ประมวลความรู้วิชาการบัญชี
August 24, 2017 | Author: Teenee Phuket | Category: N/A
Short Description
Download ประมวลความรู้วิชาการบัญชี...
Description
สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
คํานํา ป จ จุ บั น ตลาดแรงงานมี ค วามต อ งการบั ณ ฑิ ต ที่ มี ค วามรู ค วามสามารถในทั ก ษะวิ ช าชี พ เฉพาะทาง และทักษะดานอื่น ๆ เชน ความรูในการประกอบธุรกิจ ภาวะผูนํา ความสามารถในการทํางานเปนทีม เป นต น รวมทั้ งยั งตอ งการนั กบั ญชี ที่มีบุ คลิ กภาพที่ ดี อี ก ทั้งทางสาขาวิชาการบั ญชี ได มีการประกั นคุ ณภาพ บัณฑิต โดยสาขาวิชาจะดําเนินการทดสอบประมวลความรูทางการบัญชีสําหรับนักศึกษาที่จะสําเร็จการศึกษา เพื่อใหผูประกอบการมั่นใจไดวาบัณฑิตที่สําเร็จการศึกษาสาขาวิชาการบัญชี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม มี ความรูความสามารถพรอมที่จะปฏิบัติงานได สาขาวิ ชาการบั ญชี ขอขอบพระคุ ณ อาจารย ทุ กท า นที่ ไ ดเ สี ยสละเวลาในการสรุ ป เนื้ อ หา รายวิชาตาง ๆ และจัดทําเอกสารฉบับนี้ขึ้น ซึ่งเอกสารฉบับนี้จัดทําขึ้นเพื่อใชประกอบโครงการเขาคายวิชาการ นอกสถานที่ เพื่อสรางเสริมคุณลักษณะของบัณฑิตสาขาวิชาการบัญชีกอนการประกอบวิชาชีพ โดยไดประมวล ความรูวิชาการบัญชีจํานวน 9 วิชา ที่จะทําการทดสอบประมวลความรูทางการบัญชี สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม 1 ตุลาคม 2551
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
สารบัญ
1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9.
ประมวลความรูวิชาการบัญชีขั้นตน ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 1 ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 2 ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 1 ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 2 ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นสูง 1 ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นสูง 2 ประมวลความรูวิชาการสอบบัญชี ประมวลความรูวิชาการภาษีอากรธุรกิจ
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
หนา 1 11 23 39 49 58 68 75 82
ประมวลความรูวิชาการบัญชีขั้นตน
1
ประมวลความรูวิชาการบัญชีขั้นตน อ.พรวีนัส บุญมากาศ การบัญชีคืออะไร ? การบัญชีเปนศิลปะของการจดบันทึก การจําแนก การสรุปผล และการรายงานเหตุการณ เกี่ยวกับการเงิน โดยใชหนวยเงินตรา รวมทั้งแปลความหมายของผลการปฏิบัติดังกลาวดวย แมบทการบัญชีคืออะไร? แมบทการบัญชีเปนกฎเกณฑสําหรับการจัดทํา และนําเสนองบการเงินที่ คณะกรรมการมาตรฐานการบัญชีไดจัดทําขึ้น โดยยกเลิกมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 1 และใชแมบทการบัญชีนี้ แทน เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2542 องคประกอบของแมบทการบัญชี 1. วัตถุประสงคของงบการเงิน 2. ขอสมมติ 2.1 เกณฑคงคาง 2.2 การดําเนินงานตอเนื่อง 3. ลักษณะเชิงคุณภาพของบการเงิน 3.1 ความเขาใจได 3.2 ความเกี่ยวของกับการตัดสินใจ 3.3 ความเชื่อถือได (1. การเปนตัวแทนอันเที่ยงธรรม 2. เนื้อหาสําคัญกวารูปแบบ 3. ความเปนกลาง 4. ความระมัดระวัง 5. ความครบถวน) 4. การเปรียบเทียบกันได งบการเงินคืออะไร? เปนรายงานทางการเงินที่นําเสนอขอมูลเพื่อแสดงฐานะการเงิน ผลการดําเนินงาน และ กระแสเงินสดของกิจการโดยถูกตองตามที่ควรในแตละงวดบัญชีใดบัญชีหนึ่ง ระหวางงวดบัญชีก็ได งบการเงิน จะแสดงขอมูลโดยถูกตองตามที่ควรก็ตอเมื่อกิจการไดปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีอยางเหมาะสม รวมทั้งการ เปดเผยขอมูลเพิ่มเติมเมื่อจําเปน งบดุล เปนรายงานที่จัดทําขึ้นเพื่อแสดงฐานะการเงินของกิจการ ณ วันใดวันหนึ่ง ในงบดุลประกอบดวยบัญชีใน หมวดสินทรัพย หนี้สิน และสวนของเจาของ งบกําไรขาดทุน รายงานที่จัดทําขึ้นเพื่อแสดงผลการดําเนินงานของกิจการในระหวางงวดบัญชี หรือสิ้นงวดบัญชี ใดบัญชีหนึ่ง ในงบกําไรขาดทุนประกอบดวยบัญชีในหมวดรายได และคาใชจาย หากรายไดมากกวาคาใชจาย จะเกิดผลกําไรสุทธิ และถาหากรายไดนอยกวาคาใชจายจะเกิดผลขาดทุนสุทธิ งบแสดงการเปลี่ ยนแปลงในสว นของเจ าของ เปน รายงานที่จั ดทํ าขึ้ นเพื่อ แสดงการเปลี่ ยนแปลงในสว นของ เจาของ งบกระแสเงินสด เปนรายงานที่แสดงถึงการไดมาและใชไปของเงินสดและรายการเทียบเทาเงินสด ประกอบดวย 3 กิจกรรม คือ 1) กิจกรรมการดําเนินงาน 2) กิจกรรมการลงทุน 3) กิจกรรมการจัดหาเงินทุน หมายเหตุประกอบงบการเงิน ประกอบดวยคําอธิบาย และการวิเคราะหรายละเอียดของจํานวนเงินที่แสดงใน งบดุล งบกําไรขาดทุน งบกระแสเงินสด และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงในสวนของเจาของ โดยแสดงในรูปของ งบยอย หรืองบประกอบตาง ๆ รวมทั้งขอมูลเพิ่มเติม ขอมูลที่มาตรฐานการบัญชีกําหนดใหเปดเผย และการ เปดเผยขอมูลอื่นที่จะทําใหงบการเงินแสดงโดยถูกตองตามที่ควร ซึ่งจะเปนประโยชนตอผูใชงบการเงินในการ ตัดสินใจไดถูกตอง สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีขั้นตน
2
สมการบัญ ชีคือ อะไร? สมการบั ญชีคื อความสั มพัน ธระหวา งสิน ทรัพ ย หนี้สิ น และสวนของเจา ของ ให มี ลักษณะสมดุลกัน สินทรัพย = หนี้สิน + สวนของเจาของ สินทรัพย = หนี้สิน + (ทุน + กําไร) สินทรัพย = หนี้สิน + (ทุน + (รายได – คาใชจาย)) การวิเคราะหรายการคา เปนการวิเคราะหรายการคาที่เกิดขึ้นจาดการดําเนินงานของธุรกิจในแตละวัน วาจะมี ผลกระทบตอบัญชีสินทรัพย หนี้สิน สวนของเจาของ รายได และคาใชจายอยา งไร และผลกระทบตอการ เปลี่ย นแปลงนั้นจะแสดงใหเ ห็นถึงฐานการเงิ น และผลการดําเนิ นงานของกิ จการได โดยข อมูลทางการเงิ น เหลานั้นจะเปนประโยชนในการวางแผน และการตัดสินใจในเรื่องตาง ๆ ของผูบริหาร เจาของกิจการ เจาหนี้ และผูสนใจ เปนตน หลักการบันทึกบัญชี วิเคราะหรายการคา
สินทรัพยเพิ่ม หนี้สินลด สวนของเจาของลด รายไดลด คาใชจา ยเพิ่ม
สินทรัพยลด หนี้สินเพิ่ม สวนของเจาของเพิ่ม รายไดเพิ่ม คาใชจายลด
เดบิต (Debit)
เครดิต (Credit)
สมุดบัญชี แบงออกเปน 2 ประเภท คือ 1. สมุดรายวัน (Journal) หรือสมุดบัญชีขั้นตน สมุดรายวันทั่วไป เปนสมุดขั้นตนที่ใชบันทึกรายการคาที่เกิดขึ้นทันที โดยบันทึกเรียงตามลําดับวันที่เกิด รายการคาขึ้น สมุดรายวันเฉพาะ เปนสมุดขั้นตนที่ใชบันทึกรายการคาที่เกิดขึ้นในลักษณะอยางเดียวกันเขาไวดวยกัน 2. สมุดบัญชีแยกประเภท (Ledger) หรือสมุดบัญชีขั้นปลาย สมุดบัญชีแยกประเภททั่วไป เปนสมุดที่รวมบัญชีแยกประเภททุก ๆ บัญชี เชน บัญชีเงินสด บัญชีลูกหนี้ บัญชีเจาหนี้ สมุดบัญชีแยกประเภทยอย เปนบัญชีแยกประเภทสําหรับบันทึกรายการเคลื่อนไหวของลูกหนี้หรือเจาหนี้แต ละราย หรือเปนสมุดบัญชีที่บันทึกรายละเอียดของบัญชีแยกประเภททั่วไป วัฎจักรทางการบัญชี วิเคราะหรายการคา สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีขั้นตน
3
บันทึกรายการเปดบัญชี บันทึกรายการคาประจําวัน Œ สมุดรายวัน
¨ สมุดรายวันทั่วไป
¨ สมุดรายวันเฉพาะ
ผานรายการ • สมุดบัญชีแยกประเภท
จัดทํา ¨ งบทดลอง
Ž งบทดลอง
¨ รายการปรับปรุง ¨ งบทดลองหลังปรับปรุง
จัดทํา
¨ งบกําไรขาดทุน ¨ งบดุล
• กระดาษทําการ
บันทึกรายการปรับปรุงและ ปดบัญชี • งบการเงิน
งบกําไรขาดทุน งบดุล
’ งบทดลองหลังปดบัญชี
‘ สมุดรายวันทั่วไป
ผานรายการ สมุดบัญชีแยกประเภท จัดทํา
รายการปรับปรุงบัญชี เปนการลงรายการบัญชีเพื่อบันทึกการแกไขขอผิดพลาด และการปรับปรุงบัญชีรายได บัญชีค า ใช จา ยตา ง ๆ ที่ เ กิด ขึ้น ในระหว างงวดบัญชี ให ถูก ต องตรงตามงวดบั ญชี ทั้ งประเภทและจํ านวนเงิ น รวมทั้งรายการคาเสื่อมราคา คาเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ หรือรายการอื่นที่มีลักษณะในทํานองคลายคลึงกับที่กลาวมา ขางตน รายไดคางรับ เปนรายไดที่เกิดขึ้นแลวในงวดบัญชีปจจุบัน แตกิจการยังไมไดรับชําระโดยจะไดรับชําระในงวด บัญชีถัดไป จึงตองทําการปรับปรุงรายไดคารับนี้ใหเปนรายไดในงวดบัญชีปจจุบัน ปรับปรุงโดย Dr. รายไดคางรับ (1) Cr. รายได (4)
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีขั้นตน
4
รายไดรับลวงหนา เปนรายไดที่กิจการไดรับมาลวงหนา แตกิจการยังไมไดใหบริการตอบแทนตอลูกคา ซึ่งจะถือ เปนรายไดของงวดบัญชีตอ ๆ ไป ตามสวนที่ใหบริการตอบแทนตอลูกคาแลว การปรับปรุงทําได 2 วิธี ดังนี้ 1. ในวันที่รับเงินบันทึกเปนรายไดทั้งจํานวน Dr. รายได (4) Cr. รายไดรับลวงหนา (2) 2. ในวันที่รับเงินบันทึกเปนหนี้สินทั้งจํานวน Dr. รายไดรับลวงหนา (2) Cr. รายได (4) คาใชจายคางจาย เปนคาใชจายที่เกิดขึ้นในระหวางงวดบัญชีปจจุบัน แตกิจการยังมิไดจายเงินไป ซึ่งจะจายใน งวดบัญชีถัดไป จึงถือวากิจการมีหนี้สินเกิดขึ้นพรอม ๆ กับจํานวนคาใชจายที่เพิ่มขึ้น ปรับปรุงโดย Dr. คาใชจาย (5) Cr. คาใชจายคางจาย (2) คาใชจายลวงหนา เปนคาใชจายที่กิจการจายไปเปนคาบริการแลวในงวดบัญชีปจจุบัน แตยังไดรับประโยชนไม หมด เหลือบางสวนที่สามารถจะใชประโยชนในงวดบัญชีถัดไป การปรับปรุงทําได 2 วิธี ดังนี้ 1. ในวันที่จายเงินบันทึกเปนคาใชจายทั้งจํานวน Dr. คาใชจายลวงหนา (1) Cr. คาใชจาย (5) 2. ในวันที่จายเงินบันทึกเปนสินทรัพยทั้งจํานวน Dr. คาใชจาย (5) Cr. คาใชจายลวงหนา (1) วัสดุสํานักงานใชไป เปนวัสดุสํานักงานที่กิจการซื้อมา และนําไปใชในการดําเนินงานของกิจการในงวดบัญชี ปจจุบัน การปรับปรุงทําได 2 วิธี ดังนี้ 1. ในวันที่ซื้อบันทึกเปนสินทรัพย Dr. วัสดุสํานักงานใชไป (5) Cr. วัสดุสํานักงาน (1) 2. ในวันที่ซื้อบันทึกเปนคาใชจาย Dr. วัสดุสํานักงาน (1) Cr. วัสดุสํานักงานใชไป (5) หนี้สงสัยจะสูญ เปนการประมาณจํานวนหนี้ที่คาดวาจะเรียกเก็บเงินไมได เรียกวาการตั้งคาเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ซึ่งบัญชีคาเผื่อหนี้สงสัยจะสูญนี้เปนบัญชีปรับมูลคาลูกหนี้ จึงนําไปหักลดบัญชีลูกหนี้ในงบดุล เพื่อใหแสดง มูลคาลูกหนี้สุทธิใกลเคียงกับความเปนจริงที่คาดวาจะเรียกเก็บเงินได บัญชีที่เกี่ยวของมีดังนี้ หนี้สูญ หมายถึง ลูกหนี้ที่ไดติดตามทวงถามจนถึงที่สุดแลว แตไมไดรับชําระหนี้และไดตัดจําหนาย ออกจากบัญชี บัญชีหนี้สูญถือเปนบัญชีคาใชจาย หนี้สงสัยจะสูญ หมายถึง ลูกหนี้ที่คาดวาจะเรียกเก็บเงินไมได และถือเปนคาใชจายของงวดบัญชีนั้น บัญชีหนี้สงสัยจะสูญถือเปนบัญชีคาใชจาย คาเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ หมายถึง จํานวนที่กันไวสําหรับลูกหนี้ที่คาดวาจะเรียกเก็บเงินไมได และถือ เปนบัญชีปรับมูลคาลูกหนี้ โดยแสดงเปนรายการหักจากบัญชีลูกหนี้ในงบดุล เพื่อแสดงมูลคสุทธิของลูกหนี้ที่ คาดหมายความจะเรียกเก็บเงินได การตัดจําหนายหนี้สูญโดยตรง เปนวิธีการบันทึกบัญชีเมื่อกิจการเรียกเก็บเงินจากลูกหนี้ไมไดแนนอน ในงวดบัญชีนั้น ๆ นั่นคือ ลูกหนี้เปนหนี้สูญจริง บันทึกบัญชีโดย Dr. หนี้สูญ (5) Cr. ลูกหนี้ (1) การตั้งคาเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ สามารถตั้งได 2 วิธี คือ สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีขั้นตน
5
1. ตั้งคาเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากยอดขาย 2. ตั้งคาเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากยอดลูกหนี้ จากยอดลูกหนี้ ณ วันสิ้นงวด การจัดกลุมลูกหนี้จําแนกตามอายุของลูกหนี้ที่คางชําระ พิจารณาจากลูกหนี้แตละราย ปรับปรุงโดย Dr. หนี้สงสัยจะสูญ (5) Cr. คาเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (1) คาเสื่อมราคา เปนวิธีการบัญชีที่ใชในการปนสวนมูลคาของสินทรัพยถาวรที่มีตัวตนไปเปนคาใชจายในงวดบัญชี ตาง ๆ หรือเปนมูลคาของสินทรัพยที่มีตัวตนที่ตัดเปนคาใชจายในงวดบัญชีตาง ๆ ตามหลักการบัญชี แนวคิดคาเสื่อมราคาวิธีเสนตรง เปนการคํานวณคาเสื่อมราคาโดยเฉลี่ยมูลคาเสื่อมราคาของสินทรัพยใหเปนคา เสื่อมราคาในแตละปเทา ๆ กัน ตลอดอายุการใชงานของสินทรัพยถาวรนั้น ๆ คาเสื่อมราคาตอป = ราคาทุนของสินทรัพย - ราคาซาก อายุการใชงาน คาเสื่อมราคาตอป = (ราคาทุนของสินทรัพย - ราคาซาก) x อัตราคาเสื่อมราคาตอป ปรับปรุงโดย Dr. คาเสื่อมราคา (5) Cr. คาเสื่อมราคาสะสม (1) การกลับรายการปรับปรุง คือ การนํารายการปรับปรุงบางรายการที่ไดบันทึกไวเมื่อสิ้นงวดบัญชีกอนมาบันทึก กลับรายการปรับปรุงในวันตอนงวดบัญชีถัดมา ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการบันทึกรายการบัญชีในงวดบัญชี ใหม รายการปรับปรุงที่จะตองกลับรายการมีดังนี้ 1) รายไดรับลวงหนา 2) รายไดคางรับ 3) คาใชจายลวงหนา และ 4) คาใชจายคางจาย การปดบัญชีกิจการใหบริการ เปนการหาผลการดําเนินงานของกิจการ โดยจะบัญชีชั่วคราวคือบัญชีรายได และ คาใชจาย มีขั้นตอนดังนี้ 1. ปดบัญชีรายได Dr. รายได Cr. กําไรขาดทุน (3) 2. ปดบัญชีคาใชจาย Dr. กําไรขาดทุน (3) Cr. คาใชจาย 3. ปดบัญชีกําไรขาดทุน กรณีเกิดผลกําไรสุทธิ Dr. กําไรขาดทุน (3) Cr. ทุน/กระแสทุน/กําไรสะสม กรณีเกิดผลขาดทุนสุทธิ Dr. ทุน/กระแสทุน/กําไรสะสม Cr. กําไรขาดทุน (3) 4. ปดถอนใชสวนตัว (ถามี) Dr. ทุน/กระแสทุน Cr. ถอนใชสวนตัว (3) กิจ การจํ าหน ายสิ นค า เปน กิ จการที่ ไ มไ ด ผลิ ต สิน ค าขึ้ น เอง โดยกิ จการจะไปซื้ อสิ น คา จากผู ผลิ ต และนํา มา จําหนายใหแกลูกคา เชน รานขายหนังสือ รานขายเสื้อผา หางสรรพสินคา เปนตน
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีขั้นตน
6
คาใช จ ายในการขนส งสิ นค า เปน คา ใชจ ายเกี่ย วกั บ การขนสงสิ นค าที่ ซ อมาหรื อขายไป เชน ค า ระวาง ค า รถบรรทุก เปนตน ในการซื้อขายสินคาจะตองมีการตกลงกันใหแนนอนระหวางผูซื้อกับผูขายวา ใครจะเปนผู รับภาระคาขนสงสินคา คาขนสงออก เปนคาขนสงสินคาที่ผูขายเปนผูรับภาระจายคาขนสง คาขนสงเขา เปนคาขนสงสินคาที่ผูซื้อเปนผูรับภาระจายคาขนสง เงื่อนไขเกี่ยวกับคาขนสง 1. F.O.B. Shipping Point เปนเงื่อนไขคาขนสงสินคาที่ผูซื้อจะตองเปนผูรับภาระคาขนสงในการซื้อ สินคาจํานวนนั้น ๆ ตั้งแตตนทางของผูขายจนถึงปลายทางของผูซื้อ 2. F.O.B. Destination เปนเงื่อนไขคาขนสงที่ผูขายจะตองเปนผูรับภาระคาขนสงในการขนายสินคา จํานวนนั้น ๆ ตั้งแตตนทางของผูขายจนถึงปลายทางของผูซื้อ สวนลด เปนเงื่อนไขในการจูงใจใหผูซื้อมาซื้อสินคาใหมากที่สุด หรือใหผูรับซอมาชําระหนี้ใหเร็วขึ้น สวนลด แบงเปน 2 ประเภท คือ สวนลดการคา และสวนลดเงินสด สวนลดการคา คือจํานวนเงินที่ผูขายยอมลดใหแกผูซื้อสินคาทันที่จากราคาสินคาเดิมที่ตั้งไว ซึ่งสามารถเกิดขึ้น ไดทั้งการซื้อขายเปนเงินสดและเงินเชื่อ สวนลดเงินสด คือจํานวนเงินที่เจาหนี้ยอมลดใหแกลูกหนี้ เมื่อลูกหนี้นําเงินมาชําระภายในระยะเวลาที่กําหนด เปนการจูงใจใหลูกหนี้ชําระหนี้ใหเร็วขึ้น ซึ่งสวนลดเงินสดนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะการซื้อขายที่เปนเงินเชื่อเทานั้น เงื่อนไขของสวนลดเงินสด เชน 2/10,n/30 2/E.O.M,n/45 1/10 E.O.M,n/60 2/10,n/30 คือ ลูกหนี้จะตองชําระเงินทั้งหมดภายใน 30 วัน หากชําระเงินภายใน 10 วันนับหลังจากวันที่ระบุใน ใบกํากับสินคา จะไดรับสวนลด 2% 2/E.O.M,n/45 คือ ลูกหนี้จะตองชําระเงินทั้งหมดภายใน 45 วัน หากชําระเงินภายในสิ้นเดือนของเดือนที่ซื้อ สินคา จะไดรับสวนลด 2% 1/10 E.O.M,n/60 คือ ลูกหนี้จะตองชําระเงินทั้งหมดภายใน 60 วัน หากชําระเงินภายใน 10 วันของเดือนที่ถัด จากเดือนที่ซื้อสินคา จะไดรับสวนลด 1% สวนลดรับ เปนสวนลดที่ลูกหนี้ไดรับจากการชําระเงินคาสินคาภายในกําหนดเวลาตามเงื่อนไขการชําระหนี้ที่ ผูขายกําหนด เปนบัญชีคาใชจายใหนําไปหักออกจากยอดซื้อ สวนลดจาย เปนสวนลดที่ผูขายยอมลดใหกับลูกหนี้ เมื่อลูกหนี้นําเงินมาชําระคาสินคาภายในกําหนดเวลาตาม เงื่อนไขการชําระหนี้ที่ผูขายกําหนด เปนบัญชีรายไดใหนําไปหักออกจากยอดขาย ระบบบัญ ชีสินค าคงเหลื อแบบต อเนื่อ ง (Perpetual Inventory System) เปน วิ ธีก ารทางบั ญชี เกี่ ยวกับ สิน ค า คงเหลือที่มีการบันทึกรายการบั ญชีสินคาทุกครั้ งที่มีการซื้อหรือ ขายสินคา ในการขายสินคา ทุกครั้งจะบันทึ ก ตนทุนขายพรอมกับลดยอดบัญชีสินคา ดังนั้นระบบการบันทึกบัญชีสินคาตามวิธีนี้จะทําใหสามารถทราบตนทุน ของสินคาที่ขายได โดยดูจาบัญชีตนทุนขาย และสามารถทราบยอดคงเหลือของสินคาไดโดยดูจาบัญชีสินคา นอกจากนี้รายการที่เกี่ยวของกับการซื้อสุทธิซึ่งประกอบดวย รายการซื้อสินคา คาขนสงเขา สงคืนสินคา และ สวนลดรับจะบันทึกเขาบัญชีสินคา การบันทึกบัญชีตามวิธีนี้จะเหมาะสําหรับกิจการที่กําหนดราคาขายสินคาตอ หนวยที่มีราคาสูง และปริมาณสินคาคงเหลือมีจํานวนนอย เชน รานขายรถยนต รานขายเครื่องใชไฟฟา เปนตน ระบบบัญชีสินคาคงเหลือแบบสิ้นงวด (Periodic Inventory System) เปนวิธีการบันทึกบัญชีสินคาคงเหลือ ซึ่งจะ ไมบัน ทึกรายการสิน คาทุก ครั้งที่มีการซื้อ ขายสิ นคา ตามระบบบั ญชีนี้ รายการเกี่ย วของกับการซื้อ สุทธิ ซึ่ ง สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีขั้นตน
7
ประกอบดวย รายการซื้อสินคา คาขนสงเขา สงคืนสินคา และสวนลดรับ จะบันทึกไวในบัญชีที่เกิดรายการคา นั้น ๆ ขึ้น โดยไมตองบันทึกไวในบัญชีสินคา และในการขายสินคาจะไมบันทึกตนทุนของสินคาที่ขาย แตจะ บันทึกเฉพาะรายการขายสินคาเทานั้น ดังนั้นบัญชีสินคาจึงไมปรากฏรายการเคลื่อนไหวใด ๆ ที่เกี่ยวของกับการ ซื้อขายสินคา โดยสินคาคงเหลือสามารถทราบไดจากการตรวจนับสินคาในวันสิ้นงวด และตนทุนของสินคาที่ ขายทราบไดจากการคํานวณหาตนทุนขาย การบันทึกบัญชีวิธี Perpetual และ Periodic รายการ Perpetual Inventory System Periodic Inventory System 1. ซื้อสินคา Dr. สินคา XXX Dr. ซื้อ XXX Cr. เงินสด/เจาหนี้การคา XXX Cr. เงินสด/เจาหนี้การคา XXX 2. คาขนสงเขา Dr. สินคา XXX Dr. คาขนสงเขา XXX Cr. เงินสด XXX Cr. เงินสด XXX 3. สงคืนสินคา Dr. เงินสด/เจาหนี้การคา XXX Dr. เงินสด/เจาหนี้การคา XXX Cr. สินคา XXX Cr. สงคืนและสวนลด XXX 4. ชํ า ระค า สิ น ค า Dr. เจาหนี้การคา XXX Dr. เจาหนี้การคา XXX และไดรับสวนลด Cr. เงินสด XXX Cr. เงินสด XXX สินคา XXX สวนลดรับ XXX 5. ขายสินคา Dr. เงินสด/ลูกหนี้การคา XXX Dr. เงินสด/ลูกหนี้การคา XXX Cr. ขาย XXX Cr. ขาย XXX Dr. ตนทุนขาย XXX ไมบันทึกบัญชี Cr. สินคา XXX Dr. คาขนสงออก XXX 6. คาขนสงออก Dr. คาขนสงออก XXX Cr. เงินสด XXX Cr. เงินสด XXX 7. รับคืนสินคา Dr. รับคืนและสวนลด XXX Dr. รับคืนและสวนลด XXX Cr. เงินสด/ลูกหนี้การคา XXX Cr. เงินสด/ลูกหนี้การคา XXX Dr. สินคา XXX ไมบันทึกบัญชี Cr. ตนทุนขาย XXX 8. รับชําระคาสินคา Dr. เงินสด XXX Dr. เงินสด XXX และใหสวนลด สวนลดจาย XXX สวนลดจาย XXX Cr. ลูกหนี้การคา XXX Cr. ลูกหนี้การคา XXX การคํานวณรายการตาง ๆ ที่เกี่ยวของกับการซื้อขายสินคา 1. ขายสุทธิ = ขาย – รับคืนและสวนลด – สวนลดจาย 2. ซื้อสุทธิ = ซื้อ + คาขนสงเขา - สงคืนและสวนลด - สวนลดรับ 3. ตนทุนขาย = สินคาตนงวด + ซื้อสุทธิ - สินคาปลายงวด 4. กําไรขั้นตน = ขายสุทธิ - ตนทุนขาย 5. กําไรสุทธิ = ขายสุทธิ - ตนทุนขาย - คาใชจายในการขายและบริหาร
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีขั้นตน
8
การปดบัญชีกิจการจําหนายสินคา 1. Perpetual Inventory System ทําเชนเดียวกับกิจการใหบริการ ปดบัญชีขาย Dr. ขาย Cr. กําไรขาดทุน ปดบัญชีตนทุนขาย รับคืน และสวนลดจาย Dr. กําไรขาดทุน Cr. ตนทุนขาย รับคืนและสวนลด สวนลดจาย ปดบัญชีกําไรขาดทุนและถอนใชสวนตัว ทําเชนเดียวกับกิจการใหบริการ 2. Periodic Inventory System แบงเปน 2 วิธี ปดบัญชีโดยไมผานตนทุนขาย ปดบัญชีสินคาตนงวด ซื้อ และคาขนสงเขา เขาบัญชีกําไรขาดทุน Dr. กําไรขาดทุน Cr. สินคาตนงวด ซื้อ คาขนสงเขา ปดบัญชีสินคาปลายงวด สงคืน และสวนลดรับ เขาบัญชีกําไรขาดทุน Dr. สินคาปลายงวด Cr. กําไรขาดทุน สงคืน สวนลดรับ ปดบัญชีรายได และคาใชจายตาง ๆ เขาบัญชีกําไรขาดทุน และโอนปดบัญชีกําไรขาดทุน และบัญชีถอนใชสวนตัวเขาบัญชีทุน ทําเชนเดียวกับกิจการใหบริการ ปดบัญชีโดยผานตนทุนขาย ปดบัญชีสินคาตนงวด ซื้อ และคาขนสงเขา เขาบัญชีตนทุนขาย Dr. ตนทุนขาย Cr. สินคาตนงวด ซื้อ คาขนสงเขา ปดบัญชีสินคาปลายงวด สงคืน และสวนลดรับ เขาบัญชีตนทุนขาย Dr. สินคาปลายงวด Cr. ตนทุนขาย สงคืน สวนลดรับ ปดบัญชีรายได ตนทุนขาย และคาใชจายตาง ๆ เขาบัญชีกําไรขาดทุน และโอนปดบัญชี กําไรขาดทุนและบัญชีถอนใชสวนตัวเขาบัญชีทุน ทําเชนเดียวกับกิจการใหบริการ ภาษีมูลคาเพิ่ม (Value Added Tax หรือ VAT) เปนภาษีที่จัดเก็บจากมูลคาของสินคาหรือบริการสวนที่เพิ่มใน แตละขั้นตอนการผลิต และการจําหนายสินคาหรือบริการ ภาษีขาย เปนภาษีมูลคาเพิ่มที่ผูประกอบการจดทะเบียนขายสินคาหรือบริการจะตองเรียกเก็บ หรือพึงเรียกเก็บ จากผูซื้อสินคาหรือผูรับบริการ โดยจะตองออกใบกํากับภาษีใหผูซื้อเปนหลักฐานทุกครั้ง สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีขั้นตน
9
ภาษีซื้อ เปนภาษีมูลคาเพิ่มที่ผูประกอบการจดทะเบียนถูกผูประกอบการจดทะเบียนอื่นเรียกเก็บเนื่องจากการซื้อ สินคา หรือรับบริการมาเพื่อใชในการประกอบการของตน โดยจะไดรับใบกํากับภาษีเปนหลักฐานทุกครั้ง อัตราภาษีมูลคาเพิ่ม มี 2 อัตรา คือ รอยละ 7 สําหรับผูประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจขายสินคาหรือ บริการ หรือนําเขาสินคา และรอยละ 0 สําหรับผูประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจสงออกสินคา การคํานวณภาษีมูลคาเพิ่ม ภาษีมูลคาเพิ่มที่คํานวณได = ภาษีขาย - ภาษีซื้อ 1. หากภาษีขายมากกวาภาษีซื้อ ผูประกอบการจดทะเบียนจะตองชําระภาษี 2. หากภาษีขายนอยกวาภาษีซื้อ ผูประกอบการจดทะเบียนมีสิทธิไดรับคืนภาษี หรือนําไป เปนเครดิตภาษีในเดือนถัดไป การยื่นแบบแสดงรายการ ผูประกอบการจดทะเบียนจะตองยื่นแบบแสดงรายการ ภ.พ.30 ภายใน 15 วันของเดือน ถัดจากเดือนภาษีที่เกิดภาษีซื้อและภาษีขาย พรอมทั้งแนบรายงานภาษีขาย รายงานภาษีซื้อ และรายงานสินคา และวัตถุดิบ การบันทึกบัญชีภาษีมูลคาเพิ่ม 1. การขายสินคาหรือบริการ ตองเรียกเก็บภาษีขายจากผูซื้อ Dr. เงินสด/ธนาคาร/ลูกหนี้ Cr. ขาย/รายไดคาบริการ ภาษีขาย 2. การซื้อสินคาหรือการรับบริการ ตองจายภาษีซื้อใหผูประกอบการจดทะเบียนอื่น Dr. ซื้อ/สินคา/คาใชจายตาง ๆ Cr. เงินสด/ธนาคาร/เจาหนี้ ภาษีซื้อ 3. โอนปดบัญชีภาษีขาย และภาษีซื้อ ทุกสิ้นเดือน กรณีภาษีขายมากกวาภาษีซื้อ 3.1.1 โอนปดภาษีขาย และภาษีซื้อ Dr. ภาษีขาย Cr. ภาษีซื้อ ภาษีมูลคาเพิ่มคางจาย 3.1.2 ยื่นแบบแสดงรายการพรอมชําระเงิน Dr. ภาษีมูลคาเพิ่มคางจาย Cr. เงินสด/ธนาคาร กรณีภาษีขายนอยกวาภาษีซื้อ 3.2.1 โอนปดภาษีขาย และภาษีซื้อ Dr. ภาษีขาย Cr. ภาษีซื้อ ภาษีมูลคาเพิ่มขอคืน 3.2.2 กรณียื่นแบบแสดงรายการแลวไดรับภาษีคืน Dr. เงินสด Cr. ภาษีมูลคาเพิ่มขอคืน 3.2.3 กรณียื่นแบบแสดงรายการแลวนําไปเปนเครดิตภาษีในเดือนถัดไป ไมตองบันทึกบัญชี สมุด รายวันเฉพาะ เปน สมุด ขั้นต นที่ ใชบั นทึก รายการคาที่ เกิด ขึ้นในลัก ษณะอย างเดียวกันเขาไวในสมุด เล ม เดียวกัน ทั้งนี้เพื่อความสะดวก ตลอดจนประหยัดเวลาและคาใชจายในการบันทึกบัญชี สมุดรายวันเฉพาะแบง ออกเปน 2 ประเภทใหญ ๆ ดังนี้ สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีขั้นตน
10
1. สมุดรายวันเฉพาะสําหรับบันทึกรายการคาที่เกี่ยวของกับสินคา เปนสมุดขั้นตนที่ใชบันทึกรายการคาที่ เกี่ยวของกับการซื้อขายสินคาเปนเงินเชื่อ โดยตองเปนกิจการที่ใชระบบการบันทึกบัญชีสินคาคงเหลือ ที่บันทึกเมื่อวันสิ้นงวด (Periodic Inventory System) เทานั้น ซึ่งระบบดังกลาวเปนระบบที่ธุรกิจนิยมใช กันมาก สมุดรายวันเฉพาะสําหรับบันทึกรายการคาที่เกี่ยวของกับสินคา แบงออกเปน 4 ประเภท ดังนี้ สมุดรายวันซื้อ ใชบันทึกรายการซื้อสินคาเปนเงินเชื่อเทานั้น สมุดรายวันขาย ใชบันทึกรายการขายสินคาเปนเงินเชื่อเทานั้น สมุดรายวันสงคืนและสวนลด ใชบันทึกรายการสงคืนสินคาในกรณีที่ซื้อสินคาเปนเงินเชื่อเทานั้น สมุดรายวันรับคืนและสวนลด ใชบันทึกรายการรับคืนสินคาในกรณีที่ขายสินคาเปนเงินเชื่อเทานั้น 2. สมุดรายวันเฉพาะสําหรับบันทึกรายการคาที่เกี่ยวของกับการเงิน เปนสมุดขั้นตนที่ใชบันทึกรายการคา ที่เกี่ยวของกับการรับและจายเงินสด หรือเงินฝากธนาคารของกิจการ สมุดรายวันเฉพาะสําหรับบันทึก รายการคาที่เกี่ยวของกับการเงิน แบงออกเปน 2 ประเภท ดังนี้ สมุดรายวันรับเงิน ใชบันทึกรายการรับเงินสดหรือนําเงินฝากธนาคาร สมุดรายวันจายเงิน ใชบันทึกรายการจายเงินสดหรือถอนเงินจากธนาคาร สมุดเงินสด ใชบันทึกทั้งรายการรับ-จายเงินสด และเงินฝากธนาคาร สําหรับสมุดเงินสดเปนทั้งสมุดขั้นตน และสมุดขั้นปลาย (สมุดบัญชีแยกประเภทบัญชีเงินสด)
เอกสารอางอิง สุพาดา สิริกุตตา. หลักการบัญชี. กรุงเทพ : ธรรมสาร, 2548.
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
11
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 1
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 1 อ.พุทธมน สุวรรณอาสน ความหมายของสินทรัพย ตามแม บ ทการบั ญ ชี ย อ หน า ที่ 49.1 ได ใ ห ค วามหมายของ สิน ทรั พย ไ ว ว า “สิน ทรั พ ย หมายถึ ง ทรั พ ยากรที่ อ ยู ในความ ควบคุ มของกิจการ ทรั พยากรดังกลาวเปนผลของเหตุการณใ น อดี ต ซึ่ ง กิ จ การคาดว า จะได รั บ ประโยชน เ ชิ ง เศรษฐกิ จ จาก ทรัพยากรนั้นในอนาคต” ประโยชน เชิงเศรษฐกิจในอนาคต คื อศัก ยภาพ ของสินทรัพยในการกอใหเกิดประโยชนในอนาคตไดแก 1. ใชสิน ทรัพยรว มกับสินทรัพยอื่นในการผลิ ต สินคาหรือบริการ ไดแก เครื่องจักรผลิตสินคา ซึ่งจะกอใหเกิด ประโยชนเชิงเศรษฐกิจในรูปของกระแสเงินสดที่ไดรับจากการขาย 2. การนําสินทรัพยที่มีอยูไปชําระหนี้ ไดแก การ จําหนายสินทรัพยเพื่อชําระหนี้ใหแกเจาหนี้ เปนตน 3. การนําสินทรัพยไปแลกเปลี่ยนสินทรัพยอื่นๆ 4.การนํ า สิ น ทรั พ ย ม าแบ ง ป น ในส ว นของทุ น ใหแกเจาของ การรับรูส ินทรัพย การรับรูสินทรัพยในงบดุลถูกระบุในแมบ ทการ บัญชี ยอหนาที่ 89-90 ตนทุนสินทรัพย “ประโยชนในอนาคต ...?” ภายใน 1 งวดบัญชี
มากกวา 1 งวดบัญชี
คาใชจาย งบกําไรขาดทุน
สินทรัพย งบดุล
ตั ว อ ย า งเช น กิ จ การได รั บ ประโยชน จ าก เครื่ อ งจั ก รในการผลิ ต สิ น ค า อยู ดั ง นั้ น กิ จ การต อ งรั บ รู เครื่องจักรดังกลาวเปนสินทรัพยตามราคาทุนที่สามารถวัด ได ใ นงบดุล และหากกิ จ การมีค า ใช จ ายในการซ อ มแซม เครื่ อ งจั ก ร กิ จ การควรรั บ รู ค า ซ อ มแซมเครื่ อ งจั ก รเป น คาใชจายในงบกําไรขาดทุน การจัดหมวดหมูประเภทสินทรัพย สามารถจําแนกสินทรัพยไดเปน 2 ประเภทไดแก 1.สินทรัพยหมุนเวียน และ2. สินทรัพยไมหมุนเวียน
เงินสด (Cash) เงิ นสด (Cash) เปน สื่ อกลางที่ ใ ชใ นการ แลกเปลี่ยนสินคาหรือบริการ นอกจากนั้นยังเปนเกณฑใน การวัดมูลคา และเปนเครื่องที่ชี้ใหเห็นถึงความสําเร็จหรือ ความลมเหลวทางธุรกิจ อันไดแกหมายถึง ธนบัตร (Bank
Note) และเหรียญกษาปณ (Coin) รวมไปถึงตราสารที่ สามารถชํ า ระหนี้ ไ ด ต ามกฎหมาย เช น แคชเชี ย ร เ ช็ ค (Cashier Cheque) เช็ครับ ในมือ (Cheque) เช็คเดินทาง (Traveler Cheque) เช็ค ไปรษณีย (Postage Cheque) ดร า ฟตข องธนาคาร(Bank Draft) ธนาณั ติ ที่ สั่ งจ า ยให กิจการ (Money Order) ตลอดจนบั ญชีเงิน ฝากธนาคาร (Bank Deposit)ประเภทที่ตองจายคืนเมื่อทวงถาม ไดแก
เงินฝากออมทรัพย (Saving Deposit) และเงินฝากกระแส รายวัน (Current Deposit) การควบคุมรักษาเงินสด 1. การแบงแยกหนาที่การเงินและการบัญชี 2. การนําเงินสดฝากธนาคารทุกวัน 3. การตรวจสอบภายใน 4.ควบคุมการจายเงินโดยใชระบบใบสําคัญ
(Voucher System) 5. การรับเงินและจายเงิน 6.การสับเปลี่ยนหนาที่การทํางานดานการรับ – จายเงิน วิธีการบันทึกบัญชีเงินสดยอย 1. Imprest System วิธีนี้เปนการมอบหมายให บุคคลหนึ่งเปนผูรักษาเงินสดยอยจํานวนหนึ่ง และจายเงิน ตามใบสํ า คั ญ หรื อ ใบเบิ ก ที่ ไ ด รั บ อนุ มั ติ และกํ า หนด ระยะเวลาเพื่ อ ขอเบิ กชดเชยโดยส ง ใบสํ า คั ญหรื อ ใบเบิ ก ประกอบการเบิกเงินเพื่อบันทึกบัญชีของกิจการตอไป 2. Fluctuating System วิธีนี้ผูรักษาเงินสด ยอยสามารถเบิกชดเชยคาใชจายในจํานวนมากกวาหรือนอย กวา ได โดยการบัน ทึก บัญ ชีในสมุ ดเงิน สดย อยซึ่ง ถือ เป น สมุดขั้นตนของกิจการ วิธีนี้บัญชีเงินสดยอยจะเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลา การพิสูจนยอดเงินฝากธนาคาร 1. รายการที่กิจการบันทึกฝายเดียว 1.1 เงินฝากระหวางทาง (Deposits in Transit) 1.2 เช็คคางจาย (Outstanding Cheque)
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
12
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 1 1.3 ขอผิดพลาดอื่นๆ 2. รายการที่ธนาคารบันทึกฝายเดียว 2.1 เช็คคืน (Nonsufficient Funds Cheque) 2.2 การเรียกเก็บเงินตามตั๋วเงินและอื่นๆ 2.3 คาธรรมเนียมธนาคาร 2.4 ขอผิดพลาดอื่นๆ การทํางบพิสูจนยอดเงินฝากธนาคาร 1. งบพิสูจนยอดเงินที่ถูกตอง 2. งบกระทบยอดเงินฝากธนาคาร ธนาคาร
2.1 พิสูจนจากยอดของกิจการไปหา 2.2 พิสูจนจากยอดของธนาคารไปหา
กิจการ งบประมาณเงินสด งบประมาณเงินสด (Cash Budget) นับเปนสวน สําคัญในการวางแผนการรับ-จายเงินลวงหนา เพื่อใหกิจการ มีเงินสดในมือในปริมาณที่เหมาะสม กลาวคือ ในกรณีที่มี เงินสดเหลือนอยเกินไป กิจการตองวางแผนจัดหาเงินสดจาก แหลงตางๆ เชน กูยืม ออกหุนกู หุนทุน เปนตน สําหรับกรณี ที่มีเงินเหลือมากเกินไปเพื่อไมใหเก็บเงินโดยเปลาประโยชน ควรนําเงิ นไปลงทุน ในแหลง ตางๆ อย างเหมาะสมและให เกิดประโยชนมากที่สุด การจัดทํางบประมาณเงินสดตองอาศัยตัวเลขที่ เชื่ อ ถื อ ได ใ นป ที่ ผ า นมา และมี ก ารประมาณการอย า งถู ก หลั ก เกณฑ เ กี่ ย วกั บ รายรั บ ที่ ค าดว า จะได รั บ จากการขาย สินค า การรับ ชําระหนี้ และอื่นๆ ส วนรายจายจากการซื้ อ สินคา ชําระหนี้ ซื้อสินทรัพย การไถถอนหุนกู และรายจาย อื่นๆ ดังนั้นการพิจารณารายรับ – รายจายที่คาดวาจะเกิดขึ้น จะตองจัดทําอยางระมัดระวัง เพื่อใหไดงบประมาณเงินสดที่ ใกลเคียงความจริงมากที่สุด
ลูกหนี้ (Account Receivables) ความหมายของลูกหนี้ (Account Receivables) ลูกหนี้ หมายถึง สิทธิเรียกรองที่กิจการมีตอบุคคลอื่นในการที่จะ ใหชําระหนี้ดวยเงินสดหรือสินทรัพยอื่นโดยคาดหมายวาจะไดรับ ชําระเต็มจํานวนเมื่อถึงกําหนดชําระ
ประเภทของลูกหนี้ (Classification Receivables) 1. ลูกหนี้การคา (Trade Receivables) หมายถึง ลูกหนี้ที่เกิดจาก กิจกรรมการดําเนินการคาตามปกติของธุรกิจทั่วไป เปนจํานวน เงิ น ที่ ลู ก หนี้ ค า งชํ า ระค า สิ น ค า หรื อ บริ ก ารที่ กิ จ การได ข ายไป ตามปกติ เช น ลู ก หนี้จ ากการขายสิ น ค า เป น เงิ น เชื่อ ของธุ ร กิ จ พาณิชยการ หรือเงินใหสินเชื่อและดอกเบี้ยคางรับ สําหรับ ธุรกิจ ธนาคารพาณิชย เปนตน 2. ลูกหนี้อื่น ๆ (Nontrade Receivables or Others Receivables) เปนลูกหนี้ ที่เกิดจากการดํา เนินงานตามปกติ นอกเหนื อจากการ ขายสินคา ซึ่งเปนลูกหนี้นอกเหนือจากจากกิจกรรมดําเนินงาน ตามปกติ ของธุรกิ จ เชน ลูกหนี้พนั กงาน สิท ธิ ในการเรียกรอ ง คาเสียหายจากบริษัทประกันภัย เปนตน การวั ด มู ล ค า ข องลู กหนี้ (Valuation of account receivables) การขายสิน ค า หรื อให บ ริ ก ารเป น เงิน เชื่ อ ย อมทํ า ให เกิ ด ลู ก หนี้ การคา ขึ้น ดั งนั้ นกิ จการจํา เป นที่จ ะต องวัด มูล คา ของลู กหนี้ใ ห ถูกตอง เพื่องบการเงินจะไดแสดงฐานะทางการเงินที่จริง กรณีที่ ไม ส ามารถเรี ย กเก็ บ เงิ น จากลู ก หนี้ เช น ลู ก หนี้ ถึ ง แก ก รรม ลมละลาย ใหกิจการตัดลูกหนี้ที่เรียกเก็บ เงินไมไดเปนคาใชจาย ประจํางวดทันที สวนลด (Discount) สวนลดสามารถแบงได 2 ประเภทคือ 1. สวนลดการคา (Trade Discount) เปนสวนลดที่ใหกับ ลูกคา เมื่อซื้อสินคาจํานวนมาก จะกําหนดไวเปนอัตรารอยละของราคา ขาย การบันทึกรายการใชราคาสุท ธิหลักจากหักสวนลดการคา แลว 2. สวนลดเงินสด (Cash Discount) เปนสวนลดที่ใหกับ ลูกหนี้ เมื่อลูกหนี้นําเงินมาชําระหนี้ภายในเวลาที่กําหนดไวตามเงื่อนไข เชน 2/10 , n/30 หรือ 2/15 , EOM การบั ญ ชี เ กี่ ย วกั บ ลู ก หนี้ ที่ ค าด ว า จะ เ ก็ บ เ งิ น ไ ม ไ ด (Uncollectible Receivable) การบั น ทึ ก บั ญ ชี เ กี่ ย วกั บ ลู ก หนี้ ที่ เ ก็ บ เงิ น ไม ไ ด มี วิ ธี ป ฏิ บั ติ โดยทั่วไป 2 วิธี 1. วิธีการตั้งคาเผื่อหนี้สงสัย จะสูญ (Allowance Method) วิธีนี้ จะประมาณจํ านวนหนี้ ที่ค าดว า จะเก็บ ไมไ ด โดยคํ านวณจาก ยอดขายหรือจากยอดลูกหนี้แลวบันทึกจํานวนที่ประมาณขึ้น โดย เดบิตหนี้สงสัยจะสูญ ซึ่งเปนบัญชีคาใชจายและเครดิตบัญชีป รับ มูลค าลูก หนี้ คือ บั ญชีค าเผื่ อหนี้ สงสั ยจะสูญ รายการนี้ทํ าให รอบระยะเวลาบัญชีที่บันทึกรายการขาย 2. วิธีตัดจําหนายโดยตรง (Direct Write - off Method) วิธีนี้จะ ไมบันทึกรายการจนกวาในรอบระยะเวลาบัญชีที่มีลูกหนี้สูญจริง
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
13
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 1 จึงบั นทึ กผลเสีย หายในรอบระยะเวลาบัญ ชีนั้ น โดยการเดบิ ต บัญชีลูกหนี้หนี้สูญซึ่งเปนคาใชจาย และเครดิตบัญชีลูกหนี้ การจัดหาเงินสดจากบัญชีลูกหนี้ ในกรณีที่กิจการมีลูกหนี้จํานวนมาก และยังไมไดรับการชําระหนี้ เมื่อกิจการมีความตองการใชเงินสดกิจการอาจใชบัญชีลูกหนี้ไป หาผลประโยชนได 3 วิธีดังนี้ 1. การนําบัญชีลูกหนี้ไปค้ําประกันเงินกู 2. การขายบัญชีลูกหนี้โดยผูขายรับผิดชอบในหนี้สูญที่เกิดขึ้น 3. การโอนบัญชีลูกหนี้
ตั๋วเงินรับ ตั๋วเงิ นรับ หมายถึ ง ตราสารแสดงสิ ทธิที่ จะไดรับ ชําระเงิ นตาม จํ า นวน เวลา และสถานที่ ที่ ร ะบุ ไ ว ใ นตั๋ ว ตั๋ ว เงิ น รั บ ถื อ เป น สินทรัพยหมุนเวียน ซึ่งแบงเปน 2 ชนิด คือ 1. ตั๋วแลกเงิน (Bills of Exchange) 2. ตั๋วสัญญาใชเงิน (Promissory Notes) 1. การบันทึกบัญชีตั๋วเงินรับ 1.1 ตั๋วเงินรับระยะสั้น จะบันทึกตามมูลคาของตั๋ว เนื่องจากมูลคา ปจจุบัน (Present Value : PV) ของตั๋วกับมูลคาครบกําหนดจะ แตกตางกันไมมากนัก จึงไมถือเปนสาระสําคัญ 1.2 ตั๋ วเงิน รับ ระยะยาว การบัน ทึก บัญ ชีต องคํา นวณหามู ลค า ปจจุบันของตั๋วเพื่อบันทึกบัญชี รวมถึงตั๋วเงินรับ ที่มีดอกเบี้ย ถามี อัตราดอกเบี้ยแตกตางจากอัตราดอกเบี้ยในตลาดผลตางที่เกิดขึ้น ควรบันทึกสวนลดหรือสวนเกินตั๋วเงินรับ ซึ่งเปนบัญชีป รับ มูลคา (Valuation Account) เกิดขึ้นเพื่อปรับยอดบัญชีตั๋วเงินรับใหเทากับ มูลคาปจจุบันของตั๋ว การแสดงบัญชีสวนลดหรือสวนเกินตั๋วเงิน รับในงบดุล จะเปนยอดเพิ่ม-ลดจากตั๋วเงินรับ การบันทึกบัญชีเกี่ยวกับตั๋วเงินรับระยะยาว 1) ตั๋ว เงิน รับ ที่มี ด อกเบี้ ย (Interest-Bearing Notes) กรณี อัต รา ดอกเบี้ยตามตั๋วเทากับอัตราดอกเบี้ยในตลาด มูลคาปจจุบันของตั๋ว จะเทากัน การบันทึกบัญชีจะไมมีผลตางของตั๋วเงินรับ 2) ตั๋วเงินรับที่ไมมีดอกเบี้ย (Non-Interest Bearing Notes) มักเปน ตั๋วระยะยาวซึ่ง ถือ วามี ดอกเบี้ ยรวมอยูใ นจํา นวนเงิ นในตั๋ว แล ว ดังนั้นควรบันทึกบัญชีในมูลคาปจจุบัน โดยใชอัตราดอกเบี้ยใน ตลาด ณ วันออกตั๋ว 3) ตั๋วเงินรับกรณีพิเศษ 3.1) ตั๋วเงินรับแลกเปลี่ยนกับสิทธิพิเศษบางประการ ซึ่งตั๋วเงินรับ ที่ไดรับสวนใหญไมมีดอกเบี้ย แตยอมรับไวเพื่อแลกกับสิทธิพิเศษ ในการซื้อ สินคาหรือบริการในราคาต่ํากวาราคาปกติ 3.2) ตั๋วเงินรับที่แลกเปลี่ยนกับสินทรัพย สินคา หรือบริการ เมื่อ กิจการขายสินทรัพย สินคา หรือบริการ และไดรับตั๋วเงินรับ อัตรา ดอกเบี้ยที่กําหนดไวถือวาเหมาะสม ยกเวน
ก. ไมมีกําหนดอัตราดอกเบี้ย ข. อัตราดอกเบี้ยที่กําหนดไวไมเหมาะสม ค. จํานวนเงินในตั๋วแตกตางจากราคาตลาดของสินทรัพย สินคา หรือบริการ ในกรณีนี้ มูล คาปจจุบันของตั๋วเงินรับ จะวัดจากราคาตลาดของ สินทรัพย สินคา หรือบริการ หรือราคาตลาดของตั๋วเงินนั่นเอง 2. การนําตั๋วเงินรับไปขายลด (Discounting Notes Receivable) 2.1 ตั๋วเงินรับขายลดโดยไมมีเงื่อนไข (Without Recourse) 2.2 ตั๋วเงินรับขายลดโดยมีเงื่อนไข (With Recourse) การคํานวณเงินที่ไดรับจากการนําตั๋วไปขายลด มีดังนี้ 1) คํานวณมูลคาครบกําหนด คือ จํานวนเงินตามตั๋วบวกดอกเบี้ย ตั๋ว (ถามี) 2) คํานวณสวนลดตั๋วเงิน คือ มูลคาครบกําหนดคูณดวยอัตราคา ชักสวนลด และระยะเวลาตั้งแตวันที่นําตั๋วไปขายลดจนถึงวันครบ กําหนด 3) คํ า นวณจํ า นวนเงิ น ที่ ไ ด รั บ คื อ มู ล ค า ครบกํ า หนดหั ก ด ว ย สวนลดตั๋วเงิน 4) คํ านวณราคาตามบัญ ชีของตั๋ วเงิน รับ คือ จํานวนเงิน ตามตั๋ ว บวกดอกเบี้ยถึงวันขายลด 5) คํานวณกําไรหรือขาดทุนจากการขาย (กรณีถือเปนการขาย) หรือ ดอกเบี้ยจายหรือดอกเบี้ยรับ (กรณีถือเปนการกูยืม) คือ ผลตางของขอ 3 และ 4 3. ตั๋วขาดความเชื่อถือ (Dishonour Notes Receivable) การแสดงรายการลูกหนี้และตั๋วเงินรับในงบดุล 1. ลูกหนี้การคา 2. ตั๋วเงินรับ 3. ลูกหนี้ตามสัญญาผอนชําระ 4. ลูกหนี้กรรมการและเจาหนาที่บริษัท 5. ลูกหนี้บริษัทในเครือหรือบริษัทยอย 6. ลูกหนี้อื่นๆ และรายไดคางรับ
สินคาคงเหลือ-วิธีราคาทุน ความหมายและประเภทของสินคาคงเหลือ สินคาคงเหลือ (Merchandise Inventory) เปนสินทรัพยที่มีไวเพื่อ ขายหรือมีไวเพื่อผลิต เนื่องจากสินคาคงเหลือเปนสินทรัพยสวน ใหญของกิจการ 1. สินคาคงเหลือในความหมายของกิจการจําหนายสินคา สินคาคงเหลือ หมายถึง สินคาสําเร็จรูป หรือสินคาที่กิจการซื้อมา และขายไป เพื่อหวังผลกําไร 2. สินคาคงเหลือในความหมายของกิจการอุตสาหกรรม 2.1 สินคาสําเร็จรูป (Finished Goods) 2.2 สินคาระหวางผลิต (Goods in Process)
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
14
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 1 2.3 วัตถุดิบ (Raw Materials) 2.4 วัสดุโรงงาน (Factory Supplies) 3. สินคาที่ควรนับรวมเปนสินคาคงเหลือ 3.1 สินคาระหวางทาง (Goods in Transit) 1) F.O.B. Shipping Point 2) F.O.B. Destination 3.2 สินคาฝากขาย (Goods on Consignment) 3.3 สินคาที่แยกไวตางหาก (Segregate Goods) 3.4 สิน คา ที่ข ายโดยมีเ งื่อ นไขและสิ นค าตามสั ญญาผ อนชํา ระ (Conditional and Installment Sales) การบันทึกบัญชีสินคาคงเหลือ 1. Periodic Inventory Method เปนการบันทึกบัญชีสินคาคงเหลือ วิธีสิ้นงวดจะทราบสินคาคงเหลือโดยการตรวจนับในวันสิ้นงวด และตีราคาสินคาตามวิธีที่จะอธิบายตอไป 2. Perpetual Inventory Method เป นการบั นทึ ก บัญ ชี สิน ค า คงเหลือวิธีตอเนื่องซึ่งจะทราบสินคาคงเหลือจากบัญชีที่จดบันทึก ไวทุกครั้งที่มีการรับ-จายสินคา สวนลดรับ (Discounts) 1. สวนลดการคา (Trade Discount) เปนสวนลดที่ผูขายลดใหจาก ราคาที่ตั้งไวหรือตามแค็ตตาล็อก ผูซื้อ-ขายจะบันทึกบัญชีในราคา หลังหักสวนลดการคาแลว 2. สวนลดเงินสด (Cash Discount) เปนสวนลดที่ผูขายลดใหเมื่อผู ซื้ อ ชํ า ระเงิ น ภายในระยะเวลาที่ กํ า หนดไว ซึ่ ง ทางด า นผู ซื้ อ (ลูกหนี้) สามารถบันทึกบัญชีสวนลดเงินสดได 2 วิธีคือ 2.1 วิธีร าคาขั้ นตน (Gross Method) โดยบัน ทึกบัญ ชีเจา หนี้ใ น ราคาซื้อหักสวนลดการคา (ถามี) โดยไมหักสวนลดเงินสด 2.2 วิธีราคาสุทธิ (Net Method) โดยบันทึกบัญชีเจาหนี้ในราคา ซื้ อ หั ก ส ว นลดการค า (ถ า มี ) และส ว นลดเงิ น สด ซึ่ ง วิ ธี นี้ จ ะ ชี้ ใ ห เ ห็ น ถึ ง ประสิ ท ธิ ภ าพของการบริ ห ารในกรณี ที่ ไ ม ไ ด รั บ สวนลด โดยแสดงในบัญชีสวนลดรับที่สูญเสีย การคํานวณสินคาคงเหลือ-วิธีราคาทุน 1. วิธีราคาเฉพาะเจาะจง (Specific Identification of Cost Method) วิ ธี ร าคาเฉพาะเจาะจง สามารถระบุ ไ ด ว า สิ น ค า ที่ ข ายหรื อ ที่ เหลืออยูเปน สินคาที่ซื้อมาเมื่อใด มีราคาตอหนวยเทาใด วิธีนี้เหมาะสําหรับกิจการที่สามารถแยกราคาสินคาที่ซื้อในแตละ ครั้งได ซึ่งมักจะเปนสินคาที่มีราคาสูงและจํานวนสินคามีไมมาก นัก 2. วิธีเขากอน-ออกกอน (First-in, First-out Method หรือ FIFO) วิธี FIFO ถือเกณฑวาสินคาที่ซื้อมากอนควรถูกขายไปกอน จึงเปน ผลให สิน ค า คงเหลื อ เปน สิ น ค าที่ ซื้ อ มาครั้ ง หลัง แต ถ า
กิจการซื้อสินคาหลายครั้งในราคาที่ แตกตางกัน ราคาที่ถือ เปนตนทุนขายคือราคาที่ซื้อในงวดที่ 1,2,3 และตอๆ มาตามลําดับ 3. วิธีเขาหลัง-ออกกอน (Last-in, First-out Method หรือ LIFO) วิธี LIFO ถือเอาราคาสินคาที่ซื้อในครั้งหลังสุดเปนราคาสินคาที่ ขายไป ดังนั้นราคาสินคาคงเหลือจึงเปนราคาที่ซื้อมา ในครั้งแรกๆ วิธีนี้ตนทุนขายจะมีราคาใกลเคียงกับราคาปจจุบัน 1) Periodic Inventory Method 2) Perpetual Inventory Method 4. วิธีถัวเฉลี่ยอยางงาย (Simple Average Method) วิ ธี นี้ ใ ช ไ ด เ ฉพาะกิ จ การที่ บั น ทึ ก บั ญ ชี สิ น ค า ตามวิ ธี Periodic Inventory โดยการนําราคาตอหนวยของสินคาตนงวดและที่ซื้อใน แตละครั้งมารวมกัน ถัวเฉลี่ยดวยจํานวนครั้งที่ไดสินคามาโดยไม คํานึงถึงปริมาณที่ซื้อในแตละครั้ง 5. วิธีถัวเฉลี่ยถวงน้ําหนัก (Weighted Average Method) วิธีนี้ใชในกิจการที่บันทึกบัญชีสินคาตามวิธี Periodic Inventory เช นกั น โดยพั ฒนามาจากวิ ธี Simple Average Method แต นํ า ปริมาณของสินคาเขามาคํานวณ โดยนําตนทุนของสินคาทั้งสิ้น หารดวยปริมาณของสินคา 6. วิธีถัวเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average Method) วิธีนี้ใชไดตอเมื่อกิจการบันทึกสินคาดวยวิธี Perpetual Inventory คือ คํานวณราคาทุนเฉลี่ยตอหนวยทุกครั้งที่ซื้อสินคา เหมาะกับ กิ จ การที่ ซื้ อ สิ น ค า ที ล ะมากๆ และราคาสิ น ค า ที่ ซื้ อ มี ร าคาไม แตกตางกันมากนัก แตถาราคาสินคาแตกตางกันมากจะมีผลให ราคาสินคาคงเหลือต่ําไป 7. วิธี Unit LIFO หรือ LIFO Layers วิธีนี้เหมาะสําหรับกิจการที่มีสินคามากมายหลายประเภท เพราะ การคํานวณสินคามากมายหลายประเภทยอมใชเวลามาก วิธี Unit LIFO หรือ LIFO Layers จะชวยลดภาระเหลานี้ได โดยจัดสินคาที่ มีลักษณะใกลเคียงกันรวมเปนประเภทใหญ และนําราคาทุนของ สินคาแตละประเภทมารวมกัน และคํานวณราคาทุนถัวเฉลี่ยตอ หน วย ในวั นสิ้ น งวดเมื่อ ตรวจนั บ สิ นค าคงเหลื อ แล ว โดยให ตี ราคาดวยราคาวันตนงวดกอน สวนที่เกินจากตนงวดใหตีราคาทุน ซึ่งอาจเลือกไดดังนี้ 7.1 ราคาทุนที่ซื้อครั้งแรกสุดของงวด 7.2 ราคาถัวเฉลี่ยที่ซื้อระหวางงวด 7.3 ราคาทุนที่ซื้อครั้งหลังสุดของงวด ในงวดตอไป ถาสินคาคงเหลือในวันสิ้นงวดมีปริมาณนอยกวาวัน ตนงวด ก็ใหลดราคาจากสวนเกินลงมาตามลําดับ จนถึงราคาทุน ของสินคาที่มีอยูเมื่องวดแรก 8. วิธี LIFO – A Pooled Approach วิธีนี้พั ฒนามาจากวิธี Unit LIFO เพราะวิธี LIFO – A Pooled Approach จึงรวมสินคาเปนกลุมเดียว และถือวาซื้อมาพรอมกันใน ราคาเดียว ซึ่งสามารถคํานวณราคาตอหนวยระหวางงวดไดโดยนํา
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
15
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 1 ราคาสินคาคงเหลือทั้งกลุมหารดวยปริมาณสินคา ในวันสิ้นงวด เมื่อตรวจนับสินคาคงเหลือแลว ใหตีราคาดวยราคาในวันตนงวด กอน สวนเกินจากตนงวดใหใชราคาทุนเชนเดียวกับวิธี Unit LIFO 9. วิธี Dollar – Value LIFO (DV LIFO) วิธีนี้จะใชดัชนีราคา (Price Index) ในการคํานวณสินคาคงเหลือ โดยเนนมูล คาของสินค ามากกวา ปริมาณสินค า และใชกั บ กลุ ม สินคาที่มีราคาสินคาระหวางปเปลี่ยนแปลงอยูตลอดเวลา สําหรับ ดัชนีราคานั้นสามารถใชดัชนีราคาจากภายนอกของหนวยงานที่ ประกาศตัว เลขดัช นีร าคาของสิน คา ประเภทนั้น ๆ หรือ ใช ดัช นี ราคาภายในซึ่งสามารถคํานวณโดย 10. วิธีสินคาจํานวนฐาน (Base Stock Method) วิธีนี้กิจการมีนโยบายในการรักษาระดับสินคาคงเหลือขั้นต่ําเอาไว จํานวนหนึ่ง โดยถือเปน Base Stock และถือเอาราคาที่ซื้อแตเดิม สวนสินคาคงเหลือสวนที่เกินปริมาณ Base Stock ใหใชราคาทุน ตามวิธี FIFO, LIFO หรือ Average แตถา สินคาคงเหลือต่ํา กวา Base Stock สวนขาดจะถือเปนการยืมสินคาไปขายชั่วคราว และหักออกจากราคา Base Stock ในราคาสินคาที่ซื้อมาทดแทน ได (Current Replacement Costs) 11. วิธีตนทุนทางตรง (Direct Costing Method) วิธีนี้ถือวาตนทุนที่แทจริงของสินคาคือตนทุนโดยตรงที่เกี่ยวของ กับตนทุนสินคาจริงๆ คือ วัตถุดิบทางตรง คาแรงงานทางตรง และ คาใชจายในการผลิตผันแปรเทานั้น สวนคาใชจายในการผลิตคงที่ ถือเปนคาใชจายที่เกิดขึ้นตามระยะเวลา ซึ่งจะนําไปหักกับ รายได ในงวดนั้นๆ 12. วิธีแบงราคาทุนตามอัตราสวนของมูลคาขาย (Relative Sales Value Method) วิธีนี้เหมาะสําหรับกิจการที่ซื้อสินคาหนวยใหญๆ แลวมาแบงขาย เปนหลายหนวย หลายระดับราคา ซึ่งตางจากตนทุนถัวเฉลี่ยเพราะ ถือวาราคาสินคาแตละหนวยเทากันหมด สินคาคงเหลือ – วิธีราคาโดยประมาณ การคํานวณสินคาคงเหลือวิธีอัตรากําไรขั้นตน การประมาณสินคาคงเหลือโดยวิธีอัตรากําไรขั้นตน (Gross Profit Method) นี้ จะตองทราบอัตรากําไรขั้นตนถัวเฉลี่ย โดยใชขอมูล การดําเนินการจากปที่ผานมา ซึ่งการหาอัตรากําไรขั้นตนสามารถ คํานวณจากยอดขายหรือราคาทุนก็ได การประมาณสินคาคงเหลือ วิธีนี้มักใชในกรณีที่ตองการทราบราคาสินคาคงเหลือระหวางงวด บัญชี หรือกรณีสินคาถูกไฟไหม สูญหาย ถูกทําลาย เพราะเปนวิธี ที่รวดเร็วและไมเปลืองคาใชจาย ความหมายเงินลงทุน ตามมาตรฐานการบั ญชี ฉบั บที่ 40 ไดใ หค วามหมายไวว า เงิ น ลงทุ น หมายถึ ง สิ น ทรั พ ย ที่ กิ จ การมี ไ ว เ พื่ อ ความมั่ ง คั่ ง ของ
กิจการ ไมวาจะอยูในรูป แบบที่จะไดรับ (เชน ดอกเบี้ย คาสิท ธิ และเงินปนผล) ในรูปของราคาที่เพิ่มขึ้นหรือในรูปของประโยชน อยางอื่นที่กิจการไดรับ (เชน ประโยชนที่ไดรับ จากความสัมพันธ ทางการคา) รูปแบบของเงินลงทุน 1. การลงทุ นใน “ตราสารทุน” เปน ตราสารที่ แสดงความเป น เจาของ เชนหุนสามัญ หุนบุริมสิทธิ ใบแสดงสิทธิการซื้อหุนใหม เปนตน ผูลงทุนจะไดผลตอบแทนในรูป ของเงินปนผล สิท ธิใน การซื้อหุนที่ออกใหม กําไรจากการขายหุน เปนตน การลงทุนใน ตราสารทุนที่อยูในความตองการของตลาดจะมีสภาพคลองในการ ซื้อขาย ซึ่งจะเปนการลงทุนระยะสั้น สําหรับ ตราสารทุนที่ไมอยู ในความตองการของตลาดเปนการลงทุนระยะยาว 2. การลงทุนใน “ตราสารหนี้” เปนตราสารที่แสดงความเปนหนี้ ตอกัน เชน หุนกู พันธบัตรรัฐบาล และใบแสดงสิทธิในการซื้อหุน กู เปนตน ผลตอบแทนจากการลงทุนตราสารหนี้จะไดรับ ในรูป ของดอกเบี้ย นอกจากนั้นยังไดรับ สิทธิแปลงสภาพจากหุนกูเปน หุนสามัญ สวนใหญการลงทุนในตราสารหนี้จะนิยมลงทุนทั้งใน ระยะสั้นและระยะยาว 3. การลงทุนในสินทรัพยที่มีตัวตนเพื่อเก็งกําไร เชน ที่ดิน อาคาร หรือทอง เปนตน 4. การลงทุ น ในลั ก ษณะอื่ น ๆ เช น กิ จ การมี วั ต ถุ ป ระสงค แ ยก สิน ทรั พ ยไ ว เพื่ อ วัต ถุ ป ระสงคใ ดวัต ถุ ป ระสงคห นึ่ งเฉพาะ ไม นํามาใชในการดําเนินงานตามปกติของกิจการ เรียกวา เงินกองทุน การซื้อ และการขายหลักทรัพย – “ตราสารทุน” การซื้อ -การขายจะบั นทึ ก บั ญชี ใ นราคาทุ น (Cost Price) ของ หลักทรัพย เชน ราคาที่ซื้อหลักทรัพย คานายหนา เปนตน หากมี การการขายใหโอนออกในราคาทุน และรับ เงินเขามาในราคาขาย สวนผลตางบันทึกไวในบัญชีกําไรขาดทุนจากการขายหลักทรัพย กรณีที่ซื้อหลายครั้งใหใชวิธีราคาทุนถัวเฉลี่ยถวงน้ําหนัก (Weight Average Cost : WAC) การตีราคาเงินลงทุน ณ วันสิ้นงวดบัญชีกิจการตองแสดงเงินลงทุนชั่วคราวในงบดุลใน ราคาดังนี้ หลักทรัพยเพื่อคา / เผื่อขาย ราคายุติธรรม เงินลงทุนทั่วไป ราคาทุน ตราสารหนี้ครบกําหนดภายใน 1 ราคาทุนตัดจําหนาย ราคาทุนตัดจําหนาย หมายถึง ราคาทุนเริ่มแรกของตราสาร หักเงิน ตนที่จายคืนและบวกหรื อหักคา ตัดจําหนายสะสมของสวนตา ง ระหวางราคาทุนเริ่มแรกกับมูลคาที่ตราไว การบั น ทึ ก บั ญ ชี เ กี่ ย วกั บ หลั ก ทรั พ ย เ พื่ อ ค า ในกรณี ที่ ที่ ร าคา ยุติธรรมไมเทากับราคาตามบัญชี ใหปรับบัญชีหลักทรัพยกับ บัญชี
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
16
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 1 กําไรหรือขาดทุนที่ยัง ไมเกิดขึ้น ซึ่งถือเปน รายไดหรือคาใชจา ย ของงวดนั้นในงบกําไรขาดทุน สําหรับหลักทรัพยเผื่อขายใหป รับ บัญชี หลัก ทรัพ ยกับ บัญชี กําไรขาดทุ นที่ยั งไม เกิด ขึ้นซึ่ งถือ เป น สวนของผูถือหุนในงบดุล
เงินลงทุนระยะยาว (Long term Investment) ความหมายของเงินลงทุนระยะยาว เงิน ลงทุ นระยะยาว (Long – term Investment) หมายถึง เงิ น ลงทุนที่กิจการตั้งใจจะถือไวเกิน 1 ป เพื่อวัตถุประสงคเขาควบคุม กิจการ หรือเพื่อรักษาความสัมพันธในการคา ซึ่งรวมถึง - ตราสารทุน ประเภทหลักทรัพยเผื่อขาย และเงินลงทุนทั่วไป - ตราสารหนี้ ประเภทหลักทรัพยเผื่อขาย และตราสารหนี้ที่จะถือ จนครบกําหนด ประเภทของเงินลงทุนระยะยาว 1. หลักทรัพยเผื่อขาย คือ เงินลงทุนในตราสารหนี้หรือตราสาร ทุนในความตองการของตลาดที่กิจการตั้งใจถือไวในระยะยาว 2. เงินลงทุนทั่วไป คือ เงินลงทุนในตราสารทุนที่ไมอยูในความ ตอ งการของตลาด ซึ่ งกิ จ การตั้ง ใจถื อไว ระยะยาว รวมถึ งเงิ น ลง ทุ น ใน บริ ษั ท ร ว มหรื อ บริ ษั ท ย อ ย แล ะเงิ น ลง ทุ น ใน อสังหาริมทรัพย 3. ตราสารหนี้ที่จะถือจนครบกําหนด คือเงินลงทุนในหลักทรัพย ประเภทตราสารหนี้ ที่ กิ จ การมี ค วามตั้ ง ใจแน ว แน และมี ความสามารถที่จะถือไวจนครบกําหนดเวลาไถถอน เงินลงทุนระยะยาวในตราสารทุน ในบทนี้จะกลาวถึงเงินลงทุน ในหุน ทุ นประกอบด ว ย 1.หุน สามั ญ 2.หุ นบุ ริ มสิ ท ธิ์ ที่ อยู ใ น ความตองการของตลาด (หลักทรัพยเผื่อขาย) และไมอยูในความ ตองการของตลาด (เงินลงทุนทั่วไป) 1. การซื้อขายเงินลงทุน หลักการบันทึกบัญชีเชนเดียวกับเงินลงทุนชั่วคราว คือ บันทึกดวย ราคาทุน บวกคาใชจา ยอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการซื้อ สําหรับการขายเงิน ลงทุนใหโอนในราคาทุน หรือทุนถัวเฉลี่ย ถวงน้ําหนักถาซื้อเงิน ลงทุนนั้นมาหลายครั้ง 2. การรับเงินปนผล (Dividends) เงิ น ป น ผล คื อ เงิ น ส วนแบ ง จากผลกํ า ไรที่จ า ยให ผู ถื อ หุ น เมื่ อ บริษัทมีกําไรสะสมที่เพียงพอ เงินสดปนผล ในทางปฏิบัติ บริษัท มักประกาศจ ายเงินปนผลกอนเพื่อลงทะเบียนวาผู ใดจะเปนผู มี สิทธิรับเงินปนผล และจะจายเงินปนผลใหภายหลัง หุนปนผล (Stock Dividends) บริษัทผูออกหุนสามารถจายหุนปน ผลแทนเงินสดได โดยหุนปนผลจะไมถือเปนรายได 3. การแบงแยกหุน (Stock Split) การแบงหุนที่ออกจําหนายแลวของบริษัทใหมีจํานวนหุนมากขึ้น โดยลดราคาที่ตราไวลงแตไมมี การเปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบีย น
ของบริ ษั ท นั้ น วิ ธี นี้ ถู ก นํ า มาใช ใ นกรณี ที่ เ กิ ด ภาวะวิ ก ฤติ ท าง การเงิน ซึ่งบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพยมักแบงแยกหุน เพื่อใหราคาหุนของตนเองถูกลงเพื่อใหนักลงทุนสามารถซื้อได ซึ่งถือเปนการระดมทุนของกิจการ การบันทึกบัญชีเพียงแตบันทึก ความทรงจํา (Memorandum) และคํานวณราคาตอหุนใหม 4. การแปลงสภาพหุน (Stock Conversion) หุนที่สามารถแปลงสภาพไดจําเปนตองกําหนดเงื่อนไขการแปลง สภาพในการจําหนายใหชั ดเจน การบันทึก บัญชีเงิน ลงทุนชนิ ด ใหมใหยึดหลักราคาดังนี้ 1) ราคาตลาดของหุนชนิดใหม 2) ราคาตลาดของหุนชนิดเกา (กรณีไมทราบขอ 1) 3) ราคาตามบัญชีของหุนชนิดเกา (กรณีไมทราบขอ 1+2) 5. การไถถอนหุน (Stock Redemption) การถือหุนบุริมสิทธิสวนใหญบริษัทผูออกหุนมักกําหนดเงื่อนไข ระยะเวลาการไถถอนคืนซึ่งราคาไถถอนคืนมักจะสูงกวาราคาตาม มูลคาหุน ผลตางที่เกิดขึ้นจะบันทึกเปนกําไรขาดทุนจากการไถ ถอนหุน 6. สิทธิในการซื้อหุน (Stock Rights) การออกหุนใหม โดยทั่วไปบริษัทมักใหสิทธิแกผูถือหุนเดิมกอน บุคคลอื่น โดยการออกใบแสดงสิทธิ (Warrants) ให ซึ่งสวนมาก การซื้อหุนใหมโดยใชใบแสดงสิท ธิจะไดราคาต่ํากวาราคาตลาด แตถาผูถือหุนไมตองการใชสิทธิก็สามารถขายใบแสดงสิทธิได ใบแสดงสิทธิตองระบุชวงระยะเวลาการใชสิท ธิและราคาที่จะใช สิทธิซื้อหุนใหม ถาผูถือหุนเดิมซื้อหุนใหมในชวงเวลาที่ป ระกาศ ใหใชสิท ธิ ราคาหุนจะเปนราคาที่รวมสิทธิ (Right-on) และถาผู ถือหุนซื้อหุนใหมหลังระยะเวลาที่กําหนด ราคาหุนจะเปนราคาที่ ไมรวมสิทธิ (Ex-rights) 7. การซื้อเงินลงทุนในบริษัทรวมหรือบริษทั ยอย การซื้อหุนสามัญในบริษัทอื่นโดยมีจุดมุงหมายในการควบคุมการ ดําเนิน งาน ลัก ษณะเชน นี้กิ จการจะต องซื้อ หุนในปริม าณมาก พอที่จะทําใหเขาไปมีสวนรวมหรือมีเสียงขางมากในที่ป ระชุมผู ถือหุน โดยถือเปนบริษัท ใหญ (Parent Company) และบริษัท ผู ออกหุนเรียกวา บริษัท ยอย (Subsidiary Company) ในกรณีที่ถือ มากวารอยละ 50 แตถากิจการถือหุนอยางนอยละ 20 ถือวาเปน บริษัทรวม ซึ่งการบันทึกเงินลงทุนในบริษัท รวมหรือบริษัท ยอย สามารถปฏิบัติได 2 วิธีดังนี้ 7.1 วิธีร าคาทุน (Cost Method) โดยบั นทึ กบัญ ชีเ งินลงทุ นใน ราคาทุนบวกคาใชจายในการซื้อ และรับ รูรายไดจากการรับ เงิน ปนผล 7.2 วิ ธี ส ว นได เ สี ย (Equity Method) วิ ธี นี้ บั ญ ชี เ งิ น ลงทุ น จะ เปลี่ย นแปลงเพิ่ม ขึ้น หรือ ลดลง โดยบัน ทึ กรั บ รู ส วนแบ ง กํา ไร ขาดทุนดวยเหตุผลวา การเขาควบคุมการดํ าเนินงานเสมือนเป น
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
17
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 1 สาขา บริษัทใหญก็ควรบันทึกผลกําไรขาดทุนดวย และเมื่อไดรับ เงินปนผลใหถือเสมือนเปนการรับคืนเงินลงทุน โดยเครดิตบัญชี เงินลงทุน 8. การตีราคาเงินลงทุนระยะยาว การแสดงบัญชีเงินลงทุนระยะยาวตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับ ที่ 40 กําหนดใหกิจการจัดแสดงในงบดุลดังนี้ 1) เงินลงทุนในตราสารทุนที่อยูในความตองการของตลาด หรือ ตราสารหนี้ ซึ่งถือเปนหลักทรัพยเผื่อขายในระยะยาว ใหแสดงใน ราคายุติธรรม ผลตางใหบันทึกบัญชีกําไรขาดทุนที่ยังไมเกิดขึ้น ในสวนของผูถือหุน 2) ตราสารหนี้ที่จะถือไวจนครบกําหนด ใหแสดงในราคาทุนตัด จําหนาย 3) เงินลงทุนทั่วไปซึ่งเปนตราสารทุนที่ไมอยูในความตองการของ ตลาด ใหแสดงในราคาทุน 9. การดอยคาของเงินลงทุน เมื่ อ วัน สิ้ น งวดบั ญชี กิ จการควรประเมิน ค า ของเงิน ลงทุน เพื่ อ พิจารณาวาเงินลงทุนที่มีอยูเกิดการดอยคา (Impairment) หรือไม โดยการดอยคาอยางถาวรอาจเกิดจากปญหาทางการเงิน การผิด นัด ชํ า ระหนี้ การฟ น ฟู กิ จการ ซึ่ง สาเหตุ ดั ง กล าวทํ า ให มู ล ค า ยุติธรรมลดลงและไมมีแนวโนมจะเพิ่มขึ้นอีก กิจการตองบันทึก บัญชีขาดทุนจากการดอยคาของสินทรัพย ซึ่งถือเปนคาใชจายใน งบกําไรขาดทุน 10. การโอนเปลี่ยนประเภทเงินลงทุน โดยทั่ วไปการโอนเปลี่ย นประเภทเงิ นลงทุ นเกิ ดขึ้น ไมบ อยนั ก เนื่ องจากการซื้ อเงิ นลงทุ นมั ก มีวั ตถุ ประสงคชั ดเจนในการซื้ อ อยา งไรก็ ตามถ าตอ งการเปลี่ย นประเภทเงิ นลงทุน กิ จการตอ ง บัน ทึ ก บั ญ ชี ด ว ยมู ล ค า ยุ ติ ธ รรม ณ วั น ที่ โ อน พร อ มป ด บั ญ ชี ที่ เกี่ยวของและรับรูผลตางในงบกําไรขาดทุน
เงินลงทุนระยะยาว-ตราสารหนี้ ตราสารหนี้ หมายถึ ง หุ น กูที่ มีผ ลตอบแทนในรู ป ดอกเบี้ ย มี กําหนดอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาจายดอกเบี้ย และการไถถอนคืน ที่แนนอน ผูถือหุนกูมีฐานะเปนเจาหนี้ของกิจการผูออกหุนกู ประเภทของเงินลงทุนระยะยาวในตราสารหนี้ 1. หลักทรั พยเผื่อขาย เปนหลักทรัพ ยที่กิจการถือ ไวโดยมิได มี วัตถุประสงคที่จะขายหลักทรัพยนั้น แมวาหลักทรัพยนั้นจะอยูใน ความตองการของตลาดและสามารถขายไดทันที 2. ตราสารหนี้ที่จะถือจนครบกําหนด เปนหลั กทรั พยที่กิ จการ ตั้งใจจะถือไวจนครบกําหนดระยะเวลาที่กําหนด โดยไมคิดจะขาย หรือโอนเปลี่ยนประเภท ประเภทของหุนกู การแบงประเภทของหุนกู ใชเกณฑในการพิจารณาดังนี้
1. พิจารณาตามเวลาที่ถึงกําหนด 1.1 Term Bonds – หุนกูที่กําหนดเวลาในการไถถอนคราวเดียว เชน หุนกูมูลคา 1,000,000 บาทดอกเบี้ย 5%ตอป กําหนดไถถอน ครั้งเดียวเมื่อครบปที่ 5 1.2 Serial Bonds – หุนกูที่กําหนดเวลาในการไถถอนเปนงวดๆ เชน หุนกูมูลคา 500,000 บาท ดอกเบี้ย 5%ตอป กําหนดไถถอน ทุกป ปละ 100,000 บาทจนครบ 5 ป 2. พิจารณาตามหลักประกัน 2.1 หุนกูที่มีหลักประกัน (Secured Bonds) Mortgage Bonds เปนหุนกูที่ใชอสังหาริมทรัพยค้ําประกันและมี สิทธิบังคับใหบริษัทชําระเงินตนและดอกเบี้ยเปนอันดับแรก Collateral trust Bonds เปนหุนกูที่มีใบหุนทุน หรือหุนกูที่กิจการ ถืออยูเปนหลักทรัพยค้ําประกัน Guaranteed Bonds เปนหุนกูที่มีบุคคลที่สามเปนผูค้ําประกันการ จายเงิน ถากิจการไมสามารถชําระหนี้ได 2.2 หุนกูไมมีหลักประกัน (Unsecured Bonds) เปนหุนกูที่ไมมี หลักทรัพยค้ําประกันเปนพิเศษนอกเหนือจากสินทรัพยของกิจการ ซึ่งเรียกวา Debenture Bonds 3. พิจารณาตามลักษณะการออกหุน 3.1 หุนกูที่จดทะเบียนทั้งเงินตนและดอกเบี้ย เปนหุนกูที่บ ริษัท จะลงชื่อผูถือหุนลงในสมุดทะเบียน ดอกเบี้ยหุนกูจะจายเปนเช็ค ในนามของผู ถื อ หุ น กู เ ท า นั้ น ดั ง นั้ น การโอนหุ น จะต อ งจด ทะเบียนโอนกับ บริษัท ที่ออกหุนกูจึงจะมีสิท ธิตอหุนกูนั้นอยาง สมบูรณ 3.2 หุ น กู ที่ จ ดทะเบี ย นแต เ ฉพาะเงิ น ต น การโอนหุ น ชนิ ด นี้ จะตองจดทะเบี ยนกับ บริษัท แตหุนจะมีคูป องดอกเบี้ ยซึ่งผูถื อ สามารถจะนําไปรับเงินได 3.3 หุนกูชนิดไมตองจดทะเบียนการโอน ซึ่งการโอนสามารถทํา ได โ ดยการสง มอบใบหุ นเท า นั้น และไมต อ งสลั ก หลัง ใบหุ น สวนคูปองดอกเบี้ย ผูถือสามารถนําไปรับเงินไดเมื่อถึงกําหนด การบันทึกบัญชีเกี่ยวกับเงินลงทุนระยะยาว – หุนกู 1. การซื้อหุนกู การซื้อหุนกูใหบันทึกในบัญชีเงินลงทุนในราคาทุนที่จัดเปนเงิน ลงทุนระยะยาว ซึ่งมีความแตกตางจากราคาทุนของตราสารทุน เนื่องจากมีอัตราดอกเบี้ยเขามาเกี่ยวของ ดังนั้นมาตรฐานการบัญชีฉบับ ที่ 40 ยอหนาที่ 6 ไดกลาวถึงราคา ทุนหรือราคาตามบัญชี ณ วันซื้อของตราสารหนี้ ไววา 1. การตีราคาเริ่มแรกดวยราคาทุนเงินลงทุน (ราคาทุนก็คือราคา มู ล ค า ป จ จุ บั น ของกระแสเงิ น สดในอนาคตของเงิ น ต น และ ดอกเบี้ย) หรือราคาที่ตกลงกันในตราสารหนี้ 2. ตน ทุน รวมค าใชจ ายอื่ นๆ เพื่อ ให ได มาซึ่งเงิน ลงทุน เชน ค า นายหนา คาจัดทํารายการ คาธรรมเนียมเปนตน
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
18
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 1 3. ไมรวมดอกเบี้ยคางรับ (กรณีซื้อระหวางงวด) 4. ไมรวมสวนเกินหรือสวนลดของตราสารหนี้ 5. ไมรวมตนทุนทางการเงิน ตนทุนการบริหาร และตนทุนภายใน ที่แบงปน การซื้อหุนกูเป นเงินลงทุนระยะยาวมี 3 ราคา ไดแ ก ราคามูลค า (At Par) ราคาสุงกวามูลคา (At Premium) และราคาต่ํากวามูลคา (At Discount) เพื่อใหมูลคาหุนกูเทากับราคาตามมูลคาในวันครบ กําหนด การปรับปรุงดอกเบี้ยหุนกูจากราคาหุนที่ซื้อกับราคาตาม มูลคาทุกปทําใหสวนเกินสวนต่ํากระจายทุกป แทนที่จะตัดเปน กําไรหรือขาดทุนเมื่อครบกําหนดไถถอน 4. การตีราคาเงินลงทุนในหุนกู 4.1 หลักทรัพยเผื่อขาย ใหแสดงราคา มูลคายุติธรรม ผลตางให บันทึกเปนกําไรขาดทุนที่ยังไมเกิดขึ้น โดยแสดงไวในสวนของ สวนของผูถือหุน 4.2 ตราสารหนี้ ที่จ ะถือ จนครบกํา หนด แสดงในราคาทุ น ตั ด จําหนาย 5. การโอนเปลี่ยนประเภทหุนกู 5.1 การโอนหลักทรัพยเผื่อขายเปนตราสารหนี้ที่จ ะถือจนครบ กําหนด ใหบันทึกเปนหลักทรัพยใหมในราคายุติธรรมและตัด จําหนายหลักทรัพยเดิมตามอายุที่เหลืออยู ผลตางใหบันทึกบัญชี กําไรขาดทุนที่ยังไมเกิดขึ้นในสวนของผูถือหุน 5.2 การโอนตราสารหนี้ที่จะถือจนครบกําหนดเปนหลักทรัพยเผื่อ ขาย ใหบันทึกเปนหลักทรัพยใหมในราคายุติธรรม 6. การดอยคาของหุนกู 6.1 หลั ก ทรั พ ย เ ผื่ อ ขาย ถ า มี ห ลั ก ฐานสนั บ สนุ น ชั ด เจนว า หลักทรัพยนั้นดอยคา กิจการบันทึกปดบัญชีกําไรขาดทุนที่ยังไม เกิดขึ้นกับ หลักทรัพย สําหรับ ผลตางให บันทึกเปน ขาดทุนจาก การดอยคาเงินลงทุน 6.2 ตราสารหนี้ที่จะถือจนครบกําหนด การดอยคามักจะพิจารณา จากการไม ส ามารถชํ า ระเงิ น ต น และดอกเบี้ ย ได ทั้ ง หมดหรื อ บางสวนตามที่ร ะบุไวในสัญญา กิจการตองบั นทึกเปนขาดทุ น จากการดอยคาของเงินลงทุน
ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ ความหมายของที่ดิน อาคาร และอุปกรณ ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ (Property, Plant and Equipment) หรือ สินทรัพยถาวร หมายถึง สินทรัพยที่มีตัวตนซึ่งเขาเงื่อนไขทุกขอ ตอไปนี้ 1) กิจการมีไวเพื่อประโยชนในการผลิต เพื่อใชในการจําหนา ย สินคาหรือใหบริการ เพื่อใชเชาหรือเพื่อใชในการบริหารงาน 2) กิจการคาดวาจะใชประโยชนมากกวาหนึ่งรอบปบัญชี
การรับรูที่ดิน อาคาร และอุปกรณ มาตรฐานการบัญ ชี ฉบับ ที่ 32 เรื่ องที่ดิ น อาคาร และอุ ป กรณ กําหนดใหกิจการรับรูเปนสินทรัพยเมื่อเปนไปตามเงื่อนไขทุกขอ ดังตอไปนี้ - มีความเปนไปไดคอนขางแนนอนที่รายการนั้นจะใหป ระโยชน เชิงเศรษฐกิจตอกิจการในอนาคต - กิ จ การสามารถกํ า หนดราคาทุ น ของรายการนั้ น ได อ ย า ง สมเหตุสมผล 1. ที่ดิน (Land) ราคาทุนของที่ดิน คือ รายจายทั้งหมดเพื่อจัดหาที่ดินและเตรียม สภาพใหพรอมที่จะใชงานซึ่งประกอบดวย - ราคาซื้อ (กรณีที่มี สวนลดการคาใหหักออก เพื่อไดราคาซื้อ ที่ แทจริง) - คานายหนา คาอากรแสตมป คาทนายความ และคาธรรมเนียม ในการโอน - ภาระหนี้สินที่ติดมากับที่ดิน - ตนทุนที่ทําใหที่ดินอยูในสภาพพรอมใชงาน - รายจายในการปรับปรุงที่ดินที่มีอายุใชงานไมจํากัด 2. อาคาร (Building) ราคาทุนของอาคารประกอบดวยราคาซื้อบวกคาใชจายในการซื้อ เชน คานายหนา คาธรรมเนียมกฎหมาย คาซอมแซม กรณีที่สราง อาคารเอง ราคาทุน ประกอบดว ยคาวัตถุดิ บ คาแรงงานทางตรง คาใชจา ยในการผลิต ระหวางกอสราง หรื อถา เปน การจางเหมา ราคาจางเหมาคือราคาทุน ถาซื้ออาคารพรอมที่ดินจะตองแยกบัญชี ใหชัดเจนระหวางที่ดินและอาคาร เพราะที่ดินเปนสินทรัพยที่ไม คิดคาเสื่อมราคา แตอาคารตองคิดคา เสื่อมราคา นอกจากนี้ยัง มี ประเด็นปญหาอื่นๆ ดังนี้ 1) การซื้อที่ดินพรอมอาคาร 2) การซื้ออาคารที่มีภาระสัญญาเชาเพื่อสรางอาคารใหม 3) คาใชจายอื่นๆ 4) คาใชจายในการปลูกสรางอาคารชั่วคราวเพื่อเก็บ ของที่ใชใน การกอสรางระหวางอาคารใหม 5) คาเบี้ยประกันอัคคีภัยหรืออุบัติเหตุระหวางการกอสรางอาคาร 6) ดอกเบี้ยเงินกูที่กูมาเพื่อใชในการกอสราง 3. อุปกรณ (Equipment) 3.1 เครื่องจักร (Machinery) 3.2 รถสงของและรถยนต (Truck and Automobile) 3.3 เครื่องตกแตงและติดตั้ง (Furniture and Fixture) 3.4 เครื่องใชสํานักงาน (Office Equipment) 3.5 เครื่องมือ (Tools) - เครื่องมือที่ใชไฟฟา (Machine Tools) เชน สวานไฟฟา เปนตน - เครื่องมือที่ใชมือ (Hand Tools) เชน คอน สิ่ว ไขควง เปนตน 3.6 แบบพิมพและเบาหลอม (Patterns and Dies)
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
19
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 1 3.7 ภาชนะ (Containers) กรณี ที่ กิ จ การคิ ด ค า ภาชนะลู ก ค า โดยมี ข อ ตกลงจะลดหนี้ ใ ห กิจการตองบันทึกเครดิตบัญชีประมาณคาภาชนะที่จะรับ คืน เมื่อ ลูกคาคืนภาชนะใหจึงโอนบัญชีประมาณคาภาชนะที่จะรับ คืนหัก จากบัญชีลูกหนี้ แตถาไมคืนภาชนะให ใหตัดบัญชีภาชนะในราคา ทุน สวนผลตางใหบันทึกเปนกําไรขาดทุนจากการขายภาชนะ การกําหนดมูลคาตนทุนของที่ดิน อาคาร และอุปกรณ 1. การซื้อสินทรัพยเปนเงินสด สินทรัพยที่ซื้อเปนเงินสดควรบันทึกในราคาทุน บวกกับคาใชจาย ตางๆ ในการจัดหาและตระเตรีย มสิน ทรัพ ยใหพ รอมใชง านได เชน คาขนสง คาภาษี คาติดตั้ง คาธรรมเนียม คาจัดเตรียมสถานที่ คาใชจายในการรื้อถอน เปนตน ตัวอยางที่ 3 กิจการซื้อที่ดินแปลงหนึ่งราคา 100,000 บาท จายคา โอนกรรมสิทธิ์ 5,000 บาท คานายหนา 15,000 บาท คาถมที่ดิน 20,000 บาท คารังวัด 2,000 บาท กรณี ที่ ซื้ อ หลายชนิ ด ในราคารวม จะต อ งแบ ง ราคาทุ น ของ สินทรั พยแต ละชนิดโดยการประเมินราคาจากผู ชํานาญ เพื่อใช เปนเกณฑในการแบงราคาทุน 2. การซื้อสินทรัพยตามสัญญาผอนชําระ การซื้อสินทรัพยโดยวิธีผอนชําระ ซึ่งอาจออกตั๋วเงินจายหรือเงินกู เพื่ อ ชํ า ระคื น เป น งวดๆ โดยใช สิ น ทรั พ ย เ ป น ประกั น ถึ ง แม กรรมสิทธิ์ตามกฎหมายจะยังไมโอนจนกวาจะชําระเงินครบถวน แตในทางปฏิบัติผูซื้อจะบันทึกบัญชีสินทรัพยดวยมูลคาปจจุบัน ณ วันซื้อขาย สวนผลตางระหวางมูลคาปจจุบันและจํานวนหนี้สิน ทั้งสิ้นจะ บันทึกเปนบัญชีดอกเบี้ยจายลวงหนาหรือสวนลดตั๋ว เงินจาย 4. การไดสินทรัพยโดยการแลกเปลี่ยน 4.1 การแลกเปลี่ยนสินทรัพยตางชนิดกัน กิจการจะบันทึกราคา ทุนของ สิน ทรัพยที่ ไดมาดว ยมูลคายุ ติธรรม หรือราคาตลาด ของสิ น ทรัพ ย ที่ ไ ด ม า ผลต า งระหว า งราคาตามบั ญชี กั บ มู ล ค า ยุติธรรมใหบันทึกเปนกําไรหรือขาดทุนจากการแลกเปลี่ยน 2. การแลกเปลี่ยนสินทรัพยชนิดเดีย วกันหรือคลายกัน หมายถึง สิ น ทรั พ ย ที่ จั ด อยู ใ นประเภทเดี ย วกั น ที่ มี ลั ก ษณะการใช ง าน เหมื อนกั น เชน แลกเครื่องคอมพิว เตอรกับ เครื่องคอมพิวเตอร หรือเครื่องจักรกับเครื่องจักร ซึ่งอาจมีขนาด รุน ยี่หอ ที่แตกตาง กัน การแลกเปลี่ยนสินทรัพยชนิดเดียวกันและมีมูลคายุติธรรมเทากัน กิจ การไม ต อ งรับ รู กํ า ไรหรื อ ขาดทุ น จากการแลกเปลี่ ย น โดย บั น ทึ ก ราคาทุ น ของสิ น ทรั พ ย ใ หม ด ว ยราคาตามบั ญ ชี ข อง สินทรัพยเกา
กรณีมูลคายุติธรรมสินทรัพยใหมต่ํากวาราคาตามบัญชีสินทรัพย เกา แสดงวาสินทรัพยเกาดอยคาลง ใหบันทึกขาดทุนจากการดอย ค า ของสิ น ทรั พ ย และใช ร าคาตามบั ญ ชี ที่ ป รั บ แล ว เป น ราคา สินทรัพยใหม 5. การไดสินทรัพยจากการบริจาคหรือคนพบ สินทรัพยที่กิจการไดรับจากผูบ ริจาคใหโดยไมคิดมูลคา บางครั้ง อาจเสียคาใชจายในการรับ โอนบางแตก็เปนจํานวนเล็กนอย ซึ่ง การไมบั นทึ กราคาสินทรัพ ยหรื อบัน ทึก ในราคาต่ํา จะสงผลให ราคาสินทรัพยในงบดุลต่ํา กําไรสุท ธิสูงไป เพราะไมมีการหักคา เสื่อม และทําใหการวิเคราะหงบการเงินผิดพลาด ดังนั้นควรบันทึกสินทรัพยที่ไดมาจากการบริจาคในราคาตลาด แ ล ะ เ ค ร ดิ ต บั ญ ชี ทุ น จ า ก ก า ร บ ริ จ า ค เ ช น เ ดี ย ว กั บ ทรัพยากรธรรมชาติที่คนพบจากที่ดินยอมถือเปนกรรมสิท ธิ์ของ กิจการควรตีราคาแลวบันทึกราคาทรัพยากรธรรมชาติ และเครดิต ทุนจากการตีราคาทรัพยากรธรรมชาติที่คนพบ 6. การสรางสินทรัพยใชเอง กิจ การที่ สร า งสิ นทรัพ ยขึ้ น ใช เองเพราะไดร าคาถู ก กว าและได คุ ณ ภาพตามต อ งการ หรื อ ต อ งการใช เ ครื่ อ งจั ก รที่ มี อ ยู ส ร า ง สิ น ทรั พ ย เ พื่ อ ใช เ ครื่ อ งจั ก รให เ ต็ ม ที่ ต น ทุ น ของ สินทรัพยประกอบดวยวัตถุดิบ คาแรงงานทางตรง และคาใชจาย ในการผลิตเฉพาะสวนที่เปนของสินทรัพยนั้นสําหรับคาใชจายใน การผลิ ตสวนมากคิดเฉพาะจํ านวนที่เพิ่มขึ้ นจากการดําเนินงาน ตามปกติ ทั้งคาใชจายคงที่และผันแปร การกูเงินเพื่อสรางสินทรัพยใชเอง ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นตั้งแตเริ่มสราง จนถึงวันที่สรางเสร็จถือเปนตนทุนของสินทรัพย โดยมีเหตุผลวา เงินกูนั้นนํามาใชในการสราง สินทรัพย ดังนั้นดอกเบี้ยจึง ควรถือเปนตนทุนของสินทรัพย ตนทุนการกูยืม ตนทุนการกูยืม หมายถึง ดอกเบี้ยและตนทุนอื่นที่เกิดขึ้นจากการ กูยืมของ กิจการ ซึ่งอาจรวมถึง 1. ดอกเบี้ยที่เกิดจากเงินเบิกเกินบัญชีธนาคาร และจากเงินกูยืม ระยะสั้นและระยะยาวรวมทั้งภาษีที่เกี่ยวของกับดอกเบี้ยดังกลาวที่ ผูกูตองรับภาระ 2. จํานวนที่ตัดบัญชีของสวนลดหรือสวนเกินที่เกี่ยวกับการกูยืม 3. จํานวนที่ตัดบัญชีของรายจายที่เกี่ยวกับการจัดการกูยืม 4. คาใชจายทางการเงินที่เกิดจากสัญญาเชาทางการเงินที่เปนไป ตามมาตร-ฐานการบัญชีเรื่องการบัญชีสําหรับสัญญาเชาระยะยาว 5. ผลตางจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากเงินกูยืมและดอกเบี้ยจาย ที่เปนเงินตราตางประเทศ
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
20
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 1 คาเสื่อมราคาและมูลคาเสื่อมสิ้น การคิดคาเสื่อมราคาวิธีเสนตรง วิธีเสนตรงเปนวิธีที่งายและนิยมใชมากที่สุด โดยนําเอาราคาทุน ของสินทรัพยหักดวยราคาซาก แลวหารดวยอายุการใชงาน ตัวอยางที่ 1 เครื่องใชสํานักงานมีราคาทุน 150,000 บาท คาดวาจะ ใชงานได 10 ป และสามารถขายเปนเศษซากได 25,000 บาท การคิดคาเสื่อมราคาวิธีชั่วโมงทํางาน วิ ธี นี้ เ หมาะกั บ สิ น ทรั พ ย ป ระเภทเครื่ อ งจั ก ร เพราะถ า เดิ น เครื่ อ งจั ก รมาก ค า เสื่ อ มราคาย อ มสู ง ตามไปด ว ย ดั ง นั้ น ต อ ง ประมาณการจํานวนชั่วโมงทํางานทั้งหมด และคํานวณหาอัตราคา เสื่อมราคาตอชั่วโมงดังนี้ อัตราคาเสื่อมราคาตอชั่วโมง = ราคาทุน – ราคาซาก การคิดคาเสื่อมราคาวิธีคํานวณผลผลิตอายุการใชงาน คาเสื่อมราคาตอหนวย = ราคาทุน – ราคาซาก จํานวนผลผลิตทั้งสิ้น การคิดคาเสื่อมราคาวิธีอัตราลดลงทุกป 1. วิธีลดลงในอัตราคงที่ (Declining Balance Method) อัตราคาเสื่อมราคา = 1 − n
S C
n = อายุการใชงาน S = มูลคาซาก C = ราคาทุนของสินทรัพย 2. วิธีลดลงสองเทา (Double-declining Balance Method) วิธีนี้ใชอัตราคาเสื่อมราคาเสนตรงและเพิ่มขึ้น 2 เทา ดังนี้ อัตราคาเสื่อม =
100
x2
อายุใชงาน 3. วิธีผลบวกของลําดับปที่ใชงาน (Sum of Year’s digits Method0 วิธีนี้จะคํานวณอัตราสวนของแตละปจากอายุการใชงานคงเหลือ ในแตละงวดเปนตัวเศษตัวสวนคือผลบวกจํานวนปที่ใชงานคูณ ดวยราคาทุนหักดวยราคาซาก กรณีอายุการใชงานมีระยะเวลานาน เชน 15 ป สามารถคํานวณ ผลบวกจํานวนปที่ใชงานจากสูตรดังนี้
ผลบวกจํานวนปที่ใชงาน =
n(n + 1) 2
มูลคาเสื่อมสิ้น มู ล ค า เ สื่ อ ม สิ้ น (Depletion) ห ม า ย ถึ ง มู ล ค า ข อ ง ทรั พ ยากรธรรมชาติ ที่ ห มดไป เช น น้ํ า มั น ป า ไม แร ธ าตุ ก า ซ ธรรมชาติ เปนตน การคํ านวณมูลคาเสื่อมสิ้น จะประมาณราคา สิ น ทรั พ ย ที่ ค าดว า จะขายได ห ลั ง จากใช ท รั พ ยากรธรรมชาติ หมดแลว หักจากราคาที่จายซื้อทรัพยากรธรรมชาตินั้น ราคาทุ น ของทรั พ ยากรธรรมชาติ มีป จ จัย นํ ามาคํา นวณเพื่อ หา มูลคาเสื่อมสิ้น ดังนี้ 1) ราคาทุน 2) คาใชจายในการสํารวจ - Successful efforts - Full-cost 3) คาใชจายในการพัฒนา การคํานวณมูลคาเสื่อมสิ้นจะตองประมาณการทรัพยากรทั้งสิ้นที่ คาดวาจะ คนพบ แลวคํานวณเปนมูลคาเสื่อมสิ้นตอหนวย และคูณกับปริมาณที่ผลิตไดในงวด ดังนี้ มูลคาเสื่อมสิ้น
= ราคาทุน – ราคาซาก x ปริมาณที่ผลิตได ปริมาณผลผลิตทั้งหมด
สินทรัพยไมมีตัวตน สินทรัพยไมมีตัวตน (Intangible Asset) หมายถึง สินทรัพยที่ไมมี รู ป ร า ง แต เ ป น สิ่ ง ที่ ใ ห ป ระโยชน ใ นการดํ า เนิ น กิ จ การ เช น สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ สัมปทาน เครื่องหมายการคา และคาความนิยม ประเภทของสินทรัพยไมมีตัวตน 1. สินทรัพยไมมีตัวตนที่มีอายุการใชงานจํากัด 2. สินทรัพยไมมีตัวตนที่มีอายุการใชงานไมจํากัด สิทธิบัตร (Patents) สิทธิบัตรเปนสิทธิตามกฎหมายซึ่งรัฐบาลมอบใหเจาของในการ ผลิตและจําหนาย หรือไดรับ ประโยชนจากสิ่งประดิษฐหรือการ ออกแบบผลิตภัณฑ สิท ธิบัตรจะตัดบัญชีตามอายุที่ใชป ระโยชน หรือตามกฎหมาย โดยกฎหมายประเทศไทยใหสิท ธิบัตรในการ ประดิษฐมีอายุ 15 ป และสิทธิบัตรในการออกแบบผลิตภัณฑที่มี อายุ 7 ป ลิขสิทธิ์ (Copyright) ลิ ข สิ ท ธิ์ เ ป น สิ ท ธิ ที่ รั ฐ บาลอนุ ญ าตแก บุ ค คลในการพิ ม พ การ จําหนายบทประพันธ ภาพเขียน แผนที่ และงานศิลปะอื่นๆ โดยมี อายุตลอดชีวิตของเจาของบวกอีก 50 ป แตโดยทั่วไปลิขสิทธิ์มักมี อายุสั้นกวาอายุตามกฎหมาย คือ ควรตัดบัญชีไมเกิน 40 ป
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
21
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 1 สัมปทาน (Franchise) สัมปทานเปนสั ญญาที่ รัฐบาลตกลงใหสิทธิ แกกิจ การคา ในการ ดํ า เ นิ น ง า น เ กี่ ย ว กั บ สิ น ท รั พ ย ข อ ง รั ฐ บ า ล ที่ เ กี่ ย ว กั บ ทรั พ ยากรธรรมชาติ ห รื อ สาธารณู ป โภค เช น สั ม ปทานป า ไม สัมปทานเหมืองแร สัมปทานโรงไฟฟา สัมปทานเดินรถ เปนตน โดยมีอายุการใชงานตามอายุสัญญา เครื่องหมายการคา (Trademarks) เครื่ อ งหมายการคา เป น สิ่ งที่ แ สดงถึง การยอมรั บ ของลู ก ค า ใน กิจการหรือผลิต-ภัณฑ ซึ่งสิ่งเหลานี้จะทําใหกิจการสามารถขาย ผลิตภัณฑไดมาก และมีราคาสูงกวาผลิตภัณฑที่ไมมีเครื่องหมาย การคา สําหรับสิทธิตามเครื่องหมายการคานั้น รัฐใหการคุมครอง ตลอดอายุการใชงานของสินทรัพยนั้น คาความนิยม (Goodwill) การคํานวณคาความนิยม เมื่อขายกิจการโดยมีผลกําไรเกินปกติ จะต องตีร าคาสิน ทรั พยห นี้สิ นใหม เพื่ อหาราคาที่จ ะซื้อ ขายซึ่ ง มักจะสูงกวาราคาสินทรัพยสุทธิ ราคาที่สูงกวานี้คือคาความนิยม คาความนิยมนี้คํานวณจากกําไรของปที่ผานมาเพื่อคาด-การณวา จะเกิ ด ขึ้ น ในภายหน า ดั ง นั้ น การคํ า นวณค า ความนิ ย มจะต อ ง คํานึงถึงขอเท็จจริง 1. กําไรของปที่ผานมาเพียง 1-2 ป ไมสามารถแสดงแนวโนมของ กําไรในภายหนาไดถูกตอง 2. ผลกําไรที่นํามาคํานวณคาความนิยม ควรตัดกําไรหรือขาดทุน จากกรณีพิเศษ 3. กรณี ไ ม ท ราบว า จะมี เ หตุ ก ารณ ใ ดทํ า ให กํ า ไรภายหน า เปลี่ยนแปลง จะตองนําเหตุการณนนั้ มาพิจารณาดวย 4. ระดั บ กํา ไรที่ สู ง ขึ้ นทุ ก ป ย อ มบ ง ชี้ว า กิ จ การมีค า ความนิ ย ม ขณะที่ระดับกําไรลดลงทุกป ยอมบงชี้วาไมมีคาความนิยม ถึงแม กําไรที่ลดลงจะอยูในระดับเกินปกติก็ไมควรนํามาพิจารณา สัญญาเชา (Leaseholds) 1. สัญญาเชาเพื่อใช (Operating Lease) 1.1 ผู ใ ห เ ช า ยั ง คงมี ค วามเสี่ ย งภั ย และได รั บ ประโยชน จ าก สินทรัพยในฐานะเจาของสินทรัพย เปนตน และรับภาระคาใชจาย ตางๆ เชน คาเบี้ยประกันภัย คาภาษี คาบํา รุงรักษา และคาเสื่อ ม ราคา เปนตน 1.2 ผู เช าไม มีโ อกาสเลื อกที่ จะซื้อ สิน ทรั พย ที่ เช าเมื่อ หมดอายุ สัญญาเชา 1.3 ฝ า ยหนึ่ ง ฝ า ยใดอาจบอกเลิ ก สั ญ ญาเช า ได โ ดยบอกกล า ว ลวงหนาเล็กนอย 1.4 สัญญาเชามักจะมีกําหนดเวลาสั้นกวาอายุของสินทรัพย การบันทึกบัญชี ผูใหเชาจะแสดงเปนรายไดสวนสินทรัพยที่ให เชาเปน สินทรัพยถาวร เชน อาคารใหเชาหักดวยคาเสื่อม
ราคาสะสม ส ว นผู เ ชา บั น ทึ ก เปน ค า ใช จ ายตามระยะเวลาของ ผลประโยชนที่ใชสินทรัพย 2. สัญญาเชาเพื่อซื้อ (Capital Lease) 2.1 สัญญาเชาโอนกรรมสิท ธิ์ในสินทรัพยใหแกผูเชาเมื่อสิ้นอายุ สัญญาเชา 2.2 สัญญาเชาใหสิทธิผูเชาซื้อสินทรัพยที่เชาไดในราคาที่ต่ํากวา ราคาที่ขายใหแกบุคคลภายนอก 2.3 สัญญาเชามีกําหนดเวลาไมนอยกวา 75% ของอายุการใชงาน ทั้งสิ้นของสินทรัพยที่เชา 2.4 มูลคาปจจุบันของคาเชาทั้งสิ้น ณ วันทําสัญญาเชาจะตองจาย อีกเปนจํานวนไมนอยกวา 90% ของราคาที่ขายใหบุคคลภายนอก หรือราคายุตธิ รรม (Fair Value) การบันทึ กบัญชี ตองคํานวณหามู ลคาปจจุ บัน (Present Value) และสิ่ งสํา คัญคือ ตองทราบอัตราดอกเบี้ย ที่ผูให เชา คํานวณตาม สัญ ญาเช า แต ถ า ไม ท ราบให ใ ช อั ต ราเงิ น กู ยื ม ที่ มี เ งื่ อ นไขและ ระยะเวลาการชําระหนี้อยางเดียวกัน คาใชจายกอนเริ่มดําเนินงาน (Pre-operating Expenses) คา ใชจ า ยกอ นดํ าเนิ นงานเป น ค าใช จา ยประเภทเงิ นเดื อ น และ คาใชจายสํานัก-งานที่จายกอนที่บริษัทจะเริ่มดําเนินงานหรือกอน ผลิตสินคา ซึ่งเปนเงินจํานวนมาก มักตัดบัญชีภายใน 3-5 ป คาใชจายในการจัดตั้งบริษัท (Organization Costs) คาใชจายในการตั้งบริษัทเปนคาใชจายเกี่ยวกับ การจดทะเบียนตั้ง บริษัท คาทนายความ คาพิมพใบหุน และคาธรรมเนียมอื่นๆ ที่จาย ขณะจัดตั้งบริษัท ซึ่งถือวาเปนประโยชนกิจการตลอดระยะเวลา ดําเนินการ ในทางบัญชีกิจการมักนิยมตัดบัญชีใหหมดไปภายใน 3-5 ป คาใชจายกอนเริม่ ดําเนินงาน (Pre-operating Expenses) คาใชจายกอนเริ่มดําเนินงานเปนคาใชจายประเภทเงินเดือนและ คาใช จาย สํ านักงาน ซึ่ งจายกอนที่ บ ริษัท จะเริ่ มดําเนินงาน หรือกอนผลิตสินคา ซึ่งเปนเงินจํานวนมาก มักตัดบัญชีภายใน 3-5 ป คาใชจายในการจัดตั้งบริษัท (Organization Costs) คาใชจายในการจัดตั้งบริษัทเปนคาใชจายเกี่ยวกับ การจดทะเบียน ตั้งบริษัท คาทนายความ คาพิมพใบหุน และคาธรรมเนียมอื่นๆ ที่ จา ยขณะจั ด ตั้ ง บริ ษั ท ซึ่ง ถื อ ว าเป น ประโยชนต อ กิ จ การตลอด ระยะเวลาดําเนินการ ในทางบัญชีกิจการมักนิยมตัดบัญชีใหหมด ไปภายใน 3-5 ป ค า ใ ช จ าย ใ น ก า รวิ จั ย แ ละ พั ฒน า (Research and Development Costs) คาใชจา ยในการวิจั ยและพัฒ นาเปน คาใชจา ยประเภทเงินเดือ น คาจาง ตนทุนของวัสดุ คาบริการ และอื่นๆ ที่เกี่ยวกับกิจกรรมการ วิจัยและการพัฒนาผลิตภัณฑหรือกรรมวิธีตางๆ การบันทึกบัญชี
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 1 อาจตัดตามระยะเวลาที่คาดวาจะไดรับประโยชนในอนาคต หรือ เกณฑ การขาย หรือ จํา นวนผลผลิต หรื อกิ จกรรมผลผลิต หรื อ ระยะเวลาที่ใชกรรมวิธีนั้น คาใชจายรอการตัดบัญชี (Deferred Costs) คาใชจายรอการตัดบัญชีเปนคาใชจายที่ใหประโยชน นานกว า หนึ่ ง งวดบัญ ชี และตัด จํ าหน ายภายในระยะเวลาที่ ใ ห ประโยชน การแสดงสินทรัพยไมมีตัวตนในงบดุล การแสดงสินทรัพยไมมีตัวตนในงบดุล ทําไดดังนี้ 1. แสดงสินทรัพยไมมีตัวตนภายใตหัวขอสินทรัพยไมมีตัวตน 2. แสดงสินทรัพยไมมีตัวตนภายใตหัวขอสินทรัพยอื่นๆ การแสดงสิ นทรัพ ยทั้ง 2 วิธี มักแสดงด วยยอดสุทธิ หลังจากหั ก จํานวนที่ตัดเปนคาใชจายแลวโดยแสดงหลักเกณฑในการตัดบัญชี ใหทราบในหมายเหตุทายงบการเงินดวย การดอยคาของสินทรัพยไมมีตัวตน ตัวอยาง บริษัทเดินรถประจําทางแหงหนึ่งมีสัญญากับเทศบาลใน การใหบริการเดินรถประจําทาง 3 สาย ณ วันนี้ปรากฏวาการเดิน รถประจําทางสายหนึ่งขาดทุนอยางมาก ซึ่งกิจการคาดวามูลคาที่ คาดวาจะไดรับในอนาคตเทากับ 150,000 บาท ในขณะที่ราคาตาม บัญชีเทากับ 250,000 บาท การบันทึกบัญชี ขาดทุนจากการดอยคาของสินทรัพย 100,000 สัมปทานเดินรถประจําทาง 100,000
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
22
23
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 2
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 2 อ.จิรเดชา วันชูเพลา ลักษณะทั่วไปของหางหุนสวน 1. ประเภทของหางหุนสวน มี 2 ประเภท 1. หางหุนสวนสามัญ (Ordinary or Unlimited Partnership) เปนบุคคลธรรมดา, “หางหุนสวนสามัญ”, หุนสวนไม จํากัดทุกคน, เปนหุนสวนผจก.ทุกคน 2. หางหุนสวนจํากัด (Limited Partnership) ตองจดทะเบียนเปนนิติบุคคลเสมอ มีหุนสวน 2 แบบ คือ 2.1 หุนสวนไมจํากัดความรับผิด ◊ ตองมีอยางนอย 1 คน คอยจัดการงานของหางฯ (ลงทุนไดทั้งเงินสด สินทรัพย อื่น แรงงาน) 2.2 หุนสวนจํากัดความรับผิด ◊ รับผิดในหนี้เฉพาะเงินลงทุนของตน (หาม 1.จัดการงานของหางฯ 2.ลงทุนเปน แรงงาน 3.ถอนเงินเกินเงินลงทุน) 2. ลักษณะเฉพาะของหางหุนสวน 1. อายุจํากัด (Limited Life) – หางจะเลิกทันทีถารับหุนสวนใหม หรือหุนสวนลาออก หรือหุนสวนตาย หรือหุนสวนลมละลาย/ ไรความสามารถ หรือเกิดเหตุการณตามที่ระบุไวในสัญญาวาใหเลิกกิจการ 2. เปนตัวแทนซึ่งกันและกัน (Mutual Agency) 3. รับผิดในหนี้สินไมจํากัด (Unlimited Liability) 4. เปนเจาของสินทรัพยและกําไรรวมกัน (Co-Ownership of Partnership’s Asset and Income) การบัญชีของหางหุนสวน 1. บัญชีที่เกี่ยวของกับผูเปนหุนสวน 1. บัญชีทุน (Capital Accounts) – ลงทุนเริ่มแรก เพิ่มทุน ลดทุน 2. บัญชีกระแสทุน/บัญชีเงินถอน (Current/Drawing Accounts) – รับสวนแบงกําไร, ถอนใชสวนตัว 3.บัญชีเงินทดรอง (Receivable Accounts) เปนเงินที่จายใหหุนสวนลวงหนา (ไมใชการลดทุน) เรียก “เงินใหกูยืมระยะสั้น/ยาวแกบุคคลหรือ กิจการที่เกี่ยวของกัน” 4. บัญชีเงินกู (Payable Accounts) เปนเงินที่หางฯ ยืมจากหุนสวน (ไมใชการเพิ่มทุน) เรียก “เงินกูยืมระยะสั้น/ยาวแกบุคคลหรือกิจการที่ เกี่ยวของกัน” 2. การเปดบัญชีเมือ่ จัดตั้งหางหุนสวน การลงทุนของผูเปนหุนสวน v เงินสด v สินทรัพยอื่น (รวมทั้งหนี้สินก็ได) ใชราคายุติธรรม (Fair Value) ณ วันที่นํามาลงทุน v แรงงาน (ถาไมไดตีราคาไว ก็ใชคาเฉลี่ยทุนของหุนสวนอื่นที่ลงทุนรวมกัน) แตแรงงานจะไมได เงินทุนคืนตอนชําระบัญชี 3. การแบงกําไรและขาดทุน 1. อัตราสวนคงที่ (Fixed Ratio) สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 2
24
v อัตราเทากัน หรือ ตามสัญญา 2. อัตราสวนทุน (Capital Balance Ratio) v ทุน ณ วันเริ่มกิจการ , ทุน ณ วันตนงวด , ทุน ณ วันสิ้นงวด , ทุนถัวเฉลี่ย 3. คิดดอกเบี้ยใหเงินทุน (Interest on Capital Investment) 4. อัตราสวนความสามารถและเวลาในการปฏิบัติงานของหุนสวนแตละคน (Service Contribution Bases) การเปลี่ยนแปลงในสวนของผูเปนหุนสวน 1. การรับผูเปนหุนสวนใหม (Admission of a New partner) ผูเปนหุนสวนใหมจะรับสิทธิสวนไดเสียในหางหุนสวนจาก 2 วิธีคือ 1.1 ผูเปนหุนสวนใหมซื้อสิทธิสวนไดเสียของผูเปนหุนสวนเกา(Admission by purchase interest) แบงไดเปน 3 กรณี 1) ซื้อสิทธิสวนไดเสียในราคาเทากับสิทธิสวนไดเสียที่ไดรับ >>ไมมีโบนัสและคาความนิยม 2) ซื้อสิทธิสวนไดเสียในราคาสูงกวาสิทธิสวนไดเสียที่ไดรับ วิธีโบนัส : หางฯไมรับรูเงินที่ผูเปนหุนสวนใหมจายสูงกวา (บันทึกเหมือนกรณีที่ 1) วิธีคาความนิยม : คาความนิยมเปนของ “หุนสวนเกา” คาความนิยม = โบนัส สิทธิสวนไดเสียของผูเปนหุนสวนใหม 3) ซื้อสิทธิสวนไดเสียในราคาต่ํากวาสิทธิสวนไดเสียที่ไดรับ วิธีโบนัส : หางฯไมรับรูเงินที่ผูเปนหุนสวนใหมต่ํากวา (บันทึกเหมือน กรณีที่ 1) วิธีคาความนิยม : คาความนิยมเปนของ “หุนสวนใหม” คาความนิยม = โบนัส สิทธิสวนไดเสียของผูเปนหุนสวนเกา
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 2
25
ขอสังเกตเกี่ยวกับคาความนิยม 1. คาความนิยมจะตองคํานวณใหกับฝายที่ไดประโยชนเสมอ 2. การคํานวณคาความนิยมมีขั้นตอนดังนี้ 1. ตองหาวาฝายใดไดประโยชน(หุนสวนเกา หรือ หุนสวนใหม) 2. คํานวณหาคาความนิยมโดยการเทียบบัญญัติไตรยางศ(Prorate) 3. การProrate ใหเทียบจาก “ผูจาย àผูรับ” เสมอ 3. จะตองบันทึกคานิยมใหกับผูไดรับประโยชนกอนที่จะโอนสวนไดเสียใหกับผูเปนหุนสวนใหม 4. หลังจากนั้นใหบันทึกสวนไดเสียที่โอนใหกับผูเปนหุนสวนใหมดวย “มูลคาที่ผูเปนหุนสวนใหมจายซื้อ” (มูลคาบัญชีทุนของหุนสวนใหม) 5. ดังนั้น มูลคาบัญชีทุนของหุนสวนใหม = มูลคาตามสวนไดเสียที่ไดรับ 6. วิธีตรวจเช็คความถูกตองจากสมการในขอที่ 5 คือ มูลคาบัญชีสวนไดเสียที่ไดรับ = มูลคาที่ผูเปนหุนสวนใหมจายซื้อ มูลคาตามสวนไดเสียที่ไดรับ = สัดสวนที่ตกลงกัน X มูลคาทุนรวมหลังโอนสวนไดเสีย (ถา 2 รายการขางตนไมเทากัน แสดงวาโอนสวนไดเสียไมถูกตอง) 1.2 ผูเปนหุนสวนใหมนําสินทรัพยมาลงทุนในหางหุนสวน (Admission by investment) แบงได เปน 3 กรณี กรณีที่ 1) จํานวนเงินลงทุนเทากับสิทธิสวนไดเสียที่ไดรับ ขั้นตอน: 1. หามูลคายุติธรรมของสินทรัพยที่นํามาลงทุน 2. ใหนําอัตราสวนไดเสียที่ตกลงกันไปคูณกับทุนรวมหลังจากบวกมูลคายุติธรรมของสินทรัพยที่นํามา ลงทุน 3. มูลคาจากขอ 1 ตองเทากับขอ 2 กรณีที่ 2) จํานวนเงินลงทุนสูงกวาสิทธิสวนไดเสียที่ไดรับ ขั้นตอน: 1. หามูลคายุติธรรมของสินทรัพยที่นํามาลงทุน 2. ใหนําอัตราสวนไดเสียที่ตกลงกันไปคูณกับทุนรวมหลังจากบวกมูลคายุติธรรมของสินทรัพยที่นํามา ลงทุน 3. มูลคาจากขอ 1 ตองสูงกวาขอ 2 วิธีโบนัส :1) บันทึกทุนของผูเปนหุนสวนใหมดวยมูลคายุติธรรมของสินทรัพยที่นํามาลงทุน 2) สวนที่มูลคายุติธรรมของสินทรัพยที่นํามาลงทุนสูงกวาสิทธิสวนไดเสียใหผูเปนหุนสวนเการับรู โบนัส วิธีคาความนิยม : คาความนิยมเปนของ “หุนสวนเกา” คาความนิยม = มูลคาทุนของหางหลังรับหุนสวน – มูลคาทุนของหางหุนสวนเกา – เงินทุนที่ผูเปนหุนสวนใหมนํามาลง กรณีที่ 3) จํานวนเงินลงทุนต่ํากวาสิทธิสวนไดเสียที่ไดรับ วิธีโบนัส :1) บันทึกทุนของผูเปนหุนสวนใหมดวยมูลคายุติธรรมของสินทรัพยที่นํามาลงทุน สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 2
26
2) สวนที่มูลคายุติธรรมของสินทรัพยที่นํามาลงทุนต่ํากวาสิทธิสวนไดเสียใหผูเปนหุนสวนใหมรับรูโ บนัส วิธีคาความนิยม : คาความนิยมเปนของ “หุนสวนใหม” คาความนิยม = มูลคาทุนของหางหลังรับหุนสวน – มูลคาทุนของหางหุนสวนเกา – เงินทุนที่ผูเปนหุนสวนใหมนํามาลง 2. การลาออกของผูเปนหุนสวน การบันทึกบัญชีเมื่อผูเปนหุนสวนเกาลาออก มี 2 ลักษณะไดแก 2.1 หุนสวนผูลาออกขายสิทธิสวนไดเสียของตนใหแกบุคคลภายนอกหรือผูเปนหุนสวนที่เหลืออยู มี หลักเกณฑดังนี้ 1. หางหุนสวนบันทึกการโอนทุนของหุนสวนผูลาออกไปยังบัญชีทุนของผูเปนหุนสวนใหม/ผู เปนหุนสวนเกาที่รับซื้อไว 2. หางหุนสวนไมบันทึกบัญชีการรับจายเงินที่ซื้อขาย 2.2 หางหุนสวนชําระคืนทุนดวยเงินสดหรือสินทรัพยใหแกหุนสวนผูลาออก พิจารณาได 3 กรณี 2.2.1. การชําระคืนทุนดวยจํานวนเทากับสิทธิสวนไดเสีย 1. ไมมีโบนัสหรือคาความนิยม และ 2. ตัดบัญชีทุนของหุนสวนที่ลาออกดวยมูลคาสินทรัพยที่จายคืน 2.2.2. การชําระคืนทุนดวยจํานวนสูงกวาสิทธิสวนไดเสีย >>หางฯตองรับรูสวนที่จายสูงกวาเปนโบนัสหรือคาความนิยมใหกับหุนสวนที่ลาออก 1) วิธีโบนัส สวนที่จายคืนทุนสูงกวาสวนไดเสีย(ใหถือเปนโบนัสของหุนสวนที่ลาออก)โดยใหตัดไปยังบัญชีทุนของ หุนสวนที่เหลืออยูตามอัตราสวนแบงกําไรขาดทุน 2) วิธีคาความนิยม ขั้นตอน; 1. คํานวณคาความนิยม 2. บันทึกคาความนิยม(“ใหกับหุนสวนทั้งหมด” หรือ “เฉพาะหุนสวนที่ลาออก”) 3. ตัดบัญชีทุนของหุนสวนที่ลาออกดวยจํานวนเงินที่หางฯตกลงจาย 2.2.3. การชําระคืนทุนดวยจํานวนต่ํากวาสิทธิสวนไดเสีย >>หางฯตองรับรูสวนที่จายต่ํากวาเปนโบนัสหรือคาความนิยมใหกับหุนสวนที่เหลืออยู 1) วิธีโบนัส สวนที่จายคืนทุนต่ํากวาสวนไดเสีย(ใหถือเปนโบนัสของหุนสวนที่เหลืออยู) โดยใหเพิ่มไปยังบัญชีทุน ของหุนสวนที่เหลืออยูต ามอัตราสวนแบงกําไรขาดทุน 2) วิธีคาความนิยม ขั้นตอน; 1. คํานวณคาความนิยม(เปนคาความนิยมติดลบ : อยูดานเครดิต) 2. บันทึกคาความนิยม(“ใหกับหุนสวนทั้งหมด” หรือ “เฉพาะหุนสวนที่ลาออก”)
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 2
27
3. ตัดบัญชีทุนของหุนสวนที่ลาออกดวยจํานวนเงินที่หางฯตกลงจาย 3. การตายของผูเปนหุนสวน การคืนทุนทําได 3 วิธี 1. จายชําระจากสินทรัพยของหางหุนสวน 2. ผูเปนหุนสวนที่เหลือจายซื้อสิทธิสวนไดเสียของหุนสวนผูตาย 3. จายชําระจากเงินกรมธรรมประกันชีวิตของผูเปนหุนสวน สวนสิทธิสวนไดเสียของหุนสวนผูตายโอน ไปใหผูเปนหุนสวนที่เหลืออยู การเลิกหางหุนสวนและการชําระบัญชีหางหุนสวน 1. สาเหตุที่ตองเลิกกิจการหางหุนสวน หางหุนสวนอาจเลิกไดจาก 3 กรณี • การเลิกตามบทบัญญัติของกฎหมาย มี 5 ประการ • การเลิกโดยเปนความประสงคของหุนสวนทั้งหมด • การเลิกตามคําสั่งศาล 2. การชําระบัญชีของหางหุนสวน การชําระบัญชีตามกฎหมาย มีขั้นตอนตามลําดับดังนี้ 1. ชําระหนี้แกบุคคลภายนอก 2. ชําระเงินกูใหกับหุนสวน 3. คืนทุนใหกับหุนสวนสําหรับทุนที่หุนสวนแตละคนนํามาลงทุน 4. หากยังมีสินทรัพยเหลือ ถือเปนการแบงกําไร 3. วิธีปฏิบัติในการชําระบัญชี การชําระบัญชีในทางบัญชีมี 3 ขั้นตามลําดับดังนี้ 1. ปดบัญชีตามลําดับดังนี้ Ø ปดบัญชีรายไดและคาใชจาย Ø คํานวณกําไรขาดทุนตั้งแตตนงวดจนถึงวันเลิกกิจการ Ø แบงกําไรขาดทุนไปใหผูเปนหุนสวนตามอัตรากําไรขาดทุน 2. จําหนายสินทรัพยที่ไมใชเงินสด และถาหากมีกําไรขาดทุนจากการจําหนาย ใหแบงไปใหผูเปนหุนสวน ตามอัตราสวนแบงกําไรขาดทุน 3. นําเงินสดที่เหลืออยูทั้งหมดหลังจากการจําหนายสินทรัพยและหักคาใชจายในการชําระบัญชีแลว ใหจาย ใหกับบุคคลตามลําดับดังนี้ 3.1 จายชําระหนี้สินแกบุคคลภายนอก 3.2 จายชําระเงินกูและจายคืนทุนของผูเปนหุนสวน 4. สิทธิเรียกรองของเจาหนี้ Ø ถาหางหุนสวนลมละลาย เจาหนี้มีสิทธิเรียกรองจากสินทรัพยสวนตัวของผูเปนหุนสวนประเภทไมจํากัด ความรับผิดได Ø ถาผูเปนหุนสวนดังกลาวลมละลายแลว แตยังมีผลขาดทุน(หนี้สินมากกวาทุนของผูเปนหุนสวน) เหลืออยู หางหุนสวนตองเฉลี่ยผลขาดทุนนี้ไปใหผูเปนหุนสวนที่เหลือ
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 2
28
5. วิธีการชําระบัญชีและจายคืนทุน วิธีการชําระบัญชีและจายคืนทุนมี 2 วิธี ขึ้นอยูกับระยะเวลาที่ใชในการชําระบัญชี คือ 5.1 การจายคืนทุนครั้งเดียวภายหลังจากสินทรัพยทั้งหมดของหางหุนสวนไดจําหนายไปแลว (Simple Liquidation) 5.2 การจายคืนทุนเปนงวดกอนที่สินทรัพยของหางหุนสวนจะจําหนายไปไดทั้งหมด (Installment Liquidation) การบัญชีบริษัทจํากัด 1. ชนิดของหุนทุน แบงตามลักษณะไดดังนี้ 1. หุนทุน = หุนเปนความหมายโดยกวางคลอบคลุมหุนทุนชนิดอื่นๆ 2. หุนทุนจดทะเบียน = หุนที่จดทะเบียนไว ซึ่งหมายถึงจํานวนที่มากที่สุดที่จะสามารถนําออกขายไดใน ขณะนั้น (= 3+4) 3. หุนทุนที่ออกใบหุนแลว = หุนทุนทะเบียนที่ขายไปแลว 4. หุนทุนที่ยังมิไดออกจําหนาย = หุนทุนทะเบียนที่ยังไมไดขาย 5. หุนทุนที่ไดรับคืน = หุนทุนที่ออกใบหุนแลวซึ่งตอมาไดรับคืน(= 3-6) 6. หุนทุนที่อยูในมือผูถือหุน = หุนทุนที่ขายไปแลวและยังอยูในมือผูถือหุน (= 3-5) 7. หุนทุนใหจอง = หุนทุนที่มีผูจองซื้อแลว แตยังจายเงินไมครบ 8. หุนลม = หุนที่เกิดจากการนําหุนไปแลกสินทรัพยที่มีราคาสูงเกินจริง 9. หุนชนิดมีมูลคา = หุนที่มีราคากําหนดในใบหุน 10. หุนชนิดไมมีมูลคา = หุนที่ไมมีราคากําหนดในใบหุน(แตมีราคาขาย) แตถาหากแบงหุนทุนตามบุริมสิทธิก็จะแบงไดเปน 2 ประเภทดังนี้ 1. หุนสามัญ(Common Stock) มีลักษณะสําคัญดังนี้ A เปนหุนที่ทุกบริษัทตองออกจําหนาย A ผูถือหุนนี้มีฐานะเปนเจาของและมีสิทธิในการบริหารบริษัท A ผูถือหุนนี้ไดรับเงินปนผลและไดรับสวนแบงในสินทรัพยเมื่อเลิกกิจการหลังผูถือหุน บุริมสิทธิ 2. หุนบุริมสิทธิ(Preferred Stock) มีลักษณะสําคัญดังนี้ A เปนหุนที่มีบุริมสิทธิเหนือกวาหุนสามัญ เชน ไดรับเงินปนผลกอน A ผูถือหุนนี้ไมมีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมผูถือหุน 2. การบันทึกบัญชีเกี่ยวกับการจําหนายหุนทุน 2.1 การจําหนายหุนทุนเปนเงินสด แบงการพิจารณาเปนแตละกรณีดังนี้ 1. หุนทุนชนิดมีมูลคา(Par Value Stock) มีขั้นตอนการบันทึกบัญชีดังนี้ I. บันทึกเงินสดที่ไดรับ II. บันทึกมูลคาหุนทุนที่ออกจําหนาย III. ผลตางระหวางระหวาง I และ II รับรูเปนบัญชี “สวนเกินมูลคาหุน” หรือ “สวนต่ํากวามูลคาหุน”
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 2
Dr.
เงินสด XXX Cr. หุนสามัญ/หุนบุริมสิทธิ XXX สวนเกินมูลคาหุนสามัญ/หุนบุริมสิทธิ(ถามี) XXX 2. หุนทุนชนิดไมมีมูลคา(No-Par Stock) มีขั้นตอนการบันทึกบัญชีดังนี้ I. บันทึกเงินสดที่ไดรับ II. บันทึกมูลคาหุนทุนที่ออกจําหนาย (หมายเหตุ : โดยปกติจะไมมีการรับรูบัญชี“สวนเกินมูลคาหุน” หรือ “สวนต่ํากวามูลคาหุน” เวนแตกรณีมีการ กําหนดราคาขั้นต่ําไว) 2.2 การจําหนายหุนทุนโดยการใหจอง(Stock Sold on Subscription Basis) มีขั้นตอนการบันทึกบัญชีดังนี้ I. บันทึกบัญชีเมื่อใหจองหุน Dr. ลูกหนี้หุนสั่งจอง XXX Cr. หุนสามัญ/หุนบุริมสิทธิใหจอง XXX สวนเกินมูลคาหุนสามัญ/หุนบุริมสิทธิ(ถามี) XXX II. บันทึกบัญชีเมื่อลูกหนี้เอาเงินมาจายคาหุนเปนงวด Dr. เงินสด XXX Cr. ลูกหนี้หุนสั่งจอง XXX III. บันทึกบัญชีเมื่อบริษัทออกใบหุน(เก็บเงินครบแลว) Dr. หุนสามัญ/หุนบุริมสิทธิใหจอง XXX Cr. หุนสามัญ/หุนบุริมสิทธิ XXX การผิดนัดชําระคาหุน(Defaults by Subscribers) เมื่อมีการผิดนัดชําระคาหุนบริษัทสามารถจัดการกับเรื่องดังกลาวตามแตนโยบายของแตละบริษัท ซึ่ง มักจะมีวิธีปฏิบัติ 4 วิธีดังนี้ 1. คืนเงินคาหุนที่ผูจองชําระมาแลวทั้งหมด 2. คืนเงินคาหุนที่ผูจองชําระมาแลวหักดวยผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการนําหุนที่ริบนั้นออกจําหนาย 3. ออกหุนใหบางสวนเทากับจํานวนที่ชําระมาแลว 4. ริบเงินที่ผูจองชําระมาแลวทั้งหมด การเปลี่ยนแปลงเงินทุนของบริษัทจํากัด 1. หุนทุนที่ไดรับคืนมาหรือหุนสามัญที่ไดรับคืนมา(Treasury Stock) หุนทุนซื้อคืนมีลักษณะคลายกับหุนทุนที่ยังมิไดนําออกจําหนาย (Un-issued Capital Stock) ซึ่งไมถือ เปนสินทรัพย และมีลักษณะเหมือนบริษัทเปนผูถือหุนของตนเอง ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยมาตรา 1143 บริษัทจํากัดไมสามารถมีหุนทุนของตนเองได แต บริษัทมหาชนสามารถซื้อหุนของตนเองคืนมาได 1.1 วิธีการบันทึกบัญชีหุนทุนซื้อคืน มี 2 วิธี 1. วิธีราคาทุน(Cost Method : One-transaction Concept)
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
29
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 2
30
2. วิธีราคาตามมูลคา (Par Value Method: Dual-transaction Concept) หมายเหตุ: คณะกรรมการมาตรฐานการบัญชีกําหนดใหใชวิธีราคาทุน ยกเวนสถาบันการเงินที่ไดรับ อนุญาตจากธนาคารแหงประเทศไทยใหลดทุนโดยการซื้อหุนกลับคืน สามารถใชวิธีราคาตามมูลคาได วิธีราคาทุน วิธีราคาตามมูลคา 1. การบันทึกราคาหุนทุนเมื่อซื้อ ใชราคาทุนที่ซื้อคืนมา ใชราคาตามมูลคา(par) คืน Dr.หุนทุนซื้อคืน(ราคาทุนที่ซื้อคืน กรณี 1) ราคาทุนที่ซื้อคืนมา มา) Cr.เงินสด เทากับราคาที่จําหนายครั้งแรก Dr.หุนทุนซื้อคืน(ราคาpar) สวนเกินมูลคาหุน (ถามี) Cr.เงินสด กรณี 2) ราคาทุนที่ซื้อคืนมาสูง กวาราคาที่จําหนายครั้งแรก Dr.หุนทุนซื้อคืน(ราคาpar) สวนเกินมูลคาหุน (ถามี) สวนเกินทุนหุนทุนซื้อคืน(หรือ กําไรสะสม หรือ ทั้งสองบัญชี) Cr.เงินสด กรณี 3) ราคาทุนที่ซื้อคืนมาต่ํา กวาราคาที่จําหนายครั้งแรก Dr.หุนทุนซื้อคืน(ราคาpar) สวนเกินมูลคาหุน (ถามี) Cr.เงินสด สวนเกินทุนหุนทุนซื้อคืน 2. วิธีการบันทึกราคาหุนทุนเมื่อ จําหนาย 1) จําหนายในราคาเทากับราคาตาม ไมมีสวนเกินทุนหุนทุนซื้อคืน ไมมีสวนเกินทุนหุนทุนซื้อคืน บัญชี Dr.เงินสด Dr.เงินสด Cr.หุนทุนซื้อคืน(ราคาทุนที่ซื้อคืน Cr.หุนทุนซื้อคืน(ราคาpar) มา) 2) จําหนายในราคาสูงกวาราคาตาม บันทึกบัญชี "สวนเกินทุนหุนทุนซื้อ บันทึกบัญชี "สวนเกินมูลคาหุน" บัญชี คืน" Dr.เงินสด Dr.เงินสด Cr.หุนทุนซื้อคืน(ราคาทุนที่ซื้อคืน Cr.หุนทุนซื้อคืน(ราคาpar) มา) Cr.สวนเกินทุนหุนทุนซื้อคืน Cr.สวนเกินมูลคาหุน สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 2
3) จําหนายในราคาต่ํากับราคาตาม บัญชี
31
ลดยอดบัญชี "สวนเกินทุนหุนทุนซื้อ ลดยอดบัญชี "สวนเกินทุนหุนทุน คืน" แตถายังไมพอใหบันทึกเดบิต ซื้อคืน" แตถายังไมพอใหบันทึก กําไรสะสม เดบิตกําไรสะสม Dr.เงินสด Dr.เงินสด สวนเกินทุนหุนทุนซื้อคืน(หรือกําไร สวนเกินทุนหุนทุนซื้อคืน(หรือ สะสม หรือ ทั้งสองบัญชี) กําไรสะสม หรือ ทั้งสองบัญชี) Cr.หุนทุนซื้อคืน(ราคาทุนที่ซื้อคืน Cr.หุนทุนซื้อคืน(ราคาpar) มา) การคํานวนราคาหุนทุนเมื่อ ใชวิธีถัวเฉลี่ยถวงน้ําหนัก , ใชราคาตามมูลคา(par) ของหุนที่ จําหนาย เฉพาะเจาะจง ,FIFO จําหนาย 1.2 การยกเลิกหุนทุนซื้อคืน(Retirement of Treasury Stock) ในกรณีที่บริษัทไมสามารถจําหนายหุนทุนซื้อคืนใหหมดภายใน 3 ป บริษัทตองยกเลิกหุนทุนซื้อคืน ซึ่งมี วิธีการบันทึกบัญชี 2 วิธี คือ วิธีราคาทุน หรือ วิธีราคาตามมูลคา แตจะใชวิธีใดนัน้ ขึ้นอยูกับวาตอนที่บันทึกซื้อ คืนกลับมาใชวิธีใดนั่นเอง(การซื้อหุนทุนกลับคืนมาก็มี 2 วิธีเชนเดียวกันนี้คือ วิธีราคาทุน หรือ วิธีราคาตามมูลคา ) วิธีราคาทุน วิธีราคาตามมูลคา 1. การยกเลิกหุนทุนซื้อคืน ยกเลิกโดยใชราคาทุนที่ซื้อคืนมา ยกเลิกโดยใชราคาตามมูลคา(par) กรณีที่ 1) ราคาทุนที่ซื้อมาเทากับ Dr.หุนทุน(ราคาตามมูลคา) ราคาตามมูลคา Cr.หุนทุนซื้อคืน(ราคาตามมูลคา) Dr.หุนทุน(ราคาตามมูลคา) Cr.หุนทุนซื้อคืน(ราคาทุนที่ซื้อคืน มา) กรณีที่ 2) ราคาทุนที่ซื้อมาสูงกวา ราคาตามมูลคา Dr.หุนทุน(ราคาตามมูลคา) สวนเกินทุนหุนทุนซื้อคืน(หรือ กําไรสะสม หรือ ทั้งสองบัญชี) Cr.หุนทุนซื้อคืน(ราคาทุนที่ซื้อคืน มา) กรณีที่ 3) ราคาทุนที่ซื้อมาต่ํากวา ราคาตามมูลคา Dr.หุนทุน(ราคาตามมูลคา) Cr.หุนทุนซื้อคืน(ราคาทุนที่ซื้อคืน มา) Cr.สวนเกินทุนหุนทุนซื้อ คืน
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
32
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 2
1.3
หุนทุนที่ไดรับคืนจากการบริจาค(Donated Treasury Stock) ในบางครั้งผูถือหุนอาจบริจาคหุนทุนคืนมาใหกับบริษัท เพื่อวัตถุบางอยาง ซึ่งบริษัทจะรับรูการบริจาค ได 2 กรณี ไดแก 1) กรณีบริษัทไดรับหุนทุนบริจาคมาและยกเลิกไปโดยไมออกจําหนายใหม 2) กรณีบริษัทไดรับหุนทุนบริจาคมาและนําออกจําหนายใหม กรณีไมออกจําหนาย
กรณีออกจําหนาย วิธีราคาทุน
1. การบันทึกราคาหุนทุนเมื่อ รับบริจาค
2. วิธีการบันทึกราคาหุนทุน เมื่อจําหนาย 1) จําหนายในราคาเทากับ ราคาตามบัญชี
2) จําหนายในราคาสูงกวา ราคาตามบัญชี
3) จําหนายในราคาต่ํากับ ราคาตามบัญชี
ใชราคายุติธรรมบันทึกบัญชีหุน ทุน Dr.หุนสามัญ/หุนบุริมสิทธิ Cr.สวนเกินทุนจากการรับ บริจาค
วิธีราคาตามมูลคา
ใชราคายุติธรรมบันทึกบัญชีหุนทุน
ใชราคาตามมูลคา(par)
Dr.หุนทุนรับคืน(ราคายุติธรรม) Cr.สวนเกินทุนจากการรับบริจาค
Dr.หุนทุนรับคืน(ราคาpar) สวนเกินมูลคาหุน (ถามี) Cr.สวนเกินทุนจากการรับ บริจาค
ไมมีสวนเกินทุนหุนทุนรับคืน
ไมมีสวนเกินทุนหุนทุนรับคืน
Dr.เงินสด Cr.หุนทุนรับคืน(ราคาตามบัญชี)
Dr.เงินสด Cr.หุนทุนซื้อคืน(ราคาpar)
บันทึกบัญชี "สวนเกินทุนหุนทุนรับคืน"
บันทึกบัญชี "สวนเกินมูลคาหุน"
Dr.เงินสด Cr.หุนทุนรับคืน(ราคาตามบัญชี) Cr.สวนเกินทุนหุนทุนรับคืน
Dr.เงินสด Cr.หุนทุนรับคืน(ราคาpar) Cr.สวนเกินมูลคาหุน
ลดยอดบัญชี "สวนเกินทุนหุนทุนรับคืน" แตถายังไมพอใหบันทึกเดบิตกําไรสะสม
ลดยอดบัญชี "สวนเกินทุนจาก การรับบริจาค"
Dr.เงินสด สวนเกินทุนหุนทุนรับคืน(หรือกําไร สะสม หรือ ทั้งสองบัญชี) Cr.หุนทุนรับคืน(ราคาตามบัญชี)
Dr.เงินสด สวนเกินทุนจากการรับบริจาค Cr.หุนทุนซื้อคืน(ราคาpar)
2. ใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุน(Stock Rights ,Warrants ,Option) ใบสําคัญแสดงสิทธิคือ เอกสารที่แสดงถึงที่ผูถือจะสามารถซื้อหุนในราคาที่กําหนดไวและ ภายในเวลาที่กําหนดได แบงไดเปน 3 ประเภทที่สําคัญ ไดแก 1. สิทธิที่ออกใหผูถือหุนเดิม(Stock Rights) หมายถึงใบสําคัญแสดงสิทธิที่บริษัทออกใหกับผูถือหุนเดิม เพื่อใหสามารถซื้อหุนทุนที่บริษัทจะออกใหมไดกอนบุคคลภายนอก 2. ใบสําคัญแสดงสิทธิ(Stock Warrants) หมายถึงใบสําคัญแสดงสิทธิที่แถมมากับหุนทุน/หุนบุริมสิทธิที่ จําหนาย ซึ่งเมื่อซื้อไปแลวจะสามารถนําใบสําคัญแสดงสิทธิไปซื้อหุนในคราวหลังได
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 2
3. สิทธิที่จะเลือกซื้อหุนสามัญ(Stock Option) หมายถึงใบสําคัญแสดงสิทธิที่มักออกใหกับผูบริหารหรือ พนักงาน เพื่อใหสามารถนําใบสําคัญแสดงสิทธิไปซื้อหุนในคราวหลังได 3. การไถคืนหุนทุน(Retirement of Callable and Redeemable Stock) การไถคืนหุนทุนมักจะสามารถทําไดกับหุนบุริมสิทธิ ซึ่งการไถถอนมี 2 ประเภท ไดแก 1. หุนบุริมสิทธิที่บริษัทเรียกมาไถคืนได(Callable Preferred Stock) 2. หุนบุริมสิทธิที่ผูถือหุนสามารถนําหุน มาไถคืนได(Redeemable Preferred Stock) การบันทึกบัญชี(ตอ) 1. กรณีราคาไถคืนสูงกวาราคาขายครั้งแรก (เปนกรณีที่มักเกิดขึ้น) Dr. หุนบุริมสิทธิ XXX สวนเกินมูลคาหุน*** XXX กําไรสะสม XXX Cr. เงินสด XXX สวนต่ํากวามูลคาหุน*** XXX ***รายการดังจะบันทึกเพียงบัญชีใดบัญชีหนึ่ง แลวแตวารายการใดไดเกิดขึ้น ณ วันที่ขายครั้งแรก 2. กรณีราคาไถคืนต่ํากวาราคาขายครั้งแรก(เปนกรณีที่เกิดขึ้นไดยาก) Dr. หุนบุริมสิทธิ XXX สวนเกินมูลคาหุน*** XXX Cr. เงินสด XXX สวนต่ํากวามูลคาหุน*** XXX สวนเกินทุนจากการไถถอน XXX ***รายการดังจะบันทึกเพียงบัญชีใดบัญชีหนึ่ง แลวแตวารายการใดไดเกิดขึ้น ณ วันที่ขายครั้งแรก 4. การแปลงสภาพหุนทุน(Stock Conversions) หุนบุริมสิทธิอาจถูกแปลงสภาพไปเปนหุนสามัญหรือหุนกูไดตามขอกําหนดที่บริษัทไดตกลงไว มีขั้นตอนดังนี้ 1. ปดบัญชีทั้งหมดเกี่ยวกับหุนบุริมสิทธิ 2. บันทึกหุนใหม(ที่แปลงสภาพแลว)ในราคาตามมูลคา 3. บันทึกลดกําไรสะสม หรือ บันทึกเพิ่มสวนเกินทุนจากการแปลงสภาพหุนบุริมสิทธิแลวแตกรณี การบันทึกบัญชี 1. กรณีแปลงสภาพแลวเกิดผลขาดทุน Dr. หุนบุริมสิทธิ XXX สวนเกินมูลคาหุน*** XXX กําไรสะสม XXX Cr. เงินสด XXX สวนต่ํากวามูลคาหุน*** XXX ***รายการดังจะบันทึกเพียงบัญชีใดบัญชีหนึ่ง แลวแตวารายการใดไดเกิดขึ้น ณ วันที่ขายครั้งแรก
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
33
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 2
34
2. กรณีแปลงสภาพแลวเกิดผลกําไร Dr. หุนบุริมสิทธิ XXX สวนเกินมูลคาหุน*** XXX Cr. หุนสามัญ XXX สวนต่ํากวามูลคาหุน*** XXX สวนเกินทุนจากการแปลงสภาพ XXX ***รายการดังจะบันทึกเพียงบัญชีใดบัญชีหนึ่ง แลวแตวารายการใดไดเกิดขึ้น ณ วันที่ขายครั้งแรก 5. การปรับปรุงทุนใหม(Quasi-Reorganization) การปรับทุนใหมของบริษัท อาจมีสาเหตุมาจาก… 1. บริษัทมีขาดทุนสะสมจํานวนมาก 2. มูลคาสินทรัพยที่บันทึกไวมีมูลคาสูงเกินความเปนจริง ขั้นตอนในการปรับปรุงทุนใหม มีดังนี้ 1. ปรับมูลคาสินทรัพยและหนี้สินเปนราคายุติธรรมผลหากมีกําไรหรือขาดทุนปรับเขากําไรสะสม 2. บริษัทตองทําใหยอดสวนเกินทุนอยางนอยเทากับยอดขาดทุนสะสม 3. นําบัญชีสวนเกินทุนไปลดยอดขาดทุนสะสม โดยสุดทายยอดขาดทุนสะสมตองเทากับศูนย 6. การแตกหุนและการรวมหุน(Stock Split and Reverse Stock Split) การบันทึกบัญชี ไมมีการบันทึกบัญชีการแตกหุนและการรวมหุน เพียงแตบันทึกความทรงจําเทานั้น ***แตทั้งนี้ การแตกหุนและการรวมหุนดังกลาวมีผลตอการคํานวณกําไรตอหุน ซึ่งตองเปดเผยเรื่องดังกลาวไวใน หมายเหตุประกอบงบการเงินดวย*** การแกไขขอผิดพลาดและการเปลี่ยนแปลงทางการบัญชี 1. ชนิดของขอผิดพลาด(Type of Errors) ขอผิดพลาด หมายถึง การที่นักบัญชีบันทึกบัญชีผิดพลาดไมถูกตองตามความเปนจริง เชน บันทึกจํานวนเงิน ผิดพลาด ,ชื่อบัญชีผิดพลาด เปนตน หากจัดประเภทของผิดพลาดทางบัญชีจากผลกระทบที่เกิดขึ้นตองบการเงิน ก็จากสามารถแบงประเภทของ ขอผิดพลาดได 2 ประเภท คือ 1. ขอผิดพลาดที่มีผลตองบการเงินในงวดปจจุบันเพียงงวดเดียว ขอผิดพลาดประเภทนี้ มีลักษณะทุกขอดังตอไปนี้ h เปนขอผิดพลาดที่เกิดขึ้นในงวดปจจุบัน h กิจการตรวจพบขอผิดพลาดดังกลาวในงวดปจจุบัน และ h กิจการไดแกไขขอผิดพลาดในงวดปจจุบัน ตัวอยางเชน : ณ วันที่ 30 กันยายน กิจการบันทึกคาไฟฟาคางจายสูงเกินไป 50,000 บาท ซึ่งกิจการพบ ขอผิดพลาดดังกลาวในตนตุลาคมของปเดียวกัน และกิจการไดแกไขดังนี้ Dr.คาไฟฟาคางจาย 50,000 Cr.คาไฟฟา 50,000 2. ขอผิดพลาดที่มีผลตองบการเงินในงวดปจจุบันและงวดกอน ขอผิดพลาดประเภทนี้ มีลักษณะทุกขอดังตอไปนี้
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 2
35
h เปนขอผิดพลาดที่เกิดขึ้นในงวดกอน h กิจการตรวจพบขอผิดพลาดดังกลาวในงวดปจจุบัน และ h กิจการไดแกไขขอผิดพลาดในงวดปจจุบัน ตัวอยางเชน : ณ วันที่ 30 ธันวาคม 25x1 กิจการบันทึกคาไฟฟาคางจายสูงเกินไป 50,000 บาท ซึ่งกิจการพบ ขอผิดพลาดดังกลาวในตนกุมภาพันธของป25x2 และกิจการไดแกไขในเดือน ก.พ.ดังนี้ Dr.คาไฟฟาคางจาย 50,000 Cr.กําไรสะสม 50,000 จากขอผิดพลาด ทําใหงบการเงินงวดกอนไมถูกตอง (คาใชจายปกอนสูงเกินไป ทําใหกําไรสุทธิต่ําเกินไป และหนี้สินสูงเกินไป) และเมื่อแกไขขอผิดพลาดดังกลาวแลว จะเห็นไดวาเปนการแกไขขอผิดพลาดโดย สงผลกระทบตอความถูกตองของงบการเงินในงวดปจจุบันดวย (ตัวเลขกําไรสะสมตนงวดปจจุบันเปลี่ยนไป ซึ่งก็เทากับกําไรสะสมปลายงวดของงวดกอนก็ตองเปลี่ยนไปดวย 2. วิธีการแกไขขอผิดพลาด(Correction of Errors) วิธีการแกไขขอผิดพลาดจะแตกตางกันไปตามแตประเภทของขอผิดพลาด ดังนั้น การศึกษาวิธีการแกไข ขอผิดพลาดจึงศึกษาในแตละประเภทของขอผิดพลาด 2.1 การแกไขขอผิดพลาดที่มีผลตองบการเงินในงวดปจจุบันเพียงงวดเดียว >>เปนการแกไขขอผิดพลาด โดยไมสงผลกระทบตองบการเงินในงวดอื่นๆ >>การบันทึกบัญชี 1) ลางรายการเกาที่บันทึกผิดพลาดออกไป 2) บันทึกรายการที่ถูกตองลงไป 2.2 การแกไขขอผิดพลาดที่มีผลตองบการเงินในงวดปจจุบันและงวดกอน การแกไขขอผิดพลาดประเภทนี้ จะตองแกไขใหเสมือนวากิจการไดแกไขขอผิดพลาดในงวดที่ ขอผิดพลาดนั้นไดเกิดขึ้นเรียบรอยแลว ***แตจริงๆแลว ไดแกไขขอผิดพลาดที่เกิดขึ้น(ของงวดกอน)ในงวดปจจุบัน และมิไดไปแกไขในสมุด บัญชีของงวดกอนซึ่งเปนงวดที่ขอผิดพลาดไดเกิดขึ้นแตอยางใด (เพราะยอนกลับไปแกไมทันเนื่องจากงวดกอน ปดบัญชีไปแลว)แตทั้งนี้ ถึงแมวาจะไดแกไขขอผิดพลาดในปปจจุบันซึ่งเปนคนละงวดกับงวดที่ขอผิดพลาด เกิดขึ้น แตสุดทายผลก็ไมแตกตางกัน***การแกไขขอผิดพลาดตามวิธีดังกลาว เรียกวา “วิธีปรับยอนหลัง” >>การบันทึกบัญชีตามขั้นตอนของวิธีการปรับยอนหลัง 1) หาผลสะสมทั้งหมดของจํานวนขอผิดพลาดที่เกิดขึ้น ตั้งแตงวดที่ขอผิดพลาดไดเกิดขึ้นจนถึงงวด ปจจุบันที่จะทําการแกไขขอผิดพลาด 2) นําจํานวนผลสะสมดังกลาวไปปรับกับบัญชีกําไรสะสม หรือ บัญชีสินทรัพย/หนี้สิน/ทุน ณ ตนงวด 3. การเปลี่ยนแปลงทางบัญชี การเปลี่ยนแปลงทางบัญชี ประกอบดวย 2 ประเภทที่สําคัญ ไดแก 1. การเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชี (Changes in Accounting Policies) การบันทึกบัญชีเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชี >>กิจการตองใชวิธี “ปรับยอนหลัง” สําหรับการรับรูผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชี กลาวคือ เปนการรับรูการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีโดยถือเสมือนวาไดมีการนํานโยบายการบัญชีใหมมาถือปฏิบัติ
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
36
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 2
โดยตลอดตั้งแตวันที่กิจการเลือกใชนโยบายบัญชี(คือ ตองแกไขโดยปรับยอนหลังตั้งแตปแรกที่เริ่มใช นโยบายบัญชีเกานั่นเอง) 2. การเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชี (Changes in Accounting Estimates) >>กิจการตองใชวิธี “เปลี่ยนทันทีเปนตนไป” สําหรับการรับรูผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงประมาณการ ทางบัญชี กลาวคือ เปนการรับรูการเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชีโดยนําผลจากการเปลี่ยนแปลง ประมาณการบัญชีมาถือปฏิบัติกับรายการ เหตุการณหรือเงื่อนไขทางบัญชีที่เกิดขึ้นนับตั้งแตวันที่มีการ เปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชีโดยไมไดปรับแกไขยอนหลังกับงบการเงินในงวดกอนหนานี้ ตารางสรุปการรับรูรายการทางบัญชีเมื่อมีการแกไขขอผิดพลาด ,การเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชี และการ เปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชี ลักษณะการเปลี่ยนแปลง วิธีการรับรูผลกระทบจากการ ลักษณะของการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลง การแกไขขอผิดพลาด
วิธีปรับยอนหลัง
จะตองแกไขใหเสมือนวากิจการได แกไขขอผิดพลาดในงวดที่ ขอผิดพลาดนั้นไดเกิดขึ้นเรียบรอย แลว
การเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชี วิธีปรับยอนหลัง
ถือเสมือนวาไดมีการนํานโยบายการ บัญชีใหมมาถือปฏิบัติโดยตลอด ตั้งแตวันที่กิจการเลือกใชนโยบาย บัญชี
การเปลี่ยนแปลงประมาณการ วิธีเปลี่ยนแปลงทันทีเปนตนไป ทางบัญชี
รับรูผลจากการเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต วันที่มีการเปลี่ยนแปลง
การคํานวณมูลคาหุนของบริษัทจํากัด 1. การคํานวณกําไรตอหุน (Earning per Share : EPS) กําไรตอหุน (Earning per Share : EPS) หมายถึง สวนเฉลี่ยของกําไรตอหุนสามัญหนึ่งหุน กําไรตอหุนจะชวยใหกิจการสามารถเปรียบเทียบผลการดําเนินสําหรับงวดเดียวกันของกิจการตางๆ และผลการการดําเนินสําหรับงวดตางๆของกิจการเดียวกันไดดียิ่งขึ้น เชน กําไรตอหุนของบริษัท Aกับ B ที่มี ขนาดเงินทุนตางกัน ,กําไรตอหุนของบริษัท A ของป x1 และ x2 ที่มีเงินทุนตางกัน การคํานวณกําไรตอหุนมี 2 ประเภท ดังนี้ 1. กําไรตอหุนขั้นพื้นฐาน (Basic EPS) 2. กําไรตอหุนปรับลด (Diluted EPS) 1.1กําไรตอหุนขั้นพื้นฐาน (Basic EPS) กําไรตอหุนขั้นพื้นฐาน หมายถึง กําไรขาดทุนสุทธิสําหรับงวดเฉพาะสวนที่เปนของผูถือหุนสามัญหาร ดวยจํานวนหุนสามัญที่ถือโดยบุคคลภายนอก
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 2
37
กิจการตองแสดงกําไรตอหุนไวในงบกําไรขาดทุน และแสดงการคํานวณประกอบไวในหมายเหตุ ประกอบงบการเงิน (ตามขอบังคับของ TAS 38) การคํานวณกําไรตอหุน (ตอ) กําไรตอหุน = กําไรสุทธิ จํานวนหุนสามัญถัวเฉลี่ยถวงน้ําหนัก ที่ถือโดยบุคคลภายนอก ในกรณีที่กิจการมีแตหุนสามัญเพียงอยางเดียว ไมมี “หุนสามัญเทียบเทาปรับลด” กิจการก็แสดงเพียงแตกําไรตอ หุนขั้นพื้นฐานเทานั้น กําไรสุทธิที่ใชในการคํานวณกําไรตอหุนขั้นพื้นฐาน กําไรสุทธิ = กําไรสุทธิประจํางวด – เงินปนผลหุนบุริมสิทธิ ดังนั้นกําไรสุทธิดังกลาว ก็จะเปนกําไรสุทธิสําหรับผูถือหุนสามัญเทานั้น เพราะไดหักเงินปนผลของหุน บุริมสิทธิ์แลว กําไรสุทธิที่ใชในการคํานวณกําไรตอหุนขั้นพื้นฐาน (ตอ) เงินปนผลหุนบุริมสิทธิที่สามารถนํามาหักจากกําไรสุทธิ คือ 1. เงินปนผลหุนบุริมสิทธิ์ชนิดไมสะสมที่ประกาศจายในงวด 2. เงินปนผลหุนบุริมสิทธิ์ชนิดสะสมที่ระบุในสัญญาไมวาจะมีการประกาศจายหรือไม 3. แตทั้งนี้ตองไมรวมเงินปนผลของหุนบุริมสิทธิชนิดสะสมของงวดกอนที่ประกาศจายหรือได จายในงวดนี(้ เพราะเงินปนผลจํานวนนั้นไดหักไปแลวในงวดกอนตามขอ 2) กําไรสุทธิที่ใชในการคํานวณกําไรตอหุนขั้นพื้นฐาน (ตอ) เงินปนผลบุริมสิทธิ์ = เงินปนผลชนิดไมสะสมที่ประกาศจาย (ใชคํานวณ Basic EPS) + เงินปนผลชนิดสะสมที่ประกาศจาย - เงินปนผลชนิดสะสมของงวดกอนที่ประกาศจายหรือจายในงวดปจจุบัน 1.2กําไรตอหุนปรับลด • กําไรตอหุนปรับลด หมายถึง กําไรตอหุนที่ลดลงเนื่องจากผลกระทบของ “หุนสามัญเทียบเทาปรับลด” • หุนสามัญเทียบเทาปรับลด หมายถึง เครื่องมือทางการเงินหรือสัญญาที่อาจทําใหผูถือไดรับสิทธิในหุน สามัญ เชน หุนกูแปลงสภาพ ,สิทธิซื้อหุนสามัญ ,warrant เปนตน ซึ่งสงผลใหกําไรตอหุนใหลดลง มากกวากําไรตอหุนขั้นพื้นฐาน • หุนสามัญเทียบเทาปรับลด หมายถึง เครื่องมือทางการเงินหรือสัญญาที่อาจทําใหผูถือไดรับสิทธิในหุน สามัญ ซึ่งสงผลใหกําไรตอหุนใหลดลงมากกวากําไรตอหุนขั้นพื้นฐาน เชน หุนกูแปลงสภาพ ,สิทธิซื้อ หุนสามัญ ,warrant เปนตน • ในกรณีที่กิจการมีไมไดมีแตหุนสามัญเพียงอยางเดียว แตมี “หุนสามัญเทียบเทาปรับลด” ดวยกิจการตอง แสดง “กําไรตอหุนปรับลด” ในงบการเงินดวย
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นกลาง 2
กําไรตอหุน
= กําไรสุทธิ + ผลกระทบของหุนสามัญเทียบเทาปรับลด(ที่มีผลตอกําไร) จํานวนหุนสามัญถัวเฉลี่ยถวงน้ําหนักที่ถือโดยบุคคลภายนอก + ผลกระทบของหุน สามัญเทียบเทาปรับลด(ที่มีผลตอจํานวนหุน)
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
38
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 1
39
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 1 อ.วิภาวี ศรีคะ ประโยชนของการจัดทําบัญชี คือ การนําขอมูลในงบการเงิน ที่ไดมาใชในการบริหารกิจการ ทั้งใน ดาน การวางแผน การควบคุม และการตัดสินใจ ซึ่งงบการเงินดังกลาวแสดงถึงผลการดําเนินงาน ฐานะการเงิน แสดงแหลงที่มาและที่ใชไปของเงินสด การไดมาของขอมูลในงบการเงินนั้นตองอาศัยกระบวนการจัดทําบัญชีที่ มีระบบ เพื่อใหไดขอมูลที่ถูกตอง แมนยํา ทันตอการนําไปใชประโยชน บทบาทและความสําคัญของการบัญชีตนทุน การบริหารกิจการใหประสบความสําเร็จนั้น ตองมีกระบวนการจัดการที่ดี ซึ่งกระบวนการจัดการที่ สําคัญประกอบดวย 1. การวางแผน (Planning) หมายถึง การกําหนดแผนงานที่จะทําในอนาคตใหชัดเจน เพื่อใหบรรลุวัตถุประสงคที่กําหนดไว และชวยใหพนักงานปฏิบัติงานไดอยางถูกทิศทาง 2. การจัดสายงานและการจัดหาบุคลากร (Organizing and Staffing) หมายถึง การจัด สายงานในองคกร การมอบหมายอํานาจและหนาที่อยางเหมาะสมและชัดเจน สายงานในปจจุบันตองมีความ ยืดหยุนและปรับไดตามแผนและสถานการณที่เปลี่ยนแปลงไป เชน การนําการบัญชีตนทุนกิจกรรมมาใชใน กิจการเพื่อควบคุมและลดตนทุนคาใชจายที่ไมจําเปน 3. การอํานวยการ (Directing) หมายถึง กระบวนการบริหารงานประจําวันใหเปนไป ตามแผนงานที่วางไว โดยในการปฏิบัติงานในแตละวันจะพบปญหาและขอขัดแยงตางๆตองแกไขใหหมดไป การควบคุม (Controlling) หมายถึง การวัดผลงานที่เกิดขึ้นจริงกับแผนงานที่วางไว ถาผลงานที่ เกิดขึ้นไมเปนที่นาพอใจ ก็นํามาพิจารณาถึงสาเหตุที่ทําใหผลงานไมเปนที่นาพอใจแลวหาทางแกไข เชน ตนทุน การผลิต ในสวนของวัตถุดิบมีจํานวนมากกวางบประมาณที่กําหนดไว เนื่องจากราคาวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้น ก็ควร หาผูจําหนายรายใหมที่ใหราคาต่ํากวา ดังที่กลาวมากระบวนการบริหารงานเพื่อใหประสบความสําเร็จประกอบดวย การวางแผน การจัดสายงาน และการจัดหาบุคลากร การอํานวยการ การควบคุม และการตัดสินใจ ซึ่งการบัญชีตนทุนมี ความสําคัญ เพราะเปนขอมูลที่เกี่ยวกับตนทุนการผลิตที่ฝายจัดการนําไปใชในการกําหนดราคาขาย การควบคุม ตนทุนสินคาขาย และการวิเคราะหขอมูลตนทุนเพื่อใชในการกําหนดการวางแผน ความหมายของตนทุน ตนทุน 1 หมายถึง มูลคาของทรัพยากรที่กิจการตองสูญเสียไปเพื่อใหไดสินคาหรือบริการกลับมา โดยมูลคาของทรัพยากรนั้นจะตองสามารถวัดไดเปนหนวยเงินตรา ซึ่งเปนลักษณะของการลดลงในสินทรัพยหรือ เพิ่มขึ้นในหนี้สิน ตนทุนที่เกิดขึ้นอาจจะใหประโยชนในปจจุบันหรือในอนาคตก็ได เมื่อตนทุนใดที่เกิดขึ้นแลว และกิจการไดใชประโยชนไปทั้งสิ้นแลวตนทุนนั้นก็จะถือเปนคาใชจาย 1
สมนึก เอื้อจิระพงษพันธ , การบัญชีเพื่อการจัดการและการบริหารตนทุน,พิมพครั้งที่ 3 น.30
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 1
40
วัตถุประสงคของการบัญชีตนทุน การบัญชีตนทุน ใชในการคํานวณตนทุนสินคาหรือบริการ เพื่อคํานวณหากําไรขั้นตนในงบกําไร ขาดทุน และ แสดงยอดคงเหลือของสินคาในงบดุล ดังนั้นวัตถุประสงคของการบัญชีตนทุน คือ การรายงาน ตนทุนขายในงบกําไรขาดทุน และการนําเสนอขอมูลของสินคาคงเหลือในงบดุล ใหกับผูใชงบการเงินซึ่งเปนงบ การเงินที่นําเสนอตอบุคคลภายนอกเพื่อใชในการตัดสินใจ แตไมเพียงพอสําหรับผูใชงบการเงินภายในเพื่อการ วางแผน ควบคุม และตัดสินใจ ซึ่งจากเหตุผลดังกลาวทําไดนักบัญชีไดมีการออกแบบการบัญชีตนทุนเพื่อเพียงพอ ในการตัดสินใจ วัตถุประสงคในการจัดทําบัญชีตนทุนมีดังนี้ 1. เพื่อคํานวณตนทุนในการผลิตสินคา เพื่อกําหนดราคาขาย 2. เพื่อวัดผลดําเนินงานในแตละรอบระยะเวลาบัญชี 3. เพื่อแสดงราคาทุนของสินคาคงเหลือในงบดุล 4. เพื่อการวางแผนงบประมาณของกิจการ 5. เพื่อการประเมินผลการดําเนินงานของกิจการ 6. เพื่อใชในการตัดสินใจของกิจการ เชน การตัดสินใจขยายการผลิต หรือ ลดกําลัง ผลิตของโรงงาน การแยกประเภทตนทุน ตนทุนหรือคาใชจายตางๆที่เกิดขึ้น สามารถจําแนกเปนตนทุนหรือคาใชจายตามวัตถุประสงคใน การนําขอมูลไปใช แบงประเภทตนทุนไดดังตอไปนี้ 1. การจําแนกตนทุนตามลักษณะสวนประกอบของผลิตภัณฑ 2. การจําแนกตนทุนตามความสําคัญและลักษณะของตนทุนการผลิต 3. การจําแนกตนทุนตามความสัมพันธกับระดับกิจกรรม 4. การจําแนกตนทุนตามความสัมพันธกับหนวยตนทุน 5. การจําแนกตนทุนตามหนาที่งานในสายการผลิต 6. การจําแนกตนทุนตามหนาที่งานในกิจการ 7. การจําแนกตนทุนโดยพิจารณาจากชวงเวลาในการคํานวณกําไร 8. การจําแนกตนทุนตามความสัมพันธกับเวลา 9. การจําแนกตนทุนตามลักษณะของความรับผิดชอบ
10. การจําแนกตนทุนตามลักษณะของการวิเคราะหปญหาเพื่อตัดสินใจ
1. การจําแนกตนทุนตามลักษณะสวนประกอบของผลิตภัณฑ
ในการผลิตสินคาหรือผลิตภัณฑแตละชนิด สวนประกอบของผลิตภัณฑ จะประกอบ ดวย วัตถุดิบทางตรง คาแรงงานทางตรง และคาใชจายการผลิต 1. วัตถุดิบ Materials คือ วัตถุดิบที่นํามาใชเปนสวนประกอบที่สําคัญในผลิตสินคาสําเร็จรูป แบงเปน 2 ประเภท คือ
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 1
41
วัตถุดิบทางตรง Direct Materials หมายถึง วัตถุดิบหลักที่นําไปใชในการผลิตสินคา สําเร็จรูป และสามารถคํานวณตนทุนตอหนวยไดชัดเจน เชน ตนทุนคาผาที่นํามาผลิตเสื้อสําเร็จรูป วัตถุดิบทางออม Indirect Materials หมายถึง วัตถุดิบรองที่นําไปใชในการผลิตสินคา สําเร็จรูปโดยใชเปนสวนนอย และไมสามารถคํานวณตนทุนตอหนวยได เชน ดาย กระดุม ที่นํามาผลิตเสื้อ สําเร็จรูป 2. คาแรงงาน Labor คือ คาจางหรือคาแรงงานทีจ่ ายเปนคาตอบแทนแรงงานในการเปลี่ยนวัตถุดิบ ใหเปนสินคาสําเร็จรูป แบงเปน 2 ประเภท คือ 2.1 คาแรงงานทางตรง Direct Labor หมายถึง คาแรงงานที่จายใหแกคนงานหรือลูกจางที่ทํา หนาที่เปลี่ยนวัตถุดิบใหเปนสินคาสําเร็จรูปโดยตรง และสามารถคํานวณตนทุนตอหนวยไดชัดเจน 2.2 คาแรงงานทางออม Indirect Labor หมายถึง คาแรงงานที่ไมเกี่ยวของกับการผลิตสินคา สําเร็จรูปโดยตรง แตมีความจําเปนในกระบวนการผลิต เชน เงินเดือนของผูจัดการโรงงาน เงินเดือนพนักงานทํา ความสะอาดโรงงาน 3. คาใชจายการผลิต หรือคาใชจายโรงงาน หรือ คาโสหุยการผลิต (Manufacturing Overhead, Manufacturing expenses & Factory expenses , Overhead Burden) หมายถึง คาใชจายในโรงงานทั้งหมด รวมไปถึง วัตถุดิบทางออม และคาแรงงานทางออม
2. การจําแนกตนทุนตามความสําคัญและลักษณะของตนทุนการผลิต เพื่อใชในการวางแผนและควบคุม โดย แบงเปน
2.1 ตนทุนขั้นตน Prime Costs หมายถึง ตนทุนรวมระหวางวัตถุดิบทางตรงและคาแรงงาน ทางตรง ซึ่งทั้งสองตัวนี้จะมีความสัมพันธโดยตรงกับการผลิต 2.2 ตนทุนแปรสภาพ Conversion Costs หมายถึง ตนทุนที่เกี่ยวกับการแปรสภาพหรือเปลี่ยน รูปจากวัตถุดิบใหเปนสินคาสําเร็จรูป ในปจจุบันธุรกิจมีการใชเทคโนโลยีการผลิตชั้นสูงก็จะใหความสําคัญกับตนทุนแปรสภาพมากกวา ตนทุนขั้นตน
3. การจําแนกตนทุนตามความสัมพันธกับระดับกิจกรรม
เพื่อวิเคราะหจํานวนตนทุนที่เปลี่ยนแปลงไปตาม ปริมาณการผลิตทําใหเกิดตนทุน ในการผลิตดานการวางแผน การควบคุม การประเมิน และวัดผลการดําเนินงาน a. ตนทุนผันแปร หมายถึง ตนทุนที่จะมีตนทุนรวมเปลี่ยนแปลงไปตามระดับกิจกรรม b. ตนทุนคงที่ หมายถึง ตนทุนที่มีพฤติกรรมคงที่ หรือ ตนทุนรวมที่มิไดเปลี่ยนแปลงไป ตามระดับการผลิต เชน คาเสื่อมราคา สัญญาเชา c. ตนทุนผสม หมายถึง ตนทุนที่มีทั้งตนทุนคงที่และตนทุนผันแปรรวมอยูดวยกัน i. ตนทุนกึ่งผันแปร หมายถึง ตนทุนที่จะมีตนทุนสวนหนึ่งคงที่ทุกระดับของ กิจการ และมีตนทุนอีกสวนหนึ่งจะผันแปรไปตามระดับของกิจกรรม เชน คา โทรศัพท ii. ตนทุนกึ่งคงที่ หมายถึง ตนทุนทีจ่ ะมีจํานวนคงที่ ณ ระดับกิจกรรมหนึ่ง และ เปลี่ยนไปคงที่ในระดับกิจกรรมหนึ่ง เชน เงินเดือนผูควบคุมคนงาน ที่ขึ้นอยู กับจํานวนคนงาน
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 1
4.
42
การจําแนกตนทุนตามความสัมพันธกับหนวยตนทุน ใชในการแบงตนทุนตามแผนก 4.1 ตนทุนทางตรง Direct cost หมายถึง ตนทุนที่สามารถระบุไดวาตนทุนใดเปนของหนวยงานใด เชน วัตถุดิบทางตรง และคาแรงทางตรง 4.2 ตนทุนทางออม Indirect cost หมายถึง ตนทุนที่ไมสามารถระบุไดวาเกิดจากหนวยตนทุนใด 5. จําแนกตามหนาที่งานในสายการผลิต 5.1 ตนทุนแผนกผลิต Cost of production departments หมายถึง ตนทุนตางๆ ที่เกิดขึ้น ในแผนกผลิตสินคา 5.2 ตนทุนแผนกบริการ Cost of service departments หมายถึง ตนทุนตางๆ ที่ไม เกี่ยวของกับแผนกผลิตโดยตรง แตมีสวนเกี่ยวของกับการผลิตสินคา เชน แผนกเงินเดือน แผนกซอม บํารุง 6. จําแนกตามหนาที่งานในกิจการ แบงหนาที่งานเปน 4 หนาที่ 6.1 ตนทุนที่เกี่ยวกับการผลิต เชน วัตถุดิบทางตรง คาแรงทางตรง คชจ. 6.2 ตนทุนที่เกี่ยวกับการตลาด เชน คาโฆษณา คานายหนา 6.3 ตนทุนที่เกี่ยวกับการบริหาร เชน เงินเดือนผูบริหาร 6.4 ตนทุนทางการเงิน เชน คาดอกเบี้ย 7. จําแนกโดยพิจารณาชวงเวลาในการคํานวณกําไร เปนการจับคูระหวางรายไดและคาใชจายตามงวดระยะเวลา 7.1 ตนทุนผลิตภัณฑ Product costs ตนทุนที่เกิดขึ้นในการผลิตสินคาไมวาสินคานั้นจะผลิตเสร็จ หรือไม 7.2 ตนทุนงวดเวลา Period costs ตนทุนที่ไมเกี่ยวของกับการผลิตสินคา แตเปนตนทุนที่ตองนําไป หักรายไดของงวดเวลาเดียวกัน เพื่อวัดผลการดําเนินงาน เชน ตนทุนขาย หรือ คาใชจายตางๆ 8. จําแนกตามความสัมพันธกับเวลา 8.1 ตนทุนในอดีต Historical cost หมายถึง ตนทุนที่กิจการไดจายจริงตามหลักฐาน ไมสามารถ นํามาใชในการตัดสินใจเนื่องจากมูลคาเงิน 8.2 ตนทุนทดแทน Replacement cost หมายถึง มูลคา หรือราคาตลาดปจจุบันของสินทรัพย ประเภทเดียวกับที่กิจการใชอยู กลาวคือตนทุนในการซื้อสินทรัพยประเภทเดียวกันในปจจุบัน 8.3 ตนทุนในอนาคต Future cost หมายถึง ตนทุนหรือคชจ.ที่กิจการคาดวาจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยการประมาณการ 9. จําแนกตามลักษณะของความรับผิดชอบ 9.1 ตนทุนที่ควบคุมได Controllable cost คือ ตนทุนที่สามารถระบุไดวาใครเปนผูรับผิดชอบ โดยตรง 9.2 ตนทุนที่ควบคุมไมได Uncontrollable cost คือ ตนทุนที่ไมอยูภายใตอํานาจหนาที่ที่หนวยงาน นั้นๆสามารถรับผิดชอบได เชน คาโฆษณา เปนตนทุนที่ควบคุมไดระดับผูจัดการ แตถาเปนแผนก ถือวาเปน ตนทุนที่ควบคุมไมได 10. จําแนกตามลักษณะของการวิเคราะหปญหาเพื่อตัดสินใจ 10.1 ตนทุนจม Sunk cost หมายถึง ตนทุนที่หลีกเลี่ยงไมไดเกิดขึ้นจากการตัดสินใจในอดีต ไมมี ผลกระทบตอการตัดสินใจในปจจุบัน สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 1
43
10.2 ตนทุนที่หลีกเลี่ยงได Avoidable cost หมายถึง ตนทุนที่สามารถประหยัดไดจากการตัดสินเลือก เชน ถากิจการหยุดการผลิตทําใหทําใหประหยัดตนทุนได สวนตนทุนที่หลีกเลี่ยงไมได เชน คาเสื่อมราคา เนื่องจากแมยกเลิกการผลิต ก็ไมทําใหตนทุนนี้ประหยัดลง 10.3 ตนทุนเสียโอกาส Opportunity cost หมายถึง ผลประโยชนที่กิจการสูญเสียไปเนื่องจากการ ตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่ง เปนตนทุนที่ไมไดจายเปนเงินออกไป แตนํามาใชในการตัดสินใจเทานั้น 10.4 ตนทุนสวนที่แตกตาง Differential cost หมายถึง ตนทุนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติ เชน เปลี่ยนเครื่องจักรใหมแทนเครื่องจักรเกา 10.5 ตนทุนสวนเพิ่มตอหนวย Marginal cost หมายถึง ตนทุนที่เพิ่มขึ้นจากการผลิตเพิ่มขึ้น แตคิด เฉพาะการเพิ่มของการผลิต 1 หนวย ระบบบัญชีตนทุน การกําหนดระบบบัญชีตนทุนสําหรับกิจการใดใหคํานึงถึงความพรอม ความเหมาะสม และความ ตองการขอมูลที่จะใชประโยชนในการบริหาร แบงระบบตนทุนตามความตองการนําไปใชดังนี้ 1. ระบบการสะสมตนทุน 2. ลักษณะของกระบวนการผลิต 3. ชนิดของตนทุน 4. ระบบการคิดตนทุนของผลิตภัณฑ 1. ระบบการสะสมตนทุน เพื่อใชในการตัดสินใจวาสินคาชนิดใดควรที่จะผลิต ยกเลิก ผลิตเพิ่ม หรือกําหนดราคา ขาย แบงการคํานวณได 2 ระบบ 1.1 ระบบสะสมตนทุนแบบสิ้นงวด ทราบตนทุนของสินคาคงเหลือไดก็ตอเมื่อมีการตรวจนับและ คํานวณตนทุนที่ใชในการผลิต งานระหวางผลิต และตนทุนสินคาสําเร็จรูป ใชกับกิจการขนาดเล็ก 1.2 ระบบสะสมตนทุนแบบตอเนื่อง ทราบตนทุนไดตลอดเวลา นิยมใชกับกิจการที่มีขนาดกลางจนถึง ขนาดใหญ 2. ลักษณะของกระบวนการผลิต เพื่อตอบสนองความตองการของลูกคาได 2.1 ระบบตนทุนงานสั่งทํา Job order cost system คือระบบการคิดตนทุนสําหรับกิจการที่ผลิตสินคาตาม คําสั่งของลูกคา โดยลูกคาเปนผูกําหนดรูปแบบทําใหการคํานวณตนทุนตางกัน เชน โรงงานผลิตเฟอรนิเจอร กิจการรับเหมากอสราง 2.2 ระบบตนทุนชวงหรือตนทุนกระบวนการ Process cost system มักใชกับกิจการที่ผลิตสินคาตาม รูปแบบของตนเอง เชน โรงงานอาหารกระปอง 3. ชนิดของตนทุน ตนทุนเพื่อใชในการบริหารงานของผูบริหาร 3.1 ตนทุนจริง นําตนทุนที่เกิดขึ้นจริงมาคํานวณเปนตนทุนสินคาไมวาจะเปนวัตถุดิบทางตรง คาแรงงานทางตรง และคาใชจายการผลิต 3.2 ตนทุนปกติ เนื่องจากคาใชจายการผลิตเปนตนทุนทางออม ในการเก็บรวบรวมขอมูลตองใชเวลาใน การคํานวณ เพื่อความสะดวกในการเก็บรวมรวบขอมูลในการตัดสินใจ ดังนั้นวิธีตนทุนปกติจึงมีการกําหนดอัตรา ไวลวงหนา แตวัตถุดิบทางตรง และคาแรงงานทางตรงใชขอมูลที่เกิดขึ้นจริง 3.3 ตนทุนมาตรฐาน มีการกําหนดตนทุนไวลวงหนาอยางมีหลักเกณฑภายใตการผลิตที่มีประสิทธิภาพ สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 1
44
4. ระบบการคิดตนทุนของผลิตภัณฑ 4.1 ระบบตนทุนตรงหรือระบบตนทุนผันแปร เพื่อวัตถุประสงคดานการวางแผน ควบคุม และตัดสินใจ จะคิดเฉพาะตนทุนผันแปรเทานั้น ตนทุนตรง = วัตถุดิบทางตรง + คาแรงงานทางตรง + คชจ.การผลิตผันแปร 4.2 ระบบตนทุนเต็ม คิดตนทุนการผลิตทั้งหมด ทั้งวัตถุดิบทางตรง คาแรงทางตรง คชจ.ผันแปร และ คชจ.คงที่ ตนทุนผันแปร = วัตถุดิบทางตรง+คาแรงทางตรง+คชจ.ผันแปร+คชจ.คงที่ สินคาคงเหลือของกิจการอุตสาหกรรม แบงได 3 ประเภท คือ 1. วัตถุดิบคงเหลือ Material inventory หมายถึง วัตถุดิบและวัสดุโรงงานที่ยังไมไดเบิกมาใชและยังคง เหลืออยู ณ วันสิ้นงวด 2. งานระหวางทําคงเหลือ Work in process inventory หมายถึง ตนทุนในการผลิตสินคาที่ยังไมเสร็จ สมบูรณและยังคงคางการผลิตอยู ดังนั้นตนทุนงานระหวางทํา คือ ผลรวมของวัตถุดิบทางตรง คาแรงทางตรง คชจ.ในการผลิต ที่เบิกเขาสู กระบวนการผลิตจนถึงวันสิ้นงวดแตยังผลิตไมเสร็จ 3. สินคาสําเร็จรูปคงเหลือ Finished goods inventory หมายถึง ตนทุนของสินคาที่ผลิตเสร็จแตยังไมได ขาย และยังคงเหลืออยู ณ วันสิ้นงวด การบันทึกบัญชีเกี่ยวกับสินคาคงเหลือมี 2 วิธี คือ 1. วิธีบันทึกแบบตอเนื่อง Perpetual inventory method 2. วิธีบันทึกแบบสิ้นงวด Periodic inventory method 1. วิธีบันทึกแบบตอเนื่อง เปนวิธีการบันทึกที่แสดงการเคลื่อนไหวของสินคาตลอดเวลา เปนประโยชน ตอฝายบริหารเกี่ยวกับการควบคุมสินคา และตนทุนขาย 2. วิธีบันทึกแบบสิ้นงวด ไมมีการบันทึกบัญชีสินคา แตจะบันทึกเมื่อมีการตรวจนับในวันสิ้นงวด เมื่อ ตองการทราบตนทุนสินคาและตนทุนขายจะไดจากการตรวจนับแลวนํามาคํานวณ ตามสูตรดังนี้ ตนทุนขาย = ตนทุนสินคาที่ผลิต + สินคาสําเร็จรูปตนงวด – สินคาสําเร็จรูปปลายงวด ตนทุนสินคาที่ผลิต = ตนทุนการผลิต + WIP ตนงวด – WIP ปลายงวด ตนทุนการผลิต = วัตถุดิบทางตรงใชไป+คาแรงทางตรง + คาใชจายการผลิต วัตถุดิบทางตรงใชไป = วัตถุดิบคงเหลือตนงวด+ซื้อสุทธิ– วัตถุดิบคงเหลือปลายงวด ซื้อสุทธิ = ซื้อวัตถุดิบ + คาขนสงเขา – สงคืน – สวนลดรับ ระบบตนทุนงานสั่งทํา ระบบบัญชีที่ใชในการสะสมขอมูลเกี่ยวกับตนทุนการผลิตของงานสั่งทําหรือสินคาที่มีการผลิตเปน รุนๆ โดยการบันทึกและสะสมตนทุนตามคําสั่งของลูกคาแตละราย ตามรุน หรือตามชนิดของสินคาเก็บขอมูลโดย ใชบัตรตนทุนงานสั่งทํา
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 1
45
การบัญชีเกี่ยวกับของเสีย ของมีตําหนิ เศษซากวัตถุดิบ และวัตถุดิบสิ้นเปลือง ของเสีย คือ ของที่มีคุณภาพไมตรงตามมาตรฐาน 1.ของเสียปกติ หมายถึง ของเสียที่เกิดขึ้นในระดับที่การผลิตเปนไปอยางมีประสิทธิภาพ และหลีกเลี่ยง ไมได ดังนั้นตนทุนที่เกิดขึ้นเนื่องจากของเสียจึงถือเปนตนทุนของสินคาดี แตถาของเสีย ขาย ได ก็นํามาลดตนทุน ในการผลิต 2.ของเสียผิดปกติ = ผลขาดทุน หมายถึง ของเสียที่ไมควรจะเกิดขึ้น เมื่อวางแผนและควบคุมการผลิต อยางมีประสิทธิภาพแลว ทําใหตนทุนที่เกิดขึ้นนี้เปนผลขาดทุนจากของเสียผิดปกติ เปนรายการพิเศษแยก ตางหากจากกําไรขาดทุนจากการดําเนินงานปกติ (ไมเปนตนทุนของการผลิตสินคา)เมื่อมีการขายของเสียผิดปกติ ได ใหบันทึกเขาบัญชีของเสียดวย ของมีตําหนิ คือ หมายถึง สินคาที่ผลิตแลวยังไมสามารถจําหนายได ตองมีการซอมแซม ปรับปรุง แลว นําออกจําหนาย ดังนั้น จึงมีตนทุนที่เกิดขึ้น เพื่อซอมแซมถือเปนตนทุนของสินคา เศษซากวัตถุดิบ เมื่อผลิตสินคาเสร็จจะมีเศษวัตถุดิบ เกิดขึ้นจากการผลิต เมื่อมีการขายวัตถุดิบไดจะ บันทึกลดตนทุนการผลิต เทากับจํานวนเงินที่ขายได ระบบบัญชีตนทุนกระบวนการ 1. เก็บรวบรวมขอมูลเกี่ยวกับการผลิต ตามหนาที่งาน เชน แผนกตัด แผนกเย็บ แผนกประกอบ การ คํานวณตนทุน โดยการนําเอาขอมูลแตละแผนกมารวมกัน 2. การเก็บขอมูลในแตละแผนกจะเก็บเขาบัญชีงานระหวางผลิต และเมื่อผลิตเสร็จในแตละแผนกก็จะมี การโอนไปยังแผนกตอไป จนถึงแผนกสุดทาย 3. ในการโอนขอมูลออกไปยังแผนกตอไป ตองโอนเฉพาะสวนที่ผลิตเสร็จ แตในความเปนจริงจะมี สินคาที่ยังผลิตไมเสร็จตองคํานวณเทียบเทางานผลิตเสร็จ 4. การเก็บสะสมขอมูลตองนํามาแสดงในรายงานตนทุนการผลิต 5. คํานวณตนทุนการผลิตตอหนวยในแตละแผนก ขั้นตอนการจัดทํารายงานตนทุนการผลิต 1. คํานวณจํานวนหนวยที่นับได (รายงานจํานวนหนวย) หนวยนับได (Physical units) หมายถึง จํานวนหนวยจริงที่เกิดขึ้นในการผลิต โดยไมคํานึงวาผลิตเสร็จ แลวหรือยัง การนับจํานวนหนวยของงานที่นําเขาจะตองเทากับงานที่สงออกรวมกับงานคงเหลือเสมอ ซึ่งพิสูจน ไดดังนี้ 2. คํานวณจํานวนหนวยเทียบเทาหนวยสําเร็จ หนวยเทียบเทาผลิตเสร็จ (EQU : Equivalent unit) หมายถึง การคํานวณงานระหวางทําที่ผลิตยังไมเสร็จ ใหอยูในรูปของจํานวนหนวยของสินคาที่ผลิตเสร็จ โดยเทียบใหเปนงานที่เสร็จซึ่งงานที่ผลิตไมเสร็จมักจะแสดง ในรูปขั้น ของความสําเร็จ(Degree of Completion) 3. คํานวณตนทุนการผลิตรวม (ตนทุนที่ตองจัดใหครบ) และ คํานวณตนทุนตอหนวย ตนทุนตอหนวย = เอาตนทุนทั้งหมด / หนวยเทียบเทาผลิตเสร็จ
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
46
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 1
4. คํานวณตนทุนของงานที่ผลิตเสร็จ คํานวณและแสดงขอมูลเกี่ยวกับการจัดสรรตนทุนการผลิตสรุปผลการผลิต โดย แยกเปนตนทุน การผลิตเสร็จทั้งหมด และแยกเปนงานระหวางผลิตปลายงวด
การสะสมขอมูลตนทุน 1. ระบบตนทุนจริง = วัตถุดิบทางตรงที่เกิดขึ้นจริง + คาแรงงานทางตรงที่เกิดขึ้นจริง + คชจ.การผลิตที่
เกิดขึ้นจริง 2. ระบบตนทุนปกติ = วัตถุดิบทางตรงที่เกิดขึ้นจริง + คาแรงงานทางตรงที่เกิดขึ้นจริง + คชจ.การผลิตที่ มีการประมาณขึ้น 3. ระบบตนทุนมาตรฐาน = วัตถุดิบทางตรงมาตรฐาน + คาแรงงานทางตรงมาตรฐาน + คชจ.การผลิต มาตรฐาน
การบันทึกบัญชีของระบบตนทุนมาตรฐาน 1. ดานวัตถุดิบ
เมื่อบันทึกการซื้อดวยราคาตนทุนจริง เมื่อบันทึกการซื้อดวยราคาตนทุนมาตรฐาน 1.1 เมื่อมีการซื้อวัตถุดิบ 1.1 เมื่อมีการซื้อวัตถุดิบ เดบิต วัตถุดิบ (ราคามาตรฐาน x ปริมาณซื้อจริง) เดบิต วัตถุดิบ (ราคาจริง x ปริมาณซื้อจริง) เดบิต/เครดิต ผลตางดานราคาซื้อ เครดิต เจาหนี้ (ราคาจริง x ปริมาณซื้อจริง) (ราคาจริง-ราคามฐ.) x ปริมาณซื้อจริง เครดิต เจาหนี้ (ราคาจริง x ปริมาณซื้อจริง) 1.2 เมื่อมีการเบิกใช
เดบิต งานระหวางผลิต (ปริมาณมฐxราคามฐ.) เดบิต/เครดิต ผลตางดานปริมาณใช (ใชจริง-ใชมฐ.) x ราคามฐ. เครดิต วัตถุดิบ (ปริมาณใชจริงx ราคามฐ.)
1.2 เมื่อมีการเบิกใช
เดบิต งานระหวางผลิต (ปริมาณมฐxราคามฐ.) เดบิต/เครดิต ผลตางดานปริมาณใช (ใชจริง-ใชมฐ.) x ราคามฐ. เดบิต/เครดิต ผลตางดานราคาวัตถุดิบ (ราคาจริง-ราคามฐ.) x ปริมาณใชจริง เครดิต วัตถุดิบ (ราคาจริง.xปริมาณจริง)
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 1
2. ดานแรงงาน 2.1 เมื่อมีการคํานวณคาแรง
เดบิต คาแรงงาน (อัตราจริง X ชั่วโมงจริง) เครดิต เงินสด (อัตราจริง X ชั่วโมงจริง) 2.2 เมื่อมีการจําแนกคาแรง
เดบิต งานระหวางผลิต (ชม.มฐ.x อัตรามฐ.) เดบิต/เครดิต ผลตางดานอัตราคาจาง (อัตราจริง-อัตรามฐ.) x ชม.จริง เดบิต/เครดิต ผลตางดานประสิทธิภาพ(ชม.) (ชม.จริง-ชม.มฐ) x อัตรามฐ. เครดิต คาแรงงาน (อัตราจริง X ชั่วโมงจริง)
3. การบันทึกบัญชีเกี่ยวกับคาใชจายการผลิตจัดสรร
เมื่อมีคชจ.เกิดขึ้นจริง
เดบิต คาใชจายการผลิต (จริง) เครดิต บัญชีที่เกี่ยวของ เมื่อประมาณการคาใชจายการผลิตจัดสรร (มฐ) เดบิต งานระหวางผลิต เครดิต คาใชจายการผลิตจัดสรร
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
47
48
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 1
วิธีที่ 1 แบบวิเคราะหผลตางเดียว เดบิต คาใชจายการผลิตจัดสรร ผลตางเกี่ยวกับคาใชจายการผลิต เครดิต คาใชจายการผลิต
มาตรฐาน (มาตรฐาน – จริง) จริง
วิธีที่ 2 แบบวิเคราะห 2 ผลตาง เดบิต คาใชจายการผลิตจัดสรร มาตรฐาน ผลตางเกี่ยวกับคาใชจายการผลิตเนื่องจากงบประมาณ คชจ.การผลิตจริง –งบฯคชจ.ตามมฐ. ณ การผลิตจริง ผลตางเกี่ยวกับคาใชจายการผลิตเนื่องจากปริมาณการผลิต (ชม.แรงงาน ณ ปกติ-ชม.แรงงานมฐ. ณ การผลิตจริง ) X อัตราคาใชจายการผลิตคงที่จัดสรร เครดิต คาใชจายการผลิต จริง วิธีที่ 3 แบบวิเคราะห 3 ผลตาง เดบิต คาใชจายการผลิตจัดสรร มาตรฐาน ผลตางเกี่ยวกับคาใชจายการผลิตเนื่องจากการใชจาย (คชจ.การผลิตจริง-งบประมาณคชจ.ตามชม.การทํางานจริง) ผลตางเกี่ยวกับคาใชจายการผลิตเนื่องจากประสิทธิภาพ (ชม.แรงงานจริง-ชม.มฐ.)x อัตราคชจ.ผันแปรจัดสรร ผลตางเกี่ยวกับคาใชจายการผลิตเนื่องจากปริมาณการผลิต (ชม.แรงงาน ณ ปกติ-ชม.แรงงานมฐ. ณ การผลิตจริง ) X อัตราคาใชจายการผลิตคงที่จัดสรร เครดิต คาใชจายการผลิต จริง วิธีที่ 4 แบบวิเคราะห 4 ผลตาง เดบิต คาใชจายการผลิตจัดสรร มาตรฐาน ผลตางเกี่ยวกับคาใชจายการผลิตเนื่องจากการใชจายคงที่ (คาใชจายการผลิตคงที่จริง – งบประมาณคชจ.คงที่ณระดับผลิตจริง) ผลตางเกี่ยวกับคาใชจายการผลิตเนื่องจากการใชจายที่ผันแปร (คาใชจายการผลิตผันแปรจริง – งบประมาณคชจ.ผันแปร ณ ระดับผลิตจริง) ผลตางเกี่ยวกับคาใชจายการผลิตเนื่องจากประสิทธิภาพ (ชม.แรงงานจริง-ชม.มฐ.)x อัตราคชจ.ผันแปรจัดสรร ผลตางเกี่ยวกับคาใชจายการผลิตเนื่องจากปริมาณการผลิต (ชม.แรงงาน ณ ปกติ-ชม.แรงงานมฐ. ณ การผลิตจริง ) X อัตราคาใชจายการผลิตคงที่จัดสรร ) เครดิต คาใชจายการผลิต จริง
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
49
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 2
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 2 อ.พรวีนัส บุญมากาศ ตนทุน หมายถึง รายจายที่เกิดขึ้นเพื่อใหไดมาซึ่งสินคาหรือบริการ โดยสามารถวัดไดเปนหนวยเงินตรา ซึ่งอาจ จายเปนเงินสด สินทรัพยอื่น การใหบริการ หรือการกอหนี้ ตลอดจนถึงผลขาดทุนหรือความเสียหายที่ไดรับ และกฎหมายกําหนดซึ่งวัดคาไดวาเกี่ยวของกับการไดมาซึ่งสินคาและบริการ ประเภทตนทุน แบงได 7 ประเภท 1. จําแนกตามหนาที่ ตนทุนที่เกี่ยวของกับการผลิต (DM + DL + OH) ตนทุนที่ไมเกี่ยวกับการผลิต เชน คาใชจายในการขาย คาโฆษณา เปนตน 2. จําแนกตามสวนประกอบผลิตภัณฑ 2.1 วัตถุดิบทางตรง 2.2 คาแรงงานทางตรง 2.3 คาใชจายการผลิต * DM + DL = ตนทุนขั้นตน และ DL + OH = ตนทุนแปรสภาพ 3. จําแนกตามพฤติกรรมตนทุน 3.1 ตนทุนผันแปร (Variable Cost : VC) 3.2 ตนทุนคงที่ (Fix Cost : FC) 3.3 ตนทุนกึ่งผันแปร (Mixed Cost) 3.4 ตนทุนกึ่งคงที่ (Step Cost) 4. จําแนกตนทุนตามความสัมพันธกับรายได 4.1 ตนทุนผลิตภัณฑ (DM + DL + OH) 4.2 ตนทุนงวดเวลา หรือคาใชจายประจํางวด 5. จําแนกตนทุนเพื่อประโยชนในการวางแผน ควบคุมและตัดสินใจ 5.1 ตนทุนตามงบประมาณ 5.2 ตนทุนมาตรฐาน 5.3 ตนทุนสวนแตกตาง 5.4 ตนทุนคาเสียโอกาส 5.5 ตนทุนที่หลีกเลี่ยงได และตนทุนที่หลีกเลี่ยงไมได 5.6 ตนทุนที่ควบคุมได และตนทุนที่ควบคุมไมได 5.7 ตนทุนจม 6. จําแนกตนทุนตามความสามารถในการกําหนดตนทุนของหนวยตนทุน 6.1 ตนทุนทางตรง (Direct Cost) 6.2 ตนทุนทางออม (Indirect Cost) 7. จําแนกตนทุนตามงวดเวลา 7.1 ตนทุนในอดีต 7.2 ตนทุนทดแทน 7.3 ตนทุนในอนาคต เทคนิคการวิเคราะหสูง-ต่ํา (High-Low Method) เปนเทคนิคเพื่อแยกตนทุนคงที่และตนทุนผันแปรออกจากกัน ในกรณีที่ตนทุนนั้นเปนตนทุนผสม 1. เลือกจุดสูงสุดและจุดต่ําสุด ปริมาณและตนทุนรวมสูงสุด เปนจุดสูงสุด ปริมาณและตนทุนรวมต่ําสุด เปนจุดต่ําสุด 2. คํานวณตนทุนผันแปรตอหนวย ตนทุนผันแปรตอหนวย = ตนทุนรวมจุดสูงสุด - ตนทุนรวมจุดต่ําสุด ปริมาณจุดสูงสุด - ปริมาณจุดต่ําสุด สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 2
50
3. คํานวณตนทุนผันแปรรวม 3.1 เลือกจุดสูงสุดหรือจุดต่ําสุด เพียงหนึ่งจุด 3.2 ตนทุนผันแปรรวม = ตนทุนผันแปรตอหนวย x ปริมาณ ณ จุดที่เลือก 4. คํานวณตนทุนคงที่รวม = ตนทุนรวม – ตนทุนผันแปรรวม ระบบการคํานวณตนทุน ระบบตนทุนงานสั่งทํา (Job Order Cost System) ระบบตนทุนชวง (Processing Cost System) w ผลิตสินคาตามคําสั่งของลูกคา w ผลิตสินคาจํานวนมาก w คํานวณตนทุนผันแปรรวมสินคามีลักษณะ w สินคามีลักษณะเหมือนกัน แตกตางกัน w ใชบัตรตนทุนงานรวบรวมตนทุน w ใชรายงานตนทุนการผลิตรวบรวมตนทุน w คิดตนทุนเขางานโดยตรง w คิดตนทุนตามแผนก w คิดตนทุนตอหนวยเมื่อผลิตงานเสร็จ w คิดตนทุนตอหนวยเมื่อสิ้นงวด ประเภทของระบบบัญชีตนทุน 1. ระบบตนทุนจริง (Actual Cost System) เปนระบบบันทึกตนทุนตาง ๆ ที่เกิดขึ้นจริง ขอจํากัดของระบบ นี้คือไมทันเวลาตอการตัดสินใจของฝายบริหาร 2. ระบบตนทุนปกติ (Normal Cost System) จะบันทึกวัตถุทางตรง และคาแรงงานทางตรงที่เกิดขึ้นจริง แตคาใชจายการผลิตจะมีการประมาณขึ้นลวงหนาเพื่อคิดเขาเปนตนทุนการผลิต วิธีนี้จะชวยใหการ ประมาณการตนทุนทําไดอยางรวดเร็วกอนที่จะผลิตสินคาสําเร็จ สามารถกําหนดราคาขายไดลวงหนา แตวิธีนี้ตนทุนที่ประมาณอาจไมถูกตอง จึงทําใหตองมีการปรับปรุงผลตางที่สูงหรือต่ําไปในวันสิ้นงวด 3. ระบบตนทุนมาตรฐาน (Standard Cost System) เปนตนทุนที่ไมไดเกิดขึ้นจริงแตไดประมาณการวาจะ เกิดขึ้นถาดําเนินการตามแผนงานที่วางไว ทําใหสะดวกตอการคํานวณตนทุนและบันทึกรายการตนทุน เพราะสามารถคํานวณตนทุนไดทันที และตนทุนมาตรฐานยังนํามาใชในในการวางแผนควบคุมการ ปฏิบัติงานโดยการวิเคราะหผลตางจาการปฏิบัติงานจริงกับมาตรฐานเพื่อใชในการปรับปรุง แกไขให เปนไปตามแผนที่วางไว การคํานวณตนทุนตาง ๆ ในงบการเงินกิจการอุตสาหกรรม ตนทุนการผลิต = วัตถุดิบทางตรงใชไป + คาแรงงานทางตรง + คาใชจายการผลิต ตนทุนสินคาสําเร็จรูป = ตนทุนการผลิต + งานระหวางทําตนงวด – งานระหวางทําปลายงวด ตนทุนขาย = สินคาสําเร็จรูปตนงวด + ตนทุนสินคาสําเร็จรูป – สินคาสําเร็จรูปปลายงวด สินคาคงเหลือของกิจการอุตสาหกรรม ประกอบดวย วัตถุคงเหลือ งานระหวางทําคงเหลือ สินคาสําเร็จรูป การคํานวณตนทุนรวม (Full Costing) = DM + DL + OH (VC) + OH (FC) การคํานวณตนทุนผันแปร (Variable Costing) = DM + DL + OH (VC) สวน OH (FC) ใหถือเปนตนทุนงวดเวลา ความแตกตางระหวางแนวคิดตนทุนรวมกับตนทุนผันแปร ตนทุนรวม ตนทุนผันแปร w คาใชจายการผลิตคงที่จะถูกนําเปน w คาใชจายการผลิตคงที่จะถือเปนตนทุน ตนทุนผลิตภัณฑกอน แลวจะตัดเปน งวดเวลาทั้งหมด ตนทุนงวดเวลาเมื่อมีการขาย สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
51
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 2
w มุงเนนการแยกคาใชจายตามหนาที่ w นําเสนอแกบุคคลภายนอก w เปนไปตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป
w มุงเนนการแยกคาใชจายตามพฤติกรรม w นําเสนอแกบุคคลภายใน w สอดคล องกั บ ลั ก ษณะ กา รเ กิ ด ขึ้ น ขอ ง คาใชจายและวิธีการบริหารของผูบริหาร แต ไมเปนไปตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป
ความแตกตางในกําไรสุทธิ • ปริมาณการผลิต = ปริมาณการขาย กําไรสุทธิวิธีตนทุนเต็ม = กําไรสุทธิวิธีตนทุนผันแปร • ปริมาณการผลิต > ปริมาณการขาย กําไรสุทธิวิธีตนทุนเต็ม > กําไรสุทธิวิธีตนทุนผันแปร • ปริมาณการผลิต < ปริมาณการขาย กําไรสุทธิวิธีตนทุนเต็ม < กําไรสุทธิวิธีตนทุนผันแปร * สาเหตุที่ทําใหเกิดความแตกตางในกําไรสุทธิ เพราะเกิดจากการตัดคาใชจายการผลิตคงที่ของทั้งสองที่วิธีตัด ไมเทากัน การพิสูจนปรับกําไรสุทธิ 1. จากวิธีตนทุนรวมมาเปนวิธีตนทุนผันแปร กําไรสุทธิวิธีตนทุนผันแปร = กําไรสุทธิวิธีตนทุนรวม + OH(FC) ใน ส/ค ตนงวด - OH(FC) ใน ส/ค ปลายงวด 2. จากวิธีตนทุนผันแปรเปนวิธีตนทุนรวม กําไรสุทธิวิธีตนทุนรวม = กําไรสุทธิวิธีตนทุนผันแปร + OH(FC) ใน ส/ค ปลายงวด - OH(FC) ใน ส/ค ตนงวด ขอดี ขอเสียของวิธีตนทุนผันแปร ขอดี ขอเสีย • แสดงความสัมพันธตนทุน ปริมาณ และกําไร เปน • สินคาคงเหลือที่ปรากฏในรายงานทางเงินแสดง จํานวนที่ต่ํากวาที่ควรจะเปน ประโยชนตอการวางแผนกําไร • กําไรสุทธิจะมีความสัมพันธกับปริมาณการขาย • การจําแนกคาใชจายการผลิตคงที่ และคาใชจาย การผลิ ตผั นแปรทํา ได ยาก ถา แยกต นทุ นผิ ดจะ • ผู บ ริ ห ารเข า ใจรายงานทางการเงิ น ได ง า ยขึ้ น สงผลกระทบตอกําไรสวนเกิน เพราะคา ใชจายการผลิตคงที่จะถูกตัด เปนตนทุ น • วิธีตนทุนผันแปรไมคํานึงถึงกําลังการผลิต งวดเวลา • สินคาคงเหลือจะรับผิดชอบเฉพาะตนทุนผันแปร • การตัดสินใจโดยพิจารณาเฉพาะกําไรสวนเกินที่ เทานั้น จะชดเชยตนทุนคงที่แตเพียงอยางเดียวอาจจะทํา ให เกิ ด การผิด พลาดได และการพัฒ นาและการ • เป น ประโยชน ต อ การวิ เ คราะห กํ า ไร และการ เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีผลตอการผลิต ควบคุมตนทุน จุดคุมทุน เปนจุดที่แสดงถึงระดับการขายสินคาที่มีมูลคาของรายไดรวมเทากับตนทุนรวม หรือระดับการขาย สินคาที่กิจการไมมีกําไรขาดทุน (เทาทุน) ณ จุดนี้กําไรจะเทากับศูนยนั่นเอง การคํานวณจุดคุมทุน = ตนทุนคงที่ ขาย - ตนทุนผันแปร(กําไรสวนเกิน)
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
52
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 2
การคํานวณปริมาณการขาย ณ กําไรที่ตองการ
=
การคํานวณสวนเกินที่ปลอดภัย
=
ตนทุนคงที่ + กําไรที่ตองการ ขาย - ตนทุนผันแปร (กําไรสวนเกิน) ขายปจจุบัน – ขาย ณ จุดคุมทุน ขายปจจุบัน
การวิเคราะหจุดคุมทุนสินคาหลายชนิด 1. หาสัดสวนในการขาย (Sale Mix) 2. คํานวณกําไรสวนเกินเฉลี่ย Sale Mix = (กําไรสวนเกินของสินคาแตละชนิด x Sale Mix) แลวนํามา รวมกัน 3. คํานวณหาจุดคุมทุน ใชสูตรจุดคุมทุนเดิม 4. ปริมาณการขายของสินคาแตละชนิด = จุดคุมทุน x Sale Mix การกําหนดราคาผลิตภัณฑมาตรฐาน เปนวิธีการกําหนดราคาผลิตภัณฑที่มีการผลิตและจําหนายตามลักษณะการ ดําเนินงานปกติ และมีลักษณะคลายคลึงกับผลิตภัณฑที่มีอยูทั่ว ๆไป ในทองตลาด การกําหนดราคาขายดวยวิธีนี้ มี 3 วิธี คือ 1. การกําหนดราคาขายกับสวนบวกเพิ่มจากตนทุน ราคาขาย = DM + DL + OH(VC) + OH(FC) + กําไร (Mark up) การกําหนดราคาขายจากตนทุนรวม จะเหมาะสําหรับธุรกิจผูกขาด หรือผลิตภัณฑที่นําเขาสูตลาดใหม ๆ ผลิตภัณฑที่มีการนําเทคโนโลยีการผลิตชั้นสูงหรืองานที่ตองฝมือในการผลิต การกําหนดราคาขายกับตนทุนผลิตภัณฑวิธีตนทุนรวม จะตองคํานึงถึงอัตรากําไรที่กิจการกําหนดจะตอง สามารถชดเชยกับคาใชจายในการดําเนินงานอื่น ๆ การกําหนดราคาขายจากตนทุนผลิตภัณฑวิธีผันแปรและวิธีตนทุนผันแปรรวม ทําใหราคาขายต่ํากวาราคาใน ทองตลาด เหมาะสําหรับตลาดที่มีการแขงขันกันสูง และกิจการเริ่มนําผลิตภัณฑเขาสูตลาดใหม ๆ ในชวงเวลาสั้น เปนผลิตภัณฑที่ไมแตกตางกันในทองตลาด มีจําหนายทั่วไป 2. การกําหนดราคาโดยกําหนดกําไรสูงสุดที่ตองการ การกําหนดราคาดวยวิธีนี้ใชกับธุรกิจใหบริการเปน สวนใหญ อัตราคาบริการตอชั่วโมง = ตนทุนรวม + กําไรที่ตองการ จํานวนชั่วโมงการใหบริการ 3. การกําหนดราคาขายกับอัตราสวนบวกเพิ่ม เปนการกําหนดราคาขายโดยคํานึงถึงเงินลงทุนที่ใชในการ ผลิตและการขายผลิตภัณฑแตละชนิดซึ่งมีเงินลงทุนแตกตางกัน เหมาะสําหรับผลิตภัณฑใหมที่ไมมี ราคาตลาด หรือผลิตภัณฑที่ตองการปรับราคาขานใหสอดคลองกับการเปลี่ยนแปลงของตนทุนรวม อัตรา Mark up = ผลตอบแทนเงินทุนที่ตองการ + คชจ.ดําเนินงาน x 100 วิธีตนทุนเต็ม ปริมาณหนวยขาย x ตนทุนผลิตตอหนวย อัตรา Mark up = ผลตอบแทนเงินทุนที่ตองการ + Cost & FC x 100 วิธีตนทุนผันแปร ปริมาณหนวยขาย x Cost & VC/Unit การกําหนดราคาผลิตภัณฑใหม เปนการกําหนดราคาผลิตภัณฑสําหรับการนําผลิตภัณฑเขาสูตลาดใหม ซึ่งตอง พบกับความไมแนนอนวาผลิตภัณฑจะเปนที่ยอมรับของตลาดหรือไม กิจการสามารถดําเนินการไดดังนี้
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 2
53
v การทดสอบตลาดของผลิตภัณฑ เปนการสํารวจตลาดแลวนําขอมูลมาวิเคราะหวางแผนการขาย กําไร และผลตอบแทนที่ตองการไดอยางมีประสิทธิภาพ v การเลือกกลยุทธราคา (Pricing Strategies) มี 2 กลยุทธ คือ ตั้งราคาสูงกวาผลิตภัณฑชนิดเดียวกัน และ ตั้งราคาต่ํากวาผลิตภัณฑชนิดเดียวกัน v การกําหนดราคาโดยใชราคาเปาหมาย (Target Price) วิธีการนี้จะไมพิจารณาจากเกณฑตนทุน แตจะ นําเอาราคาเปาหมายที่กําหนดไว ไปเทียบกับสวนที่เปนเปาหมายกําไรที่ตองการ แลวคํานวณหาตนทุน การผลิตของผลิตภัณฑที่มีประสิทธิภาพ คือ ตนทุนเปาหมาย (Target Cost) การกําหนดราคาตามใบสั่งซื้อพิเศษ สิ่งที่ตองคํานึงถึงมีดังนี้ v การกําหนดราคาวิธีนี้ตองไมกระทบตอการขายปกติ v พิจารณากําลังการผลิตตองมีเพียงพอ v ไมตองนําตนทุนที่หลีกเลี่ยงไมได มาพิจารณา v พิจารณาราคาขายกับตนทุนผันแปร หากมีกําไรใหตัดสินใจรับคําสั่งซื้อพิเศษ งบประมาณ คือ แผนการดําเนินงานที่จัดทําขึ้นในรูปตัวเลข เกี่ยวกับการจัดหาและการใชทรัพยากรทางการเงิน และทรั พ ยากรอื่ น ๆ ในช ว งระยะเวลาหนึ่ ง ซึ่ งอาจจั ด ทํ า ได เ ป น แผนดํ า เนิ น ทั้ งในระยะยาว และระยะสั้ น งบประมาณสามารถจัดทําไดดังนี้ 1. งบประมาณหลั ก เป น การวางแผนงบประมาณเกี่ ย วกั บ การดํ า เนิ น งานของกิ จการในอนาคต ซึ่ ง ประกอบไปดวย 1) งบประมาณการขาย 2) งบประมาณตนทุนขาย 3) งบประมาณคาใชจายในการขาย และบริ ห าร และ 4) งบประมาณงบกํ า ไรขาดทุ น ในงบประมาณต น ทุ น ขายประกอบด ว ย 1) งบประมาณการผลิต 2) งบประมาณการซื้อวัตถุดิบทางตรง 3) งบประมาณตนทุนคาแรงงานทางตรง และ 4) งบประมาณคาใชจายในการผลิต 2. งบประมาณการเงิน เปนการวางแผนงบประมาณดานการเงิน การลงทุนในสินทรัพย เพื่อจะไดทราบ ถึงการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงิน และเงินสด ประกอบดวย 1) งบประมาณเงินสด 2) งบประมาณ รายจายฝายทุน 3) งบประมาณงบดุล และ 4) งบประมาณงบกระแสเงินสด งบประมาณฐานศูนย (Zero-Based Budget) เปนการจัดทํางบประมาณโดยไมไดคํานึงถึงขอมูลของงบประมาณป ใดเปนปฐาน แตจะเริ่มจัดทํางบประมาณใหมทั้งหมด ตนทุนที่ใชในการตัดสินใจ 1. ตนทุนสวนตาง (Differential Cost) เปนตนทุนที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจเลือกทางเลือกใดทางเลือกหนึ่ง แทนทางเลือกอื่น ๆ เปนตนทุนที่มีความแตกตางกันไปตามลักษณะและสภาพของเหตุการณและปญหา แบงเปน 2 ลักษณะ คือ 1) ตนทุนสวนเพิ่ม และ 2) ตนทุนสวนลด 2. ตนทุนคาเสียโอกาส (Opportunity Cost) เปนผลประโยชนที่กิจการไมไดรับเนื่องจากไมเลือกทางเลือกนั้น 3. ตนทุนที่หลีกเลี่ยงได (Avoidable Cost) เปนตนทุนที่ไมเกิดขึ้น ถาไมมีกิจกรรมทางเลือกนั้น แตถา กิจกรรมนั้นถูกเลือก ตนทุนจะเกิดขึ้นและมีผลตอการตัดสินใจ ตนทุนที่ไมเกี่ยวของกับการตัดสินใจ 1. ตน ทุ นจม (Sunk Cost) เปน ต นทุ น ที่ เกิ ด ขึ้น ในอดี ต เกิด ขึ้ น กอ นการตั ดสิ น ใจและเป นต น ทุน ที่ ไ ม เปลี่ยนแปลงทั้งในปจจุบันและอนาคต เชน ราคาตามบัญชีของเครื่องจักร
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 2
54
2. ตนทุนหลีกเลี่ยงไมได (Unavoidable Cost) เปนตนทุนที่เกิดขึ้นแลวไมสามารถเปลี่ยนแปลงไดไมวาจะ เลือกทางเลือกใด เปนตนทุนที่ยังตองเกิดขึ้นไมวาจะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงกิจกรรมอยางไรตนทุนนี้ก็ ยังคงอยู การรับคําสั่งซื้อพิเศษ ใหนําเอารายไดสวนเพิ่มของคําสั่งซื้อพิเศษหักดวยตนทุนผันแปรที่ตองผลิตเพิ่ม หากมี กําไรสวนเกินเพิ่มขึ้นใหรับคําสั่งซื้อพิเศษ สวนตนทุนคงที่ หรือตนทุนหลีกเลี่ยงไมไดมีตองนํามาพิจารณา การผลิตสวนประกอบเองหรือสั่งซื้อจากบุคคลภายนอก ตองคํานวณเปรียบเทียบระหวางตนทุนการผลิตชิ้นสวน กับตนทุนการสั่งซื้อวาตนทุนใดต่ํากวา จะตัดสินใจทางเลือกนั้น สําหรับตนทุนการผลิตชิ้นสวนจะคํานวณเฉพาะ ตนทุนสวนเพิ่ม (ตนทุนที่หลีกเลี่ยงได) สวนตนทุนหรือคาใชจายที่ไดรับการปนสวนมาจากสวนกลาง (ตนทุนที่ หลีกเลี่ยงไมได) จะไมนํามาคํานวณเปนตนทุนของชิ้นสวน การตัดสินใจขายทันทีหรือผลิตตอ จะเปรียบเทียบรายไดสวนเพิ่ม กับตนทุนสวนเพิ่ม หากผลิตภัณฑรวมชนิด ใดมีกําไรสวนเพิ่มจะตัดสินใจผลิตตอ การยกเลิกผลิตภัณฑ สาขา หรือเขตขายที่ใหผลขาดทุน จะวิเคราะหโดยการเปรียบเทียบตนทุนที่หลีกเลี่ยงได กับรายไดที่ลดลง หากตนทุนที่หลีกเลี่ยงไดมากกวารายไดที่ลดลงใหตัดสินใจยกเลิกผลิตภัณฑ หรือสาขาที่มีผล ขาดทุน การสงเสริมการผลิตและขายผลิตภัณฑชนิดใด จะตัด สินใจสงเสริมการผลิตและขายสินคาที่ทํากําไรสวนเกิ ด สูงสุด รายจายลงทุน (Capital Expenditures) เปนรายจายลงทุนในสินทรัพยหรือโครงการตาง ๆ ที่ตองใชเงินลงทุนเปน จํานวนมาก ซึ่งคาดหวังวาจะไดรับผลตอบแทนเกิดกวารอบระยะเวลาหนึ่งปขึ้นไป รายจายดําเนินงาน (Operating Expenditures) เปนรายจายในการดําเนินธุรกิจประจํางวดบัญชี เปนการลงทุนซึ่ง หวังผลตอบแทนระยะสั้นภายใน 1 ป ระยะเวลาคืนทุน 1. กรณีโครงการที่มีผลตอบแทนเทากันทุกป PB = เงินลงทุนสุทธิ ผลตอบแทนเงินสดตอป 2. กรณีโครงการที่มีผลตอบแทนไมเทากันทุกป ใหนําผลตอบแทนเงินสดที่ไดในแตละปมารวมกันจนกวาจะมีจํานวนเทากับเงินลงทุนสุทธิ 3. การตัดสินใจ เลือกโครงการที่ใหระยะเวลาคืนทุนที่ เร็วที่สุด อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย (ARR) 1. คํานวณหาอัตราผลตอบแทนถัวเฉลี่ย ARR = กําไรสุทธิถัวเฉลี่ย x 100 เงินลงทุนสุทธิ 2. การตัดสินใจ เลือกโครงการที่ใหผลตอบแทนที่สูงที่สุด มูลคาปจจุบันสุทธิ (NPV) 1. การคํานวณมูลคาปจจุบันสุทธิ (NPV) NPV = PV - I 2. กรณีโครงการที่มีผลตอบแทนเทากันทุกป PV = ผลตอบแทนแตละป x มูลคาเงิน (PVIFA) 3. กรณีโครงการที่มีผลตอบแทนไมเทากันทุกป PV = ผลตอบแทนแตละป x มูลคาเงิน (PVIF) สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 2
55
4. การตัดสินใจ เลือกโครงการที่ใหคา NPV เปนบวก ดัชนีในการทํากําไร (PI) PI = PV หารดวย I 1. การคํานวณดัชนีในการทํากําไร 2. การตัดสินใจ เลือกโครงการที่มีดัชนีในการทํากําไร มากกวา 1 อัตราผลตอบแทนลดคา (IRR) 1. กรณีโครงการที่มีผลตอบแทนเทากันทุกป 1.1 คํานวณปจจัยลดคา = เงินลงทุนสุทธิ หารดวย ผลตอบแทนเงินสดตอป 1.2 นําปจจัยลดคาไปเปดตาราง PVIFA อัตราที่ไดคือ คา IRR 2. กรณีโครงการที่มีผลตอบแทนไมเทากันทุกป 2.1 คํานวณหาคา NPV ในแตละอัตรา 2.2 เมื่อไดอัตรา NPV ในอัตรานั้นเปนบวก และอีกอัตราหนึ่ง NPV เปนลบ IRR จะอยูระหวางสองอัตรานี้ 3. การตัดสินใจ เลือกโครงการที่ใหคา IRR ที่ สูงที่สุด การวิเคราะหผลตางกําไร คือ ความแตกตางระหวางกําไรสุทธิที่เกิดขึ้นจริงในรอบระยะเวลาบัญชีหนึ่งกับกําไร สุทธิโดยประมาณที่ไดจัดทําไวในงบกําไรขาดทุนโดยประมาณของรอบระยะเวลาบัญชีเดียวกัน ความสําคัญของ การกําหนดเปาหมายกําไรที่ฝายบริหารจะตองใหความสนใจ และควบคุมตลอดเวลา คือยอดขาย และตนทุนตาง ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน การที่ผูบริหารควบคุมยอดขายและตนทุนตาง ๆ ใหเปนไปตามแผนงาน และ งบประมาณที่ไดวางไวนั่นคือ ความสําเร็จในเปาหมายกําไรที่ผูบริหารตองการ ในการวิเคราะหผลตางกําไรตอง ใชงบกําไรขาดทุนโดยประมาณ และงบกําไรขาดทุนที่เกิดขึ้นจริง โดยจัดแสดงไวในรูปของกําไรสวนเกิน ผลตางในปริมาณการขาย คือ ผลความแตกตางระหวางปริมาณการขายที่ไดมีการประมาณไวในงบประมาณกับ ปริมาณการขายที่เกิดขึ้นจริง คํานวณไดดังนี้ ผลตางกําไรสวนเกินเนื่องปริมาณขาย = (ปริมาณขายจริง – ปริมาณขายตามbudge) x กําไรสวนเกินตามbudget ผลตางเนื่องจากราคาขาย คือ ผลตางของกําไรสวนเกินที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงในราคาขายสินคาที่กําหนด ไวในแผนงานตามงบประมาณกับราคาขายสินคาจริง คํานวณไดดังนี้ ผลตางในราคาขาย = (ราคาจริงตอหนวย – ราคาขายตอหนวยตามbudget) x ปริมาณขายจริง ผลตางเนื่องจากตนทุนผันแปร จะเกิดจากความแตกตางระหวางตนทุนผันแปรตามงบประมาณกับตนทุนผันแปร ที่เกิดขึ้ นจริง ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากความไมมีประสิ ทธิภาพในการใช DM, DL การประมาณ OH(VC) และ คาใชจายในการขายบริหารผิดพลาด คํานวณไดดังนี้ ผลตางกําไรสวนเกินเนื่องจากตนทุนผันแปร = (VC ตอหนวย – VC ตอหนวยตามbudget) x ปริมาณขายจริง การวิเคราะหผลตางกําไรสวนเกิน (กรณีขายสินคาหลายชนิด) นอกจากจะวิเคราะหผลตางกําไรสวนเกินที่เกิดจาก ปริมาณขาย ราคาขาย และตนทุ นผั นแปรรวมแล ว ยังตองคํา นึงถึ งผลตา งของสว นผสมการขาย (Sale Mix Variance) ดวย ผลตางกําไรสวนเกินเนื่องจากสวนผสมการขาย = (ปริมาณขายจริง – ปริมาณขายตามbudget) x (กําไรสวนเกิน ตอหนวยของสินคา แตละชนิดตามงบประมาณ – กําไรสวน เฉลี่ยตอหนวยตามงบประมาณรวม) ผลตางกําไรสวนเกินเนื่องจากปริมาณขาย = (ปริมาณขายจริง – ปริมาณขายตามงบประมาณ) x กําไรสวนเกิน เฉลี่ยตอหนวยตามงบประมาณรวม สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 2
56
ผลตางกําไรสวนเกินเนื่องจากราคาขาย = (ราคาจริงตอหนวย – ราคาขายตอหนวยตามbudget) x ปริมาณขายจริง ผลตางกําไรสวนเกินเนื่องจากตนทุนผันแปร = (VC ตอหนวย – VC ตอหนวยตามbudget) x ปริมาณขายจริง การบัญชีตามความรับผิดชอบ คือ การรวบรวมขอมูล จดบันทึก จัดประเภทและนําเสนอรายงานบัญชีตามความ รับผิดชอบ เพื่อเสนอขอมูลตอผูบริหารในระดับสูงขึ้นไปตามสายการบังคับบัญชี ผูบริหารในแตละระดับจะใช ขอมูลการบัญชีตามความรับผิดชอบเปนเครื่องมือที่ทําใหทราบถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงาน ของแตละหนวยงานนั้น โดยการเปรียบเทียบผลตางระหวางการปฏิบัติงานจริงกับงบประมาณ หากพบผลตางที่ ไมดีจะไดดําเนินการแกไข หรืออาจนําเอาสาเหตุในผลตางที่เกิดขึ้นเปนขอมูลในการวางแผนจัดทํางบประมาณ ของงวดถัดไป ศูน ย ร ายได คื อ หน ว ยงานที่ รั บ ผิ ด ชอบในการหารายได การประเมิ น ผลการปฏิ บั ติ งานของศู น ย ร ายได จ ะ ประเมินผลจากความสามารถในการหารายไดใหมากที่สุด และตองเปนรายไดที่ผูบริหารรับผิดชอบควบคุมได ตัวอยางของศูนยรายได เชน แผนกขาย กลุมของพนักงานขาย นอกจากนี้ศูนยรายไดอาจควบคุมคาใชจายทางการ ตลาดบางรายการ เชน คาใชจายในการนําสินคาเขาสูตลาด ศูนยตนทุน คือหนว ยงานที่รับผิดชอบในการควบคุมตน ทุนหรือคาใชจายที่เกิดขึ้น ซึ่งจะตองเปนตนทุนหรื อ คาใชจายที่ผูจัดการศูนยควบคุมไดเทานั้น ศูนยตนทุนตนทุนแบงได 2 ประเภท ศูนยตนทุนทางวิศวกรรม และ ศูนยตนทุนทางการบริหาร การวัดผลการปฏิบัติงานของศูนยตนทุนคือการประหยัดตนทุนที่สุด ศูนยกําไร คือหนวยงานที่รับผิดชอบทั้งทางดานการซื้อ การขาย การผลิต ซึ่งเปนกิจกรรมที่กอใหเกิดรายไดและ คาใชจาย การแบงหนวยงานเปนศูนยกําไรอาจเปนแบงตามกลุมสินคา ตามสาขาและเขตการขาย โดยหนวยงาน นี้รับผิด ชอบในการหารายได และควบคุ มตนทุน หรือคา ใชจาย คาใชจายที่เกิดในศูนยกํ าไรมี 2 ประเภท คื อ คาใชจายที่ควบคุมได และคาใชจายที่ควบคุมไมได การประเมินผลของศูนยกําไรจะใชกําไรเปนเกณฑโดยทํา การเปรียบเทียบวาทํากําไรไดตามงบประมาณที่วางไวหรือไม ศูนยลงทุน หนวยงานนี้จะรับผิดชอบในการตัดสินใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการ และการลงทุน โดยจะดูทั้ ง ทางดานรายได ตนทุน และการลงทุนขององคการใหสามารถบรรลุผลตอบแทนที่กําหนดไว การประเมินผล ของศูนยลงทุนจะวัดจากผลตอบแทนจากการลงทุนเปรียบเทียบกับผลตอบแทนตามเปาหมายที่กําหนดไว โดย การวัดผลตอบแทนทําได 2 วิธี ดังนี้ 1. วิธีผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) = ขาย x กําไร สินทรัพยรวม ขาย หรือ = กําไรจากเงินลงทุนของศูนยลงทุน จํานวนสินทรัพยของศูนยลงทุน 2. วิธีรายไดคงเหลือ (RI) = (กําไรสุทธิ + ดอกเบี้ย) – เงินลงทุน x ตนทุนของเงินลงทุน หรือ = กําไรสุทธิ – (อัตราผลตอบแทนขั้นต่ําที่ตองการ x สินทรัพยดําเนินงาน) การกําหนดราคาโอน คื อราคาที่ ใ ช โอนสิ นค า หรื อ บริก ารระหว างหนว ยงาน กิจ การที่ มีการแบงหน วยงาน ออกเปนศูนยความรับผิดชอบ การกําหนดราคาโอนที่เหมาะสมจะทําใหสามารถวัดผลการปฏิบัติงานของแตละ หนวยงานได ราคาโอนจะเปนรายไดของหนวยงานที่โอน (หนวยที่ขาย) และถือเปนตนทุนของหนวยงานที่รับ โอน (หนวยที่ซื้อ) การกําหนดราคาโอนมี 3 วิธี คือ ราคาตลาด (Market Price) ราคาตนทุนเปนเกณฑ (Cost-base Price) และใชราคาที่มีการตกลงกัน (Negotiated Price)
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีตนทุน 2
57
การบริหารโดยกิจกรรม (Activity-Based Management : ABM) เนนในการพัฒนา สงเสริมกิจกรรมที่เพิ่มมูลคา และลด หรือขจัดกิจกรรมที่ไมเพิ่มมูลคา แตการลดหรือขจัดกิจกรรมที่ไมเพิ่มมูลคาตองไมกระทบตอคุณคา และ มาตรฐานของสินคาหรือบริการ ระบบตนทุนกิจกรรม (Activity-Based Costing) เปนระบบการคิดตนทุนที่เนนกิจกรรมอันเปนปจจัยหลักที่ทําให เกิดตนทุน ทําใหตนทุนถูกแบงตามกิจกรรม และกิจกรรมจะถูกแบงใหกับผลิตภัณฑที่ใชกิจกรรมนั้น ๆ ในการ จัดสรรตนทุนของ ABC จะตองหาสาเหตุที่ทําใหเกิดตนทุนนั้นขึ้น ซึ่งเรียกวาตัวผลักดันตนทุน (Cost Driver) การจัดการผลิตแบบทันเวลา (Just in Time : JIT) เปนการจัดการผลิตสินคาใหมีความตอเนื่องภายใตการผลิตที่มี คุณภาพ เพื่อลดตนทุนในการเก็บรักษาและตนทุนการสั่งซื้อ แตทั้งนี้ทั้งนั้นสินคาและวัตถุดิบตองทันตอความ ตองการในการผลิตและทันตอความตองการของลูกคา การบริหารคุณภาพโดยรวม (Total Quality Management : TQM) เปนกระบวนการปรับปรุงกิจกรรมอยา ง ตอเนื่อง และเกี่ยวของกับทุกคนในองคการ ทั้งผูบริหารและพนักงานมีการรวมกันในความพยายามปรับปรุงการ ปฏิบัติงานทุกระดับ ซึ่งการปรับปรุงดังกลาวมุงตรงไปยังความพอใจในเปาหมายตาง ๆ เชน คุณภาพของตนทุน การกําหนดเวลา ภารกิจขององคการและความเหมาะสม ตนทุนคุณภาพ (Cost of Quality) เปนตนทุนที่เกิดขึ้นเนื่องจากการผลิตสินคาที่ไมไดคุณภาพตามที่ตองการ มี คุณภาพของสินคาต่ําหรือดอยคุณภาพ ดังนั้น ตนทุนคุณภาพจะประกอบดวย ตนทุนที่กอใหเกิดของเสีย ตนทุน ที่ตรวจสอบ ตนทุนการซอม และตนทุนการปองกันการเกิดของเสีย การวางแผนการสั่งซื้อสินคาแบบคัมบัง (Kamban System) เปนการสั่งซื้อวัตถุดิบใหทันกับเวลาที่ตองการใชใน กระบวนการผลิตเพื่อใหเพียงพอกับยอดขาย ในระบบ JIT ระบบคัมบังเปนวิธีการควบคุมวัตถุดิบ ชิ้นสวน และ สินคา ในระบบคัมบังจะใชบัตรในการควบคุมบริหารวั ตถุดิบ การจัดการบั ตรมี 3 ประเภทคือ บั ตรเบิกของ บัตรสั่งผลิต และบัตรสงของ การวัดผลการดําเนินงานเชิงดุลยภาพ (Balance Scorecard) เปนเครื่องมือในการประเมินผล และนํากลยุทธไปสู ภาคปฏิบัติโดยมีการจัดการประเมินผลการปฏิบัติงานหลาย ๆ ดานพรอม ๆ กันในองคการ เพื่อใหคนในองคการมี ทิศทางการปฏิบัติงานไปในทิศทางเดียวกัน เปนการวัดผลการดําเนินทั้งทางดานการเงินและไมใชดานการเงิน โดยมุงเนนที่ความสําเร็จขององคการในมุมมอง 4 มิติ คือ มุมมองดานการเงิน มุมมองดานลูกคา มุมมองดาน กระบวนการภายใน มุมมองดานการเรียนรูการพัฒนา การจัดกิจกรรม Six Sigma เปนการจัดการกระบวนการทางธุรกิจ เปนปรัชญาการจัดการที่มุงหมายที่จะปรับปรุง ประสิทธิภาพและประสิทธิผลขององคการ โดย Six Sigma จะเนนการวางแผน ระเบียบ วิธีการที่จะทําใหไปถึง เปาหมายหรือความสําเร็จ ที่จะเพิ่มความพึงพอใจของลูกคา และสถานะทางการเงินของกิจการ โดยมีคุณสมบัติ พิเศษที่ผสมผสานความสําเร็จถึง 8 ประการดวยกัน ไดแก ทําใหเกิดผลลัพธสุดทายไดตามที่คาดหวัง เปนการ แสดงภาวะผูนําของระดับบริหาร มีขั้นตนที่ลงตัว (การวัด การวิเคราะห การปรับปรุง และการควบคุม) เห็น ผลสําเร็จของโครงการไดทันใจ สามารถกํ าหนดมาตรการสําหรั บการวัดผลไดชัดเจน ปจจัยพื้น ฐานของ Six Sigma คือ ภาวะผูนําและผูปฏิบัติงาน เนนที่ลูกคาและกระบวนการ และใชกลวิธีทางสถิติในการพัฒนา เอกสารอางอิง กมลทิพย คําใจ. การบัญชีตนทุน 2. มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม, 2550.
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นสูง 1
พุทธมน สุวรรณอาสน
58
การบัญชีสํานักงานใหญและสาขา (Home Office and Branch Accounting) 1.ลักษณะของตัวแทนขายสินคา (Agency) และสาขา (Branch) การเตรียมสินคาเพื่อขาย การพิจารณาใหสินเชื่อ / อนุมัติขาย การเก็บเงินชําระหนี้ สิทธิในเงินทุนหมุนเวียน (Working Fund) ถูก ตั้งวงเงินจากสํานักงานใหญ
Agency
Branch
ไมมี / มีเพียงสินคาตัวอยางเทานั้น ไมมีอํานาจ / ขึ้นอยูกับสํานักงานใหญ ไมมีภาระ / แตขึ้นอยูกับนโยบายสํานักงานใหญ มีสิทธิเบิกจาย
มีการเตรียมสินคาเพื่อขาย มีอํานาจ มีภาระ มีสิทธิเบิกจาย
2. การบัญชีเกี่ยวกับตัวแทน (Agency Account) Agency ไมจําเปนตองบันทึกตามระบบบัญชีคู เวนแต Agency เปนนิติบุคคลที่ตองทําบัญชีตามกฎหมาย ซึ่งจะตองทําตามระบบบัญชีคู
สมุดบัญชีที่จําเปนไดแก สมุดบัญชีเงินสด เพื่อใชบันทึกรายการเกี่ยวกับเงินทุนหมุนเวียน(Working Fund) สํานักงานใหญ ตองการทราบกําไรจากตัวแทน สงสินตัวอยางใหตัวแทนราคาทุน 4,000 สินคาตัวอยาง-ตัวแทน1 4,000 4,000 สินคา สํานักงานใหญตั้งเงินทุนหมุนเวียน 5,000 เงินทุนหมุนเวียน-ตัวแทน1 5,000 5,000 เงินสด รับใบสั่งซื้อของลูกคาจากตัวแทน1 ขายสด 4,000 ขายเชื่อ 16,000 ตนทุนสินคา 4,000 เงินสด ลูกหนี-้ โดยตัวแทน1 16,000 ขาย-โดยตัวแทน1 20,000 ตนทุนสินคา-โดยตัวแทน1 12,000 12,000 สินคา ตัวแทน1 เบิกจายคาขนสงออกไปใหลูกคา 500 คาขนสงออก-ตัวแทน1 500 500 เงินสด
สํานักงานใหญ ไมตองการทราบกําไรจากตัวแทน สินคาตัวอยาง-ตัวแทน1 สินคาสงไปใหตัวแทน
4,000
เงินทุนหมุนเวียน-ตัวแทน1 เงินสด 12,000 เงินสด ลูกหนี้ ขาย
5,000
4,000
5,000 4,000 16,000 20,000
คาขนสงออก เงินสด
500 500
3.วิธีการบัญชีเกี่ยวกับสํานักงานใหญและสาขา (Home Office Account & Branch Account) 3-1 สํานักงานใหญสงสินคาไปใน รายการ
ราคาทุน (Cost Price)
Ref. P7
สาขา
สํานักงานใหญ
1.สํานักงานใหญสงเงินสดใหสาขา 2000 เงินสด เดินสะพัดสํานักงานใหญ 2.สํานักงานใหญสงสินคาใหสาขาราคาทุน 12,000 สินคาจากสํานักงานใหญ เดินสะพัดสํานักงานใหญ 3.สาขาสงเงินใหสํานักงานใหญ 8,000 เดินสะพัดสํานักงานใหญ เงินสด
2,000 2,000 12,000 12,000 8,000 8,000
เดินสะพัดสาขา เงินสด เดินสะพัดสาขา สินคาสงไปสาขา เงินสด เดินสะพัดสาขา
การจัดทํางบการเงินรวมของสํานักงานใหญและสาขา (Combined Statement) - กรณีสินคาราคาทุน 1.ตัดบัญชีสินคาระหวางกัน
สินคาสงไปสาขา 12,000 สินคารับจากสํานักงานใหญ 2.ตัดบัญชีเดินสะพัดระหวางกัน เดินสะพัดสํานักงานใหญ 6,000 เดินสะพัดสาขา
12,000
6,000
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
2,000 2,000 12,000 12,000 8,000 8,000
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นสูง 1
พุทธมน สุวรรณอาสน
59
สํานักงานใหญสงสินคาไปในราคาสูงกวาราคาทุน (ราคาขาย / ไมใชราคาขาย) •
•
จากตัวอยางเดิม สํานักงานใหญสงสินคาไปในราคาที่สูงกวาราคาทุน 30% (ราคาทุนเดิม 12,000 + Markup 3,600 = ราคาที่สงไป 15,600) (ราคาสงไป 130% หรือ 1.30 ถาราคาทุน 12,000 * 1.30 = ราคาที่สงไป 15,600) รายการสงสินคาไปสาขาจะมีกําไรที่ติดไปดวย - เปลี่ยนแปลงเพียงรายการเดียว
รายการ สาขา 2.สํานักงานใหญสงสินคาใหสาขาราคาทุน 12,000 สินคาจากสํานักงานใหญ เดินสะพัดสํานักงานใหญ
สํานักงานใหญ 15,600 15,600
15,600 เดินสะพัดสาขา สินคาสงไปสาขา สํารองกําไรสินคาไปสาขา-กําไร
12,000 3,600
การจัดทํางบการเงินรวมของสํานักงานใหญและสาขา (Combined Statement) - กรณีสูงกวาราคาทุน • •
•
•
สมมติใหสินคาปลายงวด-สาขา 6,500 1.ตัดกําไรสินคาปลายงวดของสาขา (30%) (6,500*30/130 = 1,500) สินคาปลายงวด (งบกําไรขาดทุน) 1,500 สินคาปลายงวด (งบดุล) 1,500 2.ตัดบัญชีสินคาระหวางกัน สินคาสงไปสาขา (ราคาทุน) 12,000 สํารองกําไรสินคาไปสาขา (กําไร) 3,600 สินคารับจากสํานักงานใหญ 15,600
3.ตัดบัญชีเดินสะพัดระหวางกัน เดินสะพัดสํานักงานใหญ เดินสะพัดสาขา
9,600
9,600
งบพิสูจนยอดบัญชีเดินสะพัดสํานักงานใหญและสาขา ตัวอยาง ในวันที่ 31 ธันวาคม 2545 ยอดดุลของบัญชีเดินสะพัดสํานักงานใหญ และยอดดุลบัญชีเดินสะพัดสาขาของกิจการของบริษัท ไทยพัฒนา จํากัดเทากับ 5,100 และ 45,000 ตามลําดับจากการตรวจสอบพบขอแตกตางดังนี้ 1. สํานักงานใหญสงสินคาราคาทุน 20,000 ไปใหสาขาในราคาสูงกวาทุน 10% เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2545แตสาขายังไมไดรับ 2. สาขาสงสินคาไปในราคา 1,100 บาทคืนสํานักงานใหญในวันสิ้นงวด แตสํานักงานใหญยังไมไดรับ 3. เงินสดที่สาขาสงใหสํานักงานใหญอยูระหวางทาง 25,000 บาท 4. สาขาจายเงินเดือนแทนสํานักงานใหญ 6,000 บาท สาขาบันทึกถูกตองแลวแตสํานักงานใหญยังไมไดบันทึก 5. สํานักงานใหญเก็บเงินจากลูกหนี้แทนสาขาจํานวน 14,200 บาทไดลงบัญชีถูกตองแลว แตสาขายังไมไดบันทึกบัญชี ใหทํา งบพิสูจนยอดบัญชีเดินสะพัดสํานักงานใหญและสาขา สาขา 1.สงสินคาราคา 20,000 ซึ่ง สูงกวาราคาทุน 10%
สินคา รับจากสํ านักงานใหญ
สํานักงานใหญ 22,000
เดินสะพัดสํานักงานใหญ
22,000 สินคา รับคื นสาขา-ทุน
2.สงสิ นคา 1,100 คื นให สํานักงานใหญ
1,100
เงินสด
25,000
เดินสะพัดสาขา
25,000
เงินเดือ น
4.สาขาจายเงินเดือนแทน สํานักงานใหญ 6,000
ขอสังเกต
100
เดินสะพัดสาขา
3.เงินสดระหวางทางให สํานักงานใหญ 25,000
5.สํานักงานใหญเก็บเงิน จากลูกหนี้แทนสาขา 14,200
1,000
สํารองกําไรสินค าสงไปสาขา
6,000
เดินสะพัดสาขา เดินสะพัดสํานักงานใหญ
6,000
14,200
ลูกหนี้
14,200
เดิ นสะพัด สํา นั ก งานใหญ
-
+
เดิ นสะพัด สาขา
+
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
-
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นสูง 1
พุทธมน สุวรรณอาสน
60
บริษัท ไทยพัฒ นา จํากัด งบพิสู จนยอดบั ญชีเดินสะพั ดสํา นักงานใหญและสาขา สําหรับวั นที่ 31 ธันวาคม 2545 เดินสะพัดสํานักงานใหญ
5,100
เดินสะพัดสาขา
บวก
สินคา รับจากสํ านักงานใหญ
22,000
หัก
หัก
เก็บเงินจากลูกหนี้
(14,200) 12,900
1,000
สํารองกําไรสินคาส งไปสาขา
27,100
ยอดบัญชีที่ถูกตอง
45,000
สินค ารับคื นสาขา-ทุน
100
เงินสดระหวางทาง
25,000
เงินเดือน
6,000
ยอดบัญชีที่ ถูกตอ ง
12,900
ลักษณะการรวมคา Joint Venture 1. บุคคลตั้งแต 2 คนขึ้น โดยมีสัญญาเปนขอตกลง (ระบุใหผูรวมคามีอํานาจในการควบคุมรวมกัน) 2. การรวมคามีลักษณะเฉพาะกาล หากการรวมคาสําเร็จถือวาการรวมคายุติลง การบัญชีการรวมคา 1. บัญชีรวมคา – เปนบัญชีกําไรขาดทุนการรวมคา • ลงทุน • จายคาใชจาย • แบงกําไร 2. บัญชีผูรวมคา - แตละคนจะเปดบัญชีผูรวมคาผูอื่นๆ • ขาย • รับเงินจากผูอื่นๆ
สมุดบัญชี – ก • บัญชี – ข • บัญชี – ค
สมุดบัญชี - ข • บัญชี – ก • บัญชี – ค
(32,100)
• ขายสินคา
• ลงทุน • จายคาใชจาย • สงเงินใหผูอื่น สมุดบัญชี – ค • บัญชี – ก • บัญชี – ข
การบันทึกบัญชีมี 2 กรณี 1. การรวมคาเสร็จสิ้น : แบงผลกําไร ชําระเงินระหวางกัน 2. การรวมคาไมเสร็จสิ้น : อาจมีวันสิ้นงวดมาคั่นกลาง : แบงผลกําไร ยังไมชําระเงินระหวางกัน
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นสูง 1
พุทธมน สุวรรณอาสน
61
การฝากขาย Consignment จุดขาย
ผูฝากขาย Consignor
ผูรับฝากขาย Consignee
ลูกคา Customer
1. ผูฝากขาย / ผูรับฝากขาย ไมถือเปนลูกหนี้ / เจาหนี้กัน แตใหถือ เปนตัวแทน Agent 2. กรรมสิทธิ์สินคาฝากขายเปนของผูฝากขาย 3. การขายเกิดเมื่อสงมอบสินคาใหลูกคา
4. ผูรับฝากขายมีหนาที่ในการดูแลรักษาสินคา 5. ผูร ับฝากขายมีหนาที่จัดทํารายงานการขาย Ref. P.94 6. คาใชจายในการฝากขายผูฝากขายจะรับภาระ
การบันทึกบัญชีเกี่ยวกับสินคาฝากขาย - ผูฝากขาย ประเภท แบบตอเนื่อง – Perpetual 1. วิธี “แยก”จากการขายปกติ ü 2. วิธี “รวม”กับการขายปกติ ü ผูรับฝากขาย 1. วิธี“แยก”จากการขายปกติ 2. วิธี“รวม”กับการขายปกติ
แบบสิ้นงวด – Periodic ü ü
วิธี “แยก” จากการขายปกติ - ดานผูฝากขาย – Consignor แบบตอ เนื่ อง - Perpetual 1.สงสินคาไปฝากขาย ราคาทุน 50,000
ฝากขาย - บ.สินไทย
แบบสิ้นงวด - Periodic ฝากขาย - บ.สินไทย
50,000
สินคา
50,000
วิธี
50,000
“รวม” กับการขายปกติ - ดานผูฝากขาย – Consignor
แบบตอ เนื่ อง - Perpetual 1.สงสินคาไปฝากขาย ราคาทุน 50,000
50,000
สินคาสง ไปฝากขาย
ฝากขาย - บ.สินไทย
แบบสิ้นงวด - Periodic ฝากขาย - บ.สินไทย
50,000
สินคา
50,000
50,000
สินคา สงไปฝากขาย
50,000
ดานผูรับฝากขาย (Consignee) – บ.สายใจ ผูรับฝากขาย – บันทึก “แยก” การขายปกติ
ผูรับฝากขาย – บันทึก “รวม” กับการขายปกติ
1. รับสินคาฝากขายจาก บ.มารวย ราคาทุน 10,000 ราคา ขาย 20,000
Memo รับฝากขายเครื่องจักร 10 เครื่อ ง
Memo รับฝากขายเครื่องจักร 10 เครื่อ ง
ราคาทุนเครื่องละ 10,000 ราคาขายเครื่อ งละ 20,000 จาก บริษัท มารวย จํากั ด
ราคาทุนเครื่องละ 10,000 ราคาขายเครื่อ งละ 20,000 จาก บริษัท มารวย จํากั ด
2. บ.สายใจ จายคาขนสง 1,000
รับฝากขาย - บ.มารวย
รับฝากขาย - บ.มารวย
เงินสด
1,000 1,000
เงินสด
การแสดงรายการสินคาฝากขายคงเหลือในงบการเงิน - ดานผูฝากขาย เปนกรรมสิทธิ์ของผูฝากขาย อยูในงบดุล สินทรัพยหมุนเวียน - สินคา สินคาคงเหลือ : สินคาในมือ 10,000 •
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
1,000 1,000
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นสูง 1
พุทธมน สุวรรณอาสน
สินคาฝากขาย ( 3*3,000)
62
9,000 19,000
การบัญชีสําหรับการขายผอนชําระ 1. เกณฑคงคาง Accrual Basis 2. เกณฑขายผอนชําระ Installment Sale Basis เกณฑคงคาง Accrual Basis • เมื่อขายผอนชําระและสงมอบสินคาไปแลว ถือวาเกิดรายได • กําไรจากการขายผอน ถือเปนกําไรทั้งจํานวน (แมยังไมไดรับเงิน) เกณฑขายผอนชําระ Installment Sale Basis • รับรูตามสัดสวนเงินรับชําระในรอบบัญชี • กําไรจากการขายผอน ถือเปนกําไรในแตละปที่ไดรับ • คาใชจายการขายผอน เกิดขึ้นปใดใหถือเปนของปนั้นๆ การขายผอนชําระที่มีหลายอัตรา – ตอเนื่องหลายป Ref. P.116 2540
2541
2542
ขายผอนชํ าระ
200,000
400,000
600,000
ตนทุนผอนชําระ
180,000
320,000
420,000
20,000
80,000
180,000
กําไรขั้น ตน อัตรากําไรขั้นตน
10%
เงินสดรับ ชําระหนี้ -ป40
20%
80,000
เงินสดรับ ชําระหนี้ -ป41
30%
60,000
60,000
160,000
120,000
เงินสดรับ ชําระหนี้ -ป42
240,000
กําไรขั้น ตนของเงินที่ได รับ - ป40 - 10%
8,000
- ป41 - 20%
6,000
6,000
32,000
24,000
- ป42 - 30%
72,000
การบันทึกบัญชีสินคาแบบตอเนื่อง – Perpetual รายการ ขายผอนชํ าระ
ป 2540 ลูกหนี้ผอนชํา ระ-ป40 200,000
ตนทุนผอนชําระ
ตนทุนสินคาผ อนชํา ระ
บันทึกกํ าไรขายผ อน
กําไรขายผอนชําระยั งไมไดรับเงิน 20,000
ขายผอนชํ าระ
200,000
เงินสดรับ ชําระจาก ลูกหนี้
180,000
กําไรผอนชํา ระรอตัดบัญชี เงินสด
20,000
80,000
ลูกหนี้ผอนชํา ระ-ป40
กําไรผอนชํา ระรอตัดบัญชี
ขายผอนชํ าระ ตนทุนสินคาผ อนชํา ระ
180,000
สินคา
ชําระ
ป 2541 ลูกหนี้ผอนชํา ระ-ป41 400,000
8,000
สินคา
ขายผอนชํ าระ ตนทุนสินคาผ อนชํา ระ
320,000
กําไรผอนชํา ระรอตัดบัญชี
สินคา
420,000
กําไรขายผอนชําระยั งไมไดรับเงิน 180,000
80,000
220,000
600,000 420,000
กําไรผอนชํา ระรอตัดบัญชี เงินสด
180,000
420,000
ลูกหนี้ผอนชํา ระ-ป40
60,000
ลูกหนี้ผอนชํา ระ-ป40
60,000
ลูกหนี้ผอนชํา ระ-ป41
160,000
ลูกหนี้ผอนชํา ระ-ป41
120,000
ลูกหนี้ผอนชํา ระ-ป42
240,000
กําไรผอนชํา ระรอตัดบัญชี
กําไรขายผอนชําระยั งไมไดรับเงิน 8,000
400,000 320,000
กําไรขายผอนชําระยั งไมไดรับเงิน 80,000
เงินสด 80,000
ป 2542 ลูกหนี้ผอนชํา ระ-ป42 600,000
38,000
กําไรขายผอนชําระยั งไมไดรับเงิ น
กําไรผอนชํา ระรอตัดบัญชี 32,000
102,000
กําไรขายผอนชํา ระยังไมไดรับเงิน
กําไรขายผอนชําระปกอนที่ไดรับเงิน 6,000
72,000
กําไรขายผอนชํา ระปกอนที่ได รับเงิน 30,000 (6,000+24,000)
ขายผอนชํ าระ
200,000
กําไรขาดทุน
ขายผอนชํ าระ 200,000
400,000
กอนที่ไดรับเงิน
รอตัดบัญ ชี
กําไรขาดทุน
192,000
ตนทุนสินคาผ อนชํา ระ
กําไรขาดทุน 180,000
กําไรขายผอนชําระยั งไมไดรับเงิน 12,000 (20,000-8,000) โอนปด กําไรขาดทุน
กําไรขาดทุน
6,000
กอนที่ไดรับเงิน
368,000
ตนทุนสินคาผ อนชํา ระ
กําไรขาดทุน 320,000
กําไรขายผอนชําระยั งไมไดรับเงิน 48,000
กําไรขาดทุน
30,000
กําไรขาดทุน
406,000
(80,000-32,000) 8,000
600,000
กําไรขายผอนชําระป
กําไรขาดทุน บันทึกกํ าไรผอนชําระ
ขายผอนชํ าระ
กําไรขายผอนชําระป
630,000 528,000
ตนทุนสินคาผ อนชํา ระ
420,000
กําไรขายผอนชําระยั งไมไดรับเงิน
108,000
(180,000-72,000) 38,000
กําไรขาดทุน
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
102,000
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นสูง 1 เขาบัญชี กําไรสะสม
พุทธมน สุวรรณอาสน
กําไรสะสม
8,000
กําไรสะสม
63 38,000
กําไรสะสม
International Business Accounting • “อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา” Exchange Rate คืออัตราสวนเงิน 2 สกุล ณ เวลาหนึ่ง • “การปริวรรตเงินตรา” คือ แปลง “เงินตราตางประเทศ” เปน “เงินบาท” การกําหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตางประเทศ • •
อัตราแลกเปลี่ยนโดยตรง - เงินตางประเทศ : เงินในประเทศ เชน 1 ดอลลาร = 35 บาท อัตราแลกเปลี่ยนโดยออม - เงินในประเทศ: เงินตางประเทศ เชน 1 บาท = 10 เยน
การแปลงคารายการที่เปนเงินตราตางประเทศ ขึ้นอยูกับ “สัญญาซื้อขายเงินตราตางประเทศลวงหนา Forward Exchange Contract” • “ไมม”ี สัญญาซื้อขายเงินตราตางประเทศลวงหนา • “มี” สัญญาซื้อขายเงินตราตางประเทศลวงหนา “ไมม”ี สัญญาซื้อขายเงินตราตางประเทศลวงหนา – “ใชอัตราแลกเปลี่ยนฯ ณ วันเกิดรายการ” “การซื้อสินคา” • •
Ex.1 P.322 - อัตราการแลกเปลี่ยนฯ เพิ่มขึ้น - “ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน” Ex.2 P.323 - อัตราการแลกเปลี่ยนฯ ลดลง - “กําไรจากอัตราแลกเปลี่ยน”
•
ชําระบัญชีขามงวดบัญชี – ณ วันสิ้นงวด - “ปรับปรุงกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยน” o Ex.3 P.324 – อัตราฯ เพิ่มขึ้น - “ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน” – “เจาหนี้เพิ่ม” o Ex.4 P.325 – อัตราฯ ลดลง - “กําไรจากอัตราแลกเปลี่ยน” – “เจาหนี้ลด”
“การขายสินคา” • •
Ex.5 P.326 - อัตราการแลกเปลี่ยนฯ เพิ่มขึ้น - “กําไรจากอัตราแลกเปลี่ยน” Ex.6 P.327 - อัตราการแลกเปลี่ยนฯ ลดลง - “ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน”
•
ชําระบัญชีขามงวดบัญชี – ณ วันสิ้นงวด - “ปรับปรุงกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยน” o Ex.7 P.328 – อัตราฯ เพิ่มขึ้น - “กําไรจากอัตราแลกเปลี่ยน” – “ลูกหนี้เพิ่มขึ้น” o Ex.8 P.329 – อัตราฯ ลดลง - “ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน” – “ลูกหนี้ลดลง”
“มี” สัญญาซื้อขายเงินตราตางประเทศลวงหนา Forward Exchange • เปนการตกลงซื้อขายเงินตรา ณ วันใดวันหนึ่งในอนาคตดวยอัตราแลกเปลี่ยนที่กําหนดไวลวงหนา แบงได 3 ประเภท 1. เพื่อเก็งกําไร 2. เพื่อปองกันผลขาดทุนตอ “สินทรัพยสุทธิ” หรือ “หนี้สินสุทธิ” ที่เปนเงินตราตางประเทศ 3. เพื่อปองกันผลขาดทุนตอ “ขอผูกพัน” หรือ “ภาระผูกพัน” ที่เปนเงินตราตางประเทศ
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
102,000
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นสูง 1
พุทธมน สุวรรณอาสน
64
กรณีเพื่อปองกันผลขาดทุนตอ “สินทรัพยสุทธิ” หรือ “หนี้สินสุทธิ” ที่เปนเงินตราตางประเทศ จายมากขึ้น
ดานผูซื้อ – “ปองกันการขาดทุนจากการชําระหนี”้ – “คาดวาเงินบาทออนตัว” (40 à50) อัตราแลกเปลี่ยนฯ / US$
Current Rate 40
1 ต.ค.
40
ณ.วันซื้อสินทรัพย - บันทึกซื้อสินทรั พย
อุปกรณสํานักงาน
บันทึกการทําสัญญาฯ
ลูกหนี้ – เงินตราต างประเทศ
" คาดวา..."
Forward Rate 60 day 45
48-50
40
เจาหนี้อื่ นๆ – USA.
40 40
สวนเพิ่ม จากการซื้อเงินตราต างประเทศลว งหน า เจาหนี้ – บ.นายหนา
ณ วันครบกําหนด
Forward Rate
5 45
Current Rate : 48 (ตามที่คาดไวเลย....)
บ.นายหนา
เจาหนี้ USA ฿ 45
$ 1 : 48
$ 1 : 48 จายชําระหนี้
เรา จายซื้อเพียง 45 เอง ประหยัดได 3 บาท
Forward Rate
1.จายเงินซื้อเงิ นตราตามขอตกลงกับบ. นายหนา
เจาหนี้ – บ.นายหนา
45
เงินสด
2.รับเงินจากบริษัท.นายหนา
เงินสด (1*48)
45 48
ลูกหนี้ – เงินตราต างประเทศ
40
กําไรจากอัตราแลกเปลี่ ยน 3. สงเงินชํา ระหนี้ใหเ จาหนี้ USA
เจาหนี้อื่ นๆ – USA.
8 40
ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ ยน
8
เงินสด 4. บันทึกการตัดบั ญชีสว นเพิ่ม จากการซื้อ เงินตราตา งประเทศลว งหน า
สวนเพิ่ม จากการซื้อเงินตราต างประเทศตั ดบัญชี สวนเพิ่ม จากการซื้อเงินตราต างประเทศลว งหน า
48 5 5
ขอสังเกต จะไมมีผลกําไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เพราะบัญชีทั้งสองจะตัดกันเอง – “ไดกําไรจาก บ.นายหนา แตขาดทุนจากการจายชําระหนี้”
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นสูง 1
พุทธมน สุวรรณอาสน
65
ระบบบัญชีเดี่ยว (Single-entry System) • สําหรับกิจการขนาดเล็กบางแหงไมไดจัดทําตามระบบบัญชีคู (Double-entry System) • สมุดบัญชีที่ใชในระบบบัญชีเดียว o สมุดเงินสด – แสดงการรับ – จายเงิน – คงเหลือ o สมุดแยกประเภทบางบัญชี – บัญชีลูกหนี้ บัญชีเจาหนี้ บัญชีสินคา บัญชีทุน อาจไมมีบัญชีรายไดและคาใชจาย การคํานวณหากําไรขาดทุนโดยการเปรียบเทียบทุน ตัวอยางที่ 4 Ref.163 รานนายนอยตองการทํางบดุล ป2540 • ทุน = สินทรัพย – หนี้สิน รายการ ป 39 สินทรัพย 80,200 หนี้สิน 15,400 ทุน (ตนงวด – ปลายงวด) 64,800
ป 40 94,300 18,770 75,530
•
ทุนตนงวด + เพิ่มทุน + “กําไรสุทธิ” – ถอนทุน - ถอนใชสวนตัว = ทุนปลายงวด
•
“
กําไรสุทธิ” = ทุนปลายงวด - ทุนตนงวด - เพิ่มทุน + ถอนทุน + ถอนใชสวนตัว
กําไรสุทธิ” = 75,530 – 64,800 - 0 + 0 + 4,000 = 14,730
“
รานนายนอย งบดุล ณ วั นที่ 31 ธันวาคม 2540
สินทรัพย
หนี้สินและทุน
เงินสด
15,000
เจาหนี้
18,000
ตั๋วเงิ นรับ
6,000
เงินเดือ นคา งจา ย
500
ลูกหนี้
9,000
คาเชารับ ลวงหนา
270
ดอกเบี้ยรับ สินคา
48,200
วัสดุสํา นักงาน
1,200
เครื่องตกแตง
14,800
ทุนตนงวด
64,800
บวก กําไรสุทธิ
14,730 79,530
หัก เงินถอน รวมสินทรั พย
94,300
( 4,000)
รวมหนี้สิ นและทุน
การคํานวณยอดขาย แหลงขอมูล : 1.สมุดเงินสด (ขายสด) 2.บัญชีลูกหนี้ 3.บัญชีตั๋วเงินรับ ตัวอยางที่ 6 Ref.P.170 หมายเหตุ * จากบัญชีตั๋วเงินรับ ขายเงิ นสด (จากสมุ ดเงิ นสดรับ)
30,000
ขายเชื่อ เก็บเงินจากลูกหนี้
100,000
เก็บเงินตามตั๋วเงินรับ *
6,250
รับคืนสิ นค า
1,000
สวนลดจ าย
1,750
ตัดหนี้สู ญ
450
ลูกหนี้ป ลายงวด
25,000
ตั๋วเงิ นรับปลายงวด *
2,750 137,200
หัก ลูกหนี้ตนงวด หัก ตั๋วเงินรับ ตนงวด * รวม ขายทั้งสิ้น
18,770
100
20,000 2,250
( 22,250)
114,950 144,950
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
75,530 94,300
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นสูง 1
พุทธมน สุวรรณอาสน
66
มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 34 (ปรับปรุงที่ 2545) เรื่อง การบัญชีสําหรับการปรับโครงสรางหนี้ที่มีปญหา การปรับโครงสรางหนี้ที่มีปญหา
ลักษณะการปรับโครงสรางหนี้ที่มีปญหา
วิธีการปฏิบัติทางการบัญชี
คือ การที่เจาหนี้ยินยอม “ผอนปรนเงื่อนไขการชําระหนี้” ให “ลูกหนี้ที่ประสบปญหาทาง การเงิน” ซึ่งตามปกติจะไมพิจารณายินยอมให อาจเปนผลมาจาก “ศาลสั่ง” หรือ “ขอตกลง ระหวางกัน” 1. การผอนปรนเงื่อนไขการชําระหนี้ 2. การลดหรือชะลอการชําระหนี้ 3. รับชําระหนี้จากสินทรัพยอื่นใด ที่เจาหนี้พิจารณาแลววา “เปนการรับชําระหนี้ที่มากที่สุด เทาที่จะเปนไปได” แมวามูลคาที่รับชําระจะนอยกวามูลคาหนี้ 1. การโอนสินทรัพยเพื่อชําระหนี้ทั้งหมด 2. การโอนสวนไดเสียในสวนของเจาของเพื่อชําระหนี้ทั้งหมด 3. การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชําระหนี้
1. การโอนสินทรัพยเพื่อชําระหนี้ทั้งหมด – Ref.P.408 ตัวอยางที่ 1 ธนาคาร ก. ตกลงรับชําระหนี้จากลูกหนี้บริษัท ข จํากัดทั้งจํานวน ซึ่งมูลหนี้ประกอบดวยตั๋วเงินจาย 600,000 บาท พรอมดอกเบี้ย คงคาง 60,000 บาท อายุคงเหลือ 5 ป โดยยอมรับชําระหนี้ดวยที่ดินมูลคาตามบัญชี 400,000 บาท และมีมูลคายุติธรรม 500,000 บาท ธนาคารตั้งคาเผื่อ 100,000 ณ วันปรับโครงสรางหนี้ 1. ปรั บปรุง มูลคาตามบัญชีที่ดิ นใหเปน
ที่ดิน
ลูกหนี้ – บริ ษัท ข. จํากัด 100,000
มูลคายุติธรรม – ตามยอหนา 8 ผลตาง
กําไรจากการโอนที่ดินเพื่อ
ระหวาง Book Value – Fair Value ตองบันทึก
การปรับโครงสรางหนี้
เจาหนี้ - ธนาคาร ก.
100,000
เปนกําไรขาดทุนจากการโอนสินทรั พย 2. โอนสินทรั พยใ หเจาหนี้
ตั๋วเงิ นจา ย
– ตามยอหนา 7 ลูกหนี้ ตองบั นทึกกําไรจาการ
ดอกเบี้ยคา งจา ย
600,000 60,000
Fair Value - คาใชจายในการโอน ที่ดิน
500,000
คาเผื่อหนี้ สงสั ยจะสู ญ
100,000
ปรับโครงสร างหนี้ดว ยราคาตามบัญชี ของหนี้ที่
ที่ดิน
500,000
ขาดทุนจากการปรับ
สูงกวามูลคายุ ติธรรมของสิ นทรัพยที่โอน
กําไรจากการปรับโครงสรางหนี้
160,000
โครงสรา งหนี้
ธนาคารตั้ง คาเผื่อฯไว
60,000
ตั๋วเงิ นรับ
600,000
ดอกเบี้ยคา งรับ
60,000
2. การโอนหุนทุนเพื่อชําระหนี้ทั้งหมด – Ref.P.409 จากตัวอยางที่ 1 ธนาคาร ก. ตกลงรับชําระหนี้จากลูกหนี้บริษัท ข จํากัดทั้งจํานวน โดยยอมรับชําระหนี้ดวยหุนสามัญของบริษัท ข จํากัดมี มูลคาหุนละ 10 บาท และมูลคาตลาดเทากับ 520,000 บาท ณ วันปรับโครงสรางหนี้ 1. โอนหุนสามัญใหเจาหนี้
ลูกหนี้ – บริ ษัท ข. จํากัด ตั๋วเงิ นจา ย 600,000
เจาหนี้ - ธนาคาร ก. เงินลงทุนในหลักทรั พย
– ตามยอหนา 9 ลูกหนี้ที่ โอนสว นไดเ สียใน
ดอกเบี้ยคา งจา ย
- หุนสามัญ บริษัท ข.
520,000
คาเผื่อหนี้ สงสั ยจะสู ญ
100,000
สวนของเจา ของตอ งบันทึกดว ยมูลคายุ ติธรรม
60,000
หุ นสามั ญ สวนเกินมู ลคา หุนสามั ญ
500,000 20,000
กําไรจากการปรับโครงสราง หนี้ (รายการพิเศษ)
ขาดทุนจากการปรับ โครงสรา งหนี้
140,000
ธนาคารตั้ง คาเผื่อฯไว
ตั๋วเงิ นรับ ดอกเบี้ยคา งรับ
40,000 600,000 60,000
3. การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชําระหนี้ • •
“ดานลูกหนี”้ - กรณีจํานวนเงินที่ตองจายตามเงื่อนไขใหม “นอยกวา” หนี้เดิม : ถือเปนกําไรจากการปรับโครงสรางหนี้
“ดานลูกหนี”้ - กรณีจํานวนเงินที่ตองจายตามเงื่อนไขใหม “มากกวา” หนี้เดิม : ถือเปนดอกเบี้ยจายที่ตองจายเพิ่ม ซึ่งตองหาอัตราดอกเบี้ยที่แทจริง Effective
Interest Rate
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการบัญชีชั้นสูง 1
พุทธมน สุวรรณอาสน
67
มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 29 เรื่อง การบัญชีสําหรับสัญญาเชาระยะยาว “สัญญาเชาระยะยาว” คือ สัญญาหรือขอตกลงที่ “ผูใหเชา โอนสิทธิการใชทรัพยสิน ใหแกผูเชา” โดยไดรับคาเชาเปนผลตอบแทนสําหรับชวงระยะเวลาหนึ่ง ประเภทสัญญาเชาระยะยาว 1.สัญญาเชาการเงิน (Finance Lease) 2.สัญญาเชาการดําเนินงาน (Operating Lease เกณฑทิจารณา สัญญาการเงิน สัญญาเชาดําเนินงาน 4 เกณฑ TAS.29 ไมเขาเกณฑ ทั้ง 4 ขอ (ไมเขาเกณฑ 1 ขอหรือมากกวา) ตองเขาเงื่อนไขขอใดขอหนึ่งหรือมากกวา 1. โอนกรรมสิทธิ์ ณ วันสิ้นสุดสัญญา • เปนสัญญาที่ผูเชาใชประโยชนเทานั้น โดยไมโอน 2. สิทธิซื้อสินทรัพย ≤ 5% Fair Value กรรมสิทธิ์ใหแกผูเชา ณ วันสิ้นสุดสัญญา 3. อายุสัญญาฯ ≥ 80% อายุสินทรัพย • ผูเชาสามารถบอกเลิกสัญญาได หากไมใชประโยชนจาก สินทรัพย 4. PV ≥ 90% Fair Value ผูเชา Œ - Ref.P.3 Ex.บริษัท ธารดี จํากัด •- Ref.P.9 Ex.บริษัทใจไหม จํากัด •
บันทึกวันเริ่มสัญญาสัญญาเชาฯ เปน “สินทรัพย” / “หนี้สิน” • บันทึกรายการลดหนี้สินตามสัญญาเชา – วิธีดอกเบี้ยที่ แทจริง (Effective Interest Method) • “ปรับปรุงคาเสื่อมราคา” - สิ้นงวด
-
“แนใจ” ไดสินทรัพยตามอายุสัญญาฯ – “คิดตาม อายุสัญญาฯ”
•
คาเชาจาย - ใหรับรูเปนคาใชจายตามงวดที่ใชประโยชน โดยไมตองรับรูภ าระที่จะตองจายในอนาคต (คาเชาที่ จะตองจายในอนาคต) เปนหนี้สิน • คาเชาคางจาย - บันทึกตามเกณฑคงคาง (Accrual Basis) หากคางจายคาเชา • คาเชาจายลวงหนา - แลวทยอยตัดตามอายุสัญญา - หาก คาเชาจายลวงหนา
-
• • ผูใหเชา 1. 2. 3. •
•
1. 2. 3. 4. 5.
1
“ไมแนใจ” ไดสินทรัพยตามอายุสัญญาฯ – “คิด ตามอายุสัญญาฯ หรืออายุสินทรัพย (อยางใดจะ นอยกวา)” “ปรับปรุงดอกเบี้ยคางจาย” – สิ้นงวด วันสิ้นสุดสัญญา - โอนบัญชีที่เกี่ยวของออก • ลักษณะเปนการ “ใหกูยืม” มีความแนนอนในการเก็บรายไดคาเชารับ “ไมม”ี กําไรขาดทุน (Fair Value = Cost Price) “ไมเสีย” คาใชจายอื่นๆ อีกในอนาคต บันทึก ณ วันเริ่มสัญญาเชา – บันทึกลูกหนี้ตามสัญญา เชา ดอกเบี้ยรับตามสัญญาที่ยังไมถือเปนรายได และ โอนสินทรัพยที่ใหเชาออกจากบัญชี การรับรูรายไดดอกเบี้ย - ใหปนสวนรับรูเปนรายไดใน แตละงวดตามสัดสวนสัญญาฯ โดยใชวิธีอัตราดอกเบี้ย ที่แทจริง (Effective Interest Method) และใชอัตรา ดอกเบี้ยตามสัญญาในการคิดคํานวณ Ž ลักษณะเปน “การขาย” สัญญาเชาเปนลักษณะเปนการขาย ซึ่งผูใหเชาโอน ความเสี่ยงและผลประโยชนทั้งหมดไปใหแกผูเชา สัญญาจะบอกเลิก “ไมได” มีความแนนอนในการเก็บรายไดคาเชารับ “มี” กําไรขาดทุน (Fair Value ≠ Cost Price) “เสีย” คาใชจายอื่นๆ เพิ่มเติมอีก (คาโอน) ในอนาคต อยางแนนอน 1
•- Ref.P.3 Ex.บริษัท Land & Building จํากัด • สัญญาเชาดําเนินงาน ควรบันทึกเปนรายการที่ดิน อาคาร และอุปกรณ ในงบดุลของผูใหเชา เพราะตาม สัญญาเชาดําเนินงาน เปนสัญญาที่ใหประโยชนแกผูเชา เปนการชั่วคราว โดยไมไดโอนกรรมสิทธิในตัว ทรัพยสินใหแกผูเชา • รายไดคาเชา ควรรับรูตามวิธีเสนตรงตลอดอายุสัญญา ในกรณีมีรายไดคาเชาแตละงวดไมเทากัน ใหเฉลี่ย รายไดคาเชาแตละงวดเทาๆ กันตามสัญญาโดยวิธี เสนตรง ผลตางบันทึกไวบัญชีรายไดคาเชารอตัดบัญชี หรือรายไดคาเชารับลวงหนา
“คาใชจายเพิ่มเติมในภายหนา” หมายถึง คาใชจายในการโอนกรรมสิทธิ์ในตัวทรัพยสินใหแกผูเชา หรือคาใชจายอื่นใด ถาผูใหเชายังไมไดโอนความเปนกรรมสิทธิ์ในตัว
สินทรัพยใหแกผูเชา ผูใหเชาก็ยังไมควรโอนทรัพยสินออกจากบัญชี
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
75
ประมวลความรูว ิชาการสอบบัญชี
ประมวลความรูวิชาการสอบบัญชี อ.อรุณี นฤมิตเลิศ การสอบบัญชี คือ 1.การรวบรวมและประเมินหลักฐาน 2.แลวนําสารสนเทศ (ขอมูลทางบัญชีที่ได) ไป เปรียบเทียบวาปฏิบัติตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป or ประมวลรัษฎากร หรือไม 3. การปฏิบัติงานดังกลาว ตองทําโดยบุคคลทีม่ ีความรูความสามารถและความเปนอิสระ(ผูสอบบัญชีรับอนุญาต) 4. จากนั้นผูสอบบัญชีฯจะ ออก “รายงานผูสอบบัญชีรับอนุญาต” ใหกับผูใชงบการเงินทราบ กระบวนการสอบบัญชี วางแผนงานตรวจสอบ
ปฏิบัติงานตรวจสอบ
ออกรายงานการสอบบัญชี
การตรวจสอบ à ตรวจสิ่งที่ผูบริหารใหการรับรองเกี่ยวกับงบการเงิน สิ่งที่ผูบริหารใหการรับรองประกอบดวย งบกําไรขาดทุน งบดุล (1) ความมีอยูจริง (Existence) (1) เกิดขึ้นจริง (Occurance) (2) สิทธิและภาระผูกพัน (Right and Obligation) (2) ความครบถวน (Completeness) (3) ความครบถวน (Completeness) (3) การแสดงมูลคา (Measurement) (4) การตีราคา (Valuation) (4) การแสดงรายการและการเปดเผยขอมูล (5) การแสดงรายการและการเปดเผยขอมูล (Presentation and Disclosure) ขอจํากัดในการตรวจสอบ (สาเหตุที่ตรวจไมพบขอผิดพลาด) คือ (1) การใชวิธีการทดสอบรายการ (2) การใชดุลยพินิจประเมินหลักฐานการสอบบัญชี (3) ขอจํากัดของระบบบัญชีและระบบการควบคุมภายใน (4) การใชดุลยพินิจปฎิบัติงานตรวจสอบงบการเงิน หลักฐานการสอบบัญชี คือ ขอมูล/ขอเท็จจริงที่ผูสอบบัญชีไดรับเพื่อใชสนับสนุนขอสรุปในการแสดงความเห็น ของผูสอบบัญชี แบงเปน 3 เกณฑ คือ 1. เกณฑความเกี่ยวของกับบัญชี –หลักฐานทางการบัญชี (เชน สมุดบัญชี เอกสารประกอบรายการบัญชี) -หลักฐานประกอบตางๆ 2. เกณฑแหลงที่มาของหลักฐาน - หลักฐานภายใน -หลักฐานภายนอก –หลักฐานของผูสอบบัญชี (ภายในเชื่อถือไดนอยที่สุดเพราะกิจการทําขึ้นเอง) 3. เกณฑวิธีการตรวจสอบที่ใช –การตรวจเอกสาร (ดูตัวตนของสินทรัพย) -สังเกตการณ -สอบถาม –ขอคํายืนยันยอด -คํานวณ -วิเคราะหเปรียบเทียบ(เทียบอัตราสวน เชน อัตราหมุนเวียนลูกหนี)้ คุณลักษณะของหลักฐานการสอบบัญชี (1) ความเพียงพอ คือ ปริมาณหลักฐาน (2) ความเหมาะสม คือ คุณภาพของหลักฐาน , ความเกี่ยวของกับการตัดสินใจ, ความเชื่อถือได ของสิ่งที่ ผูบริหารรับรอง (ความเกี่ยวพันของหลักฐาน, แหลงที่มาของหลักฐาน, เวลาตรวจสอบ) การตัดสินใจเกี่ยวกับหลักฐานการสอบบัญชี (1) วิธีการตรวจสอบ (ตรวจสอบการควบคุมภายใน test of control และ การตรวจสอบเนื้อหาสาระ Substantive test) (2) ขนาดของตัวอยาง (จํานวนกี่ตัวอยาง) (3) รายการที่เลือกมา ตรวจสอบ(เชน ใบสําคัญจาย) (4) ชวงเวลาที่ตรวจสอบ (ตลอดทั้งป หรือ ตอนสิ้นงวด) สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูว ิชาการสอบบัญชี
76
วิธีการตรวจสอบ (1) การทดสอบการควบคุม ใชวิธีการตรวจสอบดังนี้ การทดสอบรายการบัญชี, การสอบถามและการ สังเกตการณ, การปฏิบัติซ้ํา (Note: การวิเคราะหเปรียบเทียบไมใชกับการทดสอบการควบคุม) (2) การตรวจสอบเนื้อหาสาระ แบงเปน การทดสอบรายละเอียดของรายการและยอดคงเหลือ, การวิเคราะห เปรียบเทียบ การวางแผนงานสอบบัญชี คือ การพัฒนากลยุทธทั่วไป และวิธกี ารโดยละเอียดสําหรับ (1) ลักษณะของการตรวจสอบ (N) –วิธีการตรวจสอบ (TC, ST)วิธีการไดมาซึ่งหลักฐานในการสอบบัญชี (6 วิธ)ี (2) ขอบเขตของการตรวจสอบ (E) – รายการที่เลือก และ จํานวนตัวอยางที่เลือก (3) ระยะเวลาและจังหวะเวลาของการตรวจสอบ (T) การกําหนดลักษณะ ของเขต และระยะเวลา ขึ้นอยูกับความเสี่ยง ระบบการควบคุมภายใน ความรูและ ประสบการณ ประสิทธิภาพของการใชวิธีตรวจสอบ ประโยชนของการวางแผนงานสอบบัญชี (1) รวบรวมหลักฐานการสอบบัญชีอยางเพียงพอ (2) เกิดคาใชจาย/ตนทุนจากการตรวจสอบเหมาะสม (3) รวมมือกับลูกคา (4) พิจารณาเรื่องสําคัญ (5) มอบหมายงานแกผูชวย (6) ประสานงานกับผูอื่น ขั้นตอนของการวางแผนงานสอบบัญชี (1) พิจารณารับงาน (2) รวบรวมขอมูลธุรกิจ (3) วิเคราะหเปรียบเทียบ (4) กําหนดระดับความมีสาระสําคัญ (5) ประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได คือ AAR, IR (6) ทําความเขาใจระบบการควบคุมภายใน และ IC, CR (7) พัฒนาแผนการสอบบัญชีโดยรวมและแนวการสอบบัญชี (ขอ 1-4 การวางแผนงานสอบบัญชีชวงตน) การพิจารณารับงานสอบบัญชี (เมื่อตกลงรับงาน จัดทําหนังสือตอบรับงาน) มี 2 กรณีคือ (1) สําหรับลูกคารายใหม ตองมีหนังสือถึง CPA เดิม และ รับทราบเหตุผล (2) สําหรับลูกคารายเดิม การรวบรวมขอมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่ตรวจสอบ (1) ประโยชนของขอมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่ตรวจสอบ (1.1) เพื่อใหเขาใจในระบบบัญชี (1.2) เพื่อระบุปญหาและ Inherent Risk (ความเสี่ยงสืบเนื่อง) (2) การไดมาซึ่งความรูเกี่ยวกับธุรกิจที่ตรวจสอบ (2.1) ชวงกอนรับงานสอบบัญชี (2.2) ชวงหลังจากตอบรับงานแลว (3) แหลงความรูเกี่ยวกับธุรกิจและกิจการที่ตรวจสอบ การวิเคราะหเปรียบเทียบในเบื้องตน - เพื่อชวยในการทําความเขาใจเกี่ยวกับธุรกิจและเรื่องที่จะเกิดความเสี่ยง - เพื่อชวยกําหนด N, E, T ของการตรวจสอบ การกําหนดระดับความมีสาระสําคัญ (1) ความมีสาระสําคัญ à คือขอมูลทีท่ ําใหการตัดสินใจเปลี่ยนไป ไดแก เนื้อหาที่สําคัญ และ จํานวนเงินสูง (2) ระดับความมีสาระสําคัญ à ระดับความไมถูกตองที่ผูสอบบัญชียอมรับได ความเสี่ยงในการสอบบัญชี (AR) ประกอบดวย 1.ความเสี่ยงสืบเนื่อง (IR) 2 ความเสี่ยงจากการควบคุม (CR) 3. ความเสี่ยงจากการตรวจสอบ (DR) 1.ความเสี่ ยงสื บ เนื่ อ ง (IR) คื อ โอกาสที่ ย อดคงเหลื อ ของบั ญชี หรื อ ประเภทของรายการแสดงข อ มู ล ขั ด ต อ ขอเท็จ จริง ซึ่งอาจมีสาระสําคั ญในแตละรายการหรือมี สาระสําคัญเมื่อรวมกับรายการอื่น (ยังไม คํานึงถึงการ ควบคุมภายใน) สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
77
ประมวลความรูว ิชาการสอบบัญชี
wระดับของ IR มี 2 ระดับคือ (1) IR ในระดับของงบการเงิน
- ลักษณะทางธุรกิจ เชน ขายสินคาตามสมัยนิยม ขายสินคาใหกับกิจการที่เกี่ยวของกัน - ความซื่อสัตย ประสบการณ ความรูของผูบริหาร และการเปลี่ยนผูบริหาร – แรงกดดันที่ผิดปกติตอผูบริหาร (2) IR ในระดับของยอดคงเหลือในบัญชีและประเภทรายการ - ความซับซอนของรายการ เหตุการณอื่นที่ตองใชผลงานของผูเชี่ยวชาญ หรือ ประมาณการ ดุลยพินิจ ในการกําหนดยอดคงเหลือ - ความเปนไปไดที่สินทรัพยจะสูญหาย หรือถูกยักยอก โดยเฉพาะรายการที่มีสภาพคลองสูง - รายการผิดปกติ รายการที่ไมผานการประมวลผลตามปกติ 2. ความเสี่ยงจากการควบคุม (CR) คือ ความเสี่ยงที่ระบบบัญชี หรือ ระบบการควบคุมภายในไมสามารถปองกัน หรือตรวจพบ และ แกไขขอมูลที่ขัดตอขอเท็จจริงไดอยางทันเวลา เชน ไมมีนโยบายการแบงแยกหนาที,่ ผูจัดเตรียมเช็ค เปนผูจัดทํางบพิสูจนยอดเงินฝากธนาคารดวย แตหัวหนางานไมเคยสอบทานในรายละเอียด 3. ความเสี่ยงจากการตรวจสอบ (DR) คือ ความเสี่ยงที่วิธีการตรวจสอบเนื้อหาสาระ ซึ่งผูสอบบัญชีตรวจไมพบ สาเหตุของ DR เพราะ (1) ความเสี่ยงจากการเลือกตัวอยาง - อาจไมใชตัวแทนที่แทจริงของประชากรทั้งหมด (2) วิธีการตรวจสอบที่ใชไมมีประสิทธิภาพ (3) มีขอบกพรองในการปฏิบัติงานหรือสรุปความเห็นผิดพลาด หรือ AR = IR x CR x PDR PDR = AAR
IR x CR
AAR คือ ความเสี่ยงที่ผูสอบบัญชียอมรับได ระบบการควบคุมภายใน (ICS) คือ นโยบาย วิธีการปฏิบัติ หรือการกระทําใดๆ ซึ่งผูบริหารของกิจการกําหนด ขึ้น เพื่อใหบรรลุเปาหมายและวัตถุประสงคที่ตั้งไว ซึ่งทําใหเกิดความมั่นใจวาการดําเนินธุรกิจเปนไปอยางมี ระเบียบ มีประสิทธิภาพ รวมถึงการปฏิบัติตามนโยบายของผูบริหาร การปองกันรักษาทรัพยสิน การปองกันและ ตรวจพบการทุจ ริต ขอผิดพลาด ความถูกตองครบถวนของการบันทึกบัญชี และการจัดทําขอมู ลทางการเงิน ที่ เชื่อถือไดอยางทันเวลา การทําความเขาใจในระบบการควบคุมภายใน ไดมาจาก ประสบการณ สอบถามผูบริหาร ตรวจสอบเอกสาร (Walkthrough) สังเกตการณปฏิบัติงาน (1) การบันทึกคําอธิบาย (Narrative) หนา 5-13 (2) การใชผังทางเดินเอกสาร (Flowchart) (3) การใชแบบสอบถาม (Internal Control Questionnaires : ICQ) การประเมินความเสี่ยงจากการควบคุม w ประเมินการควบคุมภายใน เบื้องตน - ถาการควบคุมภายในมีประสิทธิผล à CR ต่ํา à ทดสอบการควบคุม(Test of Control) - ถาการควบคุมภายใน ไมมีประสิทธิผล à CR สูง à ไมทดสอบการควบคุม แตตองทดสอบเนื้อหาสาระ (Substantive Test) การทดสอบการควบคุม wเมื่อ CR ต่ํา ตองทดสอบการควบคุม (TC) เพื่อใหมั่นใจวา การควบคุมภายในมีจุดแข็งจริง
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูว ิชาการสอบบัญชี
78
wวิธีการทดสอบการควบคุม (1) ตรวจสอบเอกสาร เชน ตรวจสอบการอนุมัติการจายเงิน (2) สอบถาม บุคลากร เพื่อใหแนใจวากิจการมีการปฏิบัติตามการควบคุมภายใน (3) สังเกตการณ เพื่อใหแนใจวาผูไดรับ มอบหมายไดปฏิบัติตามการควบคุม (4) ปฏิบัติซ้ํา ถามีการทดสอบการควบคุมภายใน ตอง ทดสอบเนื้อหาสาระเสมอ à (มี TC ตองมี ST) แตถาทดสอบเนื้อหาสาระ ไมจําเปน ตองทดสอบการควบคุมภายใน à (มี ST ไมตองมี TC) กระดาษทําการ คือ เอกสารหรือบันทึกผูสอบบัญชีทําขึ้นเอง หรือ ไดรับมาเพื่อใชในการสอบบัญชี ซึ่งมี วัตถุประสงคเพื่อ(1)ชวยในการวางแผนและปฏิบัติงานสอบบัญชี (2)ชวยในการควบคุมดูแลและสอบทานงานสอบบัญชี เชนกระดาษทําการ “แนวการสอบบัญชี” (3) บันทึกหลักฐานเพื่อประกอบการแสดงความเห็น แฟมกระดาษทําการ (1) แฟมปจจุบัน (ใชประโยชน 1 ป) ตองเก็บไมนอยกวา 5-10 ป (2) แฟมถาวร (ใชประโยชนเกิน 1 ป) เก็บไวตลอดไป กรรมสิทธิ์ในกระดาษทําการ à กระดาษทําการเปนของผูสอบบัญชี แตเอาไปทําอยางอื่นไมไดเพราะตองเก็บ รักษาความลับของลูกคา การตรวจสอบวงจรรายได ขั้นตอนมีดังนี้ - รับคําสั่งซื้อของลูกคา - อนุมัติการขาย - สงมอบสินคา - รับชําระเงิน - บันทึกบัญชี w รายการบัญชีมี (1) ขาย (2) รับเงิน (3) ปรับปรุงขาย w ยอดคงเหลือตามบัญชีมี (1) ลูกหนี้การคา (2) รายไดจากการขาย วิธกี ารตรวจสอบวงจรรายได 1. การทดสอบการควบคุมของวงจรรายได 2. การตรวจสอบเนื้อหาสาระ การตรวจสอบเนื้อหาสาระบัญชีลูกหนี้ 1) ความมีอยูจริง (Existence) à สงยืนยันยอดลูกหนี้ , ดูการรับชําระเงินหลังวันสิ้นงวด (2) สิทธิและภาระผูกพัน (Right and Obligation) à ดูเอกสารประกอบการขาย เชน ใบสงของ ใบรับคําสั่งซื้อ (3) ความครบถวน (Completeness) à ตรวจตัดยอดขาย และ ตรวจตัดยอดลูกหนี้ (4) การตีราคา (Valuation) à ตรวจงบแสดงอายุลูกหนี้ พิจารณาความเพียงพอของคาเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (5) การแสดงรายการและการเปดเผยขอมูล (Presentation and Disclosure) à การจัดประเภทลูกหนี้ นําลูกหนี้ ไปขายลด นําลูกหนี้ไปค้ําประกัน ตองเปดเผยไวในหมายเหตุประกอบงบการเงิน การตรวจสอบวงจรรายจาย กิจกรรมที่เกี่ยวของคือ - การจัดหาหรือการซื้อ - การจายเงิน รายการบัญชี คือ (1) ซื้อ (2) จายเงิน ยอดคงเหลือตามบัญชี คือ (1) เจาหนี้การคา (2) คาใชจาย วิธกี ารตรวจสอบวงจรรายจาย 1. การทดสอบการควบคุมของวงจรรายจาย 2. การตรวจสอบเนื้อหาสาระ การตรวจสอบเนื้อหาสาระบัญชีเจาหนี้ 1) ความมีอยูจริง (Existence) à สงยืนยันยอดเจาหนี้ , ดูการจายชําระเงินหลังวันสิ้นงวด,ใบสงของ (2) สิทธิและภาระผูกพัน (Right and Obligation) à ดูเอกสารประกอบการขาย เชน ใบรับของ ใบสั่งซื้อ (3) ความครบถวน (Completeness) à ตรวจตัดยอดซื้อ และ ตรวจตัดยอดเจาหนี้ (4) การตีราคา (Valuation) (5) การแสดงรายการและการเปดเผยขอมูล (Presentation and Disclosure) à การจัดประเภทเจาหนี้ การตรวจสอบวงจรการผลิต เปนกิจกรรมการแปรหรือเปลี่ยนสภาพของวัตถุดิบใหเปนสินคาสําเร็จรูป สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูว ิชาการสอบบัญชี
79
มีบัญชีที่เกี่ยวของคือ 1. วัตถุดิบ งานระหวางทํา สินคาสําเร็จรูป 2. ตนทุนขาย วิธกี ารตรวจสอบวงจรการผลิต 1. การทดสอบการควบคุมของวงจรรายจาย 2. การตรวจสอบเนื้อหาสาระ การตรวจสอบเนื้อหาสาระบัญชีสินคา 1) ความมีอยูจริง (Existence) à สังเกตการณตรวจนับสินคาคงเหลือ (2) สิทธิและภาระผูกพัน (Right and Obligation) à ดูเอกสารประกอบการซื้อเขามา เชน ใบรับของ ใบสั่งซื้อ (3) ความครบถวน (Completeness) à ตรวจตัดยอดซื้อ และ ตรวจตัดยอดขาย (เพราะ 2 รายการนี้ทําให สินคาเพิ่ม และสินคาลด) (4) การตีราคา (Valuation) à สินคาตองแสดงราคาที่ต่ํากวาเมื่อเปรียบเทียบระหวาง ราคาทุน หรือ ราคาที่คาด วาจะไดรับ (NRV) , ตองพิจารณาคาเผื่อสินคาลาสมัยดวยวาเพียงพอหรือไม (5) การแสดงรายการและการเปดเผยขอมูล (Presentation and Disclosure) à หากนําสินคาไปค้ําประกันตอง เปดเผยขอมูลในหมายเหตุประกอบงบดวย วงจรคาจางแรงงาน เปน กิจกรรมของการจายคาตอบแทนใหบุคลากรของกิจการ วิธกี ารตรวจสอบวงจรคาแรง 1. การทดสอบการควบคุมของวงจรรายจาย 2. การตรวจสอบเนื้อหาสาระ วงจรการจัดหาเงิน (1) การไดมา : การออกหุนกูและหุนทุน (2) การจายผลตอบแทน : การจายดอกเบี้ยและเงินปนผล (3) การชําระคืน : การไถถอนและซื้อคืนหุนกูและหุนทุน (4) การบันทึกบัญชี วิธีการตรวจสอบวงจรคาแรง 1. การทดสอบการควบคุมของวงจรรายจาย 2. การตรวจสอบเนื้อหาสาระ วงจรการลงทุน แบงเปน 1. การลงทุนในหลักทรัพย และ 2.การลงทุนในสินทรัพยถาวร 1. การลงทุนในหลักทรัพย มีขั้นตอนการดําเนินงานดังนี้ (1) การซื้อหลักทรัพย (2) การรับรูรายไดจากการลงทุน ในหลักทรัพย (3) การขายหลักทรัพย (4) การบันทึกบัญชี (5) การดูแลและเก็บรักษา (6) การปรับมูลคาและ จัดประเภทใหม (7) การประเมินผลการลงทุนและออกรายงาน หลักทรัพยที่ลงทุนแบงไดเปน หลักทรัพยเพื่อคา หลักทรัพยเผื่อขาย เมื่อราคาของหลักทรัพยในวันสิ้นงวด ลดลง หรือ เพิ่มขึ้น ตองปรับราคาของหลักทรัพยใหเทากับราคา ตลาด (ไมสนใจวาทุนเทาไหร) ดังนั้นคาเผื่อการปรับมูลคาหลักทรัพยจึงไมใชการประมาณการ แตเปนรายการที่ เกิดขึ้นจริงแลว วิธกี ารตรวจสอบ à ตรวจสอบเนื้อหาสาระ (เพราะจํานวนรายการนอย ถึงทําการทดสอบการควบคุมก็ตอง ไปตรวจสอบเนื้อหาสาระอยูดี ดังนั้นจึงตรวจเฉพาะเนื้อหาสาระอยางเดียวไปเลย เพื่อประหยัดเวลา) 2. การลงทุนในสินทรัพยถาวร ซึ่งมีกระบวนการตั้งแต การจัดหาสินทรัพยถาวร การใชประโยชนจากสินทรัพย ถาวร และ การจําหนายสินทรัพยถาวร วิธกี ารตรวจสอบ à ตรวจสอบเนื้อหาสาระ (เพราะขั้นตอนการซื้อสินทรัพยถาวร เหมือนกับการซื้อสินคาอยู แลว ดังนั้นจึงไมจําเปนตองทดสอบการควบคุมอีกรอบ) การตรวจสอบที่สําคัญเฉพาะกรณี ไดแก 1. การตรวจสอบยอดยกมาในการสอบบัญชีครั้งแรก 2. การตรวจสอบขอมูลเกี่ยวกับบุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวของกัน สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูว ิชาการสอบบัญชี
80
3. การตรวจสอบขอมูลทางการเงินจําแนกตามสวนงาน 4. การตรวจสอบประมาณการทางบัญชี 5. การตรวจสอบกิจการที่มีปญหาการดําเนินงานตอเนื่อง การตรวจสอบที่สําคัญเพิ่มเติม 1. การตรวจสอบเหตุการณภายหลังวันที่ในงบดุล 2. การตรวจสอบหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น 3. การตรวจสอบภาระผูกพัน 4. คํารับรองของผูบริหาร รายงานของผูสอบบัญชี หลังทําการตรวจสอบเสร็จเรียบรอย ผูสอบบัญชีตองออกหนารายงานการสอบบัญชีเพื่อสรุปผลการ ตรวจสอบ และแสดงความเห็นตองบการเงิน ประเภทของความเห็น (1) ความเห็นอยางไมมีเงื่อนไข (U) – ปฏิบัติงานตรวจสอบได และงบการเงินถูกตอง (2) ความเห็นอยางมีเงื่อนไข (Q) – ตรวจไดเปนสวนใหญ แตมีอุปสรรคบางเรื่อง และ งบการเงินถูกยกเวนเรื่องที่ เปนอุปสรรค กลาวในวรรคอธิบาย&วรรคความเห็น (3) ความเห็ นวางบการเงิน ไมถูกต อง (A) – ปฏิบัติงานได แต งบไมถู กตอง กลาวในวรรคอธิบายและวรรค ความเห็น (4) ไมแสดงความเห็น (D) – ไมไดปฏิบัติงาน หรือ มีปญหาดําเนินงานตอเนื่อง หรือ มีความไมแนนอน สถานการณที่กระทบและไมกระทบตอความเห็นของผูสอบบัญชี (1) สถานการณที่ไมกระทบตอความเห็นของผูสอบบัญชี เชน การดําเนินงานตอเนื่อง ความไมแนนอน การ ปดบัญชีครั้งแรก เปลี่ยนรอบบัญชี ทํางบการเงินเปรียบเทียบสองปขึ้นไป - เพิ่มวรรคเนนขอมูลและเหตุการณ - ไมกลาวถึงในวรรคความเห็น (2) สถานการณที่กระทบตอความเห็นของผูสอบบัญชี มี 5 กรณี 1.ถูกจํากัดขอบเขต 2.งบไมถูกหลักการบัญชี 3.เปดเผยขอมูลไมเพียงพอ 4. ผิดกฎหมายบัญชี 5. ไมแนนอนอยางมีสาระสําคัญมาก - เพิ่มวรรคอธิบาย - กลาวถึงในวรรคความเห็น (1) ระดับของความมีสาระสําคัญ มี 3 ระดับ (ไมมี/ มี/ มีมาก) (2) ความมีสาระสําคัญตอการแสดงความเห็นของผูสอบบัญชี 1.ไมมีสาระสําคัญ - U 2.มีสาระสําคัญ - Q มีเงื่อนไข โดยเพิ่มคําวา “ยกเวน” และกรณีความไมแนนอนที่มีสาระสําคัญมาก เพิ่ม
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูว ิชาการสอบบัญชี
81
วรรคเนน 3.มีสาระสําคัญมาก – A งบไมถูกหลักการบัญชี หรือ D เมื่อมีความไมแนนอนอยางมาก หรือถูกจํากัด ขอบเขตอยางมาก หลักการเขียนหนารายงานผูสอบบัญชี ความเห็นอยางไมมีเงื่อนไข วรรคนํา à วรรคขอบเขต à วรรคความเห็น à วรรคเนนขอมูลและ เหตุการณ (เชน ถูกฟองรองอยูศาลยังไมไดตัดสิน โอกาส 50%) ความเห็นอยางมีเงื่อนไข วรรคนํา à วรรคขอบเขต à วรรคอธิบาย àวรรคความเห็น (วรรคขอบเขต - กรณีถูกจํากัดขอบเขต ขึ้นตนดวย“ยกเวนที่จะกลาวในวรรคถัดไป”) (วรรคอธิบาย – เขียนเหตุผลไปวา ตรวจไมไดเพราะเหตุใด เชน ไมไดนับสินคาเพราะโกดังไฟไหม ไมไดสงยืนยันยอดลูกหนี้) (วรรคความเห็น - ขาพเจาเห็นวา ยกเวน”....... เรื่องอื่นๆถูกหมด ยกเวนเรื่องสินคา) ความเห็นวางบการเงินไมถูกตอง วรรคนํา à วรรคขอบเขต à วรรคอธิบาย àวรรคความเห็น (วรรคความเห็น - เนื่องจาก …งบการเงินไมไดแสดงฐานะการเงินถูกตอง) ไมแสดงความเห็น วรรคนํา à วรรคขอบเขต à วรรคอธิบาย àวรรคความเห็น (วรรคความเห็น - เนื่องจาก …ขาพเจาจึงไมอาจแสดงความเห็น) ใชกับกรณีมีเหตุการณไมแนนอนอยาง มาก
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
82
ประมวลความรูวิชาการภาษีอากรธุรกิจ
ประมวลความรูวิชาการภาษีอากรธุรกิจ อ.ชุลีกาญจน ไชยเมืองดี ภาษีอากรคือ สิ่งที่รัฐบังคับเก็บจากราษฎรโดยมิไดมีสิ่งตอบแทนผูเสียภาษีโดยตรง วัตถุประสงคในการเก็บภาษีอากร 1. เพื่อหารายไดมาใชจายในกิจการของรัฐ 2. เพื่อควบคุมหรือสงเสริมพฤติกรรมทางเศรษฐกิจ 3. เพื่อกระจายรายไดและทรัพยสินใหเปนธรรม 4. เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ลักษณะของภาษีอากรที่ดี 1.หลักความเปนธรรม 2. หลักความแนนอน 3. หลักความเปนกลาง 4. หลักอํานวยรายได 5. หลักความยืดหยุน 6. หลักประสิทธิภาพในการบริหาร โครงสรางของภาษีอากร ประกอบดวย 1.ภาระภาษี เพื่อใหทราบวาใครเปนผูเสียภาษี 2.ฐานภาษี เพื่อใหทราบวาจัดเก็บจากอะไร 3.อัตราภาษี จัดเก็บในอัตราเทาใด 4.วิธีการชําระภาษีทําอยางไร 5.การขจัดขอโตแยงทางภาษี 6.การบังคับใชภาษี มีบทลงโทษอยางไร รายรับและรายจายของรัฐบาล รายรับ เชน รายไดที่เปนภาษีอากร รายไดจากรัฐพาณิชย รายไดจากการขายสิ่งของและการบริหาร เปนตน รายจาย เชน ดานเศรษฐกิจ การศึกษา สาธารณูปโภค วิทยาศาสตรและเทคโนโลยี การปองกันประเทศ เปนตน แหลงที่มาของรายรับของรัฐบาล สวนใหญมาจากรายไดที่เปนภาษีอากรที่บังคับเก็บจากประชาชน -------------------------------------------------------------------------------------------------
ภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา ผูมีหนาที่เสียภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา 1. บุคคลธรรมดา 2.หางหุนสวนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใชนิติบุคคล 3.กองมรดกที่ยังไมไดแบง 4.ผูถึงแกความตาย ความสัมพันธของรัฐกับการเสียภาษีของผูมีเงินได 1.หลักแหลงเงินได จะตองมีเงินไดในปภาษีที่ลวงมาแลวไมวาจะอยูในประเทศไทยหรือไมก็ตามเนื่องจาก มี หนาที่การงานหรือกิจการในประเทศไทย หรือกิจการนายจางในประเทศไทย หรือ มีทรัพยสินอยูในประเทศไทย 2.หลักถิ่นที่อยู จะเสียภาษีตอเมื่อมีแหลงที่อยูในประเทศไทย ระยะเวลารวมกันทั้งหมดในปภาษีไมนอยกวา 180 วันและมีเงินไดเนื่องจาก มีหนาที่การงานหรือกิจการในตางประเทศ หรือมีทรัพยสินในตางประเทศ และ นําเงิน ไดนั้นเขามาในประเทศ ฐานภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา ไดแก เงินไดสุทธิ ซึ่งมีที่มา เงินไดสุทธิ = เงินไดพึงประเมิน – คาใชจาย – คาลดหยอน รอบปภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา มีระยะเวลา 12 เดือน คือนับตั้งแต 1 มกราคมถึงวันที่ 31 ธันวาคมของทุกป กําหนดใหยื่นแบบแสดงรายการประเมิน ในเดือนมกราคมถึงมีนาคมของปถัดไป
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการภาษีอากรธุรกิจ
83
เงินไดพึงประเมิน หมายถึง เงินสดหรือตราสารที่มีคาเปนเงิน ทรัพยสินที่ไดรับซึ่งอาจคิดคํานวณเปนเงินได ประโยชนที่ไดรับซึ่งอาจคํานวณไดเปนเงิน เงินคาภาษีอากรที่ผูจายเงินหรือผูอื่นออกแทนใหสําหรับเงินได ประเภทตาง ๆ และเครดิตภาษี หรือเครดิตภาษีเงินปนผล หรือเงินสวนแบงกําไร ประเภทของเงินได ตามมาตรา 40 มีดังนี้ ม.40(1) คาจางแรงงาน ม.40(2) เงินจากหนาที่หรือตําแหนงงานที่ทํา ม.40(3) คาลิขสิทธิ์และสิทธิ ม.40(4) ดอกเบี้ยและเงินปนผล ม.40(5) การใหเชาทรัพยสิน ม.40(6) วิชาชีพอิสระ ม.40(7) การรับเหมา ม.40(8) การธุรกิจ การพาณิชย เกษตร อุตสาหกรรม นอกเหนือ 1-7 เงินไดที่ไดรับการยกเวนไมตองนํามาคํานวณภาษีเงินได (รายละเอียดดูในหนังสือภาษีอากรธุรกิจ) 1. การยกเวนตามประมวลรัษฎากร 25 รายการ 2.การยกเวนตามกฎกระทรวง 55 รายการ 3. การยกเวนตาม พระราชกฤษฎีกา 13 รายการ 4.ยกเวนตามประกาศของอธิบดีกรมสรรพกร 4 รายการ 5. ยกเวนตามกฎหมายอื่น 5 รายการ การหักคาใชจาย ม.40(1) คาจางแรงงาน รวมหัก 40% ของเงินไดแตไมเกิน 60,000 บาท ม.40(2) เงินจากหนาที่หรือตําแหนงงานที่ทํา ม.40(3) คาลิขสิทธิ์และสิทธิ ใหหักเฉพาะคาลิขสิทธิ์ 40% ของคาลิขสิทธิ์ แตไมเกิน 60,000.ม.40(4) ดอกเบี้ยและเงินปนผล กฎหมายไมยอมใหหักคาใชจาย ม.40(5) การใหเชาทรัพยสิน หัก 10-30% แลวแตกรณี ม.40(6) วิชาชีพอิสระ ประกอบโรคศิลปหัก 60% วิชาชีพอื่นๆ หัก 30% ม.40(7) การรับเหมา หัก 70% ม.40(8) การธุรกิจ การพาณิชย เกษตร อุตสาหกรรม นอกเหนือ 1-7 หัก 40-80% แลวแตกรณี เงินไดตามมาตรา 40(5),(6),(7),(8) นอกจากหักคาใชจายเปนการเหมาแลวยังสามารถเลือกหักคาใชจายตามความ จําเปนและสมควรได การหักคาลดหยอน ตามสถานภาพของผูมีเงินได 1. ผูมีเงินได 30,000 บาท 2.สามีหรือภรรยา 30,000 บาท 3.บุตร 15,000 บาท เพื่อการศึกษาบุตร คนละ 2,000 บาท เบี้ยประกันชีวิต ตามจํานวนที่จายจริง แตไมเกิน 100,000 บาท จายเขากรองทุนสํารองเลี้ยงชีพ ตามจํานวนที่จา ยจริง แตไมเกิน 10,000 บาท สวนที่เกิน 10,000 บาทแตไมเกิน 490,000 บาท เปนเงินไดที่ไดรับการยกเวน ซื้อหนวยลงทุนในกรองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เฉพาะสวนที่ไมเกินรองละ 15 ของเงินได เฉพาะสวนที่ไมเกิน 500,000 บาท เงินปนผล ตามจํานวนที่จายจริง แตไมเกิน 10,000 บาท
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
84
ประมวลความรูวิชาการภาษีอากรธุรกิจ
ดอกเบี้ยเงินกูเพื่อซื้อบาน จายเขากองทุนประกันสังคม คาเลี้ยงดูบิดามารดา บริจาคสนับสนุนสังคม การศึกษา
ตามจํานวนที่จายจริง แตไมเกิน 100,000 บาท ตามจํานวนที่จายจริง คนละ 30,000 บาท เทาจํานวนที่จายจริงแตไมเกิน 10%ของเงินไดหลังหักคาใชจายและ คาลดหยอน เงินบริจาค 10% ของเงินไดหลังหักคาใชจายและ คาลดหยอนอื่น ๆ x เงินปนผล เครดิตภาษีเงินปนผล อัตราภาษี 100- อัตราภาษี อัตราภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา (มีผลบังคับใช พ.ศ.2551 เปนตนไป) บัญชีอัตราภาษี
เงินไดสุทธิ
ชวงเงินไดสุทธิ
อัตราภาษี
ภาษีแตละขั้น
ภาษีสะสม
แตละขั้น 150,000 350,000 500,000 3,000,000
รอยละ ไดรับยกเวน 10 20 30 37
เงินไดสุทธิ 35,000 100,000 900,000
สูงสุดของขั้น 35,000 135,000 1,035,000
1 - 150,000 150,001 - 500,000 500,001 - 1,000,000 1,000,001 - 4,000,000 4,000,001 บาทขึ้นไป การคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา ขั้นที่หนึ่ง คํานวณหาจํานวนภาษีตาม วิธีที่ 1 เสียกอน การคํานวณภาษีตามวิธีที่ 1 เงินไดพึงประเมินทุกประเภทรวมกันตลอดปภาษี หัก คาใชจายตามที่กฎหมายกําหนด (1)-(2) เหลือเงินไดหลังจากหักคาใชจาย หัก คาลดหยอนตาง ๆ (ไมรวมคาลดหยอนเงินบริจาค) ตามที่กฎหมายกําหนด (3)-(4) เหลือเงินไดหลังจากหักคาลดหยอนตาง ๆ หัก คาลดหยอนเงินบริจาค ไมเกินจํานวนที่กฎหมายกําหนด (5-6) เหลือเงินไดสุทธิ นําเงินไดสุทธิตาม (7) ไปคํานวณภาษีตามอัตราภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา จํานวนภาษีตามการคํานวณภาษีวิธีที่ 1
xxxx xxxx xxxx xxxx xxxx xxxx xxxx
(1) (2) (3) (4) (5) (6) (7)
xxxx
(8)
ขั้นที่สอง ใหพิจารณาวาจะตองคํานวณภาษีตาม วิธีที่ 2 หรือไม ถาเขาเงื่อนไขที่จะตองคํานวณภาษีตามวิธีที่ 2 จึง คํานวณภาษีตามวิธีที่ 2 อีกวิธีหนึ่ง กรณีที่ตองคํานวณภาษีตามวิธีที่ 2 ไดแก กรณีที่เงินไดพึงประเมินทุกประเภทในปภาษี แตไมรวม เงินไดพึง ประเมินตามประเภทที่ 1 มีจํานวนรวมกันตั้งแต 60,000 บาทขึ้นไป การคํานวณภาษีตามวิธีที่ 2 นี้ ใหคํานวณใน
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
85
ประมวลความรูวิชาการภาษีอากรธุรกิจ
อัตรารอยละ 0.005 ของยอดเงินไดพึงประเมิน (= เงินไดพึงประเมินทุกประเภทลบเงินไดพึงประเมินประเภทที่ 1 คูณดวย 0.005) ดังกลาวนั้น ขั้นที่สาม สรุปจํานวนภาษีที่ตองเสียภาษี การคํานวณภาษี จํานวนภาษีเงินไดสิ้นปที่ตองเสีย เทียบ (8) และ (10) จํานวนที่สูงกวา xxxx (11) หัก ภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จายแลว xx ภาษีเงินไดครึ่งปที่ชําระไวแลว xx ภาษีเงินไดชําระลวงหนา xx xx (12) เครดิตภาษีเงินปนผล xx (11-12) เหลือ ภาษีเงินไดที่ตองเสีย (หรือที่เสียไวเกินขอคืนได) xx ภาษีเงินไดบุคคลธรรมดาครึ่งป จะเสียจากเงินไดมาตรา 40(5) (6) (7) (8) เทานั้นมาคํานวณรายไดตั้งแตเดือน มกราคมถึงมิถุนายน แลวหักดวยรายจายเต็มจํานวนและหักดวยคาลดหยอนเพียงครึ่งเดียว เหลือเงินไดสุทธิเทาใด จึงคํานวณภาษี การยืน่ แบบแสดงรายการ ชื่อแบบ
ใชยื่นกรณี
ภ.ง.ด. 90 มีเงินไดพึงประเมินทุกประเภท ภ.ง.ด. 91
กําหนดเวลายื่น มกราคม - มีนาคม ของปภาษีถัดไป
มีเฉพาะเงินไดพึงประเมินประเภทที่ 1ม.40(1) ประเภท เดียว
ภ.ง.ด. 93 มีเงินไดขอชําระภาษีลวงหนา
มกราคม - มีนาคม ของปภาษีถัดไป กอนถึงกําหนดเวลาการยื่นแบบตามปกติ
ภ.ง.ด. 94 ยื่นครึ่งปสําหรับผูมีเงินไดพึงประเมินเฉพาะประเภทที่ 5,6,7 และ 8
กรกฎาคม - กันยายน ของปภาษีนั้น
ภาษีเงินไดนิติบุคคล ผูมีหนาที่เสียภาษีเงินไดนิติบุคคล 1. บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย 2. บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายตางประเทศที่ประกอบกิจการในประเทศไทย 3. กิจการซึ่งดําเนินการเปนทางการคาหรือหากําไรโดยรัฐบาลตางประเทศ 4. กิจการรวมคา 5. มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการมีรายได ยกเวนมูลนิธิหรือสมาคมที่รัฐมนตรีวาการ กระทรวงการคลังไดประกาศเปนมูลนิธิหรือสมาคม สาธารณกุศล ฐานภาษีเงินไดนิติบุคคล แบงเปน 4 ประเภท 1.ฐานกําไรสุทธิ 2.ฐานรายรับกอนหักรายจาย 3. ฐานเงินได 40 (2)(3)(4)(5)(6) ที่สงนอกออกประเทศไทย4. ฐานกําไรที่สงออกไปจากประเทศไทย
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการภาษีอากรธุรกิจ
86
อัตราภาษีเงินไดนิติบุคคล ภาษีเงินไดนิติบุคคลจากฐานภาษีตาง ๆ อัตราภาษี ( %) 1.ฐานกําไรสุทธิ 15, 25, 30 2. ฐานกําไรที่สงออกไปจากประเทศไทย 10 4. ฐานเงินได 40 (2)(3)(4)(5)(6) ที่สงนอกออกประเทศไทย 15 3. เงินปนผล 40(4)(ข) 10 4.ฐานรายรับกอนหักรายจาย 2 มูลนิธิสมาคมที่มรี ายไดตาม ม.40(8) 10 มูลนิธิสมาคมที่มีรายไดตาม ม.อื่นๆ อันมิใชรายไดตาม ม.65 ทวิ(13) อัตราภาษีฐานกําไรสุทธิ รอยละ 15 ,25 เปนอัตราที่ใชกับ (SME) การเสียภาษีเงินไดนิติบุคคลจากฐานกําไรสุทธิ เปนการเสียภาษีของบริษัท หางหุนสวนที่จดทะเบียนนิติบุคคล ในประเทศและตางประเทศที่ประกอบกิจการในประเทศไทย รวมถึงกิจการรวมคา มีรอบระยะเวลาบัญชี 12 เดือน กําไรสุทธิ คือจํานวนเงินรายรับหักรายจายและตนทุนของกิจการธุรกิจ รายรับและรายจายที่ทําการบันทึกบัญชีจะ ใชเกณฑสิทธิ ในการบันทึกบัญชี เพื่อใหสัมพันธกันกับรอบระยะเวลาบัญชีในแตละรอบ หลักเกณฑในการคํานวณกําไรสุทธิ จะตองคํานึงถึงเงื่อนไขตาม 1. มาตรา 65 ทวิ เงื่อนไขทั่วไป เชน รายจายที่ไมถือเปนรายจาย การหักคาสึกหรอ การตีราคาทรัพยสิน การโอนทรัพยสิน การคํานวณมูลคาทรัพยสินที่เปนเงินตราตางประเทศ การตีราคาสินคาคงเหลือ การ คํานวณราคาทุนสินคาสงมาจากตางประเทศ การจําหนายหนี้สูญ ภาษีขายและภาษีมูลคาเพิ่มไมตอง นํามาคํานวณเปนรายได เปนตน 2. มาตรา 65 ตรี เงื่อนไขรายจายตองหาม เชน เงินสํารอง เงินกองทุน รายจายสวนตัว คารับรอง รายจายที่มี ลักษณะลงทุน เบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มทางอากร การถอนเงินโดยปราศจากคาตอบแทน เงินเดือนสวนที่ จายเกินควร รายจายที่ไมมีการจายจริง คาตอบแทนทรัพยสินที่เปนของบริษัทเอง เปนตน 1. การคํานวณภาษีเงินไดนิติบุคคลจากกําไรสุทธิ บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่มีหนาที่เสีย ภาษีเงินไดนิติ บุคคลจากกําไรสุทธิและตองคํานวณภาษีเงินได นิติบุคคล และยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีปละ 2 ครั้ง ดังนี้ ก. การคํานวณเงินไดนิติบุคคลครึ่งรอบระยะเวลาบัญชีนั้น ไดมีบัญญัติไวในมาตรา 67 ทวิ แหง ประมวล รัษฎากรดังนี้ (1) ในกรณีบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคล นอกจากที่กลาวใน (2) ใหจัดทําประมาณการกําไร สุทธิ หรือขาดทุนสุทธิ ซึ่งไดจากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่ไดกระทําหรือจะไดกระทําในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น แลว ใหคํานวณและชําระภาษีเงินไดนิติบุคคลจากจํานวนกึ่งหนึ่งของประมาณการกําไรสุทธิในรอบระยะเวลา บัญชีนั้น (2) ในกรณีบริษัทจดทะเบียนธนาคารพาณิชยตามกฎหมายวาดวยการธนาคารพาณิชยหรือ บริษัท เงินทุน บริษัทหลักทรัพย หรือ บริษัทเครดิตฟองซิเอร หรือ บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคล ตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกําหนดใหคํานวณและชําระภาษีจากกําไรสุทธิ ของรอบระยะเวลาหกเดือนนับแตวัน แรกของรอบระยะเวลาบัญชีตามเงื่อนไขที่ระบุไวในมาตรา 65 ทวิ และ 65 ตรี
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการภาษีอากรธุรกิจ
87
ภาษีเงินไดนิติบุคคลครึ่งรอบระยะเวลาบัญชีนี้ใหถือเปนเครดิตในการเสียภาษีเงินไดนิติบุคคลเมื่อสิ้น รอบระยะเวลาบัญชีคือ เอาไปหักออกจากภาษีที่ตองเสียจากกําไรสุทธิของทั้งรอบระยะเวลาบัญชีและในกรณีที่ ภาษีที่เสีย ไวครึ่งรอบระยะเวลาบัญชีสูงกวาภาษีที่จะตองเสียทั้งรอบระยะเวลาบัญชี บริษัทหรือหางหุนสวน นิติ บุคคลก็มีสิทธิขอคืนภาษีที่ชําระไวเกินได กรณีที่บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลมีรอบระยะเวลาบัญชีแรกหรือรอบระยะเวลาบัญชีสุดทาย นอย กวา 12 เดือน ไมตองยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเงินไดนิติบุคคลครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี ข. การคํานวณเงินไดนิติบุคคลจากกําไรสุทธิ เมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี การคํานวณกําไรสุทธิของ บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลใหคํานวณกําไรสุทธิตามเงื่อนไขที่บัญญัติไวใน ประมวลรัษฎากร โดยนํากําไร สุทธิดังกลาวคูณดวยอัตราภาษี เงินไดนิติบุคคล จะไดภาษีเงินไดนิติบุคคล ที่ตองชําระ ถาคํานวณกําไรสุทธิออก มาแลวปรากฎวา ไมมีกําไรสุทธิ หรือขาดทุนสุทธิ บริษัทไมตองเสียภาษีเงินไดนิติบุคคล ถาการจัดทําบัญชีของ บริษัทไดจัดทําขึ้นตามหลักบัญชีโดยไมไดปฎิบัติตามเงื่อนไขในประมวลรัษฎากรเมื่อ จะคํานวณภาษีบริษัท จะตองปรับปรุงกําไรสุทธิดังกลาวใหเปนไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไวใน ประมวลรัษฎากรแลวจึง คํานวณภาษีเงิน ไดนิติบุคคล การยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษี บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่เสียภาษีเงินไดจากกําไรสุทธิจะตองยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีดังนี้ (1) การเสียภาษีเงินไดนิติบุคคลครึ่งรอบ จะตองยื่นแบบแสดงรายการพรอมชําระภาษี(ถามี) ตามแบบ ภ.ง.ด.51 ภายใน 2 เดือนนับจากวันสุดทายของทุก 6 เดือนแรกของรอบระยะเวลาบัญชี (2) การเสียภาษีเงินไดจากกําไรสุทธิเมื่อสิ้นรอบ ระยะเวลาบัญชีจะตองยื่นแบบแสดงรายการพรอมชําระภาษี (ถา มี) ตามแบบ ภ.ง.ด.50 ภายใน 150 วันนับแตวันสุดทายของรอบระยะเวลาบัญชี 2. ภาษีเงินไดนิติบุคคลคํานวณจากยอดรายไดกอนหักรายจาย 1 ผูมีหนาที่เสียภาษี ไดแก กิจการขนสงระหวางประเทศของบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลตางประเทศ และมูลนิธิ หรือสมาคมที่ประกอบกิจการแลวมีรายได (1) กรณีกิจการขนสง กรณีรับขนคนโดยสาร รายไดเกิดจากคาโดยสาร คาธรรมเนียมและประโยชนอื่นใดที่เรียกเก็บใน ประเทศไทย กอน หักรายจายใดๆ เนื่องในการรับขนคนโดยสารนั้น ใหคํานวณภาษีอัตราภาษีรอยละ 3 ฐานภาษีสําหรับการใหบริการรับ ขนคนโดยสารซึ่งตองนําไปรวมคํานวณเสียภาษีเงินไดนิติบุคคลใหคํานวณ จากมูลคาของคาโดยสารที่ไดรับหรือพึง ไดรับสําหรับระยะทางจากตนทางถึงปลายทางตามที่ระบุในตั๋วโดยสาร รวมถึงคาธรรมเนียมและผลประโยชนอื่นใดที่ เรียกเก็บจากคนโดยสารอันเนื่องมาจากการใหบริการรับขนคนโดยสาร ไมวาบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลนั้นจะ ใหบริการรับขนเองทั้งหมดหรือใหผูประกอบการอื่นรับขนสงชวงให กรณีรับขนของ รายไดเกิดจากคาระวาง คาธรรมเนียม และประโยชนอื่นใดที่เรียกเก็บไมวาใน หรือนอกประเทศกอน หักรายจายใดๆเนื่องในการรับขนของออกจากประเทศไทยนั้นใหคํานวณภาษีอัตรารอยละ 3 ฐานภาษีสําหรับการ ใหบริการรับขนสินคาซึ่งตองนําไปรวมคํานวณเสียภาษีเงินไดนิติบุคคลใหคํานวณ จากมูลคาของคาระวางที่ไดรับหรือ พึงไดรับ สําหรับระยะทางจากตนทางถึงปลายทางตามที่ระบุ ในแอรเวยบิล ในกรณีรับขนสินคาโดยอากาศยานหรือ สําหรับระยะทางถึงปลายทางตามที่ระบุในบิลออฟเลดิงในกรณีรับขน สินคาโดยเรือทะเล รวมถึงคาธรรมเนียมและ ประโยชนอื่นใดที่เรียกเก็บจากผูรับบริการอันเนื่อง มาจากการ ใหบริการรับขนสินคา ไมวาสายการบินหรือสายการ เดินเรือนั้นจะใหบริการรับขนเองทั้งหมด หรือใหผูประกอบการอื่นรับขนสงชวงให สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการภาษีอากรธุรกิจ
88
(2) กรณีมูลนิธิหรือสมาคม รายไดของมูลนิธิหรือสมาคมที่ตองเสียภาษีเงินไดนติ ิบุคคลรายไดที่มูลนิธิหรือสมาคมจะตอง เสียภาษีเงินได จะ รวมถึงรายไดทุกอยางไมวาจะไดมาจากทางใดๆ เชน รายไดจากการขายสินคาและบริการ ดอกเบี้ย คาเชา เงินปนผล รายไดของมูลนิธิหรือสมาคมที่ไดรับการยกเวนภาษีเงินไดตามมาตรา 65 ทวิ (13) ไดแก (1) คาลงทะเบียนหรือคาบํารุงที่ไดรับจากสมาชิก (2) เงินหรือทรัพยสินที่ไดรับจากการรับบริจาค (3) เงินหรือทรัพยสินที่ไดรับจากการใหโดยเสนหา นอกจากนี้ ยังมีการยกเวนภาษีเงินไดใหแกมูลนิธิหรือสมาคม เฉพาะเงินไดจากกิจการโรงเรียน เอกชนซึ่งได ตั้งขึ้น ตามกฎหมายวาดวยโรงเรียนเอกชน แตไมรวมถึงเงินไดจากการขายของการรับจางทําของ หรือการใหบริการอื่นใดที่ โรงเรียนเอกชนซึ่งเปนโรงเรียนประเภทอาชีวศึกษาไดรับจากผูซึ่งมิใชนักเรียน (มาตรา 5 นว แหงพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2500) มูลนิธิและสมาคมตองเสียภาษีเงินไดนิติบุคคลในอัตรา ดังนี้ (1) เงินไดประเภทที่ 8 เงินไดจากการธุรกิจ การพาณิชย การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนสง หรือ การอื่นๆ เสีย รอยละ 2 ของรายไดกอนหักรายจาย (2) เงินไดอื่น ๆ นอกจาก (ก) เสียรอยละ 10 ของรายไดกอนหักรายจายการคํานวณภาษีเงินไดของมูลนิธิ หรือ สมาคม จะตองคํานวณตามรอบระยะเวลาบัญชีดวย การยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษี (1) กิจการขนสงระหวางประเทศของบริษัทหรือนิติบุคคล ตางประเทศจะตองยื่นแบบแสดงรายการและ ชําระ ภาษีเงินไดนิติบุคคลภายใน 150 วัน นับแตวันสุดทายของรอบระยะเวลาบัญชี กิจการขนสงระหวางประเทศนี้มิ ตองยื่นเสียภาษีครึ่งรอบระยะเวลาบัญชีแตอยางใด แบบแสดงรายการที่ใชยื่น คือ ภ.ง.ด.52 (ยื่นรอบระยะเวลา บัญชี ละ 1 ครั้ง) (2) มูลนิธิและสมาคมที่ประกอบกิจการมีรายไดตองยื่นแบบ แสดงรายการและชําระภาษีภายใน 150 วัน นับแต วันสุดทายของรอบระยะเวลาบัญชีแบบแสดงรายการที่ใชยื่นคือ ภ.ง.ด. 55 (ยื่นรอบระยะเวลาบัญชีละ 1 ครั้ง) ใน การยื่นแบบแสดงรายการนั้นมูลนิธิและสมาคมตองแสดงบัญชีรายได กอนหักรายจายใดๆ ที่มีผูสอบบัญชี ตาม มาตรา 3 สัตตตรวจสอบและรับรองในรอบระยะเวลาบัญชีดังกลาวดวย แตไมตองแนบงบดุลแตอยางใด 3. ภาษีเงินไดนิติบุคคลสําหรับเงินไดที่จายจากหรือในประเทศไทย ผูมีหนาที่เสียภาษี ไดแก บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของตางประเทศที่มิไดประกอบ กิจการในประเทศไทย และไดรับเงินไดพึงประเมินตามมาตรา 40(2)(3)(4)(5) หรือ (6) ที่จายจากหรือในประเทศ ไทย การเสียภาษีกรณีนี้กฎหมายใหเสียโดยวิธีหักภาษี คือ ผูจายเงินไดดังกลาวจะตองหักภาษีจากเงินไดพึง ประเมินที่จายตามวิธีการและอัตราดังหัวขอถัดไป ทั้งนี้ไมวาใครจะเปนผูจายเงินไดก็ตาม ภาษีที่หักไวในกรณีนี้ เปนภาษีที่เสียเด็ดขาดจึงเสร็จสิ้นเปนรายครั้งไปถากรณีที่เปนการจายเงินไดดังกลาวใหกับบริษัทหรือหางหุนสวน นิติบุคคลในตางประเทศซึ่งเปนสาขาของบริษัท หรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ผูจายเงินได ไมมีหนาที่ตองหักภาษีตามฐานนี้เพราะผูรับเงินไดไมใชผูมีหนาที่เสียภาษีฐานนี้แตอยางใด
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
89
ประมวลความรูวิชาการภาษีอากรธุรกิจ
เงินไดที่ตองหักภาษี เงินไดของบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลตางประเทศ ซึ่งผูจายมีหนาที่ตอง หักภาษี ไดแก เงินไดพึงประเมินตามมาตรา 40(2)(3)(4)(5) หรือ (6) วิธีการคํานวณหักภาษีฐานนี้ มีหลักเกณฑและวิธีการแยกออก ตามประเภทของเงินได ดังนี้ เงินไดพึงประเมินมาตรา 40(2)(3)(4)(5) และ (6) นอกจากเงินไดพึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ข) ใหคํานวณหัก ภาษีในอัตรารอยละ 15 เงินไดพึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ข) ใหคํานวณหักภาษีในอัตรารอยละ 10 การยื่นแบบแสดงรายการชําระภาษี การหักภาษีเงินไดนิติบุคคล ณ ที่จายสําหรับบริษัทตางประเทศขางตน ผู จายเงินไดจะตองหักภาษี ณ ที่จาย และยื่นแบบแสดงรายการและนําสงภาษีภายใน 7 วัน นับแตวันสิ้นเดือนของ เดือนที่จายเงินไดพึงประเมินแบบแสดงรายการที่ยื่น ไดแก แบบ ภ.ง.ด.54 (ถาไมมี การสงเงินไดไปตางประเทศก็ ไมตองยื่น) 4. ภาษีเงินไดนิติบุคคลสําหรับการจําหนายกําไรไปนอกประเทศ ผูมีหนาที่เสียภาษีฐานนี้ ไดแก บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลซึ่งจําหนายเงินกําไรหรือเงิน ประเภทอื่นใดที่กัน ไวจากกําไรหรือที่ถือไดวาเปนเงินกําไรออกไปจากประเทศไทยใหเสียภาษีเงินไดโดยหักภาษีจากจํานวนเงินที่ จําหนาย อัตราภาษีและการคํานวณภาษี วิธีการเสียภาษีการจําหนายเงินกําไรไปตางประเทศนี้ ใหเสียภาษีโดยหักจาก จํานวนเงินที่จําหนายในอัตรารอยละ 10
ภาษีมูลคาเพิ่ม ผูมีหนาที่เสียภาษีมูลคาเพิ่ม ผูประกอบการที่ขายสินคาหรือใหบริการในทางธุรกิจหรือวิชาชีพเปนปกติธุระ ไมวาจะประกอบกิจการในรูปของ บุคคลธรรมดา คณะบุคคลหรือหางหุนสวนสามัญที่มิใชนิติบุคคล หรือนิติบุคคลใด ๆ หากมีรายรับจากการขาย สินคาหรือใหบริการเกินกวา 1.8 ลานบาทตอป มีหนาที่ตองยื่นคําขอจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่มเพื่อเปน ผูประกอบการจดทะเบียน โดยคํานวณภาษีที่ตองเสียจากภาษีขายหักดวยภาษีซื้อ ผูประกอบการที่ไดรับการยกเวนภาษีมูลคาเพิ่มตามกฎหมาย แตสามารถขอจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่มได 1. ผูประกอบกิจการ ขายพืชผลทางการเกษตร สัตว ไมวามีชีวิตหรือไมมีชีวิต ปุย ปลาปน อาหารสัตว ยาหรือ เคมีภัณฑที่ใชสําหรับพืชหรือสัตว หนังสือพิมพ นิตยสาร หรือตําราเรียน ฯลฯ 2. ผูประกอบกิจการขายสินคาหรือใหบริการซึ่งไมไดรับยกเวนภาษีมูลคาเพิ่มตามกฎหมายและมีรายรับไมเกิน 1.8 ลานบาทตอป 3. การใหบริการขนสงในราชอาณาจักร โดยอากาศยาน 4. การสงออกของผูประกอบการในเขตอุตสาหกรรมสงออกตามกฎหมายวาดวยการนิคมอุตสาหกรรมแหง ประเทศไทย 5. การใหบริการขนสงน้ํามันเชื้อเพลิงทางทอในราชอาณาจักร
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการภาษีอากรธุรกิจ
90
ตัวอยาง กิจการที่ไดรับการยกเวนภาษีมูลคาเพิ่มตามกฎหมาย (รายละเอียดเพิ่มเติมดูไดจากหนังสือภาษีอากร ธุรกิจ) 1. การขายสินคาหรือใหบริการของผูประกอบการที่มีรายรับไมเกิน 1.8 ลานบาทตอป ี 2. การขายพืชผลทางการเกษตรภายในราชอาณาจักร เชน ขาว ขาวโพด ปอ มันสําปะหลัง ผักและผลไม เปนตน 3. การขายสัตวทั้งที่มีชีวิตหรือไมมีชีวิตภายในราชอาณาจักร เชน โค กระบือ ไกหรือเนื้อสัตว กุง ปลา เปนตน 4.การขายปุย 5. การขายปลาปน อาหารสัตว หนาที่ของผูประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม 1.เรียกเก็บภาษีมูลคาเพิ่มจากผูซื้อสินคาหรือผูรับบริการ และออกใบกํากับภาษีเพื่อเปนหลักฐานในการเรียกเก็บ ภาษีมูลคาเพิ่ม 2.จัดทํารายงานตามที่กฎหมายกําหนด ซึ่งไดแก รายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย และรายงานสินคาและวัตถุดิบ 3.ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีตามแบบ ภ.พ.30 การคํานวณภาษีมูลคาเพิ่ม ภาษีที่ตองชําระ = ภาษีขาย - ภาษีซื้อ การยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลคาเพิ่ม 1. ผูมีหนาที่ยื่นแบบ ผูประกอบการจดทะเบียนที่เสียภาษีมูลคาเพิ่มในอัตรารอยละ 10 (ปจจุบัน อัตราภาษีมูลคาเพิ่มลดลงเหลืออัตรา รอยละ 7.0 ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 440) พ.ศ. 2548 มีผลใชบังคับจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2550) หรือ ผูประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่มในอัตรารอยละ 0 โดยคํานวณภาษีมูลคาเพิ่มจากภาษีขายหักดวยภาษีซื้อ ในแตละเดือนภาษี ทั้งนี้ ไมวาผูประกอบการดังกลาวจะประกอบการในรูปของบุคคลธรรมดา คณะบุคคล หาง หุนสวนสามัญ กองมรดก บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคล องคการของรัฐบาล หรือนิติบุคคลในรูปแบบใดก็ตาม กําหนดเวลา สถานที่ยื่นแบบและการชําระภาษี ผูประกอบการจดทะเบียนตองยื่นแบบ ภ.พ.30 พรอมชําระภาษีมูลคาเพิ่ม (ถามี) เปนรายเดือนทุกเดือนภาษี ไมวา จะมีการขายสินคาหรือใหบริการในเดือนภาษีนั้นหรือไมก็ตาม โดยใหยื่นแบบภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป 2. สถานที่ยื่นแบบ (1) กรณีสถานประกอบการตั้งอยูในเขตกรุงเทพมหานคร ใหยื่น ณ สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขา(เขต/ อําเภอ) ในทองที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู (2) กรณีสถานประกอบการตั้งอยูนอกเขตกรุงเทพมหานคร ใหยื่น ณ สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขา (อําเภอ) ในทองที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู 3. การชําระภาษี (1) ชําระเปนเงินสด (2) ชําระดวยเช็คขีดครอม สั่งจายแกกรมสรรพากร โดยขีดฆาคําวา ผูถือและหรือตามคําสั่ง หมายเหตุ การยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษี สามารถยื่นผานเว็บไซตของกรมสรรพากรได (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมไดในหัวขอ บริการยื่นแบบผานอินเทอรเน็ต)
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
91
ประมวลความรูวิชาการภาษีอากรธุรกิจ
ภาษีธุรกิจเฉพาะ ผูมีหนาที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ผูมีหนาที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ไดแก ผูประกอบกิจการที่ตองเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ไมวาผูประกอบกิจการดังกลาว จะประกอบกิจการในรูปของ บุคคลธรรมดา คณะบุคคลที่มิใชนิติบุคคล กองมรดก หางหุนสวนสามัญ กองทุน หนวยงานหรือกิจการของเอกชนที่กระทําโดยบุคคลธรรมดาตั้งแตสองคน ขึ้นไปอันมิใชนิติบุคคล องคการของรัฐบาล สหกรณ และองคกรอื่นที่กฎหมายกําหนดใหเปนนิติบุคคล ในกรณีผู ประกอบกิจการอยูนอกราชอาณาจักร ใหผูมีหนาที่รับผิดชอบในการประกอบกิจการรวมตลอดถึง ลูกจาง ตัวแทน หรือผูทําการแทนซึ่งมีอํานาจในการจัดการแทนโดยตรง หรือโดยปริยายที่อยูในราชอาณาจักร เปนผูมีหนาที่เสีย ภาษีรวมกับผูประกอบกิจการดังกลาวขางตน 2. การประกอบกิจการที่ตองเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ กิจการที่จะตองเสียภาษีธุรกิจเฉพาะไดแก การประกอบกิจการดังตอไปนี้ในราชอาณาจักร โดยกิจการนั้น ไมได รับยกเวนภาษีธุรกิจเฉพาะ 1. การธนาคาร ตามกฎหมายวาดวยการธนาคารพาณิชย หรือกฎหมายเฉพาะ 2. การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร ตามกฎหมายวาดวย การประกอบ ธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร 3. การรับประกันชีวิต ตามกฎหมายวาดวยการประกันชีวิต 4. การรับจํานํา ตามกฎหมายวาดวยโรงรับจํานํา 5. การประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย เชน การใหกูยืมเงินค้ําประกัน แลกเปลี่ยนเงินตรา ออก ซื้อ หรือขายตั๋วเงิน หรือรับสงเงินไปตางประเทศดวยวิธีตาง ๆ 6. การขายอสังหาริมทรัพยเปนทางคาหรือหากําไร ไมวาอสังหาริมทรัพยนั้นจะไดมาโดยวิธีใดก็ตาม ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 342) พ.ศ.2541 (ใชบังคับตั้งแต 1 มกราคม 2542 เปนตนไป) 7. การขายหลักทรัพยตามกฎหมายวาดวยตลาดหลักทรัพยแหงประเทศไทยในตลาดหลักทรัพย 8. การประกอบกิจการอื่น ตามกําหนดโดยพระราชกฤษฎีกา เชน ธุรกิจแฟกเตอริ่ง ตัวอยางกิจการที่ไมตองเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ 1. กิจการของธนาคารแหงประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห และธนาคารเพื่อ การเกษตรและสหกรณการเกษตร 2. กิจการของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแหงประเทศไทย 3. กิจการของสหกรณออมทรัพย เฉพาะการใหกูยืมแกสมาชิกหรือแกสหกรณออมทรัพยอื่น 4. กิจการของกองทุนสํารองเลี้ยงชีพ ตามกฎหมายวาดวยกองทุนสํารองเลี้ยงชีพ 5. กิจการของการเคหะแหงชาติ เฉพาะการขายหรือใหเชาซื้ออสังหาริมทรัพย 6. กิจการรับจํานําของกระทรวง ทบวง กรม และราชการสวนทองถิ่น ฐานภาษี และอัตราภาษี ฐานภาษีสําหรับการประกอบกิจการที่ตองเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ไดแก รายรับกอนหักรายจายใด ๆ ที่ผูประกอบ กิจการไดรับ หรือพึงไดรับเนื่องจากการประกอบกิจการ
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
92
ประมวลความรูวิชาการภาษีอากรธุรกิจ
กิจการที่ตองเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ จะตองเสียภาษีโดยคํานวณจากฐานภาษี ซึ่งไดแก รายรับตามฐานภาษี ของแตละ ประเภทกิจการ คูณดวยอัตราภาษีที่กําหนดไว และจะตองเสียภาษีทองถิ่นอีก รอยละ 10 ของจํานวนภาษี ธุรกิจ เฉพาะดังกลาว กิจการ
ฐานภาษี
อัตราภาษีรอย ละ
1. กิจการธนาคาร,ธุรกิจเงินทุน ธุรกิจ หลักทรัพย, ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร และการ ประกอบกิจการเยี่ยง ธนาคารพาณิชย
- ดอกเบี้ย สวนลด คาธรรมเนียม คาบริการ หรือกําไรกอนหักรายจาย ใดๆ จากการซื้อหรือ ขายตั๋วเงินหรือ ตราสารแสดงสิทธิในหนี้ใด ๆ
3.0
- กําไรกอนหักรายจายใดๆ จากการ แลกเปลี่ยน หรือซื้อขายเงินตรา การออกตั๋วเงินหรือการสง เงินไปตางประเทศ
3.0
2. กิจการรับประกันชีวิต
- ดอกเบี้ย คาธรรมเนียม คาบริการ
2.5
3. กิจการโรงรับจํานํา
- ดอกเบี้ย คาธรรมเนียม
2.5
- เงิน ทรัพยสิน คาตอบแทน หรือ ประโยชน ใดๆ อันมีมูลคาที่ไดรับ หรือพึงไดรับจากการ ขายของที่ จํานําหลุดเปนสิทธิ
2.5
4. การคาอสังหาริมทรัพย
- รายรับกอนหักรายจายใดๆ
0.1
5. การขายหลักทรัพยในตลาดหลักทรัพย
- รายรับกอนหักรายจายใดๆ
0.1 (ยกเวน)
6. การซื้อและการขายคืนหลัก ทรัพยที่ ไดรับอนุญาตจาก คณะกรรมการกํากับ หลักทรัพยและ ตลาดหลักทรัพย
- กําไรกอนหักรายจายใดๆ จากการขายคืน หลักทรัพย แตไมรวมถึง ดอกเบี้ย เงินปนผล หรือประโยชนใดๆ ที่ไดจากหลักทรัพย
3.0
7. ธุรกิจแฟกเตอริง
- ดอกเบี้ย สวนลด คาธรรมเนียม หรือ คาบริการ
3.0
หมายเหตุ อัตราภาษีของการคาอสังหาริมทรัพยใหลดและคงจัดเก็บในอัตรารอยละ 0.1 โดยมีผลใชบังคับจนถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2544 (พระราชกฤษฎีกา(ฉบับที่ 366) พ.ศ.2543) 2. แบบแสดงรายการที่ใช แบบแสดงรายการภาษีธุรกิจเฉพาะ ที่อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดใหใชในการยื่นแบบแสดงรายการภาษี ธุรกิจเฉพาะไดแก แบบ ภ.ธ.40 3. กําหนดเวลาในการยื่นแบบแสดงรายการภาษี - ผูประกอบการจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ มีหนาที่ตองยื่นแบบแสดงรายการ และชําระภาษีโดยใชแบบ ภ.ธ.40 (แสดงประเภทของกิจการ จํานวนรายรับ จํานวนภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีทองถิ่นอีกรอยละ 10 ของภาษีธุรกิจ สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
93
ประมวลความรูวิชาการภาษีอากรธุรกิจ
เฉพาะ) - ยื่นแบบแสดงรายการเปนรายเดือนภาษี ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ไมวาจะมีรายรับในเดือนนั้น หรือไมก็ ตาม - ภาษีในเดือนภาษีใด เมื่อรวมคํานวณแลวมีจํานวนไมถึง 100บาท ผูประกอบกิจการไมตองเสียภาษีสําหรับ เดือนภาษีนั้น แตยังคงมีหนาที่ตอ งยื่นแบบแสดงรายการตามปกติ 4. สถานที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี การยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษี สามารถยื่นผานเว็บไซตของ กรมสรรพากรได (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมไดในหัวขอ บริการยื่นแบบผานอินเทอรเน็ต) อากรแสตมป ตราสารที่ตองเสียอากรแสตมป คําวา “ตราสาร” ตามประมวลรัษฎากรหมายถึง เอกสารที่ตองเสียอากรแสตมป ตามที่กําหนดไวในบัญชี อัตรา อากรแสตมป ซึ่งปจุจบันมีทั้งหมด 28 ลักษณะตราสาร เชน ตราสารเชาที่กับโรงเรือน เชาซื้อทรัพยสิน จาง ทําของ กูยืมเงิน ฯลฯ อากรแสตมปเปนภาษีอากรที่จัดเก็บจากการกระทําตราสาร โดยคําวา กระทํา หมายความวา การลงลาย มือชื่อตามบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูมีหนาที่เสียอากรแสตมปมีดังนี้ 1. บุคคลตามที่ระบุไวในชองที่ 3 ของบัญชีอัตราอากรแสตมป เชน ผูใหเชาผูโอน ผูใหกู ผูรับประกันภัย 2. ถาตราสารทําขึน้ นอกประเทศ ใหเปนหนาที่ของผูทรงตราสารคนแรกในประเทศเปน ผูเสียอากร ภายใน 30 วัน นับแตวันที่ไดรับตราสารนั้น ถาหากไมไดปฏิบัติตามความขางตน ผูทรงคนใดคนหนึ่งตองเสียอากรแลวจึงยื่นตราสารเพื่อใหจายเงิน รับรอง สลักหลัง โอนหรือถือเอาประโยชนได ผูทรงตราสารคนใด ไดตราสารตามความขางตนไวในครอบครองกอนพนกําหนด 30 วัน นับแตวันที่ไดรับ ตราสารนั้น จะเปนผูเสียอากรก็ไดโดยมีสิทธิไลเบี้ยจากผูทรงคนกอนๆ 3. ตั๋วเงินที่ยื่นใหชําระเงิน มิไดปดแสตมปบริบูรณ ผูรับตั๋วจะเสียอากรและใชสิทธิไลเบี้ยจาก ผูมีหนาที่ เสียอากร หรือหักคาอากรจากเงินที่จะชําระก็ได 4. ผูมีหนาที่เสียอากร ตามที่ระบุไวในบัญชีอัตราอากรแสตมป อาจตกลงใหคูกรณีอีกฝายหนึ่ง เปนผูเสีย อากรแทนตนก็ได เวนแตกรณีตาม 2. วิธีการเสียอากร วิธีการเสียอากรแสตมปสําหรับการทําตราสาร เรียกวา “ปดแสตมปบริบูรณ” ซึ่งหมายความวา 1. ในกรณีแสตมปปดทับ คือการไดเสียอากรโดยปดแสตมปทับกระดาษกอนกระทําหรือใน ทันทีที่ทําตราสาร เปนราคาไมนอยกวาอากรที่ตองเสียและไดขีดฆาแสตมปนั้นแลว หรือ 2. ในกรณีแสตมปดุน คือการไดเสียอากรโดยใชกระดาษมีแสตมปดุนเปนราคาไมนอยกวา อากรที่ตองเสีย และ ขีดฆาแลว หรือโดยยื่นตราสารใหพนักงานเจาหนาที่ประทับแสตมปดุน และชําระเงินเปนจํานวนไมนอยกวา อากรที่ตองเสียและขีดฆาแลว หรือ 3. ในกรณีชําระเปนตัวเงิน คือการไดเสียอากรเปนตัวเงิน เปนราคาไมนอยกวาอากรที่ตองเสียตาม บทบัญญัติใน หมวดอากรแสตมป หรือตามระเบียบที่อธิบดีจะไดกําหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี การปดแสตมปบริบูรณตามขอ 1. และ 2. ดังกลาวขางตน อธิบดีมีอํานาจสั่งใหปฏิบัติตาม ที่กําหนดในขอ 3. แทน สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
ประมวลความรูวิชาการภาษีอากรธุรกิจ
94
ได คือ กําหนดใหเสียอากรเปนตัวเงิน เชน กรณีตั๋วแลกเงิน เช็ค ใบรับรางวัลฉลากกินแบง ใบรับเกี่ยวกับ อสังหาริมทรัพย ใบรับเกี่ยวกับยานพาหนะ ตราสารตั๋วสัญญาใชเงินเฉพาะที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัท เครดิตฟองซิเอร เปนผูออกตั๋ว จางทําของ เฉพาะที่รัฐบาล องคการของรัฐบาลเปนผูวาจางและมีสินจางตั้งแต 200,000 บาทขึ้นไป กูยืมเงินหรือการตกลงใหเบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร กรมธรรมประกันภัย ตั๋วสัญญาใชเงิน เลตเตอรออฟเครดิต ฯลฯ การขีดฆาอากร คําวา “ขีดฆา” หมายความวา การกระทําเพื่อมิใหใชแสตมปไดอีก โดยในกรณีแสตมปปดทับ ไดลงลายมือชื่อหรือ ลงชื่อหางรานบนแสตมป หรือขีดเสนครอมฆาแสตมปที่ปดทับกระดาษ และลงวัน เดือน ป ที่กระทําสิ่งเหลานี้ ดวย ในกรณีแสตมปดุนไดเขียนบนตราสารหรือยื่นตราสารใหพนักงานเจาหนาที่ประทับ แสตมปดุน ใหแสตมป ปรากฏอยูในดานหนาของตราสารนั้น ขอเสียของตราสารที่มไิ ดปดแสตมปบริบูรณ ตราสารใดไมปดแสตมปบริบูรณ จะใชตนฉบับ คูฉบับ คูฉีก หรือสําเนาตราสารนั้นเปนพยานหลักฐาน ในคดีแพงไมได จนกวาจะไดเสียอากรโดยปดแสตมปครบจํานวนอัตราในบัญชีทาย หมวดอากรแสตมป และขีด ฆาแลวแตทั้งนี้ไมเปนการเสื่อมสิทธิที่จะเรียกเงินเพิ่มอากร นอกจากนั้นกฎหมายยังหามเจาพนักงานรัฐบาลลง นามรับรู ยอมใหทําหรือบันทึกสิ่งใด ๆ ในตราสาร ดังกลาวดวย จนกวาจะไดมีการเสียอากรใหครบถวนเสียกอน
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
95
คณะผูจัดทํา 1. ผศ.เสาวณี 2. อ.สุกัญญา 3. ผศ.วันทนีย 4. ผศ.วาริพิณ 5. ผศ.กมลทิพย 7. อ.จุฑามาส 8. อ.พรวีนัส 9. อ.ชุลีกาญจน 10. อ.วิภาวี 11. อ.จิรเดชา 12. อ.อรุณี 13. อ.พุทธมน
ใจรักษ คํานวนสกุณี วงศยัง มงคลสมัย คําใจ พันธุณรงค บุญมากาศ ไชยเมืองดี ศรีคะ วันชูเพลา นฤมิตเลิศ สุวรรณอาสน
สงวนลิขสิทธิ์ สาขาวิชาการบัญชี คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม
View more...
Comments