนใหเกิด vasodilate & heart ตองเพิ่ม C.O.) - เมื่อไหร O2 sat. drop แลวตองใส ETT? Æ Ans: เมื่อมี Respiratory failure ระวัง มีโรคเดียวที่ทําใหเกิด Respiratory failure แตหามใส ETT กอน คือ Pneumothorax (ใหใส ICD กอน)
Anaphylaxis - Anaphylaxis – มี criteria ใน Dx 3 ขอ ดังนี้ (เอา 1/3 ขอ) 1. Acute onset (min-hr.) ที่มี Skin, Mucosa or both involvement (generalized hives, pruritus & flushing, swollen lip-tongue-uvula) รวมกับ 1/2 ขอตอไปนี้ 1) Respiratory compromise – dyspnea, bronchospasm, stridor, reduced PEF, hypoxemia 2) Hypotension or End-organ dysfunction – hypotonia, syncope, incontinence 2. Acute onset (min-hr.) หลัง expose ตอ Likely allergen รวมกับ ≥ 2 ขอตอไปนี้ 1) Skin-mucosa – generalized hives, pruritus & flush, swollen lip-tongue-uvula 2) Respiratory compromise 3) Hypotension or End-organ dysfunction 4) Persistent GI symptom – crampy abdominal pain, vomiting 3. Acute onset (min-hr.) หลัง expose ตอ Known allergen + Hypotension (SBP < 90 mmHg or SBPÈ 30%) - Pathophysiology: IgE-mediated (ถาเปน Anaphylactoid = อาการเหมือน Anaphylaxis แตไมไดเกิดจาก immune) - Common causes: Insect sting, Food, Drug (ATB, NSAIDs) Other causes (ไม common): Physical trigger (e.g. Exercise-induced anaphylaxis), Biological fluid (e.g. Transfusion, Ig) - Management: Primary survey (ABC), O2, Adrenaline, AH1, AH2, Steroid - ตัวอยางการเขียน order ในผูปวยที่มาดวย Anaphylaxis
TOP SI 117
One day - On O2 cannula 3 LPM, keep O2 sat. ≥ 95% - Adrenaline (1:1,000) 0.5 ml IM stat - Diphenhydramine 50 mg IV stat - Ranitidine 50 mg IV q 12 hr. - Methylprednisolone 50 mg IV q 6 hr. - NSS 1,000 ml IV drip rate 200 ml/hr - Record V/S q 15 min x IV, q 30 min x II, then q 1 hr. until stable; keep BP > 90/60 mmHg, RR < 30/min, P < 120/min
Continue - NPO - Observe urticaria - Retained Foley catheter
TOP SI 117
Geriatric Medicine Geriatric assessment - ประเมิน 4 ดาน ไดแก 1. Physical - Hx, PE - Geriatric syndrome – 4I: Immobility, Instability, Incontinence, Intellectual impairment 2. Mental 1) Delirium – disturbance of consciousness, cognitive function แบบ acute onset, มี fluctuation (ตองนึกถึงไวเสมอ, เนนแกที่ cause) 2) Dementia – เสีย memory, เสีย higher cortical function 1/4 ขอตอไปนี้: aphasia, apraxia, agnosia, executive function impairment 3) Depression – depressed mood + SIG E CAPS: Sleep problem, Interest deficit (anhedonia), Guilt, Energy deficit (fatigue), Concentration deficit, Appetite disorder, Psychomotor agitation/retardation, Suicidal ideation - ถามี depressed mood หรือ interest deficit รวมกับ SIG E CAPS รวม 5/9 ขอ และมี social/occupational dysfunction เขาไดกับ Major depressive episode (MDE) - ถาไมครบ 5/9 ขอ เรียกวา Minor depression - ถามี MDE + ไมเคยมี mania/hypomania เขาไดกับ Major depressive disorder (MDD) 3. Functional 1) Basic ADL – grooming, toileting, bathing, dressing, eating 2) Instrumental ADL – house, cook, shop, communication, transport, financial, drug 4. Social 1) Care-giver – education, time, attitude, relationship 2) Financial 3) House safety – ทางเดินที่มีที่จับ, พื้นลื่น, มีกี่ชั้น อยูชั้นไหน, ไมสวาง, ของวางเกะกะ, มีสัตวเลี้ยง
TOP SI 117
Nutrition - Basal energy expenditure (BEE) (kcal/d) Male: (10 x BW) + 900 Female: (7 x BW) + 700 - BEE x Stress factor x Activity factor จะได kcal ที่รางกายตองการใกลเคียงความจริงมากขึ้น - Estimate nutrition requirement CHO: 60% of total calories (< 7 g/kg/d) Lipid: 1 g/kg/d Protein: 0.8-1 g/kg/d (เพิ่มขึ้นเมื่อมี stress: ถา infection, post-op.: 1.2-1.4 g/kg/d; ถา major trauma, sepsis, pancreatitis: 1.5-2.5 g/kg/d)
Enteral nutrition (EN) - ถาคนไขกินเองได จะใหกินเอง แตถากินเองไมได จะยังคงให EN เปน 1st choice ถาไมมี C/I - C/I of EN 1. Mechanical obstruction / Severe hypomotility 2. N/V อยูตลอด 3. Severe malabsorption 4. Abdominal pain/diarrhea หลังไดรับอาหาร (postprandial) จนคนไขทนไมไหว 5. High-output fistula ที่ไมสามารถใหทั้งทาง proximal หรือ distal ตอ fistula ได - การให EN ในคนไขที่กินเองไมได แบงเปน 1. Short-term (< 6 wk.) – NG tube 2. Long-term (> 6 wk.) – Gastrostomy, Jejunostomy - EN แบงเปน 2 ชนิด 1. Blenderized diet (BD) – อาหารที่ ร.พ. เอามาปนเตรียมเอง (เปน complete polymeric diet) 2. Commercial formula (Medical food) – อาหารสําเร็จรูป มีทั้งชนิดน้ํา & ผง - Commercial formula จะมีคุณสมบัติ 2 สวนประกอบกัน คือ 1. Completeness of diet (ความครบถวนของสารอาหาร) แบงเปน 1) Complete diet – สารอาหารครบถวน ใชแทนอาหารปกติไดตลอดชีวิต 2) Disease-specific diet (Incomplete diet) – ดัดแปลงสัดสวนของ CHO, lipid, protein ใหมาก-นอย เหมาะสมกับโรคนั้นๆ 3) Modular diet (Molecular ingredients) – สารอาหารมาเปนผงๆ แบงเปน CHO, lipid, protein ตองเอา มาผสมกันเองตามที่ตองการ 2. Molecular size (ขนาดพรอมที่จะดูดซึมหรือยัง) แบงเปน 1) Polymeric diet – เหมือนอาหารธรรมดาที่เอามาเปลี่ยนเปนรูปของเหลว เมื่อเขาไปแลวตองยอยกอน 2) Semi-elemental diet – อยูกลางๆ 3) Elemental diet – พรอมที่จะดูดซึมเลย
TOP SI 117
- ตัวอยาง Commercial formula Complete Blendera, Ensure, Isocal, Nutren optimum, Polymeric Nutren fiber, Panenteral Semi-elemental Pregestimil, Nutramigen Elemental
Disease-specific Choice DM, Glucerna, Gen DM, Neomune, Aminoleban oral, Nepro -
Peptamen
-
Modular Glucose polymer, Whey protein, Casein, LCT oils Disaccharides Monosaccharides, Amino acids, MCT oils
Parenteral nutrition (PN) - ใชในคนไขที่ inadequate intake (< 50% of daily requirement) for 7 d + ให EN ไมได - PN แบงเปน 2 ชนิด 1. PPN (Peripheral parenteral nutrition): ใหทาง IV peripheral, จํากัดไมเกิน 1,000 mOsm (12.5% dextrose) เพื่อปองกันไมใหเกิด phlebitis; e.g. Kabiven® 2. TPN (Total peripheral nutrition)
View more...
Comments