กฏแห่งกรรม . ธรรมปฏิบัติ

July 15, 2017 | Author: arpijiki | Category: N/A
Share Embed Donate


Short Description

Download กฏแห่งกรรม . ธรรมปฏิบัติ...

Description

กฏแห่งกรรม . ธรรมปฏิบัติ เล่มที่ ๑

พระราชสุทธิญาณมงคล (จรัญ ฐิตธมฺโม)

ทีฆายุกา โหตุ ภาวนาวิสุทธิเถร กาพย์ยานี ๑๑

สมำนฉันท์

ผองศิษย์จิตผ่องใส

น้อมนบอภิวันท์

ณ วันคล้ำยวันเกิด

วิทู

ร่วมน้้ำใจ กมลมัน ่ กตัญญู

ท่ำนผู้เลิศธรรม

คือหลวงพ่อพระครู นำม โมงยำม

ท่ำนเปี ่ ยมเมตตำจิต ให้ละกิเลสทรำม

ตรวจจิตตน

ท่ำนสอนแนวปฏิบัติ

และอดทน

วิปัสสนำพำสู่ผล

รำคิน ถวิล

ค้ำสอนสุนทรธรรม จัดพิมพ์อิม ่ ใจจินต์

คุณ ทำรุณ

เผยแผ่ธรรมวิเศษ ธรรมทำนค่ำอดุลย์

ทำนใด ชัย

ขอคุณพระไตรรัตน์ ให้ท่ำนพูนพลังใจ

สัมฤทธิเ์ ทอญ

ภำวนำวิสุทธิ ์ สัง ่ สอนศิษย์ทุก หมัน ่ ส้ำรวจ เพียรฝึ กหัด จิตสะอำดปรำศ ศิษย์น้อมน้ำมำ เพือ ่ เชิดชูบูชำ เพือ ่ ดับเหตุทุกข์ ประเสริฐจริงยิง่ เรืองจรัสดลพร กอบธรรมกิจ

ด้วยคารวจิตอย่างสูง ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ และคณะศิษยานุศิษย์ (ศาสตราจารย์ ฐะปะนีย์ นาครทรรพ

ผู้ประพันธ์)

พระภาวนาวิสุทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน และเจ้าคณะอำาเภอพรหมบุรี สิงห์บร ุ ี ผู้ริเริม ่ สร้างหอประชุม

และจัดตัง้ มูลนิธิภาวนา-กรศรีทิพา

เพือ ่ การศึกษาอบรมสร้างคนให้สูงด้วยคุณธรรม ปั จจุบัน พระภาวนาวิสุทธคุณ

ได้รับพระราชทานเลือ ่ น

สมณศักดิ ์ เป็ น พระราชสุทธิญาณมงคล

คำาปรารภ คงจะเป็ นเพราะคำา ปฏิญาณของศิษย์ ทุกรุ่น พ่ อ

ทีเ่ ปล่งต่อหน้าหลวงพ่อว่า

ภาวนาวิสุทธิ ์

ภาระใดๆ ของหลวง

ลู ก ศิ ษ ย์ จ ะขอรั บ มาเป็ นดุ จ ภาระของตน-จั ด ทำา

ถวาย

แล้ ว เราก็ ม าพบภาระของหลวงพ่ อ ที ต ่ ั ้ง ปณิ ธ านไว้ ว่ า

จะใช้ ชี วิ ต ส่ ว นที ่เ หลื อ อยู่ ทั ้ ง หมดให้ กั บ การ ด้ ว ยการนำา เข้ าสู่ ก ารปฏิ บั ต ะรรม ประชุ ม ภาวนา-กรศรี ทิ พ า

สร้ า งคน

หลวงพ่ อ จึ ง สร้ า งงหอ

เพื่ อ การพั ฒ นาจิ ต ใตขึ้น โดย

เฉพาะ

แ ล ะ ป ร า ก ฏ ผ ล น่ า ชื่ น ใ จ ที ่ ค รู บ า อ า จ า ร ย์

นักศึกษา

ข้าราชการทัง้ ทหารและพลเรือน

ทางศษสนา

ได้ หมุ นเวีย นกั นมาปฏิ บั ติธ รรม

และสมาคม เกื อ บไม่ มี

วันว่างตลอดปี คณะศิษย์จึงตกลงใจ นี ม ้ าขยายผล หนังสือ

โดยจะนำา คำา สอนของหลงพ่ อ มาทำา เป็ น

เป็ นงานเผยแผ่ทางเอกสารของมูลนิธิ

หนั ง สื อ ชุ ด ชื่อว่า

รับภาระอันสำาคัญของหลวงพ่อ จัดทำาเปน

ผลิ ตออกมาเรื่อ ยๆ อย่ า งน้อ ยปี ละเล่ ม

กฎแห่งกรรม-ธรรมปฏิ บัติ

ตั ้ง

และจะมีภาคผลงาน

ของมูลนิธิผนวกไว้ด้วย

เพื่อ ให้ ท่า นที บ ่ ริ จาคบำา รุง มูล นิธิ

ได้ อ นุ โ มทนาในกุ ศ ลผลบุ ญ

จำา เริ ญ ศรั ท ธาปสาทะยิ ง่ ๆ

ขึน ้ หนั ง สื อ เล่ ม ปฐมฤกษ์ นี ส ้ ำา เร็ จ ขึ้น ด้ ว ยความอุ ต สาหะ ของอาจารย์ ส มพร

แมลงภู่

และคณะ

เริ ม ่ ด้ ว ยการ

รวบรวมและถอดแถบบันทึกเสียงธรรมบรรยายของหลวง พ่อ

ซึง่ ได้เลือกมาพิมพ์ไว้ในเล่มแรกนีแ ้ ล้วบางเรื่อง

(ยัง

มี เ ตรี ย มไว้ อี ก หลายเรื่ อ งสำา หรั บ การจั ด ทำา เล่ ม ต่ อ ไป) คณะผู้ จั ด ทำา ได้ ช่ ว กั น เกลาสำา นวนตั ด ต่ อ ย่ อ หน้ า เล่มเพื่อให้ชวนอ่านยิง่ ขึน ้

จั ด รู ป

โดยพยายามรักษาสำา นวนของ

หลวงพ่อไว้ให้เป็ นเอกลักษณ์ให้มากทีส ่ ุด นอกจากนีเ้ ธอยังเป็ นกำา ลังสำา คัญป่ าวประกาศหมู่เทว ฤทธิบ ์ อกบุญบรรดาศิษย์ผู้มีความเคารพ

และศรัทธาเต็ม

เปี ่ ยมในปฏิ ป ทาของหลวงพ่ อ และคุ ณ อนั ญ ญา สวั ส ดิ ์

สุ น ทร

ร่ ว มบอกบุ ญ ญาติ พี ่น้ อ งช่ ว ยกั น ลงขั น เป็ นทุ น

ดำา เ นิ น ก า ร ดั ง มี ร า ย น า ม ป ร า ก ฎ แ ล้ ว ท้ า ย เ ล่ ม ขอบพระคุ ณ และขออนุ โ มทนา

ขอ

ขอทุ ก ท่ า นได้ รั บ พรและ

บารมีธรรมของหลวงพ่อคุ้มครองโดยทัว ่ กัน หนังสื อกฎแห่ งกรรม-ธรรมปฏิบั ติ ดุจพานทองพร้อมดอกไม้

เล่ ม แรกนี ้

ธูปเทียนอันสวยงาม

ศิษย์ภาคภูมิใจยิง่ นักทีส ่ ามารถจัดถวายได้ทัน วันเกิดของหลวงพ่อ ๑๕

สิงหาคม

๒๕๓๐

เป็ น

ซึง่ คณะ

ในวันคล้าย นี ้

ขอหลวงพ่อพระครูภาวนาวิสุทธิจ ์ งเบิกบานในธรรม และจงสำาราญกับงานสร้างคนด้วยธรรมะของพระสัมมา สัมพุทธเจ้ า

ไปนานเท่ านาน

อย่ างน้ อยก็ไ ม่น้อยกว่า

พระบรมศาสดาเทอญ

ประธานคณะผู้จัด

ทำา พ .อ .(พิ เ ศ ษ ) ทองคำา ศรีโยธิน สารบัญ • คำาปรารภ • ภาคชีวประวัติ

ชีวประวัติของหลวงพ่อ พระครูภาวนาวิสุทธิ ์

จากที ่ร ะลึ ก งาน

ทอดกฐิน บ ริ ษั ท ก า ร บิ น ไ ท ย จำากัด ประสบการณ์การปฏิบัติธรรม

พ ร ะ ค รู

ภาวนาวิสุทธิ ์ • ภาคกฎแห่งกรรม ผลกรรมของหลวงพ่อ ภาวนาวิสุทธิ ์

พ ร ะ ค รู

ปลาดุกย่างเป็ นเหตุ

ปั ญ ญ า

ฤ ก ษ์

อุไร หญิงสองร่างนางสองชาติ

พ ร ะ ค รู ภ า ว น า

วิสุทธิ ์ อดีตชาติ

ท. เลียงพิบูลย์

• ภาคธรรมปฏิบต ั ิ ปั ญญาเกิดจากการปฏิบัติ

พ ร ะ ค รู

ภาวนาวิสุทธิ ์ สอบอารมณ์

พ ร ะ ค รู ภ า ว น า

วิสุทธิ ์ จับหลับ

พ ร ะ ค รู ภ า ว น า

วิสุทธิ ์ โทรจิต

พ ร ะ ค รู ภ า ว น า

วิสุทธิ ์ พิกุลเทพสถิต

พ ร ะ ค รู ภ า ว น า

วิสุทธิ ์ • ภาคผลงานของมูลนิธิภาวนา ปณิธานของหลวงพ่อ

กรศรีทิพา

พ ร ะ ค รู

ภาวนาวิสุทธิ ์ สถิติผู้ใช้หอประชุมเอนกประสงค์

ภาวนา-กรศรีทิพา

รายงานสถาบันและบุคคลเข้ารับการอบรม

วัดอัมพวันพัฒนากำาลังพลกองทัพบก พ.ต.สุรินทร์

พัฒนศิริ

ยุวพุทธกับวัดอัมพวัน

จิ ร า พ ร

สุวรรณเกษม วิทยาลัยครูธนบุรีกับวัดอัมพวัน ่ สุจิตรา รณรืน

ภาคชีวประวัติ

ผ ศ .

ชีวประวัติของหลวงพ่อ พระครูภาวนาวิสท ุ ธิ ์

ท่ า นพระครู ป ลั ด จรั ญ

ฐิ ต ธมฺ โ ม

ได้ ม ารั ก ษาการ

ตำา แหน่ ง เจ้ า อาวาสวั ด นี เ้ มื่ อ พ.ศ.๒๕๐๐

ได้ ดำา เนิ น การ

พั ฒ นาปรั บ ปรุ ง ฟื้ นฟู กิ จ การทั ้ ง ภายในและภายนอกจน เจริ ญ รุ่ ง เรื อ งเรื่ อ ยมาตาม ลำา ดั บ

ในเวลาต่ อ มาได้ รั บ

พระราชทานสมณศั ก ดิ เ์ ป็ นพระครู สั ญ ญาบั ต ร “พระครู ภ ำ ว น ำ วิ สุ ท ธิ ์ ”

ใ น ค ร า ว วั น พ ร ะ ร า ช พิ ธี เ ฉ ลิ ม

พระชนมพรรษา ๕ ธั น วาคม ๒๕๑๑

ชี วิ ป ระวั ติ แ ละผล

งานของท่านเป็ นทีน ่ ่าเลือ ่ มใสศรัทธาแด่สาธุชนทัว ่ ไป

ชำติภูมิ

พระครูภาวนาวิสุทธิ ์

เกิดในรัชสมัยพะรบาทสมเด็จ

พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที ่ ๗ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) เมื่อ ๑๕ สิ งหาคม ๒๔๗๑

เวลา ๐๗.๐๐ น. (๔ ฯ ๘ ปี

มะโรง)

ณ ตำา บลม่ว งหมู่

อ.เมือง จ.สิงห์ บุรี

คนที ่ ๕

ในจำา นวน ๑๐ คน

เป็ นบุ ต ร

ซึง่ เกิดจากโยมมารดา เจิม

และโยมบิดา แพ จรรยารักษ์ พระคุ ณ เจ้ า อุ ป สมบทเมื่ อ ๑๕ กรกฎาคม ๒๔๙๑ เวลา ๑๔.๐๐ น.

ณ วั ด พรหมบุ รี

ท่ า นเจ้ า คุ ณ พรหมนคราจารย์ พระอุ ปั ชฌาย์ กรรมวาจาจารย์

จ.สิ ง ห์ บุ รี

วั ด แจ้ ง พรหมนคร

พระครู ถ าวรวิ ริ ย คุ ณ

โดยมี เป็ น

วั ด พุ ท ธารามเป็ น

กำรศึกษำ พระคุณเจ้าได้ศึกษาเล่าเรียนทัง้ ทางโลกและทางธรรม มี ค วามชำา นาญเชี ย ่ วชาญเป็ นพิ เ ศษพอจะสรุ ป แยกสาขา ศึกษาได้ดงั นี ้ สามัญศึกษา

ได้ศึกษาจากสถาบันต่างๆ มี

- โรงเรียนประชาบาลวัดศรัทาภิรมณ์ - โรงเรียนสิงหวิทยายน - โรงเรียนประจำาจังหวัดสิงห์บร ุ ี - โรงเรียนศิริสุทโธ - โรงเรียนสุวิทดารามาศ สำา เร็ จ การศึ ก ษาชั ้น

มั ธ ยมปี ที ่ ๔

เมื่ อ พ.ศ.

๒๔๘๗ ศึกษาดนตรีไทย ได้ศึกษาดนตรีไทยมีปี่พาทย์มอญ สาย

การประพั นธ์ บทขับ ร้อง

แตรวงเครือ ่ ง

จากโยมบิด ากั บ คุ ณ

หลวงธารา ต่ อ มา

คุ ณ ป่ ู พ.ต.หลวงธารา

ได้ นำา พระคุ ณ

เจ้ า เข้ า ฝากตั ว กั บ จอมพล ป.พิ บู ล สงคราม รัฐมนตรี

นายก

เพือ ่ เข้าศึกษาโรงเรียนนายตำารวจ

พระคุณเจ้าศึกษาอยู่ประมาณ ๑ เดื อน ลาออกเนือ ่ งจากไม่ถูกอัธยาศัยในวิชานี ้ ศึกษาวิชามายาศาสตร์

จึงขอ

พระคุ ณ เจ้ า เริ ม ่ มาสนใจวิ ช ามายาศาสตร์ แ ละ มายาสาไถย์ของคนเราเมื่อรู้ดีแล้วก็เอือมระอา

มิได้

นำาวิชานีม ้ าใช้ให้เป็ นประโยชน์ต่อส่วนรวมและขระนัน ้ มี อ ายุ ย่ า งเข้ า ๒๐ ปี บริ บู ร ณ์ ฆราวาสเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์

จึ ง ได้ ส ละจากเพศ ตัง้ แต่นัน ้ มาจนกระทัง่

บัดนี ้ ศึกษาพระธรรมวินัย -

พ.ศ.๒๔๙๑

วิปัสสนากัมมัฏฐาน ศึ ก ษ า พ ร ะ ธ ร ร ม วิ นั ย ณ

สำานักพรหมบุรี -

พ.ศ.๒๔๙๒ สอบนั ก ธรรมโทสนามหลวงได้

ทีว ่ ัดแจ้ง -

พรหมนคร

พ.ศ.๒๔๙๓ ศึ ก ษาวิ ช ากั ม มั ฏ ฐานกั บ พระครู

นิวาสธรรมขันธ์ (หลวงพ่อเดิม) อ.หนองโพธิ ์ จ.นครสวรรค์ -

พ.ศ.๒๔๙๔ ศึกษาวิชากัมมัฏฐานกับหลวงพ่อ

ลี และท่านเจ้าคุณอริยคุณาธร จ.ขอนแก่น -

พ.ศ.๒๔๙๕ ศึกษาการทำา เครื่องลางของขลัง,

นำา ้ มันมนต์

กับหลวงพ่อจง วั ด หน้ า ต่ า ง จ.อยุ ธ ยา

วินิจสุตคุณ, หลวงพ่อสนัน ่

และพระครู

วั ด เสาธงทอง จาด

จ.อ่ า งทอง, หลวงพ่ อ

วัดบ้านสร้าง จ.ปราจีนฯ

-

พ.ศ.๒๔๙๖ ศึกษาวิชาสมถวิปัสสนา

กับพระ

ถาวนาโกศลเถร (สด จันทสโร) หรือ หลวงพ่อวัดปากนำ้า

วัดปากนำ้า

อ.ภาษีเจริญ จ.ธนบุรี -

พ.ศ.๒๔๙๗ ศึ ก ษาและปฏิ บั ติวิ ปั สสนากั ม มั ฏ

ฐานกับเจ้าคุณอาจารย์พ ร ะ ร า ช สิ ท ธิ มุ นี

วั ด ม ห า ธ า ตุ

จ.พระนคร -

พ.ศ.๒๔๙๘ ศึกษาพระอภิธรรม

เตชิน (ชาวพม่า)

กับอาจารย์

วัดระฆัง

จ.ธนบุรี ศึ ก ษาการพยากรณ์ จ ากสมเด็ จ พระ สังฆราชวัดสระเกศฯ จ.พระนคร ศึกษาแลกเปลีย ่ นความรู้วิทยาศาสตร์ ทางจิต กับอาจารย์ พ.อ.ชม

สุคันธรัต

เดิ น ธุ ด งค์ รอนแรม หาที ่ส งบ จำาศีลภาวนาตามป่ าเขาลำาเนา

เพื่ อ

ไพร

ทางภาคเหนือ ฯลฯ

ต้ำแหน่งและสมณศักดิ ์ 1.

รั ก ษาการเจ้ า อาวาสวั ด อั ม พวั น อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี

2.

ได้รับ สมณศั กดิ ์ ฐ า น า นุ ก ร ม

ต.บ้ า นแป้ ง

เมือ ่ พ.ศ.๒๕๐๐

ทีพ ่ ระครู ป ลั ด จรั ญ

ฐิ ต ธมฺ โ ม

ข อ ง ท่ า น เ จ้ า คุ ณ สุ น ท ร ธ ร ร ม

ป ร ะพุ ทธ , เจ้ าค ณะ จั ง ห วั ด ร้ อ ย เ อ็ ด (แ ต่ ม า ประจำา อยู่ สำา นั ก วั ด อั ม พวั น )

เมื่ อ ๒๕ ก.ค.

๒๕๐๑ 3.

ไ ด้ รั บ พ ร ะ ร า ช ท า น ส ม ณ ศั ก ดิ ์ สัญญาบัตร

เ ป็ น พ ร ะ ค รู

“พระครูภาวนาวิสุทธิ”์

เจ้าอาวาส

วัดอัมพวัน เมือ ่ ๕ ธ.ค.๒๕๑๑ 4.

ได้ รั บ แต่ ง ตั ้ง เป็ นเจ้ า คณะอำา เภอพรหมบุ รี เมื่ อ พ.ศ.๒๕๑๘

ผลงำน

นับตัง้ แต่พระคุณเจ้า

ได้มารักษาการในตำาแหน่งเจ้า

อาวาสวั ด อั ม พวั น เมื่ อ พ.ศ.๒๕๐๐ พระราชทานสมณศักดิ ์

จนกระทั่ ง ได้ รั บ

และมีสิทธิเข้าครองตำา แหน่งเจ้า

อาวาสโดยสมบู ร ณ์ เ มื่ อ ๕ ธ.ค. ๒๕๑๑

เป็ นระยะเวลา

ยาวนานถึ ง ๑๑ ปี

แต่ ท่ า นพระครู มิ ไ ด้ นิ ่ง นอนใจได้

พยายามทุ ก วิ ถี ท างเพื่ อ บรหารงานวั ด นี แ ้ ละช่ ว ยเหลื อ วั ด อื่ น ๆ ให้ เ จริ ญ ก้ า วหน้ า เหมาะสมตามกาลสมัย นักแสดง (เทศน์)

มี สิ ่ง อำา นวยความสะดวกให้

ท่านพระครูเข้าถึงจิตใจคน

ซาบซึง้ ตรึงใจแก่ผู้ได้ฟังธรรม

เป็ น

เป็ นนัก

เสีย ่ งในการก่อสร้างปฏิสังขรณ์ในเมื่อไม่มีทุนอยู่ในกำา มือ, เป็ นนั ก เสี ย สละทรั พ ย์ สิ น ที ม ่ ี อ ยู่ อุ ทิ ศ เพื่ อ การกุ ศ ล แจกเป็ นทานให้ ลู ก ศิ ษ ย์ วั ด ,

นอกจากนั ้น

และ

ท่ า นพระครู

เป็ ฯนักแก้ปัญหาเหตุการณืทีเ่ กิดขึน ้ โดยนิมนต์ภิกษุชาวต่าง ประเทศ

มาแสดงธรรมทีว ่ ัด

แล้วนำา จตุปัจจัยทีไ่ ด้ชดใช้

หนี โ้ รงไม้ , ร้ า นก่ อ สร้ า งต่ า งๆ บางครั ้ง แก้ ปั ญหาไม่ ไ ด้ ต้องไปยืมเงินจากโยมมารดาหรือไม่ก็ญาติพีน ่ ้อง ด้ ว ยเหตุ ที ท ่ ่ า นพระครู เ ป็ นพระนั ก พั ฒ นา

เป็ นต้น

พระนั ก เทศน์

และวิปัสสนาจารย์พร้อมกันเสร็จดังนี ้ ท่านจึงมีผลงานใน ทุกๆ ปี มากมาย จนเป็ นทีร ่ ู้จก ั กันโดยทัว ่ ไป พ.ศ.๒๕๒๖

อาทิ

ได้รับโล่เกียรติคุณนักสังคมสงเคราะห์

ดี เ ด่ น ในสาขาสั ง คมสงเคราะห์ อ าสาสมั ค ร

ฝ่ ายกิ จ การ

พระศาสนา พ.ศ.๒๕๒๘

ได้รับพระราชทานรางวัลจาก

พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตุ ยุ ว ร า ช รั ง ส ฤ ษ ดิ ์ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๘

ก รุ ง เ ท พ ฯ

สมเด็จ

ณ วัดมหาะ

วั น อั ง ค า ร ที ่ ๒ ๘

ในฐานะผู้ ไ ด้ ทำา คุ ร ประโยชน์ ต่อ

พระพุ ทธศษสนา

ด้ านส่ ง เสริ ม ชั กชวนให้ ม าปฏิ บั ติธ รรม

อย่างจริงจัง พ.ศ.๒๕๒๙

ได้รับมอบเข็มเกียรติคุณ

นักพัฒนาดี

เด่นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง

จาก ฯพณฯ พลเอกเปรม

ติณสูลานนท์

ณ ทำา เนียบรัฐบาล

นายกรัฐมนตรี

เมื่อ

วันที ่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๙ จึงนับได้ว่าท่านพระครูภาวนาวิสุทธิ ์ ได้ทุ่มเทชีวิตใน การพัฒนาสังคมให้เจริญรุ่งเรือง

และเป็ นทีพ ่ ึ่งอันสำา คัญ

แก่พุทธศาสนิกชนในเขตท้องถิน ่ ทัง้ ใกล้และไกล

ประสบการณ์การปฏิบัติธรรม

วั น นี ้

พระครูภาวนาวิสุทธิ ์

อ า ต ม า จ ะ เ ล่ า ถึ ง ชี วิ ป ร ะ วั ติ

ประสบการณ์ในการปฏิบัติธรรม ฟั ง

ตามทีม ่ ีผู้อาราธนา

พ ร้ อ ม ทั ้ ง

ให้ญาติโยมพุทธบริษัท

ใคร่อยากจะทราบกันพอสมควร

แก่เวลา อาตมาชือ ่ เดิม

จรัญ

นามสกุล

จรรยำรักษ์

พระ

มงกุ ฏเกล้ าเจ้าอยู่ หัวได้ท รงพระราชทานนามสกุ ลนี ใ้ ห้ แ ก่ คุ ณ ป่ ู

อาตมาเป็ นนั ก ศึ ก ษาเที ย ่ วค้ น คว้ า หาความรู้

ทั ้ง

วิชาทางโลกและทางธรรม ชัน ้ มัธยมศึกษา

เรียนชัน ้ ประถมศึกษา

เรียน

จนเข้านักเรียนนายร้อยตำารวจตามลำาดับ

แต่ ไ ม่ คิ ด ว่ า จะมาบวชในบวรพระพุ ท ธศาสนา

เพราะไม่

เคยเชือ ่ เลือ ่ มใสมาแต่เดิม นอกเหนื อ จากนั ้น ยั ง เรี ย นวิ ช าช่ า งกลจากอาจารย์ เลื่ อ น

พงศ์ โ สภณ

และเรี ย นวิ ช าดนตรี

จากหลวงประดิ ษ ฐ์ ไ พเร าะ ดร.อุทิศ วั ด

นำคสวัสดิ ์

ด้ วยนิ สั ยช อบ พอกั นกั บ

ซึง่ สิน ้ ชีวิตไปแล้ว

แต่ ไ ม่ ไ ด้ อ ยู่ ด้ ว ยความเลื่ อ มใส

อาศั ย วั ด อาศั ย วา กรุง เทพมหานคร

อาตมาเคยอยู่

อยู่ เ พื่ อ การศึ ก ษา

ทั ้ ง เป็ นบ้ า นนอกคอกนา ตามลำา ดั บ

พระมาแต่เดิมแล้วก็นิสัยกระด้าง ไหว้ด้วยความจำา ยอมและจำา เป็ น เท่านัน ้

ดี ด สี ตี เ ป่ า

เข้ า มาสู่

อาตมาไม่ มี นิ สัย เลื่อ มใส ไม่ชอบทีจ ่ ะไหว้พระ

ก็

เพื่อจะไปอาศัยพึ่งพระ

นีน ่ ิสัยอาตมา

เวลากาลผ่ า นมาอาตมาก็ จ บหลั ก สู ต รทางโลก ทางธรรมยังไม่มีเลย

แต่

อายุก็เหยียบย่างเข้า ๒๐ ปี บริบูรณ์

โยมบิดาโยมมารดาใคร่จะให้อุปสมบทในบวรพุทธศาสนา พู ด ถึ ง เรื่องนี แ ้ ล้ ว อาตมาส่ า ยหน้ า ไม่ ส นใจใสการบรรพชา อุ ป สมบทในพระพุ ทธศาสนาแต่ ป ระการใด ต้องจำาใจจำายอมรับ ก็ต้องการบวช

แต่ อ าตมาก็

เพราะคุณพ่อคุณแม่ก็คิดว่ามีลูกชาย

ตามหลัก และประเพณีข องคนโบราณพ่อ

แม่ ย่ อ มรั ก ลู ก อย่ า งแก้ ว ตา เข้าใจดี

แก้ ว ตาทั ้ง สองข้ า งนี ท ้ ุ ก คนก็

หวงแหนเหลือเกิน

อาตมาคิดทบทวนโดยรอบคอบแล้ว

เห็นว่าถ้าเราจะ

ฝ่ าฝื นไม่บวชในพุทธศาสนาแล้วก็จะเป็ นการอกตัญญูไม่รู้ พระคุณของท่านผู้มีอุปการคุณ พุ ท ธศาสนา บู ร ณ์

จึงยอมรับเข้าบวชในรพะ

ไม่ ไ ด้ เ ข้ า ไปเป็ ฯเณร

บวชอายุ ๒๐ ปี บริ

อาตมาตั ้ ง ใจว่ า จะบวชเพี ย ง ๓ เดื อ น

หรือ ๔ เดือน ๑๒๐ วัน

เท่านัน ้

๑๐ วั น

ต้องการจะลาสิกขาลา

เพศพรหมจรรย์ ไ ปสู่ เ พศฆราวาสตามเดิ ม ศึกษาหรือไปทำางานทำาการทางโลก

ต้ อ งการไป

เพราะเราต้องอาศัย

โลกอยู่ อาตมาตั ้ง ใจอย่ า งนี แ ้ ล้ ว พัทธสีมา

วัดพรหมบุรี

อาตมาก็ ไ ด้ อุ ป สมบท ณ

อำาเภอพรหมบุรี

จังหวัดสิงห์บุรี

แต่ภูมิลำาเนาบ้านเกิดเมืองนอนนัน ้ อยู่เขตในคลองลพบุรีต่อ สิงห์บุรีนัน ้ ใกล้เคียงกัน

เหตุทีต ่ ้องมาบวชวัดพรหมบุรี

เพราะอพยพบ้ า นเมื อ งมาอยู่ ใ นตลาดปากบาง ขโมย ขโจร ชุ ก ชุ ม ของบิ ด ามารดา

จึ ง ได้ ห นี เ ข้ า ตลาดไป

ก็

เพราะ

ตามเหตุ ผ ล

อาตมาก็ ไ ด้ ต ามบิ ด ามารดามาอยู่ ใ น

ตลาดประกอบกิจการค้าตามลำาดับมา

แต่อาตมาก็ไม่เคย

ได้ช่วยพ่อแม่ประกอบการค้าแต่ประการใด ปรารถนาการศึกษาแต่เล็กมาตามลำาดับ

เพราะมุ่งมาด พอจบหลักสูตร

การศึ ก ษาพอสมควรอายุ ค รบถ้ ว น ๒๐ ก็ ไ ม่ ไ ด้ ป ริ ญ ญา

แต่ก็สำาเร็จการศึกษาวิชาช่างกลและวิชาอืน ่ ก็คือดนตรีดีดสี ตีเป่ าดังกล่าวแล้ว ขอรวบรั ด ตั ด ให้ สั น ้ ว่ า ได้ เ คยบวชในพระพุ ท ธศาสนา ในปี พ.ศ. ๒๔๙๑

ก็ เ ป็ นเวลานานถึ ง ๓๔-๓๕ ปี มาแล้ ว

การบวชติ ด ต่ อ กั น มา ๑ พรรษา หลักสู ตร

ก็ ท่ อ งหนั ง สื อ จนครบ

ตัง้ ใจว่ าออกพรรษาได้กฐิ นแล้ว สึก

อาตมาก็

เตรียมเครือ ่ งพร้อมแล้วทีจ ่ ะลาสิกขาในวันนัน ้ แต่ก็มีเรื่องอัศจรรย์ดลบันดาลให้เกิดเสียงประหลาด ดังขึน ้

เสียงประหลาดนีด ้ ังมาก “คุณ

ง่วงเหงาหาวนอน

บวชนีน ้ ะดี แล้วจะสึกก็ไม่เป็ นไร ยังไม่ได้ ได้ แล้ว

ได้นะโมแล้วค่อยสึก”

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต

นะโมยั งไม่ไ ด้

อาตมาก็พิจารณาดู

ประหลาดดั ง ขึ้ น

ง่ ว งเหงาหาวนอนขึ้น มาอี ก

เสี ย งนี ม ้ ั น อยู่ ที ่ไ หน

น่ ำ และก็

เสี ย งประหลาดดั ง ขึ้น อี ก ว่ า

ง่ ำยนิด เดี ยวไม่ ย ำกอะไรนั ก หนำ

แต่ ข อถำมว่ ำ พุ ท ธคุ ณ ได้ ห รื อ ยั ง สังฆคุณได้หรือยัง”

จะสึ ก หรื อ

อาตมาก็ ! พะว้ า พะวั ง กั ง ขา

จิ ต ใจชั ก ไม่ ค่ อ ยจะดี แ ล้ ว “นีค ่ ุ ณสึ กก็ ไม่ เป็ นไร

คิดอย่างนี ้ แต่ก็ยัง

นี แ ่ หละเสี ย งอั ศ จรรย์ เ สี ย ง

“นะโมยั ง ไม่ ไ ด้

เสี ย ดำยเหลื อ เกิ น นะ”

เอ

นีไ้ ด้มาตัง้ แต่เป็ นเด็กเล็กๆ

สวดมาตัง้ แต่อยู่โรงเรียนแล้ว

ตอบไม่ ถู ก ว่ า นะโมคื อ อะไร

นะโม

ธรรมคุ ณ ได้ ห รื อ ยั ง

อาตมาก็ โ มโห อยู่ ที ไ่ หน

โกรธาอยู่ ใ นใจ

ว่ า พุ ท ธคุ ณ เราก็ ไ ด้

ได้ เ สี ย งบ้ า ๆ บอๆ

อิ ติ ปิ โสเราก็ ค ล่ อ งปาก

แ ต่ มั น อ าจ จ ะไ ม่ ค ล่ อ ง ใจ ก็ อ าจ จ ะเ ป็ นไ ด้ ประหลาดดั ง ขึ้น มา โบราณว่า

อั น นี ้เ สี ยง

ทั ้ง อาตมาก็ ไ ม่ ส บายใจเลนึ ก ถึ ง คำา

ถ้าจิตใจไม่ดีแล้วอย่าสึก

ถ้าสึกไปแล้วเป็ นคน

สุกๆ ดิบๆ เอาดีไม่ได้แล้วจะเป็ นคนบ้าบอคอแตกโบราณ เขาว่ า ไว้

เลยต้ อ งเลื่ อ นการสึ ก ออกไป

ขอเลื่ อ นไปเป็ นเดื อ น ๑๒ พร้อมแล้ว

จากเดื อ น ๑๑

เดื อ น ๑๒ สึ ก แน่ เ ตรี ย มไว้

ไม่ได้ตัง้ ใจอยู่ในเพศพรหมจรรย์หรือบรรพชิต

นี ต ้ ลอดกาล

แต่ คิ ด ว่ า เราจะต้ อ งสึ ก อย่ า งแน่ น อนเพราะ

งานมันรออยู่ข้ างหน้ า ทำาหน้าทีม ่ ากมาย คิ ด อย่ างนี น ้ ะ ไม่ต้องพึ่งใคร”

จะต้ อ งไปรั บราชการ

จะต้ อ งไป

เพราะรเมีวิชาความรู้ต้องไปกลัวอะไร

คิ ด ถึ ง หลั ก สุ น ทรภู่ ที ว ่ ่ า “วิ ช าพึ่ง ตนเองได้ อาตมาท่องได้ตัง้ แต่เป็ นเด็กว่า

ไทยได้พึ่งเขาจึงรัก

“อันข้า

แม้ถอยศั กดิ ส ์ ิน ้ อำา นาจวาสนา

เขา

หน่ายหนีมิได้อยู่คู่ชีวา แต่วิชาช่วยกายจนวายปราณ” มาถึงตอนนีข ้ อฝากญาติโยมเลยนะ ลู ก ขายนี ่

โยมจะเอาใจใส่ ใ ครมาก

ถ้า มีลูกสาวกั บ โยมจงเอาใจใส่

ลูกสาวให้เชีย ่ วชาญชำานาญการงานกว่าลูกผู้ชาย

เพราะ

ถ้าไม่มี วิชาความรู้นีไ่ ม่ เชี ย ่ วชาญเคหะศาสตร์ไ ม่เ ข้า ใจแม่ บ้ า นการเรื อ นไปได้ ส ามี เ ขาก็ แ ผลงฤทธิ เ์ อา เห็ น ตี ๔ ตี ๕

ตกใต้ ถุ น

นี ไ่ ม่ มี ธ รรมะเลย

อาตมาเคย นี ล ่ ู ก สาว

เราไม่เชีย ่ วชาญ ไม่ชำานาญการ เราไปเห็ น ต่ อ หน้ า โมโหหรือ

ต่ อ ตา

เราไม่เคยตีลูกสาว

ตำา ตา

ตำา ตอ

แต่

อย่ า งนี เ้ รา

ถึงไม่โกรธแต่ไม่พอใจลุกเขย แน่นอน

อาตมาพูดมาถึงตอนนีแ ้ ล้ว ยังไม่ได้

ใช่แล้ว

ตกฟาก

ไม่มีอ่อนน้อมต่อใคร

ก็ได้ความคิดว่าเอ นะโม

เมือ ่ ก่อนนีอ ้ าตมาเถียงพ่อเถียงแม่คำาไม่ แข็งกระด้างและปากแข็ง

เถี ย งผู้ ใ หญ่ นี ซ ่ ิ ไ ม่ มี เ พลงนะโมคิ ด ได้ ต อนหลั ง

คิ ด ได้ อ้ อ

บวชนีเ่ อาเพลงนะโมไปก่อนหรือ อาตมาก็ ม าแปลได้ ต อนหลั ง เด็กฟั งง่ายๆ

ก็แปลว่า

“อ่ อ นน้ อ ม มื อก็ อ่อน ด้วยวินัย

อ้ อ เพลงนะโมแปลให้

ถ่ อ มตน

นอบน้อมกตัญ ญู

ตั้งใจศึ กษำ

ปำกก็ ห วำน เชิด ชู

น้ำ มำพ้น ทุก ข์

เป็ นหลักส้ำคัญ”

อ้อนะโมอย่างนี ห ้ รือ

ระเบี ยบ

โง่ม าเสีย นาน

นี ม ่ าพึ่ง คิ ด มาได้ ไ ม่ กี ป ่ ี นี เ่ อง

ตั ว ก็ อ่ อ น เพี ยบ

เป็ นสุข อนั นต์

อ้อ เพลงนะโม

เมื่อ ก่ อ นใครมองหน้ า ไม่ ไ ด้

ดูหน้าไม่ได้โดนต่อยเลย

มันแข็งอย่างนี ้ นีข ่ าดบทนะโม

อยู่กับหลวงพ่อเดิม

เรียนตำา รับพิชัยสงครามและ

วิชาเลีย ้ งช้าง

ได้ ค วามอย่ างนั น ้ แล้ ว อาตมาก็ ซั ก ผ้ า ผ่ อ นเตรี ย มเดิ น

ทางเที ย ่ วไปในป่ าเที ย ่ วไปเรื่อ ยๆ ก็ ไ ปเจอ หลวงพ่ อ เดิ ม

พระครูนิวาสธรรมขัติ ๖ เดื อ น

อายุท่าน ๑๐๕ ปี

ไปขอท่ านเรี ย นวิ ช า

พิ ชัย สงครามให้ ฟั ง

บทแรก

ท่ า นก็ เ ล่ า วิ ช า

แล้ว ก็ รู้ เรื่องตามลำา ดั บ พิ ชั ย สงคราม

ท่านเก่งเพลงกระบี ่ เพลงกระบอง ที ่ ๕

ไปอยู่กับท่าน

ของแม่ทัพกรุงศรีอยุธยา

ท่านเป็ นอาจารย์องค์

เมื่อ พ.ศ.๒๓๑๐

แม่ทัพ

หนีลงเรือมุ่งสู่นครสวรรค์บรรพชาอุปสมบทหมด อาตมาไปอยู่ทีว ่ ัดหนองโพธิ ์ จังหวัดนครสวรรค์ อยู่ กั บ หลวงพ่ อ

ไป

นึ ก ว่ า จะให้ เ ราเรี ย นคาถามหานิ ย มเพื่อ

เราจะสึกหาลาเพศประกอบอาชีพการงาน

มีคนรักนับถือ

นิ ย มชมชอบ

กลั บ กลายเป็ นว่ า ให้ วิ ช าเลี ย ้ งช้ า งเสี ย เลย

อาตมาไม่ เอา

แต่ หลวงพ่ อเดิม บอกว่ าเอาเถอะ “ลู ก เอ๋ ย

หลานเอ๋ย

มันจะเกิดประโยชน์ในวั นหน้า ”

ต้องยอมรับวิชาเลีย ้ งช้างต่อช้างป่ า อย่างไร

เลยก็มาได้ใช้ในภายหลัง

อาตมาก็ จำา

วิชาจับช้างตกนำ้ามัน ตอนที แ ่ ม่ ชี ที ส ่ มั ย เมื่อ

อดีตชาติเป็ นช้างอยู่เขาภูพานแล้วกลับกลายมาเป็ นมนุษย์ ในชาตินีไ้ ม่กีป ่ ี ผ่านมาเลยซักไซร้ไล่เลียง

อาตมารู้จักนิสัย

ช้ า ง

อยู่ ใ นป่ าภู พ าน

อ้ อ คนนี เ้ ป็ นช้ า งมาก่ อ นแน่ น อน

ในภาคอี ส าน สมั ย

นั ้น เมื่ อ สมั ย

พรานทองดี

หลวงป่ ู มั่น

ที ไ่ ปต่ อ ช้ า งป่ ามา

ภู ริ ทั ต

เมื่ อ

อั น นี ไ้ มขอเล่ า

ฝากไว้เท่านีร ้ ู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหามต้องรู้ทุกอย่างเลยกลับ กลายเป็ นว่ าได้ตำา รั บพิ ชัย สงครามเรี ย นรู้ เ หตุ ผ ลต้ น ปลาย

มาได้มาจากไหน

ตำา รับพิชัยสงครามอยู่ทีว ่ ัด

เรียนต้อง

เรียนกระบี ่ กระบอง สมัยโบราณกาล

ประเทศชาติอยู่รอดมาได้

เพราะ

นิ สั ย ไทยชาวพุ ท ธนี เ้ ป็ นทหารของพระพุ ท ธเจ้ า ก่ อ นแล้ ว จึงจะเป็ นทหารของพระราชา

เรียนเพลงกระบีก ่ ระบองมา

ก่ อ นในวั ด

สมั ย ก่ อ นในวั ด มี ร าชบุ รุ ษ

ต้ อ งเข้ า ใจนะ

สาขานานาประการในสถาบันนี ้ 1.

ร าช บุ รุ ษ ที ่ เ ร าเ รี ยกกั นทุ ก วั นนี ้ว่ า รั ฐ ศา สต ร์

ปกครองตัวเอง ปกครองคนอืน ่ ได้ 2.

ปกครองตนและ นีร ่ าชบุรษ ุ ในวัด

นิติศาสตร์ครบ

มีข้อคิดในหลักธรรม

ประเพณีวินัยครบจากวัดและยัง และคิด

คำา นวณในการสาขาประกอบอาชีพการงานเรียนทีว ่ ัดครบ มี ส ถาบั น การเรี ย นในพระไตรปิ ฎกนี ้ค รบ จากนัน ้ แล้วเวชศาสตร์ วัดนี ้ ๕๐ ปี ก่อนนีม ้ า

แพทยศาสตร์

หน้าบรรพ

ฝนยาทา

เรียนที ่

นีท ้ ่านทัง้ หลายโปรดคิดดูเถอะ

นอ ก เห นื อ จ า ก นั ้ น ช่อฟ้า

นอกเหนื อ

ไ ด้ แ ก่

คันทวย

ศิ ล ป ะ

วิชาช่าง

หั ตถ ก ร ร ม

เรียนจากวัดและ

ก็ ศิ ล ปหั ต ถกรรมนี ้เ อามาจากวั ด แล้ ว ถ่ า ยทอดให้ ก รม ศิลปากรไปแล้ว

เช่น

วิจิตรศิลป์

หรือภาคศิลปะต่างๆ

ทีว ่ ัดพระแก้วเอามาจากไหนไม่ใช่เอามาจากวัดหรือ วิชาดนตรีดีดสีตีเป่ า

และตำารับพิชัยสงคราม

อนึง่

เพลงกระบี ่

กระบองออกจากวัดครบถ้วนนานาประการเลย

เรียกว่า

วั ด เป็ นสถาบั น พั ฒ นาคุ ณ ธรรมพั ฒ นาอาชี พ และพั ฒ นา สังคมพร้อมทีว ่ ัดหมด

เรียนวิชายืดเหรียญ ต่อจากนัน ้ อาตมาคิดว่าจะเดินทางไปพบพระในป่ าเลย ขอนแก่นไปเดีย ๋ วนีเ้ ป็ นบริเวณนำ้าท่วม

ต้องการจะไปเรียน

ยืดเหรียญเป็ นหวย ๓ ตัวเขาลำ่าลือกัน อาตมาก็ตืน ่ กับเขา บ้าง

อยากจะไปเรียนยืดเหรียญ ไปเจอโยมคนหนึ่งเป็ นผู้ใหญ่บ้านอายุ ๘๔ ปี

ไปพัก

บ้านนี ้ และอาตมาก็ถามโยมว่าพระองค์ไหนทีย ่ ืดเหรียญ ได้อยู่ทีไ่ หนพาไปที

โยมผู้นีเ้ ล่าว่าพระองค์นีน ้ ะถึงปี ท่านจะ

มาอยู่ทีต ่ ้นไทรนีป ้ ี ละครัง้ ไป

ตั ้ง แต่ ผ มเป็ นเด็ ก

ครัง้ ละหนึง่ เดือนแล้วท่านก็หาย แก้ ผ้ า แก้ ผ่ อ นไปเลี ย ้ งวั ว กั บ พ่ อ

แล้ ว อาศั ย กิ น ข้ า วในบาตรของท่ า นมาจนผมอายุ ๘๔ ปี เดีย ๋ วนีท ้ ่านก็ยังอยู่แต่ไม่ทราบว่าอายุเท่าไหร่ โยมนีพ ้ าไป

ต้องเดินไปไกลมา

ตอนเช้าท่านไปบิณฑบาต

จากต้นไทรไปหมู่บ้านประมาณ ๓-๔ กิโลเมตร ต้ นไทรใหญ่ต้นไทรสาขา

อาตมาก็ให้ ท่านอยู่ที ่

เดี ย ๋ วนีไ้ ปไม่ไ ด้แ ล้ว เป็ นเขตนำ้า

ท่วมมีเขือ ่ นเลยขอนแก่นขึน ้ ไป โยมผู้ ใ หญ่ บ้ า นอายุ ๘๔ ปี กล่องยาอยู่หนึง่ กล่อง

นี เ้ ล่ า ให้ ฟั งว่ า

ดยมมี

กล่องยานีเ้ ป็ นทองเหลืองและก็มีหู

มีเชือกร้อยผูกเอวและมีฝาเปิ ด-ปิ ด

และก็มีบุหรีเ่ ป็ นมวน

อยู่ แ ละมี ไ ฟแชกคื อ มี หิ น อยู่ ก้ อ นหนึ่ง มี เ หล็ ก ตี ไ ว้ จุ ด สำา หั บ สู บ

ตั ้ง แต่ ค รั ้ง พ่ อ เป็ นกำา นั น หรื อ เป็ นผู้ ใ หญ่ บ้ า นเก่ า เขา

เรี ย กเป็ นขุ น บรรดาศั ก ดิ ์ หนึ่ง อยู่ ก้ น กล่ อ งยาน้

แต่ เ หรี ย ญอั น นั ้น มี อ ยู่ เ หรี ย ญ

โยมนี ล ้ ื ม ไปแล้ ว

ไม่ใช่เหรียญบาทที เ่ ขาไปเช่า กัน หรอก

ตั ้ง แต่ ข อพ่ อ คื อ ที เ่ ขาจะไปยึ ดกัน

ทีแ ่ ท้จริงเป็ นเหรียญพระราชทานขององค์พระราชาหรือจะ เป็ นรั ช กาลที ่ ๔ หรื อ รั ช กาลที ่ ๕

อะไรจำา ไม่ ไ ด้

ไม่ มี

ร.ศ. หลวงพ่ อ องค์ นี ท ้ ่ า นไม่ พู ด นะ

วั น นั ้น เกิ ด พู ด ขึ้ น มา

บอกโยม “มีของดีในกล่องยาไม่น่าจะมาทิง้ นะ”

โยมนีล ่ ืม

ไปแล้ ว เพราะมั น อยู่ ก้ น กล่ อ งนี ่น านแล้ ว ยาหมดก็ ใ ส่ ย า เลยไม่ ไ ด้ ดู

หลวงพ่ อ องคื นั ้น พู ด ว่ า “เอาไปบู ช าเสี ย ลู ก

หลานจะได้ อ ยู่ เ ย็ น เป็ นสุ ข เป็ นเหรี ย ญพระราชทานนะ” ขององค์ พ ระราชานะที ใ่ ห้ บำา เหน็ จ รางวั ล แก่ ผู้ ใ หญ่ บ้ า น กำา นั น ที ท ่ ำา งานดี

ปกปั กรั ก ษาราษฎรดี อ ยู่ เ ย็ น เป็ นสุ ข ใน

หมู่ บ้ า นน้ น

จึ ง พระราชทานเหรี ย ญนี ้

ผลสุ ด ท้ าย

โยมเลยมาเล่ า ให้ ลูก หลานฟั งว่ า

พ่อนีเ่ กิดพูดขึ้นมาแล้ว

มี เ ลขอยู่ ๓ ตั ว

ตามปกติท่านไม่พูด

“โอ้ ห ลวง

ท่านนั่งทำา

สมาธิอยู่ใต้ต้นไทรนัน ้ ๑ เดือนแล้วก็หายไปทุกปี ” อ า ต ม า ก็ ไ ป บ้ า น โ ย ม ข อ ดู เ ห รี ย ญ พ ร ะ ร า ช ท า น มี ร.ศ.อยู่มีเลข ๓ ตัว

แล้วก็เดินทางไปพบท่าน

พอไปถึงก็

กราบท่าน ท่านก็นัง่ หลับตาอยู่เสมอไม่พูดไม่จา สั ง ขารของท่ า นประมาณ ๗๐ ปี หงอกเลย

ผมดำา

ฟั นดี ค รบ

ร่างกาย

และผมไม่

และร่ า งกายของท่ า นดำา

ร่ า งกาย

สมบู ร ณ์ แ บบไม่ ใ ช่ ค นอ้ ว นทรวดทรงสมส่ ว นทุ ก ประการ อาตมาก็ไปกราบท่านตอนเมือ ่ ราว ๒๔๙๓ อาตมาไปกราบแล้ ว พู ด กั บ ท่ า นว่ า

หลวงพ่ อ ครั บ

หลวงพ่อทำา ไมไม่พูด

หลวงพ่อครับอยู่วัดไหน

หลวงพ่อ

ครับผมเดินทางไกล

อุตสาห์ลำา บากลำา บนมาจากสิงห์บุรี

เพื่ อ เดิ น ทางมายั ง ต้ น ไทรนี ้

ต้ อ งมาพั ก บ้ า นโยมอยู่ ใ น

หมู่บ้านเก่าซึง่ เป็ นผู้ใหญ่บ้าน

กว่าจะเดินทางมาถึงนีต ่ ้อง

ลำา บากลำา บนเหลือเกิน

กระผมใคร่จะมาเรียนยืดเหรียญ

กระผมทราบจากชาวกรุง เทพฯ หวย ๓ ตัว

อยากจะยื ด เหรี ย ญเป็ น

คิด ว่าผมยัง อยู่ ในทางดลกเป็ นพระภิก ษุใ หม่

อยากจะมาเรี ย นยื ด เหรี ย ญ

เพื่ อ ไปให้ ท างโยมรวยสั ก

หน่อย จะได้ไปแทงหวย นีต ่ ัง้ ใจอย่างนัน ้ จริงๆ แต่ท่านก็ไม่พูดเลย อยู่ ที โ่ คนต้ น ไทรนั ้น

ทำาเฉยนัง่ สมาธิของท่านอยู่เรื่อย

ดู แ ล้ ว มี ท รั พ ย์ ส มบั ติ อ ะไรบ้ า ง

มี

บาตรอยู่ลูกเดียวและผ้าอยู่ผืนหนึง่ และผ้าสังฆาฏิท่านคาด อกตลอดเวลา

ท่ า นมี ปั กกลดอยู่ ย อดไทรและมี อ ะไรอี ก

มีกานำา ้ มีกระบอก

กระบอกนัน ้ เป็ นแทนแก้ว

ซะเป็ นมันเลยแทนแก้วสำาหรับรินนำ้า

กระบอกขัด

เท่านัน ้ เองไม่มีอะไร

เลย

อาตมาก็ ก ราบนมั ส การต่ อ ไป

เอไม่ เ อากั บ เราแน่

ไม่ลืมตาดูเราเลยน่ะ อาตมาก็ เ ปลี ่ย นคำา พู ด ใหม่ ว่ า

หลวงพ่ อ ที ่เ คารพ

“พระเดชพระคุ ณ

ผมเป็ นพระภิ ก ษุ น วกะพึ่ ง บวชได้ นี ่

พรรษา ๓ แล้ ว ก็ ยั ง อยากจะมาเรี ย นมาศึ ก ษาทางธรรม” เปลี ย ่ นคำา พู ด ใหม่ “กระผมยั ง เป็ ฯภิ ก ษุ น วกะยั ง ไม่ รู้ ท าง ธรรมว่าข้อปฏิบัติ

ข้อวัตรเจริญสมาธิภาวนา

ก็อยากจะ

มากราบเรี ยนพระเดชพระคุ ณ หลวงพ่ อ แนะแนวทางบ้ า ง ครับ”

ขยับตาหน่อยขยับตาแล้วคือเราพูดไปตัง้ นาน

เคยลืมตาและไม่ได้มองเลย

พอพูดจะมาศึกษาธรรม

หลวงพ่อแนะแนวเท่านัน ้ ท่านก็ลืมตาขึน ้ ก็ไม่ยิม ้ แย้ม

ไม่ ให้

ลืมตาขึน ้ มาแล้ว

หน้าบึง้ ไม่ยิม ้ เลย

ท่านลืมตาขึน ้ มาท่านบอก “ดีแล้วอุตสาห์สนใจธรรม” ในเมื่ อ ท่ า นพู ด แล้ ว อาตมาก็ ถ ามว่ า “จะมี แ นวอย่ า งไร” ท่ า นพู ด สั ้น มาก

จนตี ค วามหมายไม่ ไ ด้ เ ลยบอก “คุ ณ รู้

ไหมพระพุทธเจ้าสอนอะไร” อยู่ ล่ ะ

บวชมุ่ ง อยู่ ที ไ่ หนล่ ะ ”

นวโกวาท

เรี ย นธรรมะ

หมดเลยเรี ย นเลยไปหมด ได้”

“ไม่ทราบบวชมุ่งมาทำา อะไร เราก็ ย อมรั บ

เรี ย นวิ นั ย

“อย่ า ลื ม น่ ะ เรี ย น

รู้ ม ากไป

คุ ณ รู้ ม ากคงใช้ ไ ม่

คำาทีส ่ องของท่าน “รู้มากคงใช้ไม่ได้เลย

“เธออย่ าลื ม นะว่ าพระพุ ท ธเจ้ า สอนอะไร สอนวิ ธี ดั บ ทุ ก ข์ ”

บอกเรี ย น

ไม่ได้ผล”

สอนทุ ก ข์ แ ละ

นี ท ่ ่ า นสอน “ท่ า นสอนอะไรอี ก คุ ณ รู้

ไหม”

“ไม่ ท ราบครั บ ”

เบียดเบียนตน

“เอาล่ ะ จะบอกให้ ส อนไม่ ใ ห้

สอนไม่ให้เบียดเบียนคนอื่น

ทำา ให้ ค นอื่ น เดื อ ดร้ อ นด้ ว ย” ศึกษาข้อนีใ้ นตัวเรา ปฏิบัติ”

“หาที ่ม าของทุ ก ข์ ใ ห้ ไ ด้

มีอะไรมีทุกข์

“วิธีปฏิบัติอย่างไรหรือ

ได้ความแล้ว โถ! แค่นีเ้ องหรือ

เอาไป จริง”

เรานึกว่าจะมีอภินิหารมากกว่านีด ้ ีกว่านี ้

ไม่เอา เลยนะ

่ ริงไม่ ชอบ ไอ้ทีจ

ไอ้ทีจ ่ ริงไม่ชอบ

เสือกไปเอาไอ้ทีไ่ ม่ได้

เลยไม่ได้กั นเลย

ไอ้ทีไ่ ม่

ไอ้ทีอ ่ ยู่ทีจ ่ ะได้ ไม่ เอา

แหลมค ม

มีทัง้ คมสัน

คำา พู ดนี พ ่ ูด ไอ้ทีไ่ ด้

วั นนั น ้ กลับ ไปนอนไม่ สบายเลย คมคาย

ไปชอบเอาทีไ่ ม่

ไปชอบไอ้ทีไ่ ม่จริง

อาตมาแสบไส้เหลือเกินวันนัน ้

พระในป่ า

ไอ้

ได้ทีไ่ ด้ความไม่

อาตมาถึงจำา ที ท ่ ่า นพู ด มานี ่

ได้ปล่อยไว้ก่อนสิ

เพียงนึก

“คุณมันอย่างนีเ้ รียนเลยไปหมด

เอาไอ้ทีไ่ ม่ได้

บ่อยด้วยนะ

นีแ ่ ค่นึกนะ

เสือกผ่าเอาทีไ่ ม่ได้ความ

ท่านว่า

ปั ญญา”

อ้อไอ้นีเ่ ราก็เรียนมานี ่ เรานึกไว้ในใจ

ท่านชีห ้ น้าเลย

่ ะทำา ไม่ทำา ทีจ

่ าของทุกข์แล้ว หาทีม

ศีล สมาธิ

เราก็เรียนเรือ ่ ง ศีล สมาธิ ปั ญญา น่ะ

พร้อมกับไม่

ท่ านด่า ให้ แสบ

เราก็เจ็บในกลอน

นอนไมสบายจริ ง

นี ล ่ ะ

อ าตม าดู สั ง เ ก ตท่ านค ม ก ริ บ

ท่านชีแ ้ จงหลายเรือ ่ งหลายอย่าง

วันนัน ้ มันก็เย็นแล้ว

อาตมาก็บอกโยมผู้ใหญ่บ้านเก่า

บอกโยมไม่ต้องรอฉันขอนอนทีน ่ ี่ คืนจะพูดมากกว่านีไ้ หม

อาตมาจะรอดูว่ากลาง

กลางวันไม่พูด

ท่านอาจจะพูด

กลางคื น

นึ ก ในใจนะเลยต้ อ งกราบท่ า นใหม่

บอกพระ

เดชพระคุณหลวงพ่อกระผมขอถวายตัวเป็ นลูกศิษย์หลวง พ่ อ นะ

ท่ า นก็ ลื ม ตาขอบใจมากที จ ่ ะฝากตั ว เป็ นลุ ก ศิ ษ ย์

เป็ นลูกศิษย์จริงนะ

สำาหรับวันนีน ้ ะท่านชีห ้ น้าเลย “ควำม

ขลังของพระอำจำรย์แต่ย้อนกลั บไปเป็ นควำมคลั่งของ ศิ ษ ย์ คื อ เธอ” เหลื อ เกิ น

ท่ า นชี ห ้ น้ า เลย

หาว่ า เราคลั่ง

แหลมคมมาก

ตายจริ ง ท่ า นด่ า ได้ เ จ็ บ

นึ ก ไม่ พ อใจเลยนะ

อาตมาดู ท่ า นอยู่ ใ นป่ ายั ง พู ด แหลมลึ ก

อาตมายั ง จำา ได้ ท่ า นพู ด แหลมคม ๓ ข้ อ หรื อ ถามไม่ เ ข้ า เรื่ อ งเข้ า ราว คมคำย

ท่ า นพู ด

ไม่ ต อบ

คมกริ บ

เก็ บ อยู่ ข้ า งใน คมสั น

ท่ า นเอาด้ า มมาแทงเราซะเจ็ บ ใจเลย

ของท่านยังแน่นอน

พู ด

เอาขวานตอกเราเสียแล้วนะ

นึกว่า

ตอกตะปูไม่ต้องใช้คมสันตอกเราเสียแย่เลยอย่างนี ้ จึงจับ ได้ว่าองค์นีม ้ ีทัง้ คมกริบ

มีทัง้ คมคาย

อาตมาก็คิดได้ต่อไป

มีทงั ้ คมสัน

อาตมาขอพักผ่อนทีน ่ ี ่ ท่านไม่

ยอมจะถึ ง เวลา ๕ โมงแล้ ว จะถึ ง เวลา ๑๘ นาฬิ กาแล้ ว จะมืดแล้วดวงอาทิตย์ก็คล้อยใกล้เวลาอัสดงแล้ว เดิ น กลั บ ไปถึ ง บ้ า นโยม ราวๆ ประมาณ ๓-๔ กิโล ไม่ ย อมและอาตมาก็ พู ด

เราก็จะ

มั น ต้ อ งใช้ เ วลาเดิ น หลายกิ โ ล เดินกันพักใหญ่ๆ เชียว

ท่าน

ในเมื่ อ ท่ า นไม่ ย อมเลย

ก็ ข อ

ฝากตั ว ว่ า พระเดชพระคุ ณ หลวงพ่ อ ที เ่ คารพ เรียนยืดเหรียญแล้วก็ไม่ได้ผล

ผมมาจะ

แล้วก็จะขอฝากตัวเข้าหา

ทางธรม

แล้วขอตัง้ สัจจะอธิษฐานว่าขอติดตามหลวงพ่อ

ไปจะกรุณาหรือไม่

เมตตาเกล้ากระผมหรือเปล่า

ท่ านนั่ง นิง่ อยู่ สัก ครู่ก็ลืมตาพู ดว่ า “คุณ รอให้ คุ ณอายุ ๔๕ ก่อนนะ ยังไม่แน่นอน

แล้วจะมาพบเราอีกครัง้

ยังหละหลวมอยู่อยู่อย่างนีจ ้ ะรับได้อย่างไร

รับได้ต้องเป็ นคนหนึง่ แล้ ว หรื อ ยั ง

อายุเธอยังน้อยนัก

ไม่ใช่สอง

มีสัจจะมีเมตตาสามัคคี

สั จ จะก็ ไ ม่ มี จ ะเกิ ด เมตตาได้ อ ย่ า งไร

แล้ ว

เมตตาไม่ มี จ ะเกิ ด สามั ค คี ไ ด้ ทั ้ง ใจทั ้ง จิ ต จะเกิ ด รู ป นามได้ หรือ ”

แหมพู ด แหลมลึ ก สะกิ ด หั ว ใจนี ่

ท่ า นบอกว่ า อายุ

ถึง ๔๕ ให้มา แล้วบอกเคล็ดลับ ๓ ข้อ

ต้องการพบท่าน

แล้วทำาอย่างนี ้ อันนีบ ้ อกโยมไม่ได้นะ อาตมากลับมาค้างบ้านโยมและลูกหลานมาคุยกันจน รุ่งเอาเหรียญมาอวด ๒๐ ไร่

บอกนีฉ ่ ันถูกหวย๓ ครัง้

เดี ย ๋ วนี ม ้ ี ตั ้ง ๔๐๐,

๕๐๐

ไร่

แล้วนามี

แต่ ด้ ว ยการบู ช า

แล้ ว เจริ ญ สมาธิ ที ่ท่ า นบอกมาอย่ า งนี ้ถู ก หวย ๓ ครั ้ ง เห็ น จะเป็ นลู ก คนโง่ ไอ้เลข ๓ ตัว เรื่อ งนี ้

เลยไปซื้อ ส่ ง เดชเลยถู ก ถึ ง ๓ ครั ้ง

อันนี อ ้ าตมาไม่ติด ใจในเรื่องนัน ้

นี ด ่ ู สิ จ ะไปเรี ย นยื ด เหรี ย ญแต่ ไ ปได้ เ รื่อ งธรรมะที

แรกไปหาธรรมแมะเลยไปพบธรรมะ อาตมาดั ง นี ้

บอกให้ ไ ปทำา ศี ล

วิปัสสนากัมมัฏฐาน ทำาทีศ ่ ีล

ติด ใจใน

สมิ

สมาธิ

ท่ า นบอกแนว ปั ญญา

ให้ ทำา

แต่ท่านไม่ได้บอกวิธีทำา ท่านบอกให้

ปั ญญาและแนะแนวพระพุทธเจ้าสอนอะไร

จำาไว้

สอนทุกข์

ทำาอย่างไร

ไม่ได้สอนความสนุกนะ

สอนวีดับทุกข์

ท่านว่าอย่างนีส ้ ัน ้ ๆ

อาตมาก็กลับวัดตัง้ หน้าศึกษาธรรมแล้วก็เดินทางต่อ ไปเรี ย นกั ม มั ฏ ฐานจากองค์ โ น้ น องค์ นี ้ กัมมัฏฐานกับ หลวงพ่อลี สร้ า งวั ด บางปิ ้ ง ลพบุรี

วัดอโศการาม

วั ด บางปิ ้ ง

ท่ า นมรณภาพแล้ ว

หายใจเข้า

โธหายใจออก กสิณเก่ง

เอ

ตามหลักไป

พุ ท ธ

แล้วไปเจอกระ

กสิณขยายดวงไฟ

เข้าท่านะดีนะสนุกดีจัง

ไป

ไม่รู้จักใครแล้ว

เจริ ญ ภาวนา

กระอาจารย์อีกรูปหนึง่ เรียนมโนมยิทิ นะ

ไปเมื อ ง

ตามไปภาคอีสาน

เดีย ๋ วนีอ ้ าตมาไม่ได้ไปติดต่อ

อีกองค์หนึง่

เมื่อสมัยยังไม่

ท่ า นเดิ น ธุ ด งค์ ไ ปสู่ จั น ทบุ รี

อาตมาตามท่านไปเลยนะ

ภาคเหนือ

อาตมาก็ ไ ปเรี ย น

ได้แล้วไปเจอ

ไปคุยกับเทวดาก้ได้

แล้วก็ไปคุยกับเมืองนรก

ได้นะ ไปเจอยมบาล

อาตมาก็บอกจะเอาค่าแป๊ ะเจีย ๊ ะมาให้

ขอให้ ญ าติ อ าตมาขึ้ น จากเมื อ งนรก “พระคุ ณเจ้ าที เ่ คารพ พระคุณเจ้าเล่า ได้จริงๆ

ตาย

นั บ ประสาอะไรที จ ่ ะช่ ว ยญาติ ข อง

แค่แม่ยายผม

ผมยังช่วยไม่ได้

ช่วยไม่

ภรรยาผมนีน ่ ะเขาบอกว่าให้ช่วยแม่เถอะนะพีน ่ ะ

นึ ก ว่ า สงสารแม่ ฆ่ า ไก่

ยมบาลก็ เ อ่ ย ว่ า

แม่ ฆ่ า เป็ ด

โหดเหี ย ้ ม ช่ ว ยแม่ เ ถอะ”

ใจดำา

ฆ่ า ไก่ ม ามากมาย ทารุ ณ ดุ ร้ า ย

ฆ่ า หมู

ฆ่ า เพื่ อ กิ น กั น

นี ย ่ มบาลเล่ า ให้ อ าตมาฟั ง

ว่ า จะ

พยายามช่วยแม่เสียหน่อย มั น ก็ ม าร้ อ ง

แต่โจทก์มันมากันเยอะ

เป็ ดก็ ม าร้ อ ง

หมู ก็ ม าร้ อ ง

ห่าน

ว่ า ไม่ ไ ด้ น ะ

ย ม บ า ล ไ ม่ ไ ด้ น ะ

นี ่ ทำา ฉั น ใ ห้ ทุ ก ข์ ท ร ม า น เ ห ลื อ เ กิ น

ยมบาลเห็นท่าไม่ดี

ช่วยไม่ได้

มโนมยิทธิอ าตมาลองทุกอย่า งนะแล้ว ก็ยังผิ ดทางอยู่ ไม่ รู้ ว่ า ทางไหนมั น จะแน่ น อนที จ ่ ะช่ ว ยตั ว เองได้ อย่างมโนมยิทธินีเ้ กิดประโยชน์ไหม ได้

ให้ พ้นทุก ข์ได้ ไหม

ก็ไ ม่ ไ ด้

พูดนีอ ่ าตมาเป็ นพระนะ

ช่วยตัวได้ไหม

ลองแล้ ว นะ

ต้องการปรารถนาไปพบหลวงพ่อองค์นีใ้ ห้ได้ ภาวนา

ก็ไม่

อาตมาที ่

ไม่ได้โกหกโยมนะ

ในกาลเวลาผ่านมาอายุอาตมาพอ ๔๕ ก็สวดมนต์

เอาทุ ก

แล้วก็ตัง้ เข็ม แล้วอาตมา

ตามลัทธินี ้ ก้ได้ไปพบหลวงพ่อนีท ้ ี่

เขาใหญ่

จะต้องเดินทางไปด้วยทางเท้าและไปถึงทีต ่ ้นไม้

ต้ น ใหญ่

เลยที เ่ ขาใหญ่ ไ ประหว่ า งจั ง หวั ด นครราชสี ม า

และจังหวัดสระบุรี

เรียกกันว่าดงพระยาไฟ

ทีพ ่ ระบาท

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระจุลจอมเกล้า เจ้ าอยู่หั วไปตัง้ ใหม่ เปลีย ่ นดงพระยาไฟเป็ นดงพระยาเย็น อาตมาไปพบท่านทีน ่ ัน ่

อาตมาค้างอยู่กับท่าน ๑ คืน

และท่ านสนทนาธรรมสอนอาตมาตั ง้ แต่ ๔ ทุ่ ม ถึ ง ตี ๔ พอดี

แนะแนวทุ ก อย่ า ง

สอนตามหลั ก

บอก

แล้ ว ที นี ห ้ ลวงพ่ อ ในป่ านี ท ้ ่าน

“นี เ่ ธอ

แล้วนัน ้ ดีเป็ นวิปัสสนาได้

ที เ่ ธอทำา มานั ้น

ทำา มา

แต่เธอโปรดฟั งหันมุมกลับ

ได้

ช่ ว ยเธออะไรได้ บ้ า ง เลยนะ” “อย่ำลืม

ไม่ มี

ท่านก็เริม ่ ชีแ ้ จงแสดงบรรยายสอนทางสายนีท ้ ันที สติปัฏฐำน ๔”

เรียนมโนมยิทธิ

ว่าอย่างนีเ้ ลย

ไม่ใช่ไม่ดี

ดับทุกขืเธอไม่ได้นะ ลน่ะ

ช่ ว ยเธอดั บ ทุ ก ข์ อ ะไรได้ บ้ า ง

ท่านบอกทีไ่ ป

แต่เธอนึกคิดช่วยเธอไม่ได้นะ

เธอไปเพิม ่ ทุกข์

เธอไปคุยกับยมบา

เข้าใจไหมด้วยอำา นาจปี ติอย่างแรงกล้า และอำา นาจ

ศรัทธาอุปทานยึดมัน ่ เอกัคคตารมณ์แล้วจะแสดงอภินิหาร ของมโนยิทธิได้ทันที

อาตมาทำา มาแล้ว

เลยท่า นก็ สอน

ว่าเอาหนทางพ้นทุกข์เถอะให้เจริญสติปัฏฐาน ๔ อันดับแรก จั บ มื อ ซ้ า ย ชัว ่ โมง

ก็เริม ่ สอนดังต่อไปนี ้ ยืนอยู่กับทีม ่ ือขวา

ยื น อยู่ เ ฉยๆ ๑

ชั่ ว โมง

โดยไม่กระดุกกระดิก

ไม่ เคยยื นอยู่เ ลย ๑ ชั่วโมง ยืน ๑ ชัว ่ โมง

ยื น อยู่ เ ฉยๆ ๑

ตายเสียแล้วคราวนี ้ เรา

นี ใ่ นคื น วั น นั น ้ มั น เรื่อ งแปลก

มือขวาจับมือซ้ายไขว้หลัง

ทั ้ ง สองจะถ่ ว งที ่ก ระเบนเหน็ บ ทั น ที ตายแล้วเราคราวนีแ ้ ขนกางแน่ มันห่อทรวงอก

นำา ้ หนักของมือ

ยื น อยู่ ๑ ชั่ ว โมง

อย่าไปเอามือไขว้ข้างหน้า

หายใจไม่ปกติทีม ่ ักจะเป็ นโรคปอด

สอน

ละเอียดเสียด้วย แล้ ว ก็ ส อน ตะโจ

ทันตา

เกศา นะขา

ตัง้ แต่ปลายผมลงมา ผม

โลมา โลมา

นะขา

เกศา

ทั น ตา

ตะโจ

ให้สำา รวจจิตตัง้ สติ

เบือ ้ งบนตัง้ แต่ปลายเท้าไปถึงปลาย

เบือ ้ งล่างตัง้ แต่ปลายผมไปถึงปลายเท้า

นีเ่ ริม ่ ตัง้ แต่

อาตมาจะเข้ า ถึ ง พุ ท ธธรรม

ที เ่ ราจะบวชครบครั น มาถึ ง

บัดนี ้ อาตมาก็ยืน ๑ ชัว ่ โมง ขาสั่น

ตายจริ ง ไม่ เ ข้ า ท่ า เสี ย ละมั่ง นี ่

เอาเรื่องแล้ว

อาตมาก็

ขาสั่น เอาแล้ ว มา

ท่านบอกพิจารณายืนมีสติ

เท้ า นั บ หนึ่ง ลงไป ศรี ษ ะ

พอถึง ๔๐ นาที

ศรีษะลงปลาย

สำา รวจจากปลายเท้ า นั บ สองขึ้น ไปบน

สำา รวมสติ จ ากศรี ษ ะลงสู่ ป ลายเท้ า ๓ สำา รวมสติ

อย่างทีค ่ ุณเคยบวชรพะอุปัชฌาย์บอกไหมตัง้ แต่เบือ ้ งตำ่าไป ถึ ง เบื้อ งบน

เบื้อ งบนไปถึ ง เบื้อ งตำ่ า

บ อ ก “ คุ ณ นี ่ มั น เ ล ย พระพุทธเจ้า

เ ล ย วิ ช า

เ ล ย ภ า ค ป ฏิ บั ติ ข อ ง

เลยไม่ได้เอาไหนไง”

อาตมาก็ยืนกำา หนด

ตัง้ สติมโนภาพพระจกฉายแสง

ว่าข้าพเจ้ายืน ๑ ชัว ่ โมงให้หลัง สติ

สมกั บ ที เ่ คยด่ า เรา

อ้ อ ยื น มี ส ติ

เราก็รู้ตัวเองเลยว่ายืนมี

อ่ า นตั ว ออกบอกตั ว ได้

แสดงอภิ นิ ห ารนาที นั ้น ว่ า เรายื น มี ม ารยาท การยืนเลย

อ้อกายานุปัสสนา

สติปัฏฐาน

ใช้ ตั ว เป็ น มี ส ติ ค รบใน ฐานของจิต

แผลงฤทธิใ์ ห้เรารู้สึกนึกคิดเป็ นตัวปั ญญาจากการยืนนีเ่ กิด ประโยชน์มาก สติ ดี

อาตมาได้มาอย่างนีจ ้ ากในป่ า และก็ยืนมี

อ้อ ใช่ แ ล้ ว ว่ า

ประโยชน์ อ ย่ างไร

เกศา ยื น

เดิ น

บทใดบทหนึ่ง ในสติ ปั ฏฐาน ๔ เดิ น มาแล้ ว

โลมา นั่ง

นะขา นอน

ทั น ตา ๔

ได้

อิ ริ ย าบถ

ยื น ได้ อ ย่ า งนี ม ้ ี ส ติ เ ห็ น คน

เห็ น ตั ้ง แต่ ศ รี ษ ะลงมาปลายเท้ า แล้ ว เราจะ

รู้ ทั น ที ว่ า คนนี ม ่ ี นิ สั ย อย่ า งไร ปั ญญาเท่านีเ้ อง อันดับที ่ ๒ สติ ค รบ พอดี

เกิดประโยชน์มาก ท่านให้เดินมีสติเยือ ้ งเท้าก้าวเท้าอย่างมี

นี ส ่ อนที เ่ ขาใหญ่ บ อกอาตมาเมื่อ ครั ง้ ที อ ่ ายุ ๔๕

แล้ ว ก็ เ อาสมถะ

เดิม

มั น สั ม พั น ธ์ ใ ห้ เ รารู้ โ ดยตา

สมาธิ ข องอาตมาที เ่ คยได้ ม าแต่

เอามาเป็ นบาทพลิกแผ่นดินเลย

เอาสภาวะรูปทีย ่ ึด

บั ญ ญั ติ เ ป็ นอารมณ์ เ อาไปกำา หนดตั ้ ง สติ อารมณ์เอาไปกำาหนดตัง้ สติ

บั ญ ญั ติ เ ป็ น

บัญญัติเป็ นอารมณ์หายวับไป

กลายเป็ นรูปนามขันธ์ ๕ ขึน ้ มาแทนทีไ่ ด้ทันที แล้วสอนท่านต่อไป อารมณ์ นี ้เ ป็ นอย่ า งไร” อารมณ์

เสี ยเงิ น

อารมณ์ ค้ า ง

เหมือนเราเป็ นนักธุรกิจ

ยุ ก ตฺ จ ริ ง ๆ หายใจยาว อารมณ์ คลำา ไม่ได้

ท่านว่าอย่างไร สั ้น

อารมณ์ จิ ต

แบบนี ไ้ ปเกิ ด อะไร รู้ จั ก อารมณ์ ไ หม

อารมณ์คืออะไร

คือลม

จิ ต เป็ ฯธรรมชาติ คิ ด อ่ า น

รับรู้อารมณ์ได้นานๆ เหมือนเทป ไม่มีตัวตนเป็ นนามธรรม

ไปได้อารมณ์อะไรขึ้นมา

วสี เ ข้ า ออก

นีพ ่ ระในป่ านะสอนประ

เข้ า ใจคำา พู ด ท่ า นได้ ม าก

บอกไม่ทราบ

“นีค ่ ุณรู้ไหม

“ไม่ ท ราบครั บ หลวงพ่ อ ” จำา

ตื่ น นอนขึ้ น มามี อ ารมณ์ อ ย่ า งไร

ไปได้ สตางค์ ขึน ้ มา

นก็สอนอาตมาว่า

บันทึกเสียง

และอารมณ์แบบนี ้

ถ้ าอรมณ์ ฉุน เฉี ยว

แบบนีเ้ ป็ น

นักธุรกิจไปทำาการค้า ใช้อะไรไม่ได้เลย แล้วจำาอารมณ์นี ้ ไว้ ให้ได้

สั มผั สกั บอารมณ์ต่างๆ จากบุค คลทีเ่ ดิน เข้ า มา

สัมผัสกับอารมณ์ไปกระแสอารมณ์ทีท ่ ำาให้ได้อยู่ทีหลัง สติ เ ราครบแล้ ว หนัก

เราจะรู้ ก ระแสของคนโน่ น ก่ อ น

ถ้า เบา

ละเอียดถีถ ่ ้วนประการใดจะรู้ได้อย่างไร และก็ ส อนต่ อ ไปว่ า ให้ รู้

เรียนทีต ่ ัวเรา เลยนะ ไหม

อายตนะ

ท่านบอกอย่างนีเ้ ลยนะ

ตาเห็นรูป

มีศีลไหมทีต ่ า

จมูกได้กลิน ่ มีศีลทีจ ่ มูกไหม

ลิน ้ ไหม

อยู่ใช่ไ หม

หูได้ยินเสียงมีศีลทีห ่ ู

แล้วท่านบอกว่า

สร้ า งสรรค์

มันต้องมีเรือน มีสติไว้

ปากนี เ่ ป็ นครู น้ อ ย ตาดู

ไม่ ใ ช่ ค รู ใ หญ่ หู ฟั ง

เหลือเกิน อาตมาได้ตรงน้ เดีย ๋ วได้เรือ ่ ง

เอาปากออกไปแล้ว

บอกตามีศีล

ถ้ า หู ไ ม่ มี ศี ล ด่ามาคำา นีห ่ ูไม่มีศีล

เพราะมีศีลทรัพย์มา

อย่าเอา ส่ ว นมาก

จิ ต คิ ด ประดิ ษ ฐ์

ริ เ ริ ม ่ ดำา เนิ น งานทางวาจาที ห ลั ง

ฟั งเขาด่ า แล้ ว

จะนั่ง

เพราะฉะนัน ้

ไปไหนเอาตาหูเป็ นใหญ่

เราเอาปากไปเสี ย นะ

อ้ อ

บอกเธอต้องมีกุฏิ

เหมื อ นญาติ โ ยมต้ อ งมี อ าคารสถานที ่

มันต้องมีเรือน ตาเห็นรูป ปากไปนะ

อาตมา

มี ค รั บ หลวงพ่ อ

ศีลต้องมีเรือนให้เขาอยุ่

ตากแดดตากฝนอยู่คงไม่ได้

หูมีทรัพย์

ง่ายๆ

กายสัมผัสร้อนหนาวอ่อนแข็งมีศีลไหม

นัน ่ แหละสติ

เถอะ

เอาสัน ้ ๆ

ลิน ้ รับรสอาหารมีศีลที ่

ฟั งท่ านบอกเห็ นรู ปก็ แ ล้ ว มี ส ติ ไ หม

มา

เรี ย นที ่ไ หน

นี ส ่ อนดี

มีศีลแล้วทรัพย์

ในเมื่ อ ขาดสติ เ ดี ๋ย ว

เราก็สองคำาบอกไป ตัง้ สติไว้

หูมีสติ

เลย แล้ว

พูดไปแล้วปั จจุบันธรรม

ปากมีศี ล

พูด เป็ นเงินเป็ นทองเลย

ทรั พ ย์ ม าพู ด เป็ นเงิ น

เป็ นทองเลยด้วยมีสติ โยมโปรดจำาไว้เถอะ ดี

โอ๊ยรถสีนีม ้ ันชนเก่ง

อย่าลืมนะมันอยีจ ่ ิตใจ

ซือ ้ รถสีอะไรจะดีแล้วก็แบบไหน สีดีโฉลกดีแล

ไม่ชนไม่มีทีไ่ หน

มันฝากความห่วงใยและฝากชะตา

กรรมอยู่ทีเ่ จ้าของรถและเจ้าของรถดวงไม่ดี

เคราะห์ไม่ดี

เคราะห์ ห ามยามร้ า ยรถมั น จะไปรู้ เ รื่ อ งรู้ ป ระสาอะไร เจ้าของรถจะต้องเสียแหลกราญเพราะเจ้าของ เลือกสีหรอก

ชอบไหมไม่ต้องไปหาหมอดู

ไหนสบายใจเอาสีนัน ้ ชอบสี เ ขี ย ว

ไม่ต้องไปบอก

ชอบสีอะไรสี

หมอดูสีแดงแต่โยม

ไม่ ต้ อ งไปฝื นใจซื้อ สี แ ดงมา

สบายใจเลิกเชือ ่ หมอดูได้แล้ว

ไม่ต้องไป

ซ่ อ มแล้ ว ก็ ไ ม่

เชือ ่ ความสบายใจของโยมดี

กว่า สุนักขัตตัง ไหม

สุมังคะลัง

ฤกษ์ คิ อ โอกาสดี

ว่ า งยามดี ไ ม่ ไ ด้ อุปกรณ์พร้อม

สุปะภาตัง

เป็ นต้น

ยามดี ต้ อ งเวลาว่ า ง

สะดวก

ถ้ า โยมไม่

จะดำา เนิ น งานต้ อ งเครื่อ งพร้ อ ม

เครื่อ ง

พอพร้อมแล้วฤกษ์โอกาสดีเวลานีว้ ่างเสาร์

อาทิตย์ว่างไม่ได้ไปทำา งานอื่น

ดำา เนินการเลย

พร้มแล้ว

รีบดำา เนินงานรวดเร็ซทันใจถูกต้องเป็ นธรรมเรียบร้อยทุ ก อย่างทุกประการ แดงแต่ไปซือ ้ สีเขียว

โยมจงจำา ไว้ถ้าหมอดูบอก

โยมชอบสี

เอาสีแดงมาไม่สบายใจไปซือ ้ มาทำาไม

ก็เอาสีสบายใจไม่ได้หรือ

นีต ่ ำาราพระพุทธเจ้า

เมื่อ เป็ นเช่ น นี แ ้ ล้ ว ก็ ข อฝากญาติ โ ยมนะ วิ ปั สสนากั ม มั ฏ ฐานก็ ดี

การทำา สมิ ก็ ดี

ต้องรู้จักวิธีบริจาคทานด้วยพระเจตนา คน

เลยได้ บุ ญ หรื อ นั่น

โยมรู้จักหมดทุก ก่ อ นทำา

ทำา ไปแล้ ว นานก็ ยิ ง่ สบายใจ

นี เ่ อาหลั ก นี ม ้ าตั ง้ ญาติ โ ยมทำา บุ ญ เลย

ทาศี ล ภาวนานี ้

ดู พ ระเจตนา

โดยไม่ ต้ อ งอธิ บ ายนะ

สบายใจทำา ไปแล้ ว สบายใจ

การเจริ ญ

ญาติ โ ยมกระเป๋ าขาด

นี ว ่ ิ ธี ป ฏิ บั ติ ก ารทำา บุ ญ

นอก

เหนือจากนัน ้ แล้วงานต้องเสียเงินต้องเสียเสียเวลาแต่ไม่เสีย เงิน

แค่ภาวนาจิตประจำา

ต้องใช้เงิน

แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้โดยไม่

แต่ต้องใช้เวลา

ทำาได้ทุกขณะจิต

จากบ้านโยมมีปัญหานะ

แก้ได้ระหว่างทาง

ตา

ใจ

จมู ก

ลิ น ้

กาย

เข้ า บ้ า นมี ปั ญหานะ การค้ามีปัญหาทัง้ นัน ้

เวลาออก

นีซ ้ ิแก้ได้ทาง

ปั ญหาเกิ ด ขึ้ น มาแก้ ไ ด้ เ ลย

ไปถึ ง ที ก ่ ำา หนดไปถึ ง นั ก ธุ ร กิ จ ไปถึ ง แต่เรามีสติปัญญาดีไม่มีการสร้าง

ปั ญ ห า ส า ม า ร ถ จ ะ แ ก้ ปั ญ ห า ไ ด้ ทั น ท่ ว ง ที หากว่ า โยมมี ปั ญหาอะไร

แก้ ไ ม่ ไ ด้

ปั จ จุ บั น นี ้

มี แ ต่ ส ร้ า งปั ญหา

ทำา ใ ห้ เ ดื อ ด ร้ อ น ขึ้ น ม า อ ย่ า ง นี ้เ รี ย ก ว่ า มี ส ติ

มี ส ม า ธิ

อย่างไร ไม่จำาต้องกล่าวว่าไปนัง่ ทีว ่ ัด อาคาร

สถานที น ่ ั ้น เมื่ อ ไม่ มี เ วลาจะไปก็ เ อาวั ด ของเรา

เราก็ เ อาวั ด ของเรา นอน

ไปวัดของเราดีกว่า วัด

จะหยิบอะไร

วั ด ขระหยิ บ จะขายอะไร

จะยื น

เดิ น

นั่ ง

ให้กำาหนดสติจะขายดี

ตลอดกาล

นี อ ่ ย่ าลื มนะ

สติ ปั ฏฐาน

งสายเอกชื่อ เมื อ งอะไร

กายนคร

ถูกแล้วในตัวเรา

โยมจได้ไ หมพระพุ ท ธเจ้ า สอน ชื่อ เสี ย งอะไรโยม?

ถ้าคนใดมีสติสัมปชัญญะครบ

อุดมคติอุดมการณ์จากสติปัฏฐาน๔

แล้วเงินไหลนองทอง

ไหลมา

หมายความว่ า อุ ด มสมบู ร ณ์

สมบูรณ์

จึงเรียกว่าสติปัฏฐาน ๔

บู ร ณื แ น่

ถ้ า เป้ นพ่ อ ค้ า แม่ ค้ า รวยมหาศาล

สมบูรณ์ด้วยสติ

ค้าขายมีสติ

ถ้ า ใครมี ส ติ อุ ด ม

อย่างนีค ้ นนัน ้ อุดมสม

ปั ญญาเกิด

เพราะอุ ด ม รู้ว่า ขาดทุ น

ได้กำาไรรู้ล่วงหน้าเสียด้วยนะนี ่ จึงเรียกว่าอุดมสมบูรณ์ สรุปว่าธรรมสติปัฏฐาน ๔ นี ้ อุดมสมบูรณ์พร้อมมูล บริ บูร ณ์ ดี ด้ ว ยสติ ทุ ก ประการ คนไหนไม่มีสติสตางค์หนี ระทะโย

วิระโคนายัง

แล้ ว เงิ น มาไหม

มี ส ติ ดี แ ล้ ว สตางค์ ม า

สตางค์หนีหมดแน่นอนนะ

โยมสวดคาถาให้เงินมา

สวดไปทำา ไมโยม

แหลก

สวดแล้ วจิ ต งอก

แล้วสวด

เดีย ๋ วไปสวดเงิน ไม่ มา

โยมพอจิตมันงอกนะ

เป็ นร่มโพธิร ์ ่มไทรของจิต จิตหดเงินหดด้ว ย

เพราะฉะนัน ้ ตอบได้เลยว่า

ด่ าเรา

พอจิต งอกแล้ ว เงิ น มั น ก็ ง อก

ถ้าหากว่าเราวดแล้วจิตมันหดเงินมันก็หดด้วย

หดนะ

วิ

ถ้ า ฝรั่ง ถามอย่ า ไปตอบว่ า สวดแล้ ว เงิ น

มานะ

แล้วได้เงินเลน

ถ้ า

ไม่ใช่สวด

จิตก็แตกก้านสาขา

แล้วเงินก็มา

ถ้ายิง่ สวดไปจิต

ข้าวในหม้ อก็หดด้ว ยหดหมด วิระทะโย

วิระโคนายัง

สวด

ใ ห้ จิ ต ขึ้ น

พ อ จิ ต ส บ า ย อุ ด ม ก า ร ณ์ เ กิ ด ขึ้ น มี ส ติ ค ร บ

รับรองนึกเงินได้เงิน นึกทองทองไหลมา โยมจะไว้สวดไว้จิตงอก ทุกคนนะ

ถ้าจิตของท่านทัง้ หลายงอก

รับรองสำาเร็จตามเป้ าหมายและจุดประสงค์ทุก

ประการ

ถ้าจิตหดแล้วนะหม้อแบตเตอร์รีห ่ มดไฟ

อย่งไรถึงจะไปได้

คุณโยม

รถทำา

ไม่เอาใจใส่แบตเตอร์รีใ่ นเมื่อ

เราไม่ใช้มัน

ไม่สตาร์ทมันก็หมดไฟไปนะ

แผ่นผ้าเสีย

ในเมื่อแผ่นผ้าเสียแล้วต่อไปทำา อย่งไร

โยนหม้ อ แบตเตอร์ รี ท ่ ิ ง้ ซื้อ ใหม่ เ สี ย เงิ น

ต่อไปอะไรเสีย ต้อง

นี ก ่ ำา ลั ง ใจตกนะ

ถ้าเพิม ่ พลังจิตโดยใช้สติทุกประการเท่านัน ้ เป็ นการเพียงพอ เพิม ่ สติเพิม ่ กระแสไฟทัง้ ชาร์ททัง้ สตาร์ท โยมนีส ่ ติตัวเดียวที พ ่ ระพุท ธเจ้า สอน ๘๔,๐๐๐ ธรรมขันธ์ สมาธิ

ย่อเหลือ

ปั ญญา

สิกขา ๓

ในสิกขา ๓

ได้แก่

หนึ่ง ลู ก แก้ ว พระเจดี ย์ ท องได้ แ ก่ อ ะไร สติ มี ศี ล แล้ ว สั ม ปชั ญ ญะคื อ สมาธิ จิตตัง้ ใจ

แล้วเกิดอะไร

เอาเหลือ

ความไม่ ป ระมาท

สั ม ปชั ญ ญะนี ร ่ ู้ ตั ว เสี ย

ถึงพร้อมด้วยสมาธิจิตตัง้ ใจ

เกิดปั ญญา

ไม่มีประมาทเสีย

ศีล

นี พ ่ ระในป่ าท่ า นสอนละเอี ย ดสนอสั ้น ๆ

เหลือ ๒ สติสัมปชัญญะครบ ๒ มากไปเสียแล้ว

อีกแล้ว

พระ

ถึงพร้อม

พร้อมแล้วเหลือ ๑

ทำา อะไร

เหลือหนึง่ วิธีปฏิบัติ เห็นว่ามันมากมาย

นั ก จำา ยากนั ก โยมก็ ไ ม่ ป ระสาท เดิ น ไม่ ไ ด้ ห รอกต้ อ งทำา ตั ้ง แต่ ต้ น

สำา คั ญ อี ก ว่ า ไม่ ป ระมาท ทำา ตั ้ง แต่

ศี ล

สมาธิ

ปั ญ ญ า แ ล ะ สัมปชัญญะ

ศี ล

ส ม า ธิ

ปั ญ ญ า

รู้ตัวอยู่เสมออย่าประมาท

เ ห ลื อ ๒ ส ติ อย่าประสาทเกิด

ขึน ้ แล้วนีข ่ ้อ ๑ นีท ่ ่านสอนมาอย่างนี ้ อาตมาก็ จั บ จุ ด ได้ แล้วยังได้เคล็ดลับมาอีก ได้

แล้ ว กลั บ วั ด

อ้ อ นี ไ่ ด้ ม าอย่ า งนี ้

เคล็ดลับอย่างนี ้

ถ้า โยมอยกา

อยากจะทราบต้ อ งคุ ย กั น เป้ นการส่ ว นตั ว

เอาเล่ า

สัน ้ ๆ ไว้แค่นีว้ ่าได้ไปพบหลวงพ่อองค์หนึง่ ในป่ านี ้ แต่ก็ไม่ ทราบว่าชือ ่ อะไร

แต่มีลักษณะอาการอายุคล้าย ๗๐

แต่

คงจะกว่ าเพราะโยมผู้ ใ หญ่ บ้ า นนั ้น คงจะแก้ ผ้า กั น อยู่

เห้

นท่านอย่างนีจ ้ นโยมนัน ้ อายุ

๘๔ ปี แล้ว

แล้วโยมคนนัน ้ ก็ตายไปแล้วด้วย นะอย่าลืมนะ

เมือ ่ พ.ศ.๒๔๙๓

ก็ยังเห็นอย่งนี ้

ถ้าโยมผู้ใหญ่บ้านยังอยู่ โยมผู้ใหญ่นีอ ้ ายุ ๘๔ นะ

ป่ านนีโ้ ยมคนนีค ้ ง ๑๐๐ แล้วนะตายไปแล้ว นีแ ้ ละตัวอาตมาเดีย ๋ วนีก ้ ็จะ ๖๐ แล้วนะ

ผู้ใหญ่บ้านคน

ภาคกฎแห่งกรรม

ผลกรรม ของ หลวงพ่อ

อาตมามีประสบการณ์เกีย่ วกับกฎแห่งกรรมทีเ่ ราจะ ต้ อ งรั บ ใช้ ทั นที

เมื่อ เรามี จิ ต มี ปั ญญาเกิ ด

จากการเจริญวิปั สสนากัม มัฏ ฐาน

สนองอาตมา

จึ ง รู้ บุ ญ บ า ป

ทำาบุญทีว ่ ัด

เวลาไปวัดหาบของไป

ยายก้ต้องให้เก็บเอาก้อนดินไปด้วยใส่กระบุง

ไปข้ างละ ๓ ก้อ น เป็ นหลุมอยู่ในวัด

ไปถึ ง วั ด แล้ ว ให้ ไ ปโยนไว้ ที ม ่ ั น เป็ นบ่ อ ยายบอกได้บุญ

เขาไม่หาบดินไปวัดกันหรอก ตาย

เวรกรรมตาม

เ มื่ อ ก่ อ น นี ้ อ ยู่ กั บ ย า ย

อาตมาไม่สนใจกับพระตลอดกาล

นะ

จะรู้ ก ฎแห่ ง กรรม

อาตมาบอกว่าคนอื่น

มีบ้านเราบ้านเดียวอายเขา

ยายบอกว่าเราไปวัดเหยียบดินติดเท้ามานีเ่ ป็ นกรรม เป็ นบาป

กรรม

ใช้หนีส ้ งฆ์

เป็ นหนีส ้ งฆ์มากเป็ นบาปเป็ น

แต่แกก็ไม่ได้อธิบาย

มาอย่ า งนี ก ้ ็ ทำา มาอย่ า งนี ้

เขาเล่ากันมาอย่างนีแ ้ กก็จำา

ไม่ เ หมื อ นคนเดี ย ๋ วนี ว ้ ่ า ไม่ บ าป

บาปได้ยังไงเหยียบแค่นิดเดียวเอง

พระก็ถมเอาเองซิ

นี ่

คนรุ่นใหม่เข้าใจอย่างนี ้ แต่คนรุ่นเก่าถือนัก ไว้ ก่ อ นมั น มี ป ระโยชน์

มั น ได้ กำา ไรชี วิ ต

ถือเชื่อเข้า

คื อ เชื่อ กฏแห่ ง

กรรม อาตมาเป็ นเด็ ก เมื่ อ มาบวชใหม่ ๆ ไปบ้ า นญาติ ที เ่ ขา เป็ นนักเลง

เป็ นโจร

เป็ นเสือ

พระมาเขาเก็บ แก้ว หมดเลย บาปนะ

เดี ๋ย วนี ไ้ ม่ ต้ อ ง

เขากินเหล้ากัน

พอเห็น

เอาเหล้ า แอบเลย

ยีง กลั ว

กิ น ต่ อ หน้ า พระเลยสบายมา

แถมงานศพเล่นไฟหน้าศพอุทิศส่ว นกุศล ไป

แล้วพระก็สวด

ไม่ ไ ด้ เ กรงกลั ว ต่ อ บาปกรรมแต่ ป ระการใด

เขาว่ า

บาปกรรมไม่มีแน่นอนเข้าใจอย่างนี ้

สร้างกรรม-กินอาหารทีย ่ ายถวายพระ ตอนอยู่ทีโ่ รงเรียนมะยม อาหารไปถวายพระ ทัง้ หวาน

ยังอยู่กระจาย

แล้ ว เราก็ เ อาไปทานเสี ย เองทั ้ง คาว

แล้วก็บอกว่าไปถวายสมภาร

ไม่มีรถหรอก

ยายให้เอา

เดินจากบ้านไป

เดินไปเป็ นระยะทาง ๑ กิโลเมตร

อาตมา

ไปก็ ไ ปเจอเพื่ อ นั ก เรี ย นที ่ส ร้ า งความดี ม าด้ ว ยกั น โรงเรียนกันสะบัด

เพือ ่ นบอกว่ายังไม่ได้กินข้าวเลย

นึกเลยว่าจะเอาไปให้พระทำา ไม พรรคพวก ๔-๕ คนด้วยกัน

เราก็

เราก็ยังไม่ได้กินข้าวเลย

ก็เห็นด้วย

เสียเลยเรียบร้อยล้างปิ ่ นโตเสร็จกลับบ้าน วั ด เจอสมภารไหมล่ ะ

หนี

เลยตัง้ วงกินกัน ยายถาม

ไป

บอกยายว่ า ผมไม่ ไ ด้ ขึ้น กุ ฏิ ห รอก

ให้เด็กมันถ่ายปิ ่ นโตให้แล้วผมก็มา ต้ อ งรั บ พรด้ ว ยนะ

ยายบอกว่าต่อไปนีไ้ ป

รั บ พรสมภารมาแล้ ว ก็ ม าบอกยาย

ยายจะได้ ชื่น ใจแล้ ว บอกท่ า นด้ ว ยว่ า ยายให้ เ อาอาหารมา ถวาย วั น ห ลั ง เ อ า อี ก แ ล้ ว โรงเรียนปิ ด ถามว่า

ก็แบบเดิม

ใ ห้ ไ ป อี ก

กินเสร็จแล้วก็ไปตีผึง้ ต่อ

“เจอสมภารมัย ้ ”

เจอครับ

แท้ ๆ สมภารดั น มาอยู่ บ นบ้ า นเรา มานั่ง

นั่ง ตั ง้ นานแล้ ว

พระชอบมาเยีย ่ ม

ปากเท่า รูเข็ม

ว่าเปรตสูงกว่าต้นตาลมัย ้

ฉัน

เราไม่ รู้

สมภารนั่ ง ยิ ม ้

แต่อาตมารำา คาญ

บอกว่าบาป

เราบอกว่า ๒ เทีย ่ วแล้วครับ

ต้องเป็ นเปรต หรอก

มาก็ ไ ม่ บ อกเราเลย

แวะมาเยี ย ่ มยาย

พอสมภารกลับไปแล้วโดนหนัก เทีย ่ วแล้ว

รับพรเสร็จผมก็ มา

เราไม่ ทั น แหงนดู บ นบ้ า น

ยายเป็ นคนใจบุญ

ยาย

วั น นั น ้ สมภารไปฉั น บ้ า นใต้

เสร็ จ แล้ ว ก็ ม านั่ง คุ ย กั บ ยาย ไม่ บ อกเรา

ก็ เ จ อ เ พื่ อ น อี ก

ถามว่านีก ่ ี่

ยายบอกว่า

นี ่

กินข้าวไม่ลง

เราก็ถ าม

ยายบอกว่าไม่เห็น

เราไม่เชื่อ

ว่าหลอกเราแต่เราไม่พูด

เถียงไม่ได้

โกงค่าเรือจ้าง ในเวลากาลต่ อ มาไปโรงเรี ย น ฟากเดือนละ ๒๕ สตางค์

ต้ อ งนั่ง เรื อ จ้ า งข้ า ม

อาตมาโกงค่ าเรือจ้ าง

ไม่ใ ห้

ค่าเรือจ้าง

กินก๋วยเตีย ๋ วผัดไทย

แถมเลีย ้ งเพื่อนด้วยนะ

ก็โกงค่าก๋วยเตีย ๋ วเรือเขาอีก

ยิงนก-หักคอ-หักขานก ในเวลาต่อมา

โรงเรียนปิ ดหลายวันเทอมสุดท้ายแล้ว

ครูใหญ่โรงเรียนประชาบาลเขามาขอแรงอาตมาไปยิ งปื น ไปยิงนก

เราก็ไม่รู้บุญบาปมันมีจริงอย่างไร

สนุกดีก็เอา

ปื นลูกซองดาวกระจาย ๕ นัด บอกกับโยมว่าจะไปติววิชา ตอนโรงเรียนปิ ด ๑๐๐

อยู่สัก ๗ วันจะกลับมา

แม่ ก็ ใ ห้ ตั ง ค์ ไ ป

ขอสตางค์สัก

เราจะเอาปื นไปได้ ยั ง ไง

ทีน ่ อนไปด้วยเอาเสื่อออกมาเอาปื นไว้ข้างใน แล้วก็ออกตามทุ่งตามหนองยิงนกยิงเป็ ด ยิงได้จับหักคอใส่ตะข้อง ทรมานเหลื อ เกิ น ประการใด

พอนกมันจิก

ล่วงมาอีกวันหนึง่

หั ก ขาเลย

เช้ากินข้าว

นกกระสา

พอ

จิกก็ถลกหนังเลย

เราไม่ ท ราบว่ า มั น จะมี บ าปกรรมแต่

แล้ ว มั นก็ บิ น ไม่ ไ ด้ เ ราก็ ขั บ มั น ทำา ไง

ก็ เ อา

ก็ไปยิงนกกระสาถูกปี กหัก เหนื่อ ยมาก

นกก็ ดิ น ร้ อ งไห้ ต่ า ย

แล้ ว ก็ จั บ ได้ สรุ ป ให้ ฟั งที ่

อาตมาทำาบาปกรรม ต่อมาได้บวชในพระพุทธศาสนา

พอแม่ให้บวช

โดย

ไม่ได้เลื่อมใสไม่ได้คิดว่าจะมาอยู่อย่างนีก ้ ่อนทีจ ่ ะบวชก็ไป เรียนหนังสืออยู่ทีก ่ รุงเทพฯ อยุ่วัดก็ตัง้ หลายวัด

ไปอยู่โรงเรียนหลายโรงเรียน

พอเสร็จจากเรียนหนังสือก็มาบวชกะ

ว่ าจ ะบ ว ช สั ก พ ร ร ษ า เ ดี ยว ท่ อ ง เ รี ยน ห นั ง สื อ ไ ป จ น จ บ หลักสูตรก็ไปเจริญพระกัมมัฏฐานออกป่ าดงพงไพร

ใช้หนีค ้ ่าก๋วยเตีย ๋ ว เริม ่ มารักษาการเจ้า อาวาสที ว ่ ัด นี ้ ปี พ.ศ.๒๕๐๐

ได้ รั บ การแต่ ง ตั ้ง เป็ นเจ้ า อาวาสอยู่ ที นี ่

เริ ่ม ใช้ ก รรมมาตามลำา ดั บ ก๋ ว ยเตี ย ๋ วก่ อ น

เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๙

โดยที ่ว่ า ในปี ต่ อ มาใช้ เ รื่ อ ง

เรามานั่ง สมาธิ ข องเรา

ญาณวิถีของเขาชือ ่ ว่า

ก็

มั น ก็ เ กิ ด ไปเข้ า

นางกลุ่ม

นางกลุ่มมีสามีชือ ่ ตากิม ๊

เขาไม่รว ู้ ่าเราโกงค่าก๋วยเตีย ๋ วเขา

แม่กลุ่มกับตากิม ๊ เกิดฝั น

พร้ อ มกั น

ฝั นว่ า เทวดามาบอกว่ า ถ้ า ต้ อ งการให้ ลู ก ชาย

หายเกเร

แล้ ว กลั บ มเรี ย นหนั ง สื อ ละก้ อ

ลูกชายมาแล้วให้ไปบวชเณรทีว ่ ัดอัมพวัน เมื่ อ เป็ นเช่ น นี แ ้ ล้ ว

ให้ ไ ปตาม

รับรองแก้ได้แน่

โยมกลุ่ ม ก็ เ อาลู ก มา

ตากิ ม ๊ มาด้ ว ย

อาตมาก็จำาได้คลับคล้ายคลับคลาเดินขึน ้ มาสามคน ว่าจะเอาลูกมาฝากบวชเณรอาตมาก็ถามว่า ทีว ่ ัดอื่น

บอก

ทำาไมไม่บวช

โยมกลุ่มก็เลยเล่าให้ฟังว่าทีพ ่ าลูกมานีเ่ พราะฝั น

ไปว่าเทวดามาบอกว่าให้มาบวชทีน ่ ี ่ ช่วยรับไว้หน่อย เรานึกแล้วว่าจะต้องได้ใช้หนีค ้ ่าก๋วยเตีย ๋ วเขาแน่

แต่

ไม่บอกก็เลยบอกว่าเดี ย ๋ วจัด การให้

แล้วก็ จัดการส่งโยม

ทัง้ สองกลับแล้วก็จัดแจงโกนหัวเลย

เรามีเรือยนต์ลำาหนึง่

ก็วิง่ ไปตามพระอุปปั ชฌาย์ซือ ้ ผ้าไตร

ซือ ้ รองเท้า

ซือ ้ เสือ ่

อ่อน

ซือ ้ บาตร

ซือ ้ ร่ม

ทัง้ หมด ๒๐๐ บาทแล้ววิง่ ไปหา

อุ ปั ชฌาย์ บ อกเอาเด็ ก มาบวชเณรครั บ กลับมาหัง่ กัมมัฏฐาน

บวชเสร็ จ แล้ ว ก็

เดินจงกรม

พอได้ ๗ วัน ก็เลยเล่าเรือ ่ งเก่าของอาตมาให้เณรฟั ง ว่าอาตมานีโ่ กงค่าก๋วยเตีย ๋ วแม่เจ้า ผ้ าไตรนีน ่ ะ

อะไรต่ออะไร

บอก ว่ า เจ๊ า กั น ไป นะ ก๋ ว ยเตี ๋ ย วกั น ไป

แม่เจ้าก็ไม่รู้

๒๐๐ นี ่

แล้วไอ้

กระซิ บ บอกแม่ น ะ

ไม่ ต้ องเ อามาให้

ถื อ ว่ า ใช้ ค่ า

พอเล่ า เสร็ จ แล้ ว เณรบอกว่ า ผมเกิ ด

ศรัทธาเสียแล้วก็ตัง้ ใจปฏิบัติ ต่อมาก็ขอสึกว่าจะไปเรียนหนังสือแล้ว นั ้ น

ก็สอบได้ในปี

แล้ ว ไปเป็ นทหารอากาศต่ อ มาก็ ไ ด้ เ ลื่ อ นเป็ นนาย

ทหารอากาศไปเลย นีค ่ ือใช้หนีค ้ ่าก๋วยเตีย ๋ ว ดอกชาต้หน้านะ

ถ้าไม่ได้ใช้ในชาตินีก ้ ็ต้องใช้

กฎแห่งกรรมมีจริง

แต่กฎแห่งกรรมที ่

อาตมาประเมิ น ผลและได้ ป ระสบการณ์ ม ารู้ ล่ ว งหน้ า ได้ เพราะใช้สติระลึกก่อน

เป็ นตัวรู้ล่วงหน้า

ตัวสัมปชัญญะ

ตั วผลัก ดันทำา ให้ แก้ไ ขเหตุก ารณ์ไ ด้ทันเฉพาะหน้ า ว่ า

ตั ว สั ม ปชั ญญะ

สมาธิ

ที อ ่ าตมารู้ นี ก ้ ็ เ นื่อ งจากว่ า เราเจริ ญ

เจริ ญ สติ อ ยู่ ต ลอดเวลา

ด้ ว ยตนเอง

ขอให้ ท่ า นไปพิ จ ารณา

ด้ ว ยเจริ ญ กุ ศ ลภาวนาไปเรื่อ ยๆ

ต้ อ งมี เ วลาว่ า ง

เรี ย ก

เวลาที ท ่ ่ า นทำา งานก็ ภ าวนาไป

ไม่ จำา เป็ น หู ไ ด้ ยิ น

เสี ย งภาวนาไว้

เขี ย นหนั ง สื อ ภาวนาไว้

ตั ้ง สติ ไ ว้ ต ลอด

กาล กัมมัฏฐานมีความสำาคัญต่อหน้าทีก ่ ารงาน ในเวลาต่อมา

อาตมาก็นัง่ เจริญภาวนาโดยไม่ได้ขาด

แล้วก็มีการอโหสิกรรม ใช้กันทุกท่าน ก่ อ นนะ

และแผ่เมตตา

ขอให้ท่านเอาไป

ก่อนทีจ ่ ะแผ่เมตตาออกไปต้องอโหสิกรรม

ถ้ า ไม่ อ โหสิ ก รรมออกก่ อ นท่ า นจะแผ่ ไ ม่ อ อก

อโหสิกรรมให้ใจสบาย อิจฉาริษยาใคร ตอบด้วยนะ

ไม่โกรธใคร

ไม่

แผ่เดีย ๋ วนัน ้ ถึงเดีย ๋ วนัน ้

แล้วก็ มีการรับ

อันนีม ้ ันเป็ นของใครของมัน

อาตมาจะบอก

กรรมวิ ธี แ บบวิ ช าการนั ้น คงไม่ ไ ด้ ปฏิ บั ติ เ ท่ า นั ้น

ไม่เกลียดใคร

เพี ย งแต่ แ นะแนววิ ธี

จากอำา นาจของจิ ต ด้ ว ยการใช้ ส ติ นั่น เอง

มันอยู่ในวงแคบของการปฏิบัติกว้างเข้ามาหาแคบโดยวิธีนี ้ ในกาลเวลาต่ อ มาที ่อ าตมามาอยู่ ที ่นี ่แ ล้ ว ก้ เ จริ ญ ภาวนาและก็ แ ผ่ เ มตตา

แต่ ค วรจะมี ห ลั ก การแผ่ เ มตตา

แล้วก็อโหสิกรรมให้ได้

ทีเ่ ราทำา วัต รสวดมนต์ นั่น มีค วาม

หมายมาก

กาเยนะวาจา

ทั ้ ง กาย

อโหสิกรรมต่อคุณพระศรีรัตนตรัย ศรีรัตนตรัยกำาหนดอโหสิกรรม

ใช้หนีค ้ ่าเรือจ้างตาก้อย

วาจา

ใจ

ขอ

ทีห ่ มิน ่ เหม่ต่อคุณพะร

แล้วแผ่ออกไปได้ผลแน่

พอมาเจริญสมาธิ ค่าเรือจ้าง

นึกไปนึกมาถูกต้องทีเ่ คยโกงเขามา

ไม่ได้ไปบ้านเขานาน นมไป

จิตสงบก็นึกขึน ้ มาได้บอกรีบใช้หนี ้ จนมาบวชเป็ นสมภารเจ้าวดั

เอาโอวั ล ติ น ไป

ก้เอา

เอาสตางค์ ใ ส่ ซ อง ๒๐๐ บาท

ถื อ ร า ค า ก๋ ว ย เ ตี ๋ ย ว เ ป็ น เ ก ณ ฑ์ อาตมาเอาเรือ จอด

อาตมาก็

ชื่ อ ต า ก้ อ ย

แ ก่ แ ล้ ว

เขาก็ ต กใจว่ า พระมาทำา ไม

หนักเป็ นอัมพาตจะตายแล้ว

แกเจ็ บ

ก็เอาสตางค์ไปใส่มือกระซบ

บอกทีห ่ ูว่าโยมก้อย อาตมาตอนเป็ นเด็กเคยโกงค่าเรือจ้าง โยม

เดื อ นละ ๓๐ สตางค์ จำา ได้ มั ้ย

นมาด้วย นะ

แล้ ว เอานมโอวั ล ติ

บอกลูกสาวว่าช่วยชงให้โยมด้วย

อาตมาเป็ นเด็ ก รู้ เ ท่ า ไม่ ถึ ง การณ์

เหลื อ เกิ น มาบกอบุญ

เขาแปลกกั น ว่ า

อโหสินะโยม

แหมบุ ญ ของเรา

พระก็ ม าหลายวั ด แล้ ว มี แ ต่

องค์นีแ ้ ปลกเอาสตางค์มาให้

วันหลังลูกสาว

เอาข้าวสารมาให้ทีว ่ ัดเรานีเ่ รียกว่าบุญงอกได้

คนทีม ่ ีจิตดี

ต้องมีมารต้องใช้หนี ้ มีอุปสรรคตลอดเวลากาล

คนทีม ่ ี

ความดีต้องมีอุปสรรคแน่นอนไม่ใช่ดีไปตลอด

เราเข้าใจ

ผิดคิดกันว่าเราสร้างกรรมดีเหมือนมีกรรมบัง

ข้อเท็จจริง

คือใช้เวรกรรมเป็ นความดีแล้ว

ใช้หนีค ้ ่าเรือจ้างยายนวม อยู่มาอีก ๒-๓ เดือน

อาตมานัง่ สมาธิตัง้ สติ

กั น ไปได้ ว่ าเคยโกงค่ าเรื อ จ้ า งยั ง อยู่ อี ก ท่ า นหนึ่ง

นึกต่อ ชื่อ ยาย

นวม

อาตมาก็ไป

หูบอกโยม

แกก็จะตายเสียอีกแล้วขึน ้ ไปกระซิบที ่

อาตมาเมือ ่ เป็ นเด็กเคยโกงค่าเรือโยม

มาขอให้ อ โหสิ ก รรมอาตมาด้ ว ยนะ บาท

เสร็ จ แล้ ว ก็ ใ ห้ ๒๐๐

พร้อมกับนม โอวัลตินตามเดิม

๗ วัน

วันหลังเขาทำา บุญ

ยังเอาสตางค์มาถวายเราอีก ได้มากกว่า ๒๐๐ อีก

พอกลั บมาได้ ๒ วั น ตลอด

อาตมา

โยมนวมก็ ต าย

อาตมาก็ ไ ด้ ใ ช้ ห นี ้

นีม ่ ันเป็ นบุญเป็ นกรรมของเราโดยเฉพาะ

เ ว ล า ผ่ า น ม า บางปะอิ น สตางค์

พ อ ดี จ ะ ไ ป เ ยี ่ ย ม ร้ า น เ บ๊ เ ต็ ก เ ส็ ง ที ่

เคยแวะไปกิ น อาหารบ่ อ ยๆ ต่ อ มาก็ ไ ม่ เ อา

เพราทุกครัง้ ไปอาตมาก็จ่ายสตางค์

เขาบอกว่า

ตัง้ แต่อาตมาไปฉันร้านเขานีท ่ ำา ให้ร้านเขาขายดีเลยไม่เอา สตางค์

ก็ชอบพอกันอยู่ด้วย

มาตอนหลังมีคนไปผ่าท้อง

ที ส ่ ุ ข ศาลาอนามั ย ชั ้น ๑ บางปะอิ น

ที ร ่ ิ ม นำ้า

อาตมาก็

ตัง้ ใจวาจะไปเยีย ่ มเขา พอดี คื น นั น ้ อาตมาก็ แ ผ่ เ มตตาอโหสิ ก รรม

สติ บ อก

อีกแล้วว่าจะต้องใปช้หนีเ้ ต่าทีร ่ ับจ้างต้มเจ่าตัวละ ๑ บาท ให้พ วกขีเ้ มา

ปรากฏว่ า เต่ า มั น มี ค วามสามั ค คี ดิ น ้ เสี ย จน

หม้ อ ดิ นแตกหน้ เ ข้ ากอไผ่ ไ ปหมด หมดแล้ว

กรรมเหล่ า นี เ้ ราลื ม ไป

สติ อันหนึ่งก็ บอกว่ า ระวั น พรุ่ ง นี อ ้ ย่ า เอาใครไป

อาตมาก็ไปกับคนขับรถปิ คอัพ หมดแน่นอน

ถ้าไปก็ตายหมดเลย

อาตมาก็หาเรือ ่ งเพทุบาย

ตาย

เขาก็โกรธอย่าง

ร้า ยแรงว่ าไปชวนเขามาแล้ว ก็ไ ม่ เ อาเขาไป

อาตมาก็ บ อ

กกกะคนขับรถว่า ๑๕ นาทีนะ

ไปเยี ย ่ มเขานี เ่ จ้ าคอยตัง้ เวลาไว้ ว่า แค่

คอยเตือน

อาตมาให้รีบกลับด่วน

โดยเรา

คิ ด แล้ ว ว่ า ถ้ า ไม่ รี บ กลั บ ตามเวลา ๑๕ นาที ร ถจะควำ่ า ที ่ พระนครศรีอยุธยาและเราจะต้องตายเลยผลสุดท้ายไม่เอา ใครไปเลย เต็กเส็ง

พอได้ ๑๕ นาที

อาตมาขอลาละ

ก็บอกเจ๊ชือ ่ ศรีนวล

บอกมีธุระ

รีบกลัย

ก็ บึ่ง เลยความเร็ ว ขนาด ๑๒๐ กม./ชั่ว ดมง ใหญ่ บ นถนนเอเชี ย เพิ ง่ สร้ า งเสร็ จ ใหม่ ๆ เป็ นการใหญ่

ด้วยความเร็วก็หมุนเลย เลย

ควำ่า ๘ รอบ

จี ว รขาด

รถบี ้

ตรงโค้ ง ตรงวั ด คู ร ถมา

ถลอกปอกเปิ ดหมด

รถมาจอดดูเป็ นแถว

ใช้หนีห ้ ก ั คอนก

ต้ อ งมาปวดแสบ

รถบีห ้ มดต้ อ งเอาแชลงงั ด

ดีว่ารถข้างหน้าไม่สวน

มันถลอกหมด

ไม่หมด

ล็อคประตูไว้

อาตมาไม่ ก ล้ า ไปโรง

เสียค่าซ่อม ๓-๔ หมืน ่ บาท

ไปทัง้ ตัวเลย

ฝนที ่อำา เภอ

รถเสียหลักพวงมาลัยหลวมหมด

ปวดร้ อ นอยู่ เ ปนเวลาแรมเดื อ น

ตายหมด

ฝนตกฟ้ าร้ อ ง

ศรีษะโดนทัง้ บนทัง้ ล่าง

พยาบาลเพราอายเขา

ขึน ้ รถได้

ขั บ เป็ ฯการ

มาถึ ง อ่ า งทองฝนก็ ห ยุ ด

พรหมฯมั น ยั ง ตกอยู่ ถ นนมั น ลื่ น

ร้านเบ๊

พวก

ถ้าสวนก็คง

ปวดแสบปวดร้อน

อันนีก ้ ็ได้ใช้หนีเ้ ต่าแต่ยังใช้

ในเวลาต่อมา

อาตมาก็นัง่ สมาธิ ๖ เดือนเศษทีจ ่ ะถึง

วาระแห่งความตายก็มีนิมิตบอกอาตมาให้ทราบว่า เดชพระคุ ณท่ านวันที ่ ๑๔ ตุ ลาคม ๒๕๒๑ ต้องจากวัด ออกพรรษา

ตายไปใช้หนีน ้ กทีห ่ ักคอ

องค์อื่น

ก็ ป ระชุ ม มองให้

เงินวัดมีเท่าไรมอบให้มัคทายกแล้วก็องค์ไหนจะ อาตมาก็ บอกให้พ วกโยมผู้ ห ญิ ง

มานั่งกัมมัฏฐานคนละเดือน โยมผู้ ช ายมานั่ ง แทน

พอโยมหญิงกลับแล้ว

เอา

ต่ อ ไปก็ จ ะไม่ มี ค นสอนจะขอลา

วันที ่ ๑๔ ตุลาคม

นี ม ่ ั น รู้ ล่ ว งหน้ า ได้ หลาย

วันที ่ ๑๖ ตุลาคม

เสียสละปลงบริขารให้หมด

เป็ นสมภารต่ อไปก็ มอบ

แน่นอน

เที ย ่ งสี ส ่ ิ บ ห้ า

อาตมาก็ นึ ก ดู ว่ า เราต้ อ งลาเขา

สงฆ์มอบอัฐบริขาร

พระ

มั น มี ป ระโยชน์ ม ากนะ

ถ้ า รู้ ล่ ว งหน้ า ไม่ ไ ด้ ลำา บากมาก

รวมผลงาน

ท่ า นทั ้ง

สติ ตั ว นี เ้ ป็ นการ

สั ม ป ชั ญ ญ ะ เ ป็ น ตั ว คำา น ว ณ ก า ร

นี ่

สติสัมปชัญญะมันบอกได้ดังนีอ ้ าตมาก็ขอลาเขาหมดแล้ว แบ่งงานแบ่งภาระหน้าทีแ ่ ล้ว อาตมาก็คิ ดว่ าตามหลั กพระพุ ท ธเจ้ า สอนไหนๆ เรา จะตายแล้วก็ขอลาเขาเสีย

แล้วคนทีม ่ าเราก็บกอได้

ที ไ่ ม่ ม าจะทำา ยั ง ไงเขาจึ ง จะรู้ ไ ด้ จงกรม

คน

ก็ เ จริ ญ กั ม มั ฏ ฐานเดิ น

นัง่ กัมมัฏฐาน

มี โ ยมท่ า นหนึ่ ง ชื่ อ ดยมชาญ อาตมาเนื่องจากว่า

บริษัทนายสุเมธ

กรศรี ทิ พ า

ที ่รู้ จั ก

เตชะไพบูลย์

คุณ

ชาญ

กรศรี ทิ พ า

เขามี โ รงงานนำ้า ตาลที ส ่ ิ ง ห์ บุ รี

ฝั น ว่ า รั ช ก า ล ที ่ ๕

เขาก็

ไ ป เ ข้ า ฝั น บ อ ก ใ ห้ เ ข า ม า ที ่ วั ด นี ้

พระบรมฉายาลักษณ์ของท่านทีว ่ ัดนี ้ เขาก็พูดลักษณะได้ ถูก ต้องโดยที ่ ร.๕

เคยเสด็จ ทางชลมารคสมั ย ร.ศ.๑๒๕

และพระองค์ได้ถวายพระบรมฉายาลักษณ์ตอนพระองค์ขึน ้ เสวยราชย์ในวันนัน ้ ท่านสมภารก็อยู่ด้วย คุ ณ ช า ญ

พ ร้ อ ม ด้ ว ย คุ ณ สุ เ ม ธ

อาตมาก็ไม่รู้จัก

บอกโยมมีธุระอะไร

รูปก็เลยเล่าเรือ ่ งทีฝ ่ ั นให้ฟัง

ก้ เ ดิ น เ ข้ า ม า

เมื่อทัง้ สองมาเห็น

ก็เลยรู้จักกันเป็ นเวลาหลายปี

ในเวลาต่อมาอาตมาเห็นว่าคนนีม ้ ีประโยชน์ต่อวัด เราจะเป็ นอะไรไป

เราต้องบอกเขาเสียก่อน

ถ้าหาก

อันนีเ้ อาไป

ใช้ได้ เวลาะจแผ่ เมตตา

กระแสจิ ตนี เ่ ป็ นพลั ง งานอั น หนึ่ง

อาตมาพิ สู จ น์ ไ ด้

เอาผ้ า ขาวมากอง

เช่ น

กระดาษสี ทึ บ มาทั บ

แล้ ว เอาพลั ง งานกระแสแดดหรื อ

ไฟฟ้าส่องจะทำา ให้กระแสนีไ่ ปติดผ้าขาวได้ แผ่ส่วนหุศล

ขอให้ท่านทำาจิตดีๆ

ไม่ได้ง่ายๆ นัก

แล้ ว เราเอา

ติดได้

เหมือนอย่าง แต่ก็หาคนทำา

ต้องทำาจิตใจให้ได้ถงึ ก่อน

ส่งกระแสจิตลาตายกลายเป็ นตัวหนังสือ อาตมาก็ เ ริ ม ่ ต้ นว่ า ใกล้ วั น ที ่ ๑๔ ตุ ล าคมแล้ ว มาสวดมนต์ไหว้พระแล้วก็แผ่เตตาบอกโยมชาญ กับอาตมาก็ชอบกันมาหลายปี แล้ว

เราก็

ว่า โยม

อาตมาขอนะ

วัน ที ่

๑๔

ตุ ล าคม

สิงห์บุรี

อาตมาคอหั ก แน่

ก็บอกเขาอย่างนัน ้

ชาญเขาก้ไปทำางานบิษัท ที เ่ ราแผ่ เ มตตาไป

ตายอยู่ โ รงพยาบาล

ขอลา

ในเวลาต่อมา

ไปนัง่ เขียนหนังสือ

ไปติ ด ที ก ่ ระดาษเขา

คุณ

ไอ้ข้อความ

ลายมื อ อาตมา

ด้วยตามทีเ่ ราแผ่เมตตาตรงกับตัวหนังสือ ครัง้ ทีว ่ ันที ่ ๑๔ ตุลาคม

เทีย ่ งสีส ่ ิบห้านาที

จำาเป็ นต้องไปประชุมทีว ่ ัดกวิศวราราม นั ้น ด้ ว ย

หลวงพ่ อ ธรรมญาณ

ท่ า นมี ห นั ง สื อ มาว่ า ทัง้ หมดทีจ ่ ังหวัดลพบุรี เลีย ้ งเพลทีว ่ ัด

อาตมาก็

จังหวัดลพบุรีในวัน

เจ้ า คณะจั ง หวั ด ลพบุ รี

เขาจะประชุ ม เจ้ า คณะอำา เภอกั น พอดีวันนัน ้

อาตมาก็เตรียมตัว

นายแพทย์ศิริราชมา รู้แล้วว่าวันนีเ้ ราไม่ได้

กลั บวั ดแน่นอนตามที เ่ รามี ส ตรู้ ล่ว งหหน้ า ๖ เดื อ นว่ า เรา ต้องใช้หนีน ้ ก

จะใช้อย่างไรกันแน่

คงจะไม่ได้กลับ

มอบ

หมายการงานเรียบร้อยแล้วโยมผู้หญิงมานั่งกัมมัฏฐาน ๑ เดือนแล้วโยมผู้ชายด้วยมาแทนหลังจากดยมผุ้หญิงกลับไป แล้ว

โยมผู้ชายจะได้ช่วยกันเอาศพไปไว้วัดเตรียมงานครัว

ทำานองนีเ้ ป้ นต้น อาตมาก็ ล าเขาหมดแล้ ว ก็ ขึ้ น รถเที ่ย งกว่ า เทีย ่ งสามสิบ

เปลีย ่ นจีวรใหม่หมด

คิดว่าไม่ได้กลับ

แล้วมีนาวาตีวาด

จะตก

เตรียมหนังสือขึน ้ รถ เกษแก้ว

ใส่เสือ ้ ขาว

กางเกงขาวก็อาศัยรถไปด้ ว ยก็ คงจะตายพร้ อ มกั บ อาตมา ออกจากวั ด เลี ย ้ วขวาเข้ า ลพบุ รี

ถึ ง หลั ง ตลาดปากบาง

ตอนนัน ้ พอถึงปั ๊ มนำา ้ มันรถเขาก็เปิ ดไฟเลีย ้ วขวารถตามหลัง มา ๓ คัน ชนทั น ที

แซงซ้ายรถทัวร์ทันจิตออกจากปั ๊ มนำ้ามันวิง่ เข้า เที ่ย งสี ่สิ บ ห้ า พอดี

ลอยขึ้นหลังรถทั วร์ไปเลย

นาวาตรี ว าด

เกษแก้ ว

พวกตลาดนึ ก ว่ า หนั ง สื อ พิ ม พ์

ลอยไปก็เนือ ่ งจากแกใส่เสือ ้ ขาวกางเกงขาวนีห ่ ลังหัก อาตมาไหล่ ช นเหล็ ก หั กไปเลย หนังหัวไปอยู่ตรงท้ายทองหมด หน้ า อก

หัวขาวเลย

หมุ น ได้ เ ลยเลื อ ดเต็ ม จมู ก

อาตมาก็บิ นออกไปแบบนก วา

แล้ ว กระจกครู ด เอา คอพับไปที ่

กระจกมั น บาด

ออกห่ างรถไปประมาณ ๒๐

แต่ เ ดชะบุ ญว่ ามี มื อ ดี อ ยู่ มื อ หนึ่ง จั บ ขึ้น มา

ลองคลำา ว่ า เราคอหั ก ไปหรื อ นี ต ่ าไม่ สั ม ผั ส ตายหมดแล้ ว ทั ้ง ตั ว

แต่ มื อ ดี

สติ ดี

ได้ทีท ่ ้อง

ยุบหนอ

ใช้ได้นะ

พองหนอ

สะดือหายใจได้ลองไปคอหักดูนะ

อาตมาก็ หู ไ ม่ สั ม ผั ส

แต่ ก ลั บ ไปหายใจ ใครอยากจะร้ว ู ่า

คนขับก็สลบ

อาตมา

ยังพูดได้เพราะสติดีอยู่ทีล ่ ิน ้ ปี ่ จำา ไว้แล้วหายใจทางสะดือได้ ทไมหายใจได้

นึ ก ถึ ง ในท้ อ งได้ ที ่เ ราอยู่ ใ นท้ อ งแม่ กิ น

อาหารทางสะดือแน่นอน

หายใจได้

ตลอดเวลาเลยได้ ตำา ราเพิ ม ่ ขึ้ น ต้ อ งมาฝึ ก กั น ใ ห้

รู้ ส ติ

ยอมอุ้ ม

หั ว เละ

แต่ ยั ง พู ด ได้

ยุบหนอ

แต่ ต้ อ งทำา ได้ ก่ อ นนะ

ตื่ น มี สติ

อาตมาก็พูดว่าโยมช่วยอุ้มหน่อย

พองหนอ

ห ลั บ มี สติ

รู้ แ น่

ไอ้พวกทีไ่ ปมุงดูกันก็ไม่ ที เ่ ข้ า ใจว่ า หั ว เละเพราะ

หนั ง ไม่ มี

จนตำา รวจทางหลวงมาบอกว่ า ยั ง ไม่ ต าย

ถ้ า

ตำารวจไม่มาเราก็คงจะจมอยู่ตรงนัน ้

กรรมต้มเต่ามาซำ้า พอดีตรงนัน ้ เขาทำาอิฐ

เถ้าแก่เขาก็ขับรถมา อาตมา

ยังมือดีอยู่อีกข้างก็เสยคางไว้ แล่ น ถึ ง วิ ท ยาลั ย เกษตร เสี ย งดั ง นี ้

มันไม่มีความรู้สึก

พอรถ

ได้ ยิ น เสี ย งแว่ ว แผ่ ว มาแต่ ไ กล

สมนำ้า หน้ า ๆ ได้ ยิ น มาเรื่อ ยๆ เดี ย ๋ วต้ อ งซำ้า ๆ

คอหักแล้วยังไม่สงสารจะมาซำา ้ สักประเดีย ๋ วเห็นเต่า

พอ

เห็ น เต่ า เท่ า นั ้น แหละฝาหม้ อ นำ้ า รถอยู่ ต รงนั ้น หลุ ด พรวด ลวกเอาเราคนเดียว ดี

อยู่ ก็ ร้ อ นนะซิ

ตายจริงเปี ยกหมดเลย

ไอ้แขนก็ยัง

แล้ ว กระเด็ น ไปถู ก คนขั บ

ไอ้ ค นที ่

ประคองอาตมาไปบอกว่าหยุดๆ เดีย ๋ วคนหลังจกตาย เต่ามาซำ้าเราอีก

สงสัยใช้หนีต ้ อนนัน ้ ยังไม่หมด

ไอ้

รถไปถึง

โรงพยาบาลนำา ้ แห้งหมดพอดีเลย อาตมาก็ขออธิษฐานว่า แล้วเข้าใจแล้ว

ข้าพเจ้าขอให้ไปสบาย

รู้

ขออโหสิกรรมทุกอย่างกับโลกมนุษย์

ใน

เมื่อข้าพเจ้ายังใช้หนีใ้ นโลกมนุษย์ไม่หมดขอให้ข้าพเจ้าไป ใช้ในชาติต่อไป

ประการที ่ ๒

มนุ ษ ย์ ห มดแล้ ว

ขอให้ ข้ า พเจ้ า ไป ณ บั ด นี ้

ทรมานต่อไป

อธิษฐาน ๒ ข้อ

ถ้าข้าพเจ้าใช้หนีใ้ นโลก อย่ า ได้

วันนัน ้ พอดี บ้ า นเขา

ผู้อำา นวยการโรงพยาบาลไม่อยู่

ทางวั ด เกษ

อยู่ แ ต่ น ายแพทย์ ใ หญ่

เขาไป หมอสม

หมายก็ วิ ง่ ไปจากบ้ า นรู้ ข่ า วว่ า รถชนอาตมาก็ เ อาเข้ า ห้ อ ง ฉายเอ็ ก ซเรย์

เขาพู ด กั น ได้ ยิ น แว่ ว ๆ บอกไม่ มี ท างหมอ

ใหญ่บอกไม่มีทาง รถ

หมอใหญ่สั่งให้อาตมานอนตรงๆ บน

ซึ่ ง มี ลู ก ล้ อ เล็ ก ๆ

ไอ.ซี .ยู

โดยด่ ว น

ให้ บุ รุ ษ พยาบาลเ อาเข้ าห้ อง

จั ด การเย็ บ หนั ง ศรี ษ ะที ม ่ ั น ถลกไปนี ่

ก่อน อาตมาก็ อ ธิ ษ ฐานไปเรื่ อ ยๆ มื อ ดี ยั ง มี อ ยู่ อี ก มื อ หนึ่ง นอกจากนัน ้ ตายหมดแล้ว ยุบหนอตลอด ที ่

แต่ยังหายใจได้ทีท ่ ้องพองหนอ

ก็แบ่งวาระบุรุษพยาบาล ๒ คนก็ไสรถเต็ม

รถก็ เ กิ ด ตกร่ อ งประตู เ หล็ ก

โครม!

แพทย์ อี ก คนบอกตายเสี ย แล้ ว ละมั ง หว่ า ลัน ่ กร๊วบเข้าทีเ่ ลย ออก

พอคอติด

เพิม ่ ขึ้นอีก ๒ ข้อ ประสาท

คือติดเลย

ได้ค วามรู้ ยังไง

คอ

หายใจไม่

เลยทำา ให้ได้ความรู หมายความว่ าถู กจุ ด

ประสาทคอกั บ ประสาทก้ น เป็ นเส้ น เดี ย วกั น เขาก็ เ ริ ม ่ ดึ ง หนั ง มาเย็ บ

อาตมาจะเป็ นอั ม พาตไม่ ดี ขึ้น

บอกว่าเป็ นเพราะอัว ๊ นะ

หมอก

บุ รุ ษ พยาบาล

ถ้าอัว ๊ ไม่ไสรถตกร่องคอจะต่อไม่

ติดหรือกลับมีบุญคุณเสียอีก กรรม

เปล่ า เลย

ลืมตาเห็นเลย

ปวดก้นแทบหลุด

เข้ า ไปในห้ อ งฉุ ก เฉิ น สงสั ย ว่ า

ล้ อ พั ง หมด

อาตมาก็ นึก ว่า เราใช้เ วรใช้

ในเวลาต่อมาหมอไม่สามารถจะรักษาได้

เพราะมี

แรงขาแข็งถีบได้ทัง้ นัน ้ ลองบีบมือ

นางพยาบาลบอกหมอ

ก็ให้เรา

หากว่าเราจะไม่มีแรงอันนีก ้ ็เป็ นบุญวาสนา

พอรุ่ ง เช้ า

คุ ณ ชาญมา

ถื อ หนั ง สื อ โทรจิ ต มาด้ ว ย

บอกนี ท ่ ่ า นทำา ไมต้ อ งเขี ย นหนั ง สื อ มา ท่ า นทำา ไมไม่ บ อกผม อาตมาบอกเปล่ า

วั น ก่ อ นผมไปพบ

ทำา ไมต้ อ งเขี ย นหนั ง สื อ ฝากเขาไป

ว่ า ไม่ ไ ด้ เ ขี ย น

เขาว่ า นี ไ่ งละลายมื อ

ท่าน ผู้ อำา นวยการโรงพยาบาลสิ ง ห์ บุ รี ก็ ไ ม่ รู้ จ ะทำา ยั ง ไงก็ โทรศัพท์ไปหาผู้อำา นวยการโรงพยาบาลเลิดสิน เขาคือ

หมอประดิษฐ์

ไม่ตายทำา ไงดี

อาจารย์

ถามว่าหลวงพ่อองค์นีค ้ อหักแล้ว

หมอประดิษฐ์บอก

ผมก็ไ ม่เ คยเห็ น

ขอ

ให้เอาตัวมาดู รุ่งขึน ้ เขาก็หาหามอาตมาขึน ้ รถไปโรงพยาบาลเลิดสิน หามไป

อาตมาพลิกไม่ได้

ขึน ้ ไปชัน ้ ๒

ยกแข้งยกขาได้ลุกไม่ได้ก็หาม

หมอประดิษฐ์ก็มาตรวจเอาแพทย์มาวิจัยกัน

ใหญ่ ห มอประดิ ษ ฐ์ ก็ บ อกขอทำา เอง พันใส่เฝื อก ๑๕ นาที รถกลั บ จั ง หวั ด สิ ง ห์ บุ รี มากมาย หั ก ไม่ ต าย

อาตมาเดิน

ก็ เ อาผ้ า มาแช่ นำ้ า มา ลุกขึน ้ ได้

มั น ก็ แ ปลกดี

ต่างจังหวัดมากันเยอะ

แขกมาเยี ย ่ มกั น

เขาลือกันว่าอาตมาคอ

ขนมนมเนยเยอะแยะไปหมด

เวลากิ นไม่ ไ ด้ ม าเยี ย ่ ม

ขากลับขึน ้

อาตมานึ ก

เวลาจะตายจะซื้อ มาทำา ไม

กินไม่ได้ก็เอามาให้กิน คนกินได้ไม่คอ ่ ยให้

รู้ ว่ า

พอกลั บ มาวั ด ได้ อ าตมาก็ คุ ย ทั ้ง วั น เยีย ่ มมากมย

หมอประดิษฐ์ก็สัง่ มาบอกว่าอย่าให้คุยมากน

แล้ ว แผลจะหายช้ า ฉีดยานอนหลับ สู้ ย า

เพราะมี ค นมา

ให้ ฉั น ยานอนหลั บ ก็ น อนไม่ ห ลั บ

ก็ไม่หลับ

จนนางพยาบาลว่า

หลวงพ่อ

หมอประดิ ษ ฐ์ ก็อ อกอุ บ ายว่ า ให้ เ ข้ า มาโรงพยาบาล

เลิดสินจะถอดเฝื อกให้ ถอดเฝื อกให้จริงๆ พั ก สั ก ประเดี ย ๋ ว

อาตมาก็ดีใจรีบไป

พอไปถึงเขาก็

พอตัดเฝื อกออกก็เลยเป็ นลมครัน ้ พอ

หมอบอกหลวงพ่อ เดี ย ๋ วใส่ ใ ห้ ใ หม่

ผม

หลอกท่ า นมาไม่ งั ้น ท่ า นไม่ ม าเลยใส่ ใ หม่ เ พิ ม ่ อี ก ๔ กิ โ ล พอใส่ได้สัก ๑๕ นาที

อ้าปากไม่ออกเป็ นฤาษีเลย

เปรตปากเท่ารูเข็ม พอกลั บ ไปถึ ง สิ ง ห์ บุ รี สุ ด ท้ ายก็ หิ ว นำ้าเหลื อ เกิ น กาแฟ ข้ า งๆ

ต้องดูด

เราก็ จ ะแย่ อ้ ป ากไม่ ขึ้น

กิ น ไม่ ไ ด้ ต้ อ งหยอดด้ ว ยหลอด

ดู ดก็ไม่ เข้ า

เวลาฉัน เช้ า

เลยมนึ ก ในใจนึ ก ถึ ง ยายได้

ปากเท่ า รู เ ข็ ม

ก้ใส่ เข้ าไป

เจ้ า ต้ อ งเป็ นเปรต

กิ น อะไรไม่ ไ ด้ จ ริ ง ๆ ตั ้ง ๕๐ วั น

เหนือจากกินไม่ได้แล้ว ข้างบนขบแล้วเลือดไหล

ผล

นกอ

พูดไม่ได้ด้วยพออ้าปากมากๆ ไอ้ เวลาฉันข้าวก็ต้องขยับเลือดไหล

จะกิ นอะไรก็ ต้อ งป้ อนเราต้ อ งมาทรมานเป็ นเปรต

ก็ เ ลย

นึกถึงคำายายว่าต้องเป็ นเปรตเพราะไปกินข้าวทีใ่ ห้ไปถวาย พระ

หลั งจากที อ ่ าตมากลั บ จากโรงพยาบาลแล้ ว ๕๐ วั น เท่า นัน ้

กลั บมานึ กในใจวว่ า

เริม ่ ถมดินรอบวั ด ต่อไป

เราต้ องใช้ ห นีโ้ ลกมนุ ษ ย์ ก็

ก็เ ริ ม ่ สร้ า งหอประชุ ม นี เ้ พื่อ นจะอบรม

ตัง้ ใจไว้อย่างนัน ้

ต้องใช้หนีโ้ ลกมนุษย์ด้วยการเผย

แผ่พระรรมคำาสอนของพระพุทธเจ้า ไปแล้ว

ในที ส ่ ุด

กันมาก

ในครัง้ สุดท้าย

สุเมธ อาตมา

จะไม่ขอสร้างวัตถุต่อ

มี ก ารทำา บุ ญ รั บ ขวั ญ

เตชะไพบูลย์

นายชาญ

โยมก็ ม าทำา บุ ญ

กรศรีทิพา

ทัง้ สองท่านนีก ้ ็มาทำา บุญรับขวัญให้

แล้วนำาเอากระดาษทีม ่ ีตัวหนังสือมาด้วย

แกก็ พั บ อย่ า งดี ม า เรียบร้อยดีแล้ว ให้ เ ขาฟั ง

กับนาย วันนัน ้

พอทำา บุ ญ เสร็ จ เรี ย บร้ อ ยอุ ทิ ศ กุ ศ ล

แกก็เอากระดาษออกมาว่าจะเอามาอ่าน

ปรากกว่ า ตั ว หนั ง สื อ ไม่ มี

เดีย ๋ วนีก ้ ็ยังเก็บใส่กรอบไว้ดูเป็ นทีร ่ ะลึก

มี แ ต่ ก ระดาเปล่ า

ปลาดุกย่างเป็นเหตุ

เมื่อเรารดนำ้ามนต์หลวงพ่อแพเสร็จแล้ว ก็ บ อกข้ า พเจ้ า ว่ า

ออกจากนี ่

วั ด อั ม พวั นอยุ่ ไ ม่ไ กลจากที น ่ ี่

คุณอำา นวย

เราจะไปวั ด อั ม พวั น กั น

ออกไปทางถนนพหลโยธิ น

วัดตัง้ อยู่ริมทางเท้าเลีย ้ วเข้าไปประมาณ ๕๐๐ เมตรเท่านัน ้ ไหนๆ ก็มาทำา บุญวัดหลวงพ่อแพแล้ว

ก็ควรจะเลยไปวัด

อัมพวันสักหน่อยก็จะดี “หลวงพ่ อ องค์ นี ้ดี ท างไหน ?”

ข้ า พเจ้ า ถามคุ ณ

อำานวยผู้แนะนำา “ท่านเก่งทางนัง่ ทางใน

และทางวิปัสสนากัมมักฐาน”

คุณอำานวยขีแ ้ จง “ท่านเก่งทางวิปัสสนาก็เป็ นเรือ ่ งของท่านไม่เกีย ่ วอะไร กับเราผุ้เป็ นฆราวาส” “เกีย ่ วซิ

ข้าพเจ้ายังไม่หายสงสัย

ทำา ไมจะไม่เกีย ่ ว

ยิ ง่ เกี ย ่ วมากขึ้น

ยิง่ คนซวยๆ

เพราะอย่ างน้อ ยก็จได้รู้ว่ า

อยู่ เ วลานี ม ้ ั น เป็ นมาอย่ า งไร”

อย่างผู้ว่า เรื่องที ซ ่ วย

คุ ณ อำา นวยชั ก ฉั น เพราะ

ความขีส ้ งสัยของข้าพเจ้า “รู้ แ ล้ ว จะมี ป ระโยชน์ อ ะไร

ไปพบท่ า นแล้ ว จะหาย

ซวยกระนัน ้ หรือ ?” คุณอำา นวยเกาหัวยิกยัก

คงจะโมโหทีข ่ ้ าพเจ้ าสงสั ย

ไม่หยุด “อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเรือ ่ งราวมันเป็ นมาอย่างไร รั บ เพคราะห์ ก รรมถึ ง ปานนี ้

จึงได้

พระที น ่ ั่ง ทางในได้ นั ้น ย่ อ ม

มองเห็นอดีตและอนาคตของสัตว์โลกทุกชีวิต

เขาเรียกว่า

มี ทิ พ ย์ จั ก ษุ

หรื อ ญาณจั กษุ

อ ะไร ทำา นอ ง นี ้แ ห ละ

เข้า ใจหรื อยัง ”

เขาอธิ บายจบพร้ อ มกั บ ถอนหายใจเฮื อ ก

ใหญ่ “ซาบซึ้ง แล้ ว ครั บ ”

ข้ า พเจ้ า ตอบยิ ม ้ ๆ

ค้อนประหลับประเหลือก มา

คุ ณ อำา นวย

คงนึกในใจว่าไม่ควรพาข้าพเจ้า

ดูจะมีปัญหามากเหลือเกิน เราออกจากวัดพิกุลทองของหลวงพ่อแพมุ่งตรงไป

ออกทางเข้าสิงห์บุรีตรงตัดกับถนนพหลโยธิน ตามถนนพหลยินมุ่งเข้ากรุงเทพฯ สิงห์บุรีมาได้ประมาณ ๘ ก.ม.

จากปากทางเข้ าเมือ ง

ก็จะถึงวัดอัมพวัน

ถ้ ารถยนต์ มุ่ ง หน้ าเข้ ากรุ ง เทพฯ

สะอาดสะอ้าน

มีต้นไม้ใหญ่ๆ

วัดนี ้

จะอยู่ ท างด้ า นขวามื อ ที ่

ปากทางมี ป้ ายเขี ย นไว้ ว่ า ทางเข้ า วั ด อั ม พวั น โรงเรี ย นแล้ ว ก็ จ ะถึ ง ตั ว วั ด

แล้ววิง่ มา

เมื่ อ ผ่ า น

บริ เ วณวั ด กว้ า งขวางและ หลายต้นร่มรื่นสมกับเป็ น

ทีอ ่ ยู่ของบรรพชิต เมื่อพวกเราไปถึง

ท่านอยู่พอดีมีอุบาสกอุบาสิกานัง่

อยู่ ก่อ นแล้ ว ๔-๕ คน

พอคณะของพวกเราประมาณสิ บ

กว่าคนไปถึง

บรรดาท่านเหล่าน้นก็ลาหลวงพ่อไป

คุ ณ อำา นวยนำา พวกเราไปนั่ง ใกล้ ๆ

สำา หรั บ ข้ า พเจ้ า

นั ้ น ให้ ไ ปนั่ ง ข้ า งหน้ า ใกล้ ๆ กั บ หลวงพ่ อ ตำา แหน่ งเป็ นพระครูภาวนาวิสุทธิ ์

หลวงพ่ อ มี

ชาวบ้า นแถบนัน ้ เรี ยก

ท่ า นว่ า พระครู จ รั ญ

เข้ า ใจว่ า คงจะเป็ นชื่ อ เดิ ม ของท่ า น

อายุประมาณ ๕๐ เศษ

ดูท่าทางเป็ นคนเคร่งศีลและวินัย

การพูดจาตรงไปตรงมาไม่เกรงใจใครทัง้ นัน ้ ว่ าถูก พู ด

ทำา ผิด ท่านก็ว่ าผิ ด

ทำา ถูกท่านก็

อาศั ย เหตุ ผ ลเป็ นหลั ก ในการ

เมื่อคุณอำา นวยไปหาท่ านโอภาปราศรัย ดี

แสดงว่ า

คุณอำานวยเป็ นลูกศิษย์ก้นกุฏิคนหนึง่ “มาวันนีก ้ ็ดีแล้ว อาหารไว้ ใ ห้ กิ น ”

อยู่ให้ถึงเย็นอาตมาจะให้เขาหุงหา

ว่ า แล้ ว ท่ า นก็ สั่ง แม่ ชี จั ด การหุ ง ข้ า วทำา

กับข้าวเลีย ้ งคณะคุณอำานวย

โดยทีค ่ ุณอำานวยไม่ทันจะพูด

ว่ากะไร “ผมมาวันนี ้ นอกจากมากราบนมัสการท่านแล้ว ยังได้แนะนำา เพื่อนมาคนหนึ่ง

ก็

ทีเ่ ขาประสบเคราะห์กรรม

อยากจะให้หลวงพ่อช่วยนัง่ ทางในดูสักทีว่าเรือ ่ งราวมันเป็ น ยังไงมายังไงกันถึงได้มาประสบเคราะห์กรรมเช่นนีไ้

คุณ

อำานวยบอกหลวงพ่อ “ไหนคนไหน ?” “คนนีค ้ รับ”

ว่าแล้วคุณอำานวยก็ชีม ้ ือมายังข้าพเจ้า

“อ้อคนนีเ้ รอะ

ท่าทางดีนีไ่ ม่เลวเลย

หมองคลำ้ า ไปสั ก หน่ อ ย แหละ

คนกำา ลั ง มี เ คราะห์ ก็ เ ป็ นแบบนี ้

เดีย ๋ วอาตมาจะนั่งหลับตาดูซิว่ามันเรื่องอะไรกัน ”

พูดจบท่านก็นั่งหลับตาอยู่ครู่หนึ่ง ถาม

แต่หน้าตาดูจะ

พอลืมตาคุณอำา นวยก็

“เป็ นยังไงหลวงพ่อ “เฮ้อ !

พอไหวไหม ?”

รายนีอ ้ าการหนักมาก

จะขาดอยู่แล้วตัง้ แต่เดือนก่อนโน้น พักแต่ยิงไม่ได้

ความจริงดวงชะตา

มีคนจะมาดักยิงทีบ ่ ้าน

เพราะทีน ่ ั่นมีพระภูมิเจ้าทีแ ่ รง

ท่านคอย

คุ้มกันอยู่ทำา ให้คนทีไ่ ปดักยิงมันมองไม่เห็นตัว

มันเลยยิง

ไม่ได้

ความจริงมั นไปเฝ้ าอยู่ นอกรัว ้ บ้ านหลายวัน

โอกาสเห็ น ตั ว โยมคนนี ้ ฉะนัน ้ ดวงชะตาขาดไปแล้ว

มั น เลยล้ ม เลิ ก ความตั ้ง ใจ

มิ

ยังมีหลวงพ่อศักดิส ์ ิทิเ์ ป็ นพระ

เก่าแก่แขวนอยู่ทีค ่ อคอยคุ้ม กัน อยู่อีกองค์ห นึ่ง คิดร้ายทำาอันตรายได้ยาก

ไม่ มี

ทำา ให้ คน

แต่ระยะนีพ ้ ้นเคราะห์เหล่านัน ้

มาแล้ ว คงไม่ เ ป็ นไร

หมั่ น ทำา บุ ญ สุ น ทารมากๆ หน่ อ ย

ปล่อยสัตว์มีชีวิตเช่น

นก

ปลา

มากๆ ก็จะดี”

หลวง

พ่ออธิบาย “แล้วเหตุทีม ่ ีเคราะห์ถึงขนาดนี ้ มันเนือ ่ งมาจากอะไร กันล่ะครับหลวงพ่อ”

ข้าพเจ้าถามท่านบ้าง

เพราะปล่อย

ให้คุณอำานวยถามมานานแล้ว “มั น เป็ นเรื่ อ งที ่ไ ม่ น่ า เชื่ อ

แต่ อ าตมานั่ ง หลั บ ตาดู

ทบทวนอยู่ ถึ ง สองสามครั ้ ง ผลออกมาเหมื อ นกั น อาตมาก็ยังงงๆ อยู่เหมือนกัน” “งงเรือ ่ งอะไรล่ะครับหลวงพ่อ” “งงเรือ ่ งทีไ่ ม่น่าจะเป็ นไปได้น่ะซิโยม”

ซึ่ ง

“เรือ ่ งอะไรล่ะครับทีเ่ ป็ นไปไม่ได้

ในโลกนีม ้ ีเรื่องทีจ ่ ะ

เป็ นไปได้เสมอ” ข้าพเจ้าว่า “คื อ ตามเรื่ อ งมี ว่ า

โยมรู้ ตั ว ว่ า กำา ลั ง มี เ คราะห์ ก็

พยายามซือ ้ ลูกปลาตัวเล็กๆ ไปปล่อยลงนำา ้ ของลูกปลาเหล่านัน ้ ไม่

เพือ ่ ช่วยชีวิต

เรือ ่ งนีโ้ ยมทำามาตัง้ แต่ปีทีแ ่ ล้วใช่หรือ

บอกอาตมาตรงๆ “

หลวงพ่อถามข้พาเจ้าแล้วมอง

หน้า “ใช่ ค รั บ

ผมรู้ ว่ า ตั ว เองกำา ลั ง มี เ คราะห์

ดวงไม่ ดี ก็

พยายามปล่อยนกปล่อยปลามาตัง้ แต่ปีทีแ ่ ล้ว

การปล่อย

นกปล่ อ ยปลาเป็ นการช่ ว ยชี วิ ต สั ต ว์

ไม่ เ ห็ น จะผิ ด บาป

อะไรนีค ่ รับหลวงพ่อ” “ถ้าเพียงเอาไปปล่อยนอกจากไม่บปากแล้ว ยอีกด้วย

แต่เรื่องนีม ้ ันไม่ยุติแค่นัน ้

ต่อมาอีกนะซิ”

ยังได้บุ

มัน ยัง มีเ รื่องยื ดเยื้อ

พูดจบหลวงพ่อถอนหายใจใหญ่

“ยืดเยือ ้ ยังไงครับ” “คือหลังจากเอาเขาไปปล่อย กินอีกน่ะซี แล้วรู้ไหม

ตอนนีแ ้ หละทีบ ่ าปหนัก

จวนจะแก้ไม่ตกอยู่

เท่ากับเราอธิษฐานเมื่อเวลาจะปล่อยเขาลงนำ้า

ว่าจงไปอยู่เป็ นสุขเป็ นสุขเถิด ช่วยชีวิตเจ้าให้ยัง่ ยืนต่อไปแล้ว เถิด

แล้วโยมก็ไปจับเขามา

เราปล่อยชีวิตเจ้าแล้ว

เรา

เจ้าจงไปอยู่เป็ นสุขเป็ นสุข

เจ้ าเวรนายกรรมขอให้ มารับ ส่ว นกุ ศลในการปล่อย

ชีวิตในครัง้ นีด ้ ้วย

เสร็จแล้วหลังจากนัน ้ ไม่นานโยมก็ ไป

จับเขามากินอีก เวรนายกรรม

เท่ากับกลับคำาสัตย์อธิษฐานทีใ่ ห้ไว้แก่เจ้า ทำาให้เจ้าเวรนายกรรมเขาโกรธมาก

จึงอาฆาตพยาบาท ยังไงล่ะ นีเ้ ลย”

โยมจึงต้องรับเคราะห์กรรมอยู่ขณะนี ้

นีแ ่ หละทีอ ่ าตมาว่ามันไม่น่าจะเป็ นไปได้

ดูคนมาแยะๆ

เขา

อาตมา

หลายต่อหลายคนไม่เคยพบเห็นเรื่องอย่าง

หลวงพ่อพูดจบคว้าบุหรีม ่ าดูดวาบๆ*

*

หลวงพ่อไม่สูบบุหรี ่ แต่หลวงพ่อนัดยานัตถ์ุ

(ผู้

จัดทำา) ข้าพเจ้าบอกหลวงพ่อว่าเรือ ่ งนีไ้ ม่จริง นกปล่อยปลาเมือ ่ ปี กลายจริง แล้ ว

ข้าพเจ้าปล่อย

แต่เมื่อปล่อยลงนำ้าลงคลอง

ก็แ ล้ ว กั นไม่ เ คยไปตามจั บ มากิ น อี ก

เพราะจะรู้ ไ ด้

อย่างไรว่าตัวไหนคือตัวทีข ่ ้าพเจ้าปล่อยไปจะได้จับมากินได้ ถู ก

เพราะข้ า พเจ้ า ไม่ ไ ด้ ทำา เครื่ อ งหมายไว้

ปล่อยก็ป ล่อยครัง้ ละมากๆ ลู กปลาดุ ก หมอ

ครัง้ ละจำา นวนร้อยๆ ตัว

อย่างไร

เพราะฉะนัน ้

เป็ นไปได้ อ ย่ า งแน่ น อน

และเวลา

ปลาช่ อ น

ปลา

จะไปจำา ปลาแต่ละตัวได้

เรือ ่ งทีห ่ ลวงพ่อว่า

จึงไม่มีทางจะ

สงสั ย หลวงพ่ อ จะดู ผิ ด เสี ย แล้ ว

หลวงพ่อหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี “อาตมาไม่ได้ว่าโยมตัง้ ใจจะจับปลาทีป ่ ล่อยสะเดาะห์ เคราะห์ ม ากิ น แต่ อ าตมาหมายความว่ า

โยมกิ น ปลาที ่

โยมสะเดาะเคราะห์ เ ข้ า ไป อาตมาไม่ ท ราบเหมื อ นกั น แน่ ๆ เถิด

จะโดยตั ้ ง ใจหรื อ ไม่ ตั ้ ง ใจ แต่ ส รุ ป ว่ า โยมกิ น เขาเข้ า ไป

โดยปราศจากข้ อ สงสั ย

ลองไปนึ ก ทบทวนดู ใ ห้ ดี

แล้ววันหลังค่อยมาคุยกันใหม่” “แล้วเรือ ่ งทีผ ่ มมีเคราะห์กรรมอยู่เวลานีล ้ ่ะครับจะเป็ น

อย่างไรบ้าง”

ข้าพเจ้าอยากรู้เหตุการณ์ในอนาคต

“ตอนนีพ ้ ้นระยะเคราะห์หนักแล้ว น้อย

ทีเ่ หลืออยู่เป็ นส่วน

และค่อยๆ หมดไปราวๆ เดือนเมษายน-พฤษภาคม

ปี หน้ า

ก็ ค งจะพ้ น เคราะห์ เ ด็ ด ขาด

นามสกุล

วัน

เดือน

ไม่ เ ป็ นไร

ปี เกิดให้อาตมาไว้

ขอชื่ อ

แล้วอาตมาจะ

นั่งบริกรรมภาวนาให้ เ จ้ า กรรมนายเวรเขาเห็ น ใจเลิ ก จอง เวรจองกรรมเสีย”

ท่านก็หันไปคุยกับคุณอำา นวยและคน

อืน ่ ๆ ทีม ่ าคณะเดียวกัน วั น นั ้ น ข้ า พ เ จ้ า ไ ม่ ไ ด้ อ ยู่ กิ น ข า ว เ ย็ น ที ่ วั ด อั ม พ วั น เพราะเกรงจะกลับกรุงเทพฯคำ่า

ไม่อยากจะขับรถกลางคืน

เพราะกำา ลั ง มี เ คราะห์ อ ยู่ ด้ ว ย

ต้ อ งระวั ง ตั ว

อุ บั ติ เ ห ตุ

เกรงเกิ ด

น ะ ร ห ว่ า ง ท า ง ข ณ ะ ขั บ ร ถ ก ลั บ ก รุ ง เ ท พ ฯ

ข้ า พเจ้ า ได้ ค รุ่ น คิ ด ไปตลอดทางว่ า ข้ า พเจ้ า ไปจั บ ปลาที ่ ป ล่ อ ย ส ะ เ ด า ะ ห์ เ ค ร า ะ ห์ ไ ป แ ล้ ว เ อ า ม า กิ น ไ ด้ อ ย่ า ง ไ ร ข้ า พเจ้ า ไม่ เ คยประพฤติ เ ช่ น นั ้น เลย

ไม่ น่ า จะเป็ นไปได้

การปล่อยปลาแต่ละครัง้ ก็ปล่อยจำานวนมากๆ ในลำาคลองหนองบึงเป็ นส่วนใหญ่

และปล่อย

และเมื่อปล่อยไปแล้วก็

แล้วกัน

ไม่เคยคิดตามเอามากินอีกเลย

เลอะเลือ นดู ทางในผิ ดไปแน่ๆ

หลวงพ่ อคงจะ

แต่ก็ ใจไม่ดี

คิด ว่ า บางที

ปลาตัวทีเ่ ราปล่อยต่อมาพวกจับปลามันจับได้เอาไปขายที ่ ตลาด

เด็ ก บ้ า นเราไปจ่ า ยกั บ ข้ า ว

ถ้ าเป็ นอย่ างนี ้

ซื้อ มาแกงเข้ า พอดี

ก็มี ทางเป็ นไปได้เ หมือ นกั น

แต่ โอกาสมี

หนึง่ ในร้อยหรือหนึง่ ในพัน ต่อมาอีกหลายวันข้าพเจ้าจำาได้ว่า

ทางอัยการเขาได้

นั ด ส่ ง ฟ้ องข้ า พเจ้ า ต่ อ ศาลจั ง หวั ด ตราด

ซึ่ ง ข้ า พเจ้ า ใน

ฐานะจำา เลยก็ จ ะต้ อ งเดิ น ทางไปจั ง หวั ด ตราด คำา ฟ้องในศาล สื บ พยาน

หลังจากทีอ ่ ัยการฟ้องเสร็จแล้ว ศาลก็ นัด

โดยสื บ พยานโจทก์ ก่ อ นในชั ้น ต้ น

เดื อ นละ ๒ ครั ้ง ทนายฝ่ ายข้ าพเจ้ า ๓๗ ปาก

เพื่อ ไปฟั ง ศาลได้ นั ด

ก็ เ ป็ นอั น ตกลงกั น ทั ้ง อั ย การโจทก์ แ ละ ทางฝ่ ายดจทก์ ยื่น ระบุ พ ยานทั ง้ หมด

ข้าพเจ้าคิดในใจว่าถ้าสืบพยานครัง้ ละ ๑ ปาก

ปี หนึ่ ง ก็ จ ะได้ ป ระมาณ ๒๔ ปาก ราวๆ ปี กว่า หรือ ๒ ปี

กว่ า จะเสร็ จ คดี ก็ ค ง

ทางทนายของข้าพเจ้าแนะนำาให้

เตรี ย มพยานเอาไว้ บ้ า งและให้ ติ ด ต่ อ กั บ เขาเสี ย แต่ เ นิ น ่ ๆ ข้า พเจ้นึกถึ งนยโกสุม คนขับ รถของข้า เพจ้ า เป็ นพยานให้ข้าพเจ้าได้ดี

ว่ า เขาคงจะ

เพราะเขาอยู่ใกล้ชิดกับข้าพเจ้า

ตลอดมาไม่ ว่ า ข้ า พเจ้ า จะไปไหนเขาก็ มั ก จะไปด้ ว ยเสมอ ข้าพเจ้าจึงคิดว่าควรอ้างเขาเป็ ยพยานสักคนหนึง่

เมื่ อ ออกจากศลแล้ ว

ข้ า พเจ้ า ก็ ไ ปหาเขาที บ ่ ้ า นพั ก

บ้านพักของเขาอยู่ในบริเวณจวนผู้ว่าราชการจังหวัด

ทีข ่ ้

พาเจ้าเคยพักอยู่นัน ่ เอง

ได้

เมือ ่ ไปถึงไม่พบเขาอยู่ทีบ ่ ้าน

สอบถามภรรยาเขาว่าไปไหน ภรรยาเขาบอกว่า “โกสุมไปวิดปลาลอกสระอยู่หลังจวน” ข้าพเจ้าจึง เดิ นอ้ อมไปทางหลั ง จวน

จนถึง สระใหญ่

สระแห่ ง นี ม ้ ี ม านานแล้ ว ตั ้ ง แต่ ส มั ย ใดไม่ ป รากฏ โบราณไม่มีนำ้าประปา นำา ้ ในสระนีอ ้ าบกิน แยๆ

ผู้ว่าราชการจังหวัดสมัยก่อนได้ใช้

แต่เมือ ่ มีนำา ้ ประปาแล้ว

มีต้นบัวอยู่เต็มสระ

นำ้าก็จะแห้งจนถึงก้นสระ

สระนีก ้ ็ทิง้ ไว้

พอถึงหน้าแล้งเดือนมีนา-เมษา โกสุมจึงถือโอกาสลอกสระแล้ว

เอาปลาทีอ ่ ยู่ในสระจำานวนมากมากินเป็ นอาหาร แกงบ้าง

สมั ย

ต้มบ้าง

ย่างบ้างตามแต่จะชอบ

เมือ ่ ข้าพเจ้าไปถึงปากสระโกสุมเห็นเข้าก็รีบตะกายขึน ้ มาบนขอบสระชี ใ้ ห้ ข้ าพเจ้ า ดู ป ลาดุ ก

ปลาช่ อ นตั ว ขนาด

เท่าแขนหลายตัวซึง่ นอนแอ้งแม้งอยู่ในถัง ทัง้ นัน ้

แต่ละตัวอ้วนๆ

ปลาดุกอุยแต่ละตัวเนือ ้ เหลืองท้องเหลืองอ๋อยน่รับ

ประทานเป็ นอย่ างมาก ซอยหอมใส่นิดหน่อย

ถ้ า ได้ ย่ า งจิ ม ้ นำ้า ปลาพริ ก มะนาว กินกับข้าวร้อนๆ ก็คงจะอร่อยดีไม่

น้อย คิดแล้วก็นำา ้ ลายไหลด้วยความอยาก “ปลาดุกอุยตัวโตๆ ทัง้ นัน ้ ”

ข้าพเจ้ากล่าวขึน ้ ลอยๆ

“ปี กลายผมก้วิดบ่อหนหนึง่ แล้ว

ตอนนัน ้ ท่านยังเป็ นผู้

ว่าอยู่

ผมยังเอาปลาไปให้ท่านกินตัง้ หลายตัว

จำา ได้

ตอนนั ้น มี ทั ้ง ปลาดุ ก

ปลาช่ อ น

ท่านยังบอกว่าปลาดุกย่างอร่อยดี”

และปลาหมอ

โกสุมชีแ ้ จง

พยายามนึกทบทวนเหตุการณ์เมือ ่ ปี ทีแ ่ ล้วมา ข้าพเจ้าย้ายมาเมืองตราดใหม่ๆ ซื้อ ลู ก ปลาดุ ก

ปลาหมอ

ท่านคงจะ ข้าพเจ้า

จำาได้ว่าเมือ ่

ข้าพเจ้าได้ไปตลาดและ

ปลาช่ อ น

เป็ นจำา นวนมาก

มาปล่ อ ยลงในสระแห่ ง นี เ้ พื่ อ สะเดาะห์ เ คราะห์ ต ามคำา ทำานายของซินแสหมอดูจากจังหวัดระนองทีท ่ ายว่าข้าพเจ้า กำาลังมีเคราะห์

ให้รบ ี สะเดาะห์เคราะห์เสีย

หลั ง จากนั ้น ต่ อ มาอี ก หลายเดื อ น เดื อ นเห็ นจะได้

ประมาณ ๖-๗

ผู้ บั ญ ชาการเรื อ นจำา ได้ นำา นั ก โทษหลาย

คนมาขออนุญาตขุดลอกสระหลังจวน

โดยอ้างว่า

ตื้น เขิ น มากแล้ ว

ควรจะได้ ขุ ด ลอก

เสี ย

ตอนนี น ้ ำ้ า แห้ ง ขอด

พอถึ ง หน้ า ฝนก็ จ ะได้ นำ้ า เต็ ม สระ

และเป็ นนำ้ า ใส

สะอาดดีกว่าทีจ ่ ะปล่อยเอาไว้ให้ตืน ้ เขินอย่างนัน ้ เห็นผู้บัญชการเรือนจำามีเหตุผลดี สระแห่ ง นี ไ้ ด้ เช้าวันรุ่งขึน ้

สระ

ข้าพเจ้า

จึงได้อนุญาตให้ขุดลอก

ซึ่ง เขาได้ นำา นั ก โทษมาขุ ด ลอกสระในตอน บังเอิญวันนัน ้ ข้าพเจ้าจำาได้ว่า

มีราชการไป

ออกท้องทีป ่ ระชุมราษฎรทีก ่ ิง่ อำาเภอบ่อไร่กลับเย็นมากแล้ว จึงได้ชวนพรรคพวกมานัง่ ตัง้ วงดืม ่ สุรากันอยู่ทีบ ่ นนอกชาน ที ่จ วนนั่ น เอง

การดื่ ม สุ ร าของพวกเราก็ ไ ม่ ไ ด้ ดื่ ม กั น

เมามายไม่ได้สติ

แต่เป้ นการดื่มเพื่อเรียกนำ้าย่อยก่อนรั บ

ประทานอาหารเย็นคนละแก้วสองแก้วก็เลิกกัน ดื่ ม เหล้ า กั น อยู่ นั ้น ใหญ่ ม าหนึ่ง ใบ อ๋ อ ย

ขณะทีน ่ ัง่

โกสุ ม ก็ เ ดิ น ขึ้น มาบนจวนถื อ จานใบ

ในจานมี ป ลาดุ ก ย่ า งตั ว โตๆ เนื้อ เหลื อ ง

ประมาณ ๓-๔

ตั ว

ข้ า พเจ้ า ยั ง จำา ได้ ติ ด ตา

ว่ า

เย็ น วั น นั ้น ข้ า พเจ้ า กิ น ข้ า วกั บ ปลาดุ ก ย่ า งจิ ม ้ นำ้า ปลาอย่ า ง เอร็ดอร่อยเป็ นกำาลัง

เมื่อนึกขึน ้ ได้ดังนัน ้

ก็เกิดเฉลียวใจ

แว่บขึน ้ มาทันทีจึงได้ถามโกสุมว่า “ปลาดุกทีล ่ ือ ้ เอาไปให้อัว ๊ กินเมื่อปี กลาย

เป็ นปลาดุก

ทีว ่ ิดจากสระนีห ้ รือ” “ใช่ แ ล้ ว ครั บ ลอกสระ

วั น นั ้น พวกผู้ คุ ม เขาเอานั ก โทษมาขุ ด

ผมเลยถื อ โอกาสผสมโรงผลั ด ผ้ า ขาวม้ า ลงจั บ

ปลากั บ เขาด้ ว ย

ผมได้ ป ลามาขั ง โอ่ ง ไว้ ตั ้ง หลายสิ บ ตั ว

ผมเห็นปลาดุกตัวโตๆ เนือ ้ เหลืองดี

เลยย่างเอาไปให้ท่าน

รับประทาน” เขากล่ า วจบก็ ม องหน้ า ข้ า พเจ้ า

คล้ า ยจะถามว่ า

ข้าพเจ้ามาถามเขาทำาไม? “ตายแล้ ว

ถ้ า อย่ า งนั ้น ก็ ค งเป็ นปลาดุ ก ที ผ ่ มเอามา

ปล่ อ ยตอนที ย ่ ้ า ยมาเป็ นผู้ ว่ า ใหม่ ๆ ละซี

ปล่ อ ยเขาแล้ ว

เอาเขามากิ นอีก ยิง่ บาปกรรมหนั กยิง่ ขึ้น

แล้ ว นี ผ ่ มจะทำา

ยังไงดี”

ข้าพเจ้าบอกโกสุมด้วยความกังวลใจ

“แฮ่ ะ

แฮ่ ะ

ผมก็ ไ ม่ รู้ จ ะว่ า ยั ง ไง

เนื้อ เหลื อ งๆ ตั ว โตๆ

เพราะเห็ น ว่ า มั น

ก็ คิ ด ว่ า ท่ า นคงชอบ

ทราบว่ า ว่ า ท่ า นเอามาปล่ อ ยไว้ ตั ้ง แต่ เ มื่อ ไหร่ แล้ ว ก็ แ ล้ ว กั น เถอะครั บ มากนัก”

กิ น เข้ า ไป

เมื่อ เราไม่ เ จตนาก็ ค งจะไม่ บ าป

เขากล่าวปลอบใจข้าพเจ้า

“ไม่ บ าปกั บ ผี อ ะไร มาก

ผมเองก็ ไ ม่

หลวงพ่ อ ท่ า นว่ า แบบนี บ ้ าปหนั ก

ต้องรีบเคราะห์กรรมไปอีกนาน”

ข้าพเจ้าบอกเขา

“หลวงพ่ออะไรครับ ?” “หลวงพ่ออ้า..เอ ข้าพเจ้าก็ลาเขากลับ ลืมไปสนิท

อย่าไปรู้เลย

ชัง่ มันเถอะ”

พูดจบ

ส่วนเรื่องทีจ ่ ะขอให้เขาเป็ นพยานก็

เหมือนมีอะไรมาบังหัวใจไว้

ทีค ่ ิดว่าจะพูดก็

เลยไม่ได้พูด ตอนขากลั บ จากจั ง หวั ด ตราดวิ ่ง รถเข้ า กรุ ง เทพฯ ข้าพเจ้านัง่ ครุ่นคิดมาตลอดทาง ข้าพเจ้ากับหลวงพ่อ

นึกถึงคำา พูดโต้ตอบของ

ทีว ่ ัดอัมพวัน

“เป็ นไปไม่ได้หรอกครับหลวงพ่อ ไปแล้ ว

จะไปจั บ เขามากิ นี อ ก

ทีผ ่ มปล่อยชีวิตเขา

ผมจะไปรู้ ไ ด้ อ ย่ า งไรว่ า

ปลาตั ว ไหนเป้ นปลาที ผ ่ มปล่ อ ยไป

จะได้ จั บ มากิ น ได้ ถู ก

ยิ ง่ กว่ า นั น ้ ผมยั ง ปล่ อ ยปลาครั ง้ ละเป็ ยร้ อ ยๆ ตั ว ทางจะเป็ นไปได้เลย”

ยิ ง่ ไม่ มี

“เป็ นไปได้อย่างแน่นอน

และก็เป็ นแล้วด้วย

นัง่ ทางในเห็นชัดเจนและก็ยังสงสัยอยู่

อาตมา

ว่าทำา ไมโยมถึงทำา

เช่นนัน ้ ” ข้าพเจ้าคิดสับสน

จนบอกไม่ถูกว่าทำา ไมเรื่องราวใน

ชีวิตของเราเองจึงได้ยุ่งเหยิงสับสนวุ่นวายถึงขนาดนี ้

ตัดตอนจากฟ้าเมืองไทย ปี ที ่ ๑๒

ฉบับที ่ ๖๑๘

วันที ่ ๒๒

มกราคม

หญิงสองร่างนางสองชาติ

๒๕๒๔

เรื่องมาสร้างกุฏิกัมมัฏฐาน สองชาติ สวรรค์

นาง

อาตมาเคยคิ ด ว่ า มั น จะมี อ ย่ า งไรเรื่ อ งนรก แต่ มี ป ระสบการณ์ กั บ ที ว ่ ั ด เรานี เ่ อง

อาตมามาอยู่ ที ่วั ด นี ้ กัมมัฏฐานไม่มีเลย

พ.ศ.๒๔๙๙

ยังไม่ได้มาเริม ่

นกั ม มั ฏ ฐานมาเมื่อ ๒๔๙๕ นางสองชาติ

เมื่อ ตอนที ่

พอดี ๒๕๐๐

กุ ฏิ

เริม ่ มาจากทีอ ่ ื่น

สอ

สอนมานาน

มาอยู่ทีว ่ ัดนี ้ มาเป็ นเจ้าอาวาส สองร่าง

โดยหญิงสองร่าง

เมื่อ สอนแล้ ว

มาประสบการณ์กับหญิง

จึงได้สร่างกุฏิกัมมัฏฐานต่อเนื่อง

มาตามลำาดับจนบัดนี ้ เล่าถึงประวัติ พรรษา

นายป่ ุน

นางสอิง้

นายป่ ุนบวช ๒-๓

สวดปาติโ มกข์ไ ด้รุ่ นเก่า แก่น านมาแล้ ว

ริ ญ กั ม มั ฏ ฐาน

เมื่อ สึ ก แล้ ว ก็ ม าแต่ ง งานกั บ แม่ ส อิ ง้

ด้ ว ยกั น มี ลู ก ๒ คน ท่ า ตะโก

กุศลสวดมนต์ไหว้พระตลอด มีร่างกายทีเ่ ขาเขียนรูปไว้

นายป่ ุ น นี ม ้ ี จิ ต ใจเป็ นมหา แต่ยางสอิง้ ใจบาปหยาบช้า

นุ่งผาโจงกระเบน

ใส่เสือ ้ เตีย ่ ว

มีสร้อยใส่ไปบ้านใครต้องลักขดมยตลอดเวลา

แล้ ว มาวั น หนึ่ง พระศาสนา

อยู่

ตาป่ ุ น เป็ นคนรำ่ า รวยอยู่ ใ นอำา เภอ

จัง หวั ด นครสวรรค์

มีผมก็ทัดหู

แล้ ว เจ

นางสอิ ง้ ไปช่ ว ยงานหลานตาป่ ุ น บวชใน

นางสอิง้ ก็ลักทอง

หลานตาป่ ุนทีย ่ ากจนกว่า เยีย ดให้เ ป็ ฯคนขโมย

ลักสร้อยแล้วก็บุ้ยไปโทษ

ตีเสียหัวร้างข้างแตก

แล้วยัด

แท้จริงตั วเป็ นคนขโมยแท้ ๆ

ใครเชือ ่ ว่านางสอิง้ นีเ่ ป็ นขโมย เพราะเป็ นคนรวย

ไม่มี

มีจิตใจ

เป็ นอกุศลอย่างนี ้ ทำาบาปหยาบชาเหลือเกิน ไม่เป็ น แทน

นางสอิง้ อ่านหนังสือไม่ออก

ตาป่ ุนสวดคนเดียว

ตาป่ ุนเป้ นสมีทีด ่ ีของศรีภรรยา

ไม่มองภรรยาในแง่

ร้าย แต่ประการใด ประการที ส ่ อง ไม่มี ป่ า

สวดมนต์ก็

ไม่มก ี ารินทาลุกเมียนีป ่ ระการหนึง่ เขานิ ย มการไปทำา ไร่ ไ ถนา

โฉนด

ใครอยากจะมีขยันขันแข็งก็ไปถากถางเอาเอง ฝ่ าดงพงไพรมีนาอยู่ห ลายร้ อยไร่

ขยั น

พ่ อ

เพราะด้ ว ยความ

แม่ ข องเขาทำา สื บ เรื่ อ งกั น มาตามลำา ดั บ

บ้ า นทรงไทย ๒ หลั ง แฝด ครบทุกรายการ ทุ่งกลางนา

บุก

และเรื อ นหออี ก หลั ง หนึ่ง

มี มี

แล้วก็ ทุกปี ทำา นาไปปลู กโรงนาอยู่ ก ลาง

ในเมื่อเป็ นเช่นนีเ้ ขามีลูกจ้าง ๕ คน

จ้างมา

จากภาคอี สานคนละ ๒๐ บาท

ข้ า วคงจะเกวี ย นละ ๔๐

หรือ

เวลาไปอยู่โรงนา

ตาป่ ุ

แต่เมียเป้ ฯคนจัดการเสร็จ

แล้ว

๘๐

จำาไม่ได้มันนานแล้ว

นก็ต้องเฝ้ าบ้านอยู่กะแม่

เมื่ อ ก่ อ นนี ม ้ ี ก ระแทะมี เ กวี ย น ต้ อ งเอาสากเอา

ใช้ ล มกลางทุ่ ง

ลูกจ้างไปลักข้าวเขาตามโน่น เขามาใส่ บ าปมาก ตาป่ ุน

นางสอิง้

เวลาก่ อ นจะนวดก็ ใ ช้

ตามนีม ่ าใส่

ไม่ มี ใ ครจั บ ได้ ในหมู่บ้านตำาบลนัน ้

คนอื่นอีกหลานทุ นด้ ว ยกั น ขโมย

เวลานวดข้ า วเสร็ จ แล้ ว ก็ ทุกปี ลักข้าว

เพราะเนื่ อ งจากว่ า เป็ นนายทุนให้แก่

สามี ก็ไ ม่ ท ราบว่ า ภรรยาเป็ น

แล้วปี สุด ท้าย

นางสอิง้ มีท อง ๒ เส้ น

หนักเส้นละ ๘ บาท หงุ ด หงิ ด

ปี นั น ้ กำา ลั งตั ง้ ครรภ์ ขึ้น อีก

ขายเรียบร้อย

ไปประจำา

จนเกี ย ่ วข้ า ว

นางสอิง้ เอาทองไปฝั งในโรงนา

กลั ว ลู ก จ้ า งจะลั ก

แล้ ว ก็ ใ ช้ วิ ธี อ ย่ างเดิ ม นวด

ก็ใจคอ

สั ง หรณ์ ใ นใจว่ า ปี นี โ้ รคภั ย ไข้ เ จ็ บ เบี ย ดเบี ย น

ออกไปทำา นาก็ มี โ รงนาปลู ก อกุ ศ ล

สายสะพาย

โดยทีค ่ ิด

อยู่ บ้ า นกลั ว จะไม่ ป ลอดภั ย

ให้ ลูก จ้ า งไปลั ก ข้ า วอี ก

ยั ง ไม่ ทั น

พอดี เ กิ ด คลอดบุ ต รตายทั ้ง กลมคานา

ตายแล้ ว

ตาป่ ุนก็จัดงานศพ นางสอิ ง้ เล่ า ว่ า รู้ ห มดไปตกนรก ๑๐๐ ปี วั น โกนวั น พระ

มี พ ระมาลั ย มาโปรดสั่ ง สอนในวั น พระ

แล้วในเมืองนรกเขาให้สวดมนต์ไหว้พระ ส ว ด ไ ด้ เ มื่ อ ต อ น อ ยู่ ภ พ ม นุ ษ ย์ ทำา วั ตรเช้ าเย็ น โลกของนรกนั ้ น

เวลาถึ ง

นางสอิง้ ไม่เคย

น า ง ส อิ ้ง ส ว ด ไ ด้ ห ม ด

พระมาลั ย ไปโปรด

เทศน์ เ รื่อ งกรรมใน

ในภพนั ้ น ได้ ส วดมนต์ ไ หว้ พ ระเจริ ญ

วิปัสสนากัมมัฏฐานเหมือนกันสอนอย่างนัน ้ กล่าวถึงภพมนุษย์

ตาป่ ุนก็คิดถึงลูกเมีย

ข้าวเสร็จเรียบร้อยก็ขายส่วนหนึ่ง

อีกส่วนหนึ่ง

เมื่อนวด ก็เอาไป

ก่ อ พระเจดี ย์ ทรายข้ า วเปลื อ กอุ ทิ ศ ส่ ว นกุ ศ ลให้ แ ม่ ส อิ ง้ ศรี ภรรยาของตน

พออุ ทิ ศ ส่ ว นกุ ศ ลให้ แ ล้ ว ก็ ไ ด้ ค วามว่ า ใน

โลกเมืองนรกนัน ้ ได้อภัยดทษ

นางสอิง้ ได้คุณงามความดี

สวดมนต์ ไ หว้ พ ระในเมื อ งนรก

คงจะเป็ นยมบาลบอก

เหตุการณ์ให้นางสอิง้ ฟั งว่า

สามีของเธอได้เอาข้าวทีร ่ ่วม

งานกั น เอามาก่ อ พระเจดี ย์ ท รายข้ า วเปลื อ กในวั ด อุ ทิ ศ ส่ ว นกุ ศ ลมาให้ เ ธอ

ก็ ข อให้ อ ภั ย โทษเธอ

และ ๒๐ ปี

เหลือ ๘๐ ปี ต่ อ มานายป่ ุ น

เห็ น เรื อ นหอคิ ด ถึ ง ภรรยาทุ ก วั น

เมื่ อ เป็ นเช่ น นี ก ้ ็ ต้ อ งการเอาเรื อ นหอไปถวายวั ด ปลูกกุฏิเป็ นทรงไทยต่อไปตามลำา ดับ ด้วย นายป่ ุนก็สร้างกุฏิ หมอลำา

เอาไป

สมภารเจ้าวัดก็เห็น

เมือ ่ เสร็จแล้วก็ฉลองกันใหญ่

และมี ห นั ง ตลุ ง ๒ อย่ า ง

มี

ฉลองวั น ไหนรู้ ห มด

ฉลองเสร็ จ แล้ ว ก็ ถ วายเป็ นการสงฆ์ ใ ห้ แ ก่ พ ระสงฆ์ ทุ ก สารทิศ ทีม ่ าจากทิ ศ ใดก็ ต าม พระสงฆ์ ตน

ถวายเป็ นสั ง ฆทานอุ ทิศ แด่

เรียบร้อยแล้วก็อุทิศส่วนกุศลให้แก่ภรรยาของ

ก็ได้ลดอภัยโทษอีก ๒๐ ปี

เหลือ ๖๐ ปี

นายป่ ุนก็คิดว่าลูกก็โตแล้ว

พ่อจะบวชในพระศาสนา

บวชเพือ ่ อุทิศส่วนกุศลให้ภรรยาของตนต่อไป เพศแล้วก็แต่งงานใหม่ สวดปาติโมกข์หรอก ถือธุดงควัตร

ก็ได้ปรึกษาสมภารๆ ก็ว่าไม่ต้อง

เคยสวดปาติโมกข์ได้

บวชแล้วก็ให้

ปฏิบัติฉันข้าวเวลาเดียวอยู่ในป่ าช้า

วิ ปั สสนากั ม มั ฏ ฐาน ของตนต่อไป

เจริญ

เป็ นการอุ ทิศ ส่ ว นกุ ศ ลให้ แ ก่ ภรรยา

ตาป่ ุนก็ได้บวชในรพะศาสนาอยู่ ๑ พรรษา

เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานอโหสิกรรม ให้ ภ รรยา

สึกลาสิกขา

และอุทิศส่ว นกุ ศล

ก็ ไ ม่ ไ ด้ ท ราบว่ า ภรรยาไปตกนรก

หรื อ ขึ้ น

สวรรค์ประการใด สิกขาเพศไป

พอออกพรรษาก็กราบลาสมภารสึกลา

แล้วไปต่งงานกับภรรยาใหม่ต่อไป

เมื่อสึก

ไปแล้วกุศลผลบุญก็ไปถึงแม่สอิง้ ในเมืองนรก ยมบาลก็ให้อภัยโทษอีก ๔๐ ปี

บอกว่าสามีของเธอ

ได้บวชในพระศาสนาได้เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานอุทิศส่วน กุศลมา ได้

ขอให้อภัยโทษ๔๐ ปี

๒๐ ปี นี เ้ พราะเธอมี โ ทษ

ความผิ ด ไปให้ ค นอื่ น

สอง

เหลือ ๒๐ ปี หนึ่ ง

ให้อภัยไม่

ลั ก ทองแล้ ว ดยน

ที บ ่ าปหนั ก

คื อ

ลั ก ข้ า ว

ให้อภัยไม่ได้ เธอจะเอาอย่างนีไ้ หม

ก็เห็นว่าเธอมีคุณงามความดี

สวดมนต์ไหว้พระเป็ นหัวหน้าในเมืองนรกเจริญกัมมัฏฐาน ในทีส ่ ุด ผัว

จะให้กลับไปอยู่ในเมืองมนุษย์

๒๐ ปี

ไปใช้หนี ้

และจะต้องไม่กลับมาทีน ่ ี ่ แต่ให้สัญญานะเจ้าจะต้อง

รั ก ษาอุ โ บสถทุ ก วั น พระ

ทำา ได้ ห รื อ ไม่

จะต้องไปสร้างกุฏิกัมมัฏฐานเงิน ๑ ชัง่ อุทิศส่วนกุศล

ประการที ส ่ อง ไม่เกินไม่ขาดเพือ ่

มิฉะนัน ้ จะต้องกลับมาเมืองนรกอย่างนีอ ้ ีก

อย่างนีน ้ างก็รับปาก ก็ ม าเกิ ด ใกล้ บ้ านตาป่ ุ น ประมาณ ๒ กิ โ ลกว่ า ๆ เกิดเป็ นลูกตาแป๊ ะแก่ แก่ไ ด้ภรรยามา ๑๕ ปี ๕๐ กว่าแล้ ว นัน ้ ได้แก่

อยู่คนละตำา บล ไม่ มี บุ ต ร

แต่รู้จักกัน

ภรรยาสาว

แป๊ ะ

แต่ ผัว ก็

แต่ เ กิ ด มามี บุ ต รตอน ๑๕ ปี ผ่ า นไป

นางสอิง้ นัน ่ เอง

มา

บุ ต ร

นางสอิง้ คนเดิมรูปร่างเหมือน

นางยักษ์ขะหมูขี ทั ดใบหู

ดำา ปี ๋

มีไฝขีแ ้ มงวันเม็ดเบ้อเร่อ นุ่ ง ผ้ าโจงกระเบน

แล้วจอนตัด

ผอมเกร็ง

อาตมารู้

เพราะดูรูปทีเ่ ขาแต่งงานกับตาป่ ุน เมื่ อ เป็ นเช่ น นี ้

พอ ๑๑ ปี ผ่ า นไป

ว่ า เตี ย ่ หนู นี ไ่ ม่ ใ ช่ ลู ก เตี ย ่ ตำาบลโน้น

ก็ รำา ลึ ก ชาติ ไ ด้

ฉั น นี เ้ ป็ นนางสอิ ง้ ภรรยาตาป่ ุ น

เตีย ่ ก็ยังไงกัน

ไปปรึกษาตำาบลโน้น

ตำาบลนี ้

เอาอย่างนีใ้ ห้มันลืมเรื่องเสียว่าจะจริงเท็จยังไงไม่ทราบ เอาไข่หลงรัง

ไข่ทีต ่ ายโคม

ก็

ไข่ข้าวเอามาต้มให้กินมันก็

ไม่ลืม พออายุถึง ๑๕ ปี แล้ว รนทนไม่ ไ หวก็ พ าไป เพราะเป็ นลู กเจ๊ก ไปถึ ง บ้ า นตาป่ ุ น อายุ ๗๘ แล้ว

ให้พ าไปบ้ านตาป่ ุน

อายุ ๑๕ ปี แล้ ว

พอมีพอใช้

รู ป ร่ า งสวยขาว

แต่วิญ ญาณของนางสอิง้ คนเดิ ม ก็ ถ ามว่ า ตาป่ ุ น จำา ฉั น ได้ ไ หม

ฉันนางสอิง้ ยังไงเล่า

ว่าไอ้ตาแป๊ ะนีค ่ งจะเสีย ้ มสอนลูก เอาสมบัติ

เตีย ่ อด

เพราะตาป่ ุนแกรวย มีอาชีพทางแลกข้าว

พอ

ตาป่ ุ น ก็

ตาป่ ุนเข้าใจผิดคิด

ให้ว่าเป็ นนางสอิง้ จะมา ตาแป๊ ะแกก็ไม่ใช่คนรวย ขายโชห่วย

ก็เล่ าให้

ฟั งตาป่ ุนก็ไม่ยอมรับเชื่อ

“พีป ่ ่ ุนจำา ฉันได้มัย ้ ว่าตอนอยู่กับ

พีป ่ ่ ุนมาตอนบวชหลาน

ฉันนีเ่ ป็ นคนลักทอง แล้วไปโทษ

หลาน

ข้อเท็จจริงฉันเป็ นคนเอามา”

เพิง่ มารู้ความจริง

ในชาตินี ้ ยังไม่เชือ ่ อาจเป็ นการเสแสร้งแกล้งเล่าก็ได้

เรือ ่ งที ่ ๒ ทัง้ กลมนัน ้ ถวายวัด

เล่าต่อไปว่า

“พีป ่ ่ ุนตอนทีฉ ่ ันออกลูกตาย

ฉันไปตกนรกอยู่ตัง้ ๑๐๐ ปี

พีป ่ ่ ุนเอาข้าวไป

ก่อพระเจดีย์ทรายข้าวเปลือก

ตามลำา ดั บ

นอกเหนื อ จากนั ้น ก็ เ อาเรื อ นหอไปถวายวั ด

ฉั น ก็ รู้ ใ นวั น ที เ่ ท่ า นั ้น ได้ อุ ทิ ศ ส่ ว นกุ ศ ล หนังตะลุง

ฉันก็ได้ลดโทษ ยั ง มี ห มอลำา และ

ในวันนัน ้

เรื่องต่ อ ไป

พี ป ่ ่ ุ น ได้ บ วชในพระศาสนา

ฉั น ก็ ไ ด้ รั บ

บุญกุศล

ลดโทษไปตามอันดับดังทีก ่ ล่าวแล้ว

นอกเหนือ

จากนัน ้

ทีฉ ่ ันมาเกิดใหม่นีไ้ ด้ลดโทษานุโทษมาแล้ว

๒๐ ปี

ลดไม่ได้เนือ ่ งจากบาปลักทอง

ไม่ ได้

ฉันก็ ต้องกลับ มาอยู่ก ะพี ป ่ ่ ุน ต่ อ ไป

กับทางนรกมาว่า ไม่ขาด

ไม่ มี

แล้ ว ได้ สัญ ญา สวดมนต์

และต้องไปสร้างกุฏก ิ ัมมัฏฐานด้วยเงินหนึง่ ชัง่ ”

ถามต่ อ ไปว่ า

“ทองอะไร” บาท”

ลักข้าวให้อภัยโทษ

ให้รักษาอุโบสถทุกวันพระ

ตาป่ ุ น รั บ ฟั งเฉยๆ ใหม่

แต่

ยั ง เชื่ อ แน่ ไ ม่ ไ ด้

“พี ป ่ ่ ุน

ทองหมั ้น ของฉั น ยั ง อยู่ มั ้ย ”

“มี ส ายสะพาย ๒ เส้ น

ตาป่ ุ นก็ นึก ไม่อ อก แล้ ว บั ด นี ้

แบ่ งให้ ลูกเก่าหมดแล้ว สอิง้ บอกจำาได้เลาๆ

เส้ น หนั ก ละ ๘

ไม่ ท ราบว่ า ยั ง อยู่ มั ้ย

จำา ความมได้

“พีป ่ ่ ุนโรงนายังอยู่มัย ้ ”

แม่ ส อิ ง้ ในร่ า ง

แต่ มั น

นางสอิ ง้ ก็ เ ล่ า ต่ อ ไปว่ า

“โรงนาไม่มีอยู่แล้ว

เพราะนาก็

มี เ ขยมี ส ะใภ้ ไ ปหมดแล้ ว ”

“ต้นกระทุ่มมีมัย ้ ”

ออกไปที น ่ าเดิ น ออกไปที น ่ าหลายกิ โ ล

“ยังอยู่”

นาง

ก็พากัน

จ้ า งเขาขุ ด

ใน

ที ส ่ ุ ด ก็ ไ ด้ สร้อ ยคื นมา ๒ เส้ น ป่ ุนจึงยอมรับว่าเป็ นนางสอิง้ แม่

หนั ก เส้ น ละ ๘ บาท

ตา

ในทีส ่ ุดก็ไม่กลับไปอยู่กะเตีย ่

อย่ก ู ะตาป่ ุนต่อไป แ ม่ ส อิ ้ ง ก็ เ ล่ า ค ว า ม ใ ห้ อ า ต ม า ว่ า ๓ ค น ด้ ว ย กั น

ภรรยาใหม่อายุ ๗๒

สามี ๗๘

ก็ปรึกษาปรองดองกันว่า

ฉั น รั บ คำา มั่ น สั ญ ญาจะต้ อ งไปสร้ า งกุ ฏิ กั ม มั ฏ ฐานให้ ไ ด้ สามคนนี ก ้ ็ เ ดิ น ทางไปหาทางสร้ า งกุ ฏิ กั ม มั ฏ ฐาน

เอา

สร้ อ ยไปด้ ว ย

ไปปากนำ้ า โพ

ลงเรื อ แดงจากปากนำ้ า โพ

มากรุ ง เทพฯ

แสวงหาว่ า ที ่ไ หนที ่สำา นั ก กั มั ฏ ฐานก็ ใ ห้

เทวดาสนใจดลบั น ดาลสามคนนั ้น สิงห์บุรี

ก็ ล งเรื อ แดงมาขึ้น ที ่

อาตมาก็มาอยู่ทีว ่ ัดนี ้ เขาก็ไปถามชาวตลาดว่า

ทีไ่ หนเป็ นสำานักวิปัสสนามีมัย ้

จังหวัดสิงห์บุรีนี ้ เลยพอดี

ไปเจอเอาญาติของโยมสุ่นหาบของไปขาย

เขาก็เ ลยเล่ า

ว่า อาตมาได้ย้ายไปเป็ นเจ้าอาวาสทีว ่ ัดอัมพวันแล้ว เดินทางไปถามดูว่าจะสร้างกุฏิกัมมัฏฐานมัย ้ นกัมมัฏฐานมาช้านาน ก็มาขึน ้ ทีห ่ น้าวัด

ลอง

เห็นท่านสอ

เลยสามคนก็ลงเรือเมล์ต่อจากนัน ้

ก็เดินเข้ามาหาอาตมาเล่าเหตุการณ์ให้

ฟั ง อาตมาก็ตกใจข้อไหนรู้มัย ้ ตั ว ลั ก ข้ า วมากกว่ า ยายสอิ ง้ อี ก เวลาโรงเรียนปิ ด เป็ นหมอตำาแยเก่า

ว่าไปลักข้าว มั น ตกใจ

อาตมานี ่

ตอนเป็ นเด็ ก

อย่าลืมอาตมาไปกับยายเม้า

ยายเม้า

ถามว่าป้ าเก็บข้าวตกได้วันละเท่าไหร

ได้วันละกระผีก ถัง

แล้ว เอ็.ได้เท่าไร

เอ็งทำาไมเก็บได้มากนัก

นี ก ่ ็ ใ ส่ ก ระสอบเข้ า ซิ กระสอบเลย

ผมได้วันละ ๑๐ กว่า

ก็ยายไปเซ่อทำาไมทีเ่ ป็ นฟ่ อน

แล้ ว ข้ า วที เ่ ขานวดไว้ ก ลางทุ่ ง ก็ ใ ส่

นีล ่ ักอย่างนี ้ ลักมากกว่ายายสอิง้ อีก

หน้าข้าวต้องออกอย่างนี ้ ตกใจแต่ไม่พูดอะไร

นางสอิง้ มี

ประโยชน์ ที โ่ บสถ์ เ ก่ าเวลารพะทำา วั ต รเขาเข้ า ไปด้ ว ย ค้างหลายคืน

โยโส

ทัง้ หมดดีกว่าพระ ปี แล้ว

ตอนนัน ้ อายุ ๑๖

อาตมายังเย้าอยู่เลย

ไม่ อ ยู่ ก ะหนุ่ ม ดี ก ว่ า เข้ า ท่ า กว่ า

สวย มารยาทดี

มา

สวดมนต์ทำา วัตรเช้าเย็นได้

ได้มาจากเมืองนรก

ตาป่ ุน ๗๘

แก่ ทำา ไม

ภควา

ถ้า

นีส ่ อิง้ อยู่กะตา เพราะรู ป ร่ า ง

เปลีย ่ นแปลงตามสภาพ

ก็แม่สอิง้ ได้สร้างกุฏิกัมมัฏฐานข้างโบสถ์เป็ นหลักแรก เขาบอกว่าสร้างแล้วต้องมีนำา ้ หล่อ

ไม่ให้มดขึน ้

ทำา เป็ นนำ้ า หล่ อ เดี ๋ย วนี ม ้ าแปลงใหม่ ของวั ด นี ้ โยมเล็ก

บ้ า นทายกชื่อ

ปี เดียวกะตาป่ ุน ๗๘

บ้านนีอ ้ าศัยข้าวบ้านนีท ้ าน ข้างวัด

สร้ า งเป็ นหลั ง แรก

สร้ างเสร็ จ ครบ ๘๐ บาทพอดี สุขสายพงศ์

อาตมาก็

ต้องมาพัก

ตอนนัน ้ ดรงครัวไม่มี

เริม ่ กัมมัฏฐานหมดเงิน ๘๐ บาทพอดี

บ้านอยู่ ไม่เกินไม่

ขาด พอสร้างเสร็จเขาก็กลับบ้านกลับไปแล้วอาตมาตามไป ดูบ้าน

ทองก็ได้เห็น

เริม ่ เป็ นอัมพาต

ขอจับดูด้วย

หลังจากนัน ้

ต้องป้ อนข้าวป้ อนนำ้า เช็ดก้น

ตาป่ ุน ก็ได้นาง

สอิง้ ปรนนิบัติ

เมียใหม่ก็ไม่ได้ทำาอะไร

ปฏิ บั ติไ ด้ อ ย่ างดี ม าก งอีก ๔ ปี

อยู่คนละหลัง

ทั ง้ ๆ ที ส ่ าวกะตาแก่ ค นนี ้

ก็

แม่ ส อิ ้

ครบ ๒๐ ปี ตามสัญญาในเมืองมนุษย์

อาตมาก็ติดตามผลสรุปแล้วได้ความว่าพออายุ ๒๐ ปี พอดี

ตาป่ ุนยังไม่ตาย

เรียบร้อยดีทุกอย่าง แล้ ว

เป็ นอัมพาต

นางสอิง้ ก็ปรนนิบัติ

พอดีวันนัน ้ ทำากับข้าวไปวัด

พอเสร็จ

นางสอิ ง้ ก็ ฟุ บ ลงไปตายคาที ่อ ายุ ๒๐ ปี บริ บู ร ณ์

อาตมายังไปเผา เรื่องนีเ้ ป็ นความจริง กว่ าปี แล้ว

พอนางสอิง้ ตาย

ตาป่ ุนก็ ๘๐

เผานางสอิ ง้ เรี ย นร้ อ ยก็ ต าป่ ุ น ตาย

เมียใหม่ก็ตายหมด

บัดนีบ ้ ้านก็แยกย้ายกันไป

อีก ๒ ปี เมื่อเร็วๆ

นี ้ อาตมาไปเทศน์ทีต ่ ำา บลท่าตะโก

ยังมีคนยังรับรู้อยู่อีก

คนอายุ ๙๑ ปี

พระครูนิพันธรรมคุต

เจ้าคณะอำาเภอเก่า

ท่านเป็ นเจ้าคุณท่านก็มรณภาพไปนานแล้ว เ รื่ อ ง นี ้ ชี ้ ใ ห้ เ ห็ น ว่ า ห ญิ ง ๒ ร่ า ง น า ง ๒ ช า ติ บาปกรรมนักหนา

แล้วเมืองนรกก็มีการสวดมนต์ไหว้พระ

นางสอิง้ ก็ถึงแก่ความตายตามสัญญา ๒๐ ปี ก็ ไ ด้ กุ ฏิ กั ม มั ฏ ฐานของแม่ ส อิ ง้ บาปกรรมจะติ ด พั น มา

ส้วม

เดี ย ๋ วจะให้ อ ภั ย โทษไม่ ไ ด้

เลย

สร้ า งเป็ นห้ อ งแถวให้

บอกลู ก หลานไว้ ด้ ว ยว่ า อยากปั ญญาดี มั ้ย

รับรองปั ญญาดีทุกคน

วัดนี ้

อาตมาก็ ก ลั ว เกรงไปว่ า

สร้ า งกุ ฏิ กั ม มั ฏ ฐานเป็ นการใหญ่ ท่ า นพั ก

พอดี

ไม่ใช่เรือ ่ งโกหก

ขั ด

อาตมาไป

ซือ ้ บานประตู หนึง่

หน้ าต่ างจากกำา แพงเพชร

ไปเจอเด็ กคน

บอกหลวงพ่อหลานคนนีห ้ ัวไม่เอาไหนเลย

สอบตก

อยู่ เ รื่อ ยอยากจะเรี ย นหนั ง สื อ ทำา ไงจะมี ปั ญญาบอกว่ า มา บวชเณรทีน ่ ี่ ไม่เคยขัด

พอบวชแล้วเณรขัดส้วม

ตืน ่ ๒ โมงเช้า ใครหาข้าวให้กิน บอกแม่

ขัด ส้ว มขั ดไปขัด มาก็รัก ความสะอาด แล้ ว ไปเรี ย นหนั ง สื อ ต่ อ พิพากษา

บอกผมอยู่ทีบ ่ ้าน ก็

อยู่ ม าได้ ห น่ อ ยสึ ก

เรี ย นไปเรี ย นมากลายเป็ นผู้

ไปสอบได้ทีห ่ นึง่ เลย

นีข ่ ัดส้วม

จากหนั ง สื อ อนุ ส รณ์ ง านรพะราชทานเพลิ ง ศพ วรรณพร

สุวรรณทรัพย์

หน้า ๕๙-๖๓

อดีตชาติ

ทีส ่ มาคมแห่งหนึง่

นางสาว

ท.เลีย ่ งพิบูลย์

หลังจากประชุมกันตามธรรมดา

ทุกวันพฤหัสบดีกอ ่ นเทีย ่ งเสร็จเรียบร้อยแล้ว หันมาถกเถียงกันถึงเรือ ่ งกฎของความจริง

ก็ยงั มีเวลา

เรือ ่ งกรรมใน

ยุคปั จจุบันนีก ้ ็มีผู้สนใจและเชือ ่ กันมากแต่หลายท่านยัง ข้องใจในเรือ ่ ง “กรรมอดีตชาติ” หรือกรรมเก่าชาติก่อน ติดตามสนองในชาตินี ้ เพราะบางท่านในชาติปัจจุบันนีก ้ ็ ประพฤติตัวดี

ไม่น่าจะรบเคราะห์กรรมหนักเลย จึงมีข้อ

สงสัยว่าจะพูดอย่างกำาปั ้ นทุบดิน

เมือ ่ ไม่มีอะไรเกิดขึน ้ ก็

หาสาเหตุไม่ได้ก็มักจะเหมาให้เป็ นกรรมของอดีตชาติ ย่อมมีทัง้ สองฝ่ ายคือ จริง”

จึง

ฝ่ ายหนึง่ เชือ ่ ว่า “กรรมในอดีตชาติมี

แต่อีกฝ่ ายยังสงสัยเชือ ่ ไม่สนิทนัก

บางท่านก็ไม่เชือ ่

เลยจึงมีการถกเถียงกันขึน ้ ในหมู่ผู้ทีไ่ ด้เคยอ่านหนังสือใน ชุด “กฎแห่งกรรม” เมื่อเพื่อนทีเ่ ป็ นฝ่ ายเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมในอดีตชาติ มีจริง

ทัง้ เป็ นเลขานุการของสมาคมนัน ้ มาเล่ าให้ฟังแล้ว

ผู้ เ ขี ย นก็ บ อกกั บ เพื่อ นว่ า

เป็ นธรรมดาของมนุ ษ ย์ ปุ ถุ ช น

ย่ อ มจะมี ค วามเห็ น แตกต่ า งกั น

การที ถ ่ กเถี ย งกั น เพื่ อ

หาความจริงและเหตุผลในเรือ ่ งนีก ้ ็เป็ นนิมิตทีด ่ ี

เพราะเป็ น

ทางที จ ่ ะนำา ไปพิ จ ารณาเห็ น แจ่ ม แจ้ ง

ในอนาคตวั น หนึ่ง

ข้างหน้าก็คงจะคลีค ่ ลายข้อสงสัยให้ชัดแจ้งอย่างขาวกับดำา เมือ ่ นัน ้ คงจะปั ดข้อสงสัยต่างๆ หมดไปเอง แต่ ก็ เ หมื อ นอภิ นิ ห าร

เผอิ ญ ต่ อ มาผู้ เ ขี ย นก็ ไ ด้ รั บ

จดหมายพร้อมทัง้ บันทึกข้อความเกีย ่ วแก่กรรมในอดีตชาติ ซึง่ มีหลักฐานเหตุการณ์พอจะเชื่อได้ไม่มีข้อสงสัยหากท่าน ได้ อ่ า นและได้ พิ จ ารณาดู ใ ห้ ถี ถ ่ ้วน สงสัยลงได้บ้าง ไปไม่นานวัน

ก็ ค งจะคลายความ

เพราะเรือ ่ งได้เกิดขึน ้ มาแล้ว ยัง มีผู้ รู้ เ ห็ น เป็ นพยาน

นับว่าเหตุบังเอิญหรืออภินิหาร ทันเวลาหลังจากได้ทราบว่า

และได้ผ่าน

มี ห ลั ก ฐานอี ก มาก

ผู้เขียนได้รับเรื่องนีม ้ าได้

มีคนส่วนมากถกเถียงกันถึง

กรรมในอดีตชาติมีจริงหรือไม่ ในบันทึกทีท ่ ่านเจ้าของเรื่องส่งมาได้เล่าว่า (หมายถึ ง ผู้ บั น ทึ ก )

มี เ พื่ อ นนายทหารผู้ นิ ย มการล่ า สั ต ว์

เป็ นกิฬ่าทีท ่ ำาให้สนุกสนานเพลิดเพลิน ตามอารมณ์ เ ป็ นชี วิ ต จิ ต ใจ

ตื่นเต้น

ผจญภัย

ข้ า พเจ้ า อยากจะห้ า มปราม

ชี แ ้ จงให้ เ ห็ น บาปบุ ญ คุ ณ โทษในเรื่ อ งกรรม หนักคำา พูดคำา เตือน

ข้าพเจ้า

แต่ คิ ด ว่ า นำ้ า

และเหตุผลยังไม่พอยังเบา

เพื่อนก็

คงไม่ เ ชื่อ แน่

จึ ง หาโอกาสให้ เ พื่ อ ได้ พ บพระอาจารย์ ที ม ่ ี

คุณธรรมสูง

เพือ ่ จะได้อบรมสัง่ สอนให้เกิดเห็นผิดชอบบุญ

บาปมี ศี ลธรรม

มี ค วามประพฤติ

ของศี ลธรรมต่ อไป

ปฏิ บั ติ อ ยู่ ใ นขอบเขต

สมกั บ เป็ นผู้ ถื อ พุ ท ธศาสนาเป็ นหลั ก

ปฏิ บั ติ

หากมนุ ษ ย์ เ ราไม่ เ ข้ า ข้ า งตั ว

เหตุผลตามหลักธรรมชาติแล้ว สั ต ว์ ทุ ก ชนิ ด ที เ่ กิ ด มาในโลก

ข้าพเจ้าก็คิดว่าคงจะรู้ว่า

นั บ แต่ ม นุ ษ ย์ เ ป็ นสั ต ว์ โ ลกที ่

สู ง สุ ด ตลอดจนสั ต ว์ เ ลื้ อ ยคลาน ประจำาอยู่ด้วยกันทุกชีวิต กลัว”

ต่ า งมี สั ญ ชาติ ญ าณ

ทุกรูปนาม

สิง่ นัน ้ คือ

ซึ่ ง มี ค วามไวต่ อ ความรู้ สึ ก

“ความ เพียงเรา

เราจะเห็นได้ว่าสัตว์ทีเ่ ราเลีย ้ งอยู่ในบ้าน

จะหยิบไม้ข้ึนมาทำาท่าจะตีเท่านั้น หรื อ

ได้ พิ จ ารณาถึ ง

จะเป็ นแมวหรือหมา

ก็ จ ะทำา ให้ มั น ตกใจวิ ง ่ เผ่ น

หนี ต ามสั ญ ชาติ ญ าณแห่ ง ความกลั ว

สั ต ว์ ป่ ามี

ความตื่น กลั ว อยู่ แ ล้ ว เพราะมั น เคยพบแต่ ม นุ ษ ย์ ที ค ่ อยล่ า ทำา ลายมัน

ผิดกับพระภิกษุบางรูปท่านได้แผ่เมตตาธรรม

ให้มันจึงทำาให้มันเข้าหาพระ ภัยอันตรายใดๆ

เพราะสัญชาติญาณร็ว่าไม่มี

เมือ ่ อยู่ใกล้พระ

นีก ่ ็เห็นได้ว่า

ชนิดย่อมมีความหวาดกลัวภัยเป็ นเจ้าเรือนอยู่แล้ว ก็สามารถรู้ว่าใครมีเมตตาธรรมแก่มัน

แต่มัน

หากเรานักล่าสัตว์

จะพิจารณาดูก็จะเคยเห็นแก่ตารู้แก่ใจว่า สัตว์ป่า

สัตว์ทุก

ขณะทีบ ่ ุกเข้ายิง

เสียงปื นทำาให้มันแตกฝูงวิง่ กระเจิงหนีเพราะความ

หวดกลั ว

ตั ว ลู ก พลั ด ตั ว แม่

ตั ว ผู้ พ ลั ด ตั ว เมี ย

วิ ง่ หนี

ตาลี ต าลานจนสุ ด ชี วิ ต ขอเพี ย งให้ มี ชี วิ ต รอดตายเท่ า นั ้น และบางตวเคราะหฺร้ ายถูก ยิ ง ตายก็ ต ายไป หนีต่อไป

บางตัวยังไม่ตาย

ที ไ่ ม่ ต ายก็ วิ ง่

เพียงแต่ถูกยิงบาดเจ็บก็วิง่ โซ

ซัดโซเซไปหาทีห ่ ลบภัยในพุ่มไม้ทีล ่ ับตาออกมาหากินไม่ได้

แข้งขาถู กลูก ปื นบาดเจ็บ พิก ารได้รั บความลำา บากทนทุ กข์ ทรมานจนกว่าจะหายหรือตายไป หากเราอยากจะเป็ นนักล่าสัตว์ป่า ตัวเองก่อน หรือถูก

ก็ควรจะพิจารณา

แล้วตัง้ ปั ญหาถามตัวเองว่า

เราสร้างบุญหรือก่อบาป

เราทำา เช่นนีผ ้ ิด

เมื่อคิดยังไม่ตกก็ย้อน

ไปคิ ด ว่ า เอาความรู้ สึ ก ทางจิ ต ใจของเราไปสวมวิ ญ ญาณ ของสัตว์ที เ่ ราตามล่ านั น ้

สมมุ ติว่ าสั ตว์ กับ คนตามล่า เรา

หาความสนุ ก สนานตามอารมณ์ เ หมื อ นเราหยิ ก เนื้อ ผู้ อื่ น ข้า งเดียว บ้ า ง

เขาเจ็ บ

แล้ ว เราก็ จ ะมี ค วามรู้ สึ ก อย่ า งไร

นับถือศาสนาพุทธ เปล่า

เราไม่ เจ็ บก็ลองให้ เขาหยิ กเนื้อ เราดู อย่ า ลื ม ว่ า เรา

แต่เราอยู่ในขอบเขตของศีลธรรมหรือ

เราได้ปฏิบัติอะไรผิดศีลธรรมข้อใดบ้าง

อารมณ์สร้างกรรมไม่มีขอบเขต เป็ นกี ฬ าของมนุ ษ ย์ เบี ย ดเบี ย นสั ต ว์

อย่าหลงใหลสร้างบาปว่า

ให้ ค วามเป็ นธรรม

อย่ า รั ง แก

มั น ก็ อ าศั ย อยู่ ใ นป่ าที ่มี ข อบเขต

ความสุ ข ตามธรรมชาติ ข องมั น กฎหมายสงวนพันธ์ุสัตว์ป่า

ธรรมคิดพิจารณาดูให้ถีถ ่ ้วนแล้ว คงยิงมันไม่ลง

ตามดงตามธรรมชาติ

ก็ มี

แม้ ท างบ้ า นเมื อ งจะมี

แต่ก็ยังมีมนุษย์เห็นแก่ตัวบุก

ทำา ลายมั น จนจะสู ญ พั น ธ์ุ อ ยู่ แ ล้ ว เวทนาสงสาร

อย่าปล่อย

ถ้ า เราได้ เ อาหลั ก ศี ล เราก็จะเกิดความสมเพช

ปล่อยให้มีชีวิตอยู่ตามป่ า

อย่าไปรบกวนเบียดเบียนให้มันอยู่

ด้ ว ยความสงบในป่ าต่ อ ไปเราก็ ส บายใจ

เมื่ อ มี อ ายุ ก็ ไ ม่

ต้องกลัวว่ากรรมจะตาม

เพราะไม่ได้สร้างกรรมไว้แต่วัย

หนุ่ม ไ ด้ บั น ทึ ก ไ ว้ ว่ า เมษายน

พ.ศ.๒๕๑๒

เป็ นนั ก นิ ย มไพร

คื น นั ้ น เ ป็ น ต้ น เ ดื อ น

วั น ที ่ ๒

ข้าพเจ้าพร้อมด้วยนายทหารอดีต

ชอบล่ า สั ต ว์ ถื อ เป็ นกี ฬ าของลู ก ผู้ ช าย

อีกท่านหนึง่ เป็ นนายทหารแม่นปื น

ได้รับเหรียญทองและ

เหรียญเงิน เท่าทีร ่ ู้ไม่ตำ่ากว่า ๖ อัน เราต่างก็ถกเถียงกัน ถึ ง เรื่ อ งการล่ า สั ต ว์ ห รื อ คนฆ่ า สั ต ว์ ว่ า เป็ นการสร้ า งบาป สร้างกรรมหรือไม่

ตกลงคืนนัน ้ เราจึ งพากั นขึ้นรถพร้อ ม

ทั ้ ง คนขั บ ออกจากที ่พั ก คื น นั ้ น เป็ นคื น แรม ๑ คำ่ า

ดวง

จั น ทร์ ยั ง ไ ม่ รู้ สึ ก เ ว้ า แ ห ว่ ง กำา ลั ง ท อ แ ส ง ส ว่ าง เ ต็ ม ด ว ง เพราะเป็ นเดื อ น ๕

ข้ า งไทย

แม้ อ ากาศอบอ้ า วบ้ า งใน

กลางวันแต่เวลากลางคืนก็เย็นพอสบาย แจ่ ม กระจ่ า งสว่ า งทั่ ว ถึ ง ท้ อ งฟ้ า

เมื่อเดือนหงาย

พื้ น แผ่ น ดิ น

และดงไม้ เ ป็ นทิ ว ทั ศ น์ ใ ต้ แ สงเดื อ นเต็ ม ดวง อาหารทางตาและทางจิ ต ใจ

มี ภู เ ขา ย่ อ มเป็ น

สำา หรั บ ผู้ มี ค วามรู้ สึ ก เป็ น

ปกติสำา หรับนักล่าสัตว์ก็ยิง่ นึกไกลออกไปถึงกลางดงกลาง ป่ า

นึกถึงพวกสัตว์

หรืออย่างน้อยก็นึกถึงพวกกระต่าย

ป่ าออกมาเล่นแสงจันทร์

จะได้ซ้อมมมืออย่างเพลิดเพลิน

สนุ ก สนานตามอารมณ์

แล้ ว แต่ ค วามรู้ สึ ก นึ ก คิ ด แต่ ล ะ

บุ คคล

ส่ วนพวกทีเ่ ป็ นโสดเวลาเช่น นี ก ้ ็มั กจะฝั นถึ งความ

รั ก อั น แสนหวานกั บ คนรั ก ภายใต้ แ สงเดื อ นดั น มี แ ต่ ค วาม

สดชื่น

เวลาและสิง่ แวดล้อมทัง้ ภูเขาลำา เนาไม้ภายใต้แสง

สว่างย่อมจะฝั นถึงความสุขด้วยกัน

ไม่ว่าหญิงชายทุกรุ่น

ทุกวัย ผู้สูงอายุก็มักจะคิดถึงความหลังทีส ่ ดชืน ่ ครัง้ หนึง่ ใน ชีวิตใต้แสงเดือน การทีข ่ ้าพเจ้าพร้อมทัง้ คนขับและเพือ ่ นๆ มุ่งหน้าออก จากทีพ ่ ักเมืองลยบุรี

มิได้มุ่งหมายเข้าไปในกลางดงกลาง

ป่ าเพื่อล่ากระต่ายทีอ ่ อกมาเล่นแสงเดือน เป็ นผู้ไม่ชอบสร้างบาป

เพราะข้าพเจ้า

เบียดเบียนสัตว์หรือมุ่งหน้าจะไป

เที ่ย วบ้ า นสาวคนรั ก เพราะแสงเดื อ นทำา ให้ เ กิ ด อารมณ์ สดชื่น

เราขับรถออกจากค่ายทีพ ่ ักมุ่งหน้าไปทางสิงห์บุรี

ทั น ที

มุ่ ง หวั ง จะพาเพื่ อ นทั ้ ง สองตรงไปนมั ส การท่ า น

พ ร ะค รู ภ าวนาวิ สุ ท ธิ ์ อัมพวัน

เราโชคดี

เจ้ าอาว าส สำา นั ก วิ ปั ส นา วั ด

อำาเภอพรหมบุรี

จังหวัดสิงห์บุรี

คืนนัน ้ นับว่า

เพราะได้ พ บท่ า นพระครู อ ยู่ ต ามลำา พั ง

ปกติ

ธรรมดาแล้ ว น้ อ ยนั ก จะได้ มี โ อกาสเช่ น นั น ้

เพราะท่ า นมี

แขกมาหาเสมอเป็ นประจำาหาเวลาว่างยาก

เมื่อเราพากัน

ไปกราบนมัสการแล้ว กุฏิ

ก็ได้มีโอกาสสนทนาทีช ่ ัน ้ ล่างของ

พระประสิทธิไ์ ด้บริการนำา ้ ร้อนนำ้าชาตามเคยทุกครัง้ ที ่

ข้าพเจ้ามาถึง พวกเราได้สนทนากับท่านตามสมควรแล้ว ปั ญหาเรื่ อ ง “ผลของกรรม” อธิบายและยกตั วอย่างมี เหตุผ ล

ก็เริม ่ ถาม

ท่ า นพระครู ก็ ไ ด้ ก รุ ณ า และตัว อย่ างทีม ่ ี มาแล้ ว

ทำาให้บางคนนึกถึงเมือ ่ ครัง้ วัยรุ่นคะนองมือ ลองฝี มือทางยิงปื นอ่อนทางศีลธรรม สร้างกรรม

ดูภูมิใจเมื่อได้

แก่ในทางสร้างบาป

ในเวลานัน ้ เราไม่เคยคิดเรื่องบาปบุญคุณโทษ

ดูเหมือนจะไม่เคยคิดถึงเรือ ่ งศีลธรรม ไหนก็ไปตามอารมณ์เห็นว่าสนุกดี

เมือ ่ เพือ ่ นชักชวนไป

ความเวทนาสงสารไม่

เคยคิ ด อยู่ ใ นความรู้ สึ ก

แม้ เ จ้ า สั ต ว์ เ คราะห์ ร้ า ยเมื่ อ ถู ก

ลูก ปื นยัง ไม่ ตายลงทั นที

มั น ยั ง ต้ อ งตะเกี ย กตะกายวิ ง่ หั ว

ซุกหัวซุนวิง่ หนีจนสุดกำาลัง

เพือ ่ เอาชีวิตรอดเนือ ้ ตัวสัน ่ เทา

ด้วยความกลัวเรากลับเห็นเป็ ฯของสนุกสนานจิตใจชืน ่ บาน มาถึ ง ปั จจุ บั น นี เ้ มื่ อ ได้ ฟั งหลั ก ธรรมพู ด ถึ ง กรรมของท่ า น พระครูแล้วก็ทำาให้คิดถึงเวลานัน ้ เศร้าสลดใจ

เราก็ไม่นึก

ว่ า เราจะเป็ นคนเหี ย ้ มโหดทารุ ณ ดุ ร้ า ยเบี ย ดเบี ย นสั ต ว์ ถึ ง เพียงนี ้ เพราะเราลืมตัว เมื่อ เพื่อ นนั ก แม่ นปื นได้ ถ ามท่ า นพระครู ว่ า “การฆ่ า สัตว์เป็ นกีฬาทีม ่ นุษย์นิยมไพรชอบล่านั้น

จะมีบาปหรือ

ไม่เพราะบางลัทธิเขาบอกว่าการฆ่าสัตว์ให้ตายเพือ ่ นำามา

ปรุ ง อาหารนั้ น เขาถื อ ว่ า อนุ เ คราะห์ ช่ ว ยให้ สั ต ว์ ไ ปเกิ ด เป็ นคน”

ท่านพระครูท่านตอบว่า ข้อแรก

“ทางพุทธศาสนานั้นผิดศีล

เพราะพวกสัตว์อยู่ในป่ าหากินตามสภาพของเขา

เราก็ ค วรจะอยู่ ส่ ว นเรา

แต่ นี เ่ รากลั บ แบกปื นเข้ า ป่ าไป

เที ย ่ วรุ ก รายรั ง ควานเขา

เบี ย ดเบี ย นฆ่ า สั ต ว์ ใ ห้ ต าย

แล้วเราก็คิดปลอบตัวเอง จะต้ องเกิด มาเป็ นคน พู ด ไม่ ไ ด้

เรารู้ได้อย่างไรว่าสัตว์ทีเ่ ราฆ่า

เข้า ใจไปคนเดี ย ว

เพราะสั ต ว์ มั น

มนุ ษ ย์ พู ด ได้ จึ ง พู ด ข้ า วเดี ย วตามใจชอบ

เช่ น

เมื่ อ หลายปี บริ เ วณรอบๆ วั ด เกิ ด นำ้ า ท่ ว มในป่ าละเมาะ พวกกระต่ ายป่ าต่ า งก็ แ ตกตื่น หนี นำ้า หาที พ ่ ึ ่ง รอดตายทีส ่ ุด

เพื่อ ให้ ชี วิ ต

พวกกระต่ ายเหล่า นั น ้ ก็ห นีนำ้า มาพึ่ง อาศั ย

ในวั ด เพราะเป็ นที ด ่ อนนำ้ า ท่ ว มไม่ ถึ ง มนุษย์ใจโหดย่อมเป็ นภัยอันตราย

แม้ จ ะรู้ ว่ า อยู่ ใ กล้

แต่พวกกระต่ายก็ไม่มี

ทางเลื อ กจะหนี ไ ปหลบซ่ อ นในที ป ่ ลอดภั ย กว่ า นี ้

ก็ ต้ อ ง

ตัดสินใจเข้าหาวัดเป็ นทีพ ่ ึง่ แม้จะรู้ว่าเมือ ่ พบมนุษย์ใจชัว ่ เข้า ก็ต้องตายแต่ก็ต้องเสีย ่ ง

เพราะดีกว่าจมนำ้าตายถ้ามนุษย์

เราได้ ใ ช้ ค วามคิ ด กั น สั ก หน่ อ ย

ก็ จ ะเห็ น ใจสั ต ว์ มี ค วาม

สงสารเวทนาและแผ่เมตตาธรรมให้สัตว์เหล่านัน ้

เพราะที ่

อยู่อาศัยก้ไม่ม้ต้องตะเกียกตะกายเพือ ่ เอาชีวิตรอดมาพึง่ วัด ก ร ะ ต่ า ย บ า ง ตั ว ก็ ห ล บ ห นี เ ข้ า ไ ป ซ่ อ น ตั ว อ ยู่ ใ น โ บ ส ถ์ อาตมาพิจารณาดูแล้วก็สงสารคิดว่าสัตว์ก็กลัวตายเหมือน มนุ ษ ย์

หนี ร้ อ นมาพึ่ง เย็ น จึ ง ได้ บ อกประกาศให้ ญ าติ โ ยม

แถบใกล้ๆ วั ด นั น ้ ว่ า

ขออย่ าได้ ทำา อั น ตรายกระต่ า ยเลย

เพราะเท่ า ที เ่ ขาเสี ย ่ งภั ย เข้ า มาอยู่ ใ กล้ ค นนี ก ้ ็ ก ลั ว มากอยู่ แล้ ว ตามปกติ ก ระต่ า ยก็ ตื่น กลั ว มนุ ษ ย์ อ ยู่ แ ล้ ว ทำาลายเขาเลย

เรามาช่วยกันห้องกัน

อย่ า ได้ ไ ป

ให้พวกเรารอดพ้น

อันตรายจากนำ้าท่วมก็เป็ นกุศลทีเ่ ราได้ช่วยชีวิตสัตว์ให้พ้น ทุกข์

เพราะเขาไม่มีทางหนีไปทีไ่ หนอีกแล้ว ต่อมาชาวบ้านอยู่ข้างวัดคนหนึง่ ไม่สนใจใยดีกับคำาขอ

ร้องได้ถือโอกาสแอบไปล่าเอาไปกินเป็ นอาหาร

อาตมารู้

ก็เศร้าใจเพราะคิดว่าใครทำา ลายกระต่ายพวกทีห ่ นีร้อนมา พึ่งเย็นนัน ้ ต้องรับกรรมหนักกว่าธรรมดามาก ทีไ่ ปเทีย ่ วบุกยิงในป่ า ได้

ผิดกับพวก

เพราะพวกกกระต่ายยังมีทีห ่ ลบหนี

แต่บัดนีไ้ ม่มีทางหลบหนีไปทางไหนได้เพราะจนตรอก

และในเวลาต่อมาคนทีก ่ ินกระต่ายทีอ ่ าศัยวัดหนีภัยนำ้าท่วม อยู่ได้ไม่นานก็มีอาการป่ วยผิดปกติและก็ตายอย่างทรมาน เพราะกรรมตามสนอง หนั ก

นี ก ่ ็ เ ห็ น จะเป็ นเพราะสร้ า งกรรม

ไม่ เ ชื่ อ ฟั งอาตมาสิ ง่ ที ห ่ นี ไ ม่ พ้ น ก็ คื อ ต้ อ งชดใช้ ห นี ้

กรรม เพื่อ นผู้ เ ป็ นนั ก ล่ า ได้ ฟั งก็ รู้ สึก ไม่ ส บายใจเพราะได้ ยิ ง สั ต ว์ ม า ก

ไ ม่ เ ค ย ส น ใ จ คิ ด ถึ ง เ รื่ อ ง บุ ญ บ า ป ม า ก่ อ น

หาความสนุ ก สนานตามอารมณ์ ข องคนวั ย หนุ่ ม

จึ ง ถาม

ท่ า นพระครู ว่ า

“ท่ า นอาจารย์ ค รั บ

ขอรั บ ว่ า ผมเคยยิ ง

สัตว์ป่ามาก่อน

แต่ไม่คิดถึงกรรมเวรทีจ ่ ะติดตามมาสนอง

บั ดนี ร ้ ู้สึก ว่าการทีท ่ ำา ไปเพราะความคะนองของคนเมื่ออยู่ ในวัยขาดศีลธรรมา

เมือ ่ มารู้สึกผิดชอบเช่นนีแ ้ ล้ว

มีทาง

ใดบ้ างครั บ เพื่อจะลบล้ า งที เ่ ราได้ ทำา มาแล้ ว เมื่อ ครั ง้ อดี ต ” ท่ า นพระครู ไ ด้ ฟั งก็ บ อกว่ า

“บุ ญ กั บ บาปลบล้ า งกั น ไม่ ไ ด้

บุญก็อยู่ส่วนบุญ

บาปก็อยู่ส่วนบาป

เปรียบเหมือนนำา ้ กับ

นำ้ามันเท่าทีเ่ รารู้สึกตัวว่าทำาบาปสร้างกรรมชัว ่

เมื่อคิดได้

รู้บุญบาปแล้วก็เป็ นนิมิตทีด ่ ีต่อไปก็จะกลับใจสร้างแต่กรรม ดี

เป็ นผู้ทีค ่ วรยกย่องนับถือกว่าบุคคลบางคนทีเ่ ห็นผิดเป็ น

ชอบ

เมื่ อ รู้ สึ ก ตั ว ว่ า ทำา ผิ ด แต่ ก็ ไ ม่ ล ะเว้ น การทำา บาปชั่ ว

คล้ายกับตกกระไดพลอยโจนคิดว่าไหนๆ ผิดเราก็ทำา บาป ทำา กรรมมาแล้ ว ก็ ทำา มั น ต่ อ ไป

แทนที จ ่ ะสำา นึ ก ตั ว ได้ จ ะ

กลับตัวกลับใจสร้างกุศลสร้างกรรมดีทดแทนทีห ่ ลงผิดมา ก่ อ น

ถ้ า กลั บ ชั่ ว เป็ นดี ไ ด้

พระท่ า นยกย่ อ งสรรเสริ ญ

หากเราสร้างกรรมดีสร้างบุญกุศลให้มากแม้บุญกุศลจะไม่ สามารถลบล้ า งกรรมได้ ดี ติ ด ตามไม่ ทั น

หากกรรมฃั่ว บาปมี น้ อ ยก็ ยั ง

เพราะกุ ศ ลบารมี ม ากกว่ า

บุญกุศลเป็ นบารมีมากขึ้น

เมื่อ เราสร้ า ง

เราก็ แผ่ ส่ว นกุ ศลให้ เจ้ ากรรม

นายเวรสร้างบุ ญกุ ศลครัง้ ใดก็อุ ทิศ ทุก ครัง้ ไป ชัว ่ เรามีน้อยไม่มากก็จะจางไป ชดใช้หนีก ้ รรมไปในตัวแล้ว กรรมดี ม ากขึ้น

หากกรรม

เพราะส่วนกุศลทีเ่ ราอุทิศ

แต่เมือ ่ เราสร้างบุญกุศลสร้าง

กรรมชั่ว ถึ ง ไปจางก็ ค่ อ ยห่ า งออกไปยั ง

ตามไปทันหากหยุดสร้างบุญกุศลและหันมาสร้างกรรมชั่ว สร้างบาปต่อไป เร็วขึน ้ พ้นไปได้

กรรมชัว ่ ก็จะเข้าใกล้ติดตามมาทันสนอง

หากยิง่ เป็ นกรรมหนักแล้วก็ยากทีจ ่ ะหลบหลีกให้ แม้ จะพยายามสร้า งกรรมดีเ พีย งใด

แต่ กรรม

บาปนัห ้ นักเกินกว่ากรรมดีทีก ่ ำาลังปฏิบัติในชาตินี ้ ก็ต้องได้

รั บ กรรมหนั ก กว่ า ชาติ ก่ อ นที ต ่ ามมาสนองไปก่ อ นกว่ า จะ หมดเวรส่ ว นกรรมดี ก็ ค งจะสนองภายหลั ง หรื อ ชาติ ห น้ า เมือ ่ ใช้หนีอ ้ กุศลกรรมหมดแล้ว เช่นเรือ ่ งทีเ่ กิดขึน ้ มาแล้ว

เมือ ่ ปี ๒๕๐๔

ซึง่ เป็ นเรือ ่ ง

ที ผ ่ ู้ไ ด้รับ เคราะห์ กรรมในเวลานั น ้ เป็ นผู้ เ ลื่อ มใสศรั ท ธาใน ทางพระพุ ท ธศาสนา

มี จิ ต ใจเป็ นกุ ศ ลได้ ร่ ว มงานทำา บุ ญ

ช่ว ยเหลื อกิจการของวั ดกับ อาตมาหลายปี ศึกษาทางวิปัสสนากรรมฐานกับอาตมา ว่า

ชลอ

เกิดสุวรรณ

ทหารเสนารั ก ษ์

และได้ ส นใจ

บุคคลผู้นีม ้ ีนาม

เพราะในอดีตเคยรับราชการเป็ น

เป็ นคนใจดี มี ค วามเมตตาเผื่ อ แผ่ ช่ ว ย

เหลือชาวบ้านเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยมิได้รังเกียจ ชาวบ้ า นพากั น เรี ย กว่ า “หมอชลอ” ลำา เนาอยู่ บ้ า นศาลาลอย

บริกรรมเป็ นประจำา

ท่ า นผู้ นี ้เ ดิ ม มี ภิ

จั ง หวั ด อยะยา

แต่งงานอยู่กินกับนางสาวทองใบ อยู่ ใ นหมู่ บ้ า นข้ า งวั ด

เป็ นทีร ่ ักใคร่ ต่ อ มาได้

ซึง่ มีหลักฐานบ้านเรือน

หมอชลอได้ ม าวั ด ศึ ก ษานั่ง สมาธิ จนสามารถทำา จิตให้สงบเป็ นสมิเข้า

ขัน ้ ใช้ได้ วันหนึ่งหมอชลอเล่าให้อาตมาฟั งว่า

เมื่อขณะหมอ

ชลอนั่ง สมาธิ ก็ เ กิ ด นิ มิ ต ปรากฏเป็ นภาพในอดี ต ชาติ ใ ห้ เห็นอย่างชัดเจนเหมือนชีวิตเพิง่ ผ่านไปไม่นานนัก

ภาพนัน ้ แสดงให้เห็ฯชีวิตก่อนเมื่อครัง้ หมอชลอมีอายุ

อยู่ ใ นวั ย ๑๖-๑๗ ขวบ

และมี พี ช ่ ายอยู่ ผู้ ห นึ่ ง ส่ ว นบิ ด า

มารดาเป็ นชาวรามั ญ มี ภู มิ ลำา เนาอยู่ ใ นจั ง หวั ด ราชบุ รี อาชี พขายโอ่ง ลำา นำ้า

โดยนำา โอ่ งบรรทุก เรื อขึ้น ล่ อ งไปขายตาม

ครัง้ นัน ้ มีเพื่อนของพีช ่ ายได้มาชักชวนให้หมอชลอ

เข้ า พวกไปปล้ น หมู่ บ้ า น “ม่ อ งร่ า ย” เขตจังหวัดาญจนบุรี

ชีวิตของคนวัยรุ่น

ทางชั่วก็เ ห็ นเป็ นของสนุ ก ตื่น เต้ น ร่ ว มไปปล้ น กั บ พวกเขา ด้ ว ยอาวุ ธ ปื น เดี ย ่ ว

ใกล้ นำ้ า ตกเอราวั ฯ เมื่อถูกชักจูงไป

ขาดสติ ยับ นั ง้ จึ ง ตกลง

ถึ ง เวลานั ด ก็ ไ ปกั บ พี ช ่ ายพร้ อ ม

เมื่อ ถึ ง บ้ า นหลั ง หนึ่ง ปลายหมู่ บ้ า นอยู่ โ ดด

ก็จู่ โ จมเข้ า ไปไม่ ทั น ให้ เ จ้ า ของบ้ า นรู้ ตั ว

เจ้าของบ้านตกใจ

เห็นการบุกเข้ามาในบ้านก็นึกรู้ว่าเป็ น

พวกปล้นไม่ทันจะต่อสู้ ทรั พ ย์ ล้ ม ฟุ บ ลง

เมื่อ ชาย

พีช ่ ายหมอชลอก็เอาปื นยิงชายเจ้า

เพื่ อ นของพี ช ่ ายทำา หน้ า ที อ ่ อกคำา สั่ง ให้

หมอชลอฆ่ า หญิ ง เมี ย เจ้ า ของบ้ า นซึ่ ง กำา ลั ง นอนอยู่ บ น กระดานไฟ

เพิ ง่ จะออกลู ก ใหม่ ๆ

ร้ อ งเรยกให้ ค นมาช่ ว ยจนเสี ย งหลง

เพราะหญิ ง นั น ้ ตกใจ หมอชลอก็ ไ ด้ ฆ่ า ผู้

หญิงคนนัน ้ ตายและโยนเด็กทีค ่ ลอดใหม่ๆ ลงในกองไฟทัง้ เบาะเผาทั ้ง เป็ น

ซึ่ง หมอชลอที ไ่ ด้ อ ย่ า ใจแข็ ง ดุ ร้ า ยขาด

ความเมตตากล้ า ต่ อ การทำา บาป จิตใจโหดเหีย ้ ม ลูก)

ไม่ คิ ด สงสารสั ง เวช

ไม่สะทกสะท้านตื่นเต้น (การฆ่าทัง้ แม่ทัง้

กลับเห้ฯเป็ ฯของธรรมดาได้ทำาตามคำาสัง่ ของหัวหน้า

ซึ่ง เป็ นเพื่ อ นของพี ช ่ ายด้ ว ยความเต็ ม ใจ

องอาจและทั ้ง

อยากแสดงถึงความกล้าหาญให้เห็นว่าเป็ นคนเก่งตามนิสัย คนหนุ่มทีไ่ ม่รู้บาป ส่วนเพื่อนของพีช ่ ายเก็บทรัพย์สินเงินทองเท่าทีค ่ ้นได้ เสร็จ แล้ วก็จุดไฟเผาบ้า นให้ ไ หม้ ห มดทั ง้ หลัง แล้ ว ต่ า งก็ พ า กันรีบหลบหนีเพราะเกรงกลัวพวกชาวบ้านจะพากันมาช่วย เมื่ อ กลั บ ถึ ง บ้ า นก็ ช่ ว ยกั น ปิ ดเรื่ อ งปล้ น ไม่ ใ ห้ พ่ อ แม่ รู้ ครัน ้ ต่อมาเมื่อหมอชลอกับพ่แม่ก็ล่องเรือนำา โอ่งบรรทุกไป ขายตามที เ่ คยปฏิ บั ติ ม าแล้ ว

หมอชลอกำา ลั ง ถ่ อ เรื อ ขาย

โอ่งแล้วก็หน้ามืดตกลงไปในนำา ้ ถึงแก่ความตาย นีเ่ ป็ นกรรมในอดีตชาติซึ่งได้เกิดนิมิตขึน ้ มาให้เห็นใน ขณะนัง่ กรรมฐานหมอชลอได้เล่าให้อาตมาฟั งอย่างถีถ ่ ้วน อาตมาพิเคราะห์ดูก็รู้ว่าอดีตกรรมนัน ้ หนักมากและคงตาม สนองในอนาคต

แม้ในชาติปัจจุบันจะปกิบัติธรรมเพียงไร

ก็หนีกรรมในอดีตชาติไม่พ้น อาตมาให้ ลื ม เรื่ อ งที ่นิ มิ ต เสี ย อารมณ์

อย่ า นำา มาคิ ด เป็ ฯ

ลื ม ภาพที ไ่ ด้ เ ห็ น นั ้น เสี ย แล้ ว ทำา ใจให้ ป กติ แ ละ

เสร็ จ แล้ ว ก็ นั่ง ทำา สมาธิ ป ฏิ บั ติ ก รรมฐานใหม่

อย่ า นึ ก ถึ ง

ภาพในอดีตอีกต่อไป แม้หมอชลอจะได้พยายามนัง่ ใหม่

แต่ภาพนิมิตก็เกิด

ซำา ้ ๆ กันหลายครัง้ เมือ ่ หมอชลอมาเล่าและถามอาตมาก็ได้ แต่ ป ลอบโยนให้ พ ยายามลื ม เสี ย

อย่ า ได้ นึก ถึ ง อี ก

พยายามทำา บุ ญ กรวดนำ้ า ให้ พ วกเจ้ า กรรมนายเวร

แล้ ว ข้ อ

สำา คั ญให้ พ ยายามสร้ างบุ ญ

แผ่ อุ ทิศ ส่ ว นกุ ศ ลให้ ม ากขึ้น

เรื่ อ งนี อ ้ าตมาได้ บั น ทึ ก ไว้ เ มื่ อ วั น ที ่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๙

เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ข้างหน้าว่าจะมีอะไรเกิด

ขึน ้ กับหมอชลอ แต่ ค งจะยั ง ไม่ ทั น ทำา อะไร เกิดสุวรรณ

เพราะบั ง เอิ ญ นายเจริ ญ

ซึ่งเป็ นพีช ่ ายของหมอมีภูมิลำา เนาอยู่จังหวัด

อยุธยาได้เดินทางมาหา

และได้ชักชวนให้หมอชลอให้ร่วม

ทุ นไปค้ าไม้ไผ่ ทีเ่ มือ งกาญจนบุ รี

เวลานั น ้ ไม้ ไ ผ่ กำา ลั ง เป็ น

สินค้าทีข ่ ายส่งออกต่างประเทศมาก รำ่ารวยไปตามกัน

ผู้ค้าไม้ไผ่มีกำาไรดีมีผู้

เพราะลงทุนน้อยได้กำา รมาก

อมองเห็ น ทางที จ ่ ะรำ่ า รวยเหมื อ นผู้ อื่น

หมอชล

อยากเป็ นเศรษฐี

อย่างมนุษย์ปุถุชนธรรมดาทัว ่ ไป

มองเห็นแต่ทางได้เงินอยู่

ข้างหน้าอย่างตืน ่ เต้นสนใจมาก

หมอชลอได้มาหาอาตมา

เพื่อ ปรึ ก ษาขอความเห็ น ในเรื่อ งจะไปค้ า ไม้ ไ ผ่ อพยพครอบครัวไปอยู่เสียทีเ่ มืองกาญจนบุรี

อยากจะ

เพื่อสะดวก

ไม่ต้องห่วงหน้าห่วงหลังทีต ่ ้องขึน ้ ๆ ล่องๆ เป็ นภาระทำาให้ เสี ย เวลาทำา มาหากิ น ครอบครัว ร่าย

อาตมาถามถึ ง ตำา บลที ่จ ะไปตั ้ ง

หมอชลอบอกว่าพีช ่ ายจะให้ไปอยู่ทีต ่ ำา บลม่อง

เมืองกาญจนบุรี

เมือ ่ อาตมาได้ยินก็เศร้าไม่สบายใจ

ได้พิจารณาเห็นว่าหากจะยับยัง้ ขัดขวางห้ามหมอชลอคงจะ ไม่สำาเร็จ

เพราะจิตใจหมอชลอตื่นเต้นมองเห็นความเป็ น

เศรษฐี อ ยู่ ข้ างหน้ า

หายใจเป็ นไม้ ไ ผ่ อ ยู่ แ ล้ ว

เหมื อ นนำ้า

กำา ลั ง ไหลเชี ่ย วจั ด ไม่ มี อ ะไรขวางไว้ ไ ด้ อาตมาอยู่ บ้ า งแต่ ก็ ย ากที จ ่ ะสำา เร็ จ ได้ กรรมจึ ง เกิ ด ความโลภ

แม้ จ ะเกรงใจ

เห็ น จะเป็ นอกุ ศ ล

อาตมาจะเตื อ นนึ ก ถึ ง เรื่ อ งอดี ต

ชาติ ที เ่ ห็ น ทางนิ มิ ต ก็ ไ ม่ ไ ด้

เพราะอาตมาได้ ส อนให้ ลื ม

เรื่อ งอดี ต ชาติ ที เ่ คยมองเห็ น ในนิ มิ ต

อย่ า ได้ นึ ก ถึ ง ต่ อ ไป

ขอให้เพียงสร้างบุญสร้างกุศลให้มากๆ เท่านัน ้ เมือ ่ าตมาพิจารณาดูจึงเพียงแต่แนะนำาว่า แรกยังไม่ควรจะนำา ครอบครัวไป

เพราะเรายังไม่รู้ไม่เห็น

ความเป็ นอยู่ ท างโน้ น จะเป็ นอย่ า งไร ก่ อ น

การไปครัง้

ควรจะไปคนเดี ย ว

เมื่ อ ไปได้ เ ห็ น และได้ ป ระโยชน์ เ พี ย งพอแล้ ว ก็ ห า

ทีท ่ างไว้ก่อน

เมื่ออพยพไปก็จะไม่เกิดความยุ่งยาก

ไปเห็นการค้าไม้ไผ่ไม่เกิดผลดี

หาก

ตามทีเ่ ข้าใจก็จะกลับมาอยู่

อำาเภอพรหมอย่างเดิมก็จะได้ไม่ต้องลำาบาก

หมอชลอก็ได้

ตกลงตามทีอ ่ าตมาให้ความเห็น จากนั น ้ หมอชลอก็ ไ ด้ อ อกเดิ น ทางพร้ อ มกั บ พี ช ่ ายไป ทำา การค้ า ไม้ ไ ผ่ ที เ่ มื อ งกาญจนบุ รี ห่วงหมอชลอไม่ได้

อาตมาก็ อ ดที จ ่ ะเป็ น

คอยฟั งข่าวอยู่เสมอว่ าจะมี อะไรเกิด

ขึน ้ แต่ก็ยังไม่มีข่าวอะไรคืบหน้า หลังจากหมอชลอออกจากบ้ า นอำา เภอพรหม

เวลา

ผ่านไปได้หนึง่ ปี หมอชลอก็กลับมาบ้านเยีย ่ มครอบครัวและ ได้เยีย ่ มทีว ่ ัด

อาตมาได้ถามถึงกิจการค้าไม้ไผ่

ได้เ ล่าถึงการค้าไม้ไ ผ่ไ ด้ผ ลประโยชน์ กำา ไรดี มาก

หมอชลอ เพี ย งปี

เดียวก็เห็นหน้าเห็นหลัง

ได้จับจองทีด ่ ินอยู่ในป่ าลึก

ป ลู ก ก ะ ต๊ อ บ ใ น พื้ น ที ่ จั บ จ อ ง บ้ า น ม่ อ ง ร่ า ย กระดาน

แถวถิ ่น นำ้ า ตกเอราวั ณ

เขตกาญจนบุรี

ได้

ตำา บ ล ท่ า

กิ ง่ อำา เภอศรี ส วั ส ดิ ์

มาคราวนีต ้ ัง้ ใจจะรับครอบครัวไปอยู่รวม

กั น จะได้ ไ ม่ ต้องเป็ นห่ ว งเพราะต้ อ งนำา ไม้ ไ ผ่ ล่อ งแพไปขาย ตามลำานำ้าแคว

ไปขายส่งทีเ่ มืองกาญจนบุรีทัง้ ปลูกบ้านไว้

สำา หรั บ ครอบครั ว แล้ ว

กว้ า งขวางสบาย

อาตมารั บ ฟั ง

ด้ ว ยความสงบพู ด ให้ กำา ลั ง ใจว่ า หากไปหากิ น ได้ รั บ ความ เจริญก้าวหน้า ชอบกล

อาตมาก็ยินดีด้วย

แต่ใจนั้นรู้สึกสังหรณ์

ก็ได้แต่เตือนให้ระวังเคราะห์กรรมอย่างทิง้ ทาง

พระหนักจะเป็ นเบา

และได้ชีเ้ หตุผลกฎแห่งกรรมให้ฟัง

แต่รู้ สึกหมอชลอเปลี ย ่ นแปลงลงไปมาก

ให้ พูด ว่ า เมื่อ ถึ ง

คราวแล้ ว อยู่ ที ไ่ หนก็ ต ายทุ ก คนหนี ไ ม่ พ้ น แต่ ก็ ดี ใ จที ส ่ ร้ า ง กุศลไว้มากแล้ว

อาตมารู้สึกว่าไม่สามารถจะยับยัง้

มาสู่ปกติเดิมได้

เห็นจะเป็ นเพราะกรรมเวรนำาไป

สนทนาพอสมควรแล้ว

กลับ เมื่อได้

หมอชลอจึงได้อำาลาจากไป

และ

ได้ อ พยพครอบครั ว และหลาน ๒ คน คื อ นางอุ ไ ร

และ

นายเชวง

เชื้อศรีแก้ว

เมื อ งกาญจนบุ รี ด้ ว ย

ซึ่งขอติดตามไปประกอบอาชีพที ่ ทั ้ง หมอชลอกำา ลั ง ตื่น เต้ น มองเห็ น

ความมัง่ มีล่วงหน้าในอนาคต ได้ทิง้ ทางพระเท่านัน ้

อาตมาก็ได้แต่เตือนว่าอย่า

เวลาได้ ผ่ า นไปประมาณ ๔ ปี อะไรเกิ ด ขึ้น

ก็ ยั ง ไม่ มี เ หตุ ก ารณ์

อาตมาสนใจในครอบครั ว นี ม ้ าก

เพราะ

เหตุการณ์ในอดีตชาติเมื่อเวลาทำาสมาธินัง่ วิปัสสนานัน ้ เป็ น กรรมที ่ห นั ก มากยั ง มองไม่ เ ห็ น ทางที ่จ ะแบ่ ง เบาลงได้ นอกจากปฏิบัติทางธรรมแล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้เจ้ากรรม นายเวร

เพื่อขออโหสิกรรมคงเบาลงได้บ้าง

แต่ทราบว่า

ไปอยู่ทีเ่ มืองกาญจนบุรีนัน ้ หมอชลอไม่มีเวลานัง่ กรรมฐาน ทำา บุญสร้างกุศลมัวแต่คิ ดถึ งการงานหาเงิน อาตมาก็ เศร้า ใจเพี ยงแต่ ค อยฟั งข่ า ว

จากนั น ้ ต่ อ มาอาตมาก็ ไ ด้ รั บ ข่ า ว

เหตุร้ายแรงเกิดขึน ้ กับครอบครัวนี ้ เป็ นเรือ ่ งทีเ่ ศร้าสลดใจ มาก

ข่าวนีจ ้ ากญาติภรรยาของหมอชลอซึง่ ไปมาหาสู่มา

เล่าให้อาตมาฟั งและกรรมหนักในอดีตชาติของหมอชลอได้ ตามทันมาสนองแล้ว

เรื่องมีว่าวันนัน ้ หมอชลอได้เดนทาง

มุ ร ะเข้ า ไปในเมื อ งกาญจนบุ รี พ ร้ อ มด้ ว ยบุ ต รและภรรยา ทางบ้ า นเหลื อ แต่ พี ช ่ ายคนเดี ย วเมื่ อ กลั บ มาถึ ง บ้ า นก้ ไ ด้ ทราบข่าวว่ าทางบ้านถู กปล้น สิน ้ ใจตายคาบันไดบ้าน ทองไปหมด

ส่ว นพี ช ่ ายถู กพวกปล้ น ยิ ง

แล้วพวกปล้นก็กวาดทรัพย์สินเงิน

เมื่ อ หมอชลอพร้ อ มบุ ต รภรรยาทราบข่ า ว

กลับถึงบ้านเห็นเหตุการณ์ร้ายแรงก็ตกใจสินสติแทบจะเป็ น ลม

หมอชลอรีบเดินทางไปแจ้งกับเจ้าหน้าทีใ่ ห้ทราบและ ให้มาชันสูตรศพพีช ่ ายตามระบิลเมือง

แต่เจ้าหน้าทีม ่ าล่า

ช้าหล่อยให้ศพขึน ้ จนอืดแล้ว ต่ อ มาก็ มี ช ายลึ ก ลั บ มาบอกหมอชลอแกมขู่ ใ ห้ รี บ อพยพครอบครัวออกจากตำา บลนี ไ้ ปอยู่ เ สี ย ให้ ไ กลโดยเร็ ว ที ส ่ ุด

มิฉ ะนั น ้ ก็ จ ะตายอย่ า งพี ช ่ าย

คนมาขู่

หมอชลอไม่ ช อบให้

มีความหยิง่ ในศักดิศ ์ รีของลูกผู้ชาย

เราส่วนมากไม่ชอบให้ใครมาขู่

ยิง่ เอาอำา นาจมืดความชัว ่

เข้ามาข่มขู่แล้วแม้จะรู้ว่าสู้ไม่ได้ ความเจ็ บ ใจ

ธรรมดาคน

ความโกรธ

ความแค้น

ความพยาบาททำา ให้ ข าดสติ เ กิ ด ความ

ประมาทไม่ ไ ด้ คิ ด หน้ า คิ ด หลั ง

ยิ ง่ พี ช ่ ายถู ก ฆ่ า ตายสดๆ

ร้ อ นๆ เช่ น นี ก ้ ็ ยิ ง่ เจ็ บ แค้ น มุ ม านะหากจะมาข่ ม เหงฆ่ า ฟั น กันซึง่ ฟ หน้แล้ว

ก็คิดว่าต้องมายิงกันพักหนึ่งจนกว่าจะรู้

ว่าใครจะเป็ นศพไป พลัง

ฉะนัน ้

ความโกรธแค้นเจ็บ ใจเป็ น

ทำาให้หมอชลอไม่ยอมหนีไม่กลัวคำา ขู่

ทัง้ ไม่ยอม

ไปจากถิน ่ ทีไ่ ด้ทำาประโยชน์เป็ นเงินเป็ นทองขึน ้ มาแล้ว คอยระวังตัวไม่ประมาท ปื นสัน ้ และปื นยาว

ซ้อมยิงปื นให้แม่นยำา อยู่เสมอทัง้

และตลอดเวลาอยู่ในบ้านปื นไม่ยอมให้

ห่างตัว

ขึน ้ ลำา กล้องอยู่เสมอ

ได้ทันที

เตรียมพร้อมเพื่อต่อสู้เต็มทีอ ่ ย่างลูกผู้ชาย

เข้าทีค ่ ับขันก้ได้สติ

ทัง้

เมื่อฉุกเฉินหยิบฉวยใช้ยิง เมื่อ

นึกถึงงคำาเตือนของท่านพระครูขึน ้ มา

ได้

จึงสั่งหลานไว้ว่าหากตนได้ประสบชะตากรรมสิน ้ บุญ

ไปแล้ว

ก็ขอให้ช่วยกันดูแลบ้านช่องต่อไปด้วย

หลังจากพีช ่ ายถูก ยิง ตาย เพียง ๑๕ วัน

วันนัน ้ เป็ นเวลากลางวัน

มาจอดอยู่ทีท ่ ่านำ้าหน้าบ้าน ชลอทีท ่ ่านำ้า

เมื่อผู้ ร้า ยเข้า ปล้ นผ่ า นไป

แล้วตะโกนร้องเรียกชื่อหมอ

ฝ่ ายนางทองใบ

ภรรยาหมอชลอได้ลงจาก

เรื อ นไปที ่ท่ า นำ้ า ที ่เ รื อ หางยาวจอดอยู่ ประมาณ ๑๕ คน ตำารวจ

เสียงเรือหางยาว

เห็ น คนในเรื อ

แต่งเครื่องแบบสีกากีมีปืนพร้อมคล้าย

ร้องตะโกนถามนางทองใบว่าหมอชลออยู่ไหม

เรื่องจะขอพบด่ ว นให้ ล งมาหาที ท ่ ่ า นำ้า บนเรือนบอกหมอว่า

มี

นางทองใบรี บ ขึ้น

เจ้าหน้าทีเ่ ขาขอพบด่วน

หมอชล

อนึ ก ว่ า เป็ นเจ้ า หน้ าที ม ่ าสอบสวนเรื่อ งพี ช ่ ายถู ก พวกปล้ น ฆ่าตายก็เกิดความประมาท

เดินลงบันไดไปทีท ่ ่านำา ้

ส่วน

ภรรยาก็ ยื น มองอยู่ บ นตลิ ง่ สู ง ชั น เพี ย งเห็ น เขายื น พู ด กั น แต่ก็ไม่ได้ยินว่าเขาพูดกันเรือ ่ งอะไรเพราะอยู่ไกล ก็เห็นหมอชลอหันหลังจะก้าวเดินกลับขึ้นบ้าน

ครู่หนึง่ ทันใดนัน ้

คนหนึ่งทีอ ่ ยู่ในเรือใกล้หมอชลอก็ยกปื นขึน ้ จ่อยิงท้ายทอย หมอชลอไม่ทันรู้ตัวจึงไม่ได้ระวัง ตกนำา ้ ขาดใจตายทันที ตกใจสิ น ้ สติ เ ป็ นลม

พอสิน ้ เสียงปื นก็ล้มกลิง้

ภรรยาหมอเห็นเหตุการณืเกิดขึน ้ ก็ ส่ ว นพวกคนร้ า ยที ป ่ ลอมเป็ นตำา รวจ

นั ้น หลั ง จางยิ ง หมอชลอตกลงไปในนำ้า แล้ ว

เมื่อ แน่ ใ จว่ า

ตายแล้ ว ก็ เ ร่ง เครื่อ งเรือ หางยาวหลบหนี ไ ป

เหตุ เ กิ ด เมื่อ

วันที ่ ๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๐๔ ส่ ว นนางทองใบภรรยาพอฟื้ นได้ ส ติ ก็ ร้ อ งไห้ โ ฮคล้ า ย คนบ้า

วิง่ ไปทีท ่ ่านำ้าลงไปประคองสามีทีร ่ ัก

สุ ด ที ร ่ ั ก หมดลมไปก่ อ นแล้ ว ภรรยา

เมือ ่ รู้ว่าสามี

ไม่ มี โ อกาสได้ สั่ ง เสี ย บุ ต ร

ก็ ก อดศพผั ว รั ก รำ่ า ไห้ ส ะอึ ก สะดื้น แทบจะขาดใจ

ตายตามสามี

ครั ้น จะอุ้ ม ศพสามี ขึ้น จากนำ้ า ก็ อุ้ ม ไม่ ไ หว

พวกคนงานก็ยังอยู่ในป่ า

เหลือแต่ลูกก็ยังช่วยอะไรไม่ได้

จำา เป็ นต้ อ งหาเชื อ กมาผู ก ศพไว้ กั บ สะพานท่ า นำ้ า

เพราะ

เกรงว่าเมื่อนำ้าขึน ้ ศพจะลอยไปไกลหรือจมห่างออกไปจาก ท่ า นำ้ า จะลำา บาก

รี บ ไปแจ้ ง ความให้ ท างบ้ า นเมื อ งรี บ มา

ชันสูตรศพตามระเบียบ นางทองใบนัน ้ ครัน ้ สามีทีร ่ ักได้สิน ้ บุญไปแล้ว สูญเสียพีช ่ ายของสามีทัง้ ตัวก็เป็ นหญิง

ทัง้ ต้อง

ทำาอะไรไม่ถูก

มี

แต่ความหวาดกลัวและเศร้าโศกเสียใจอย่างหนักยิง่ คิดก็ยิง่ ใจหายเพราะสามี ต้องมาตายลงอย่ างสดๆ ร้อ นๆ ตั วก็มี ความว้าเหว่ยังไม่เคยประสบกรรมหนักเช่นนีม ้ าก่อนในชีวิต จึงไม่สามารถจะอยู่มนดงป่ าตามลำาพังกับลูกหลานต่อไปได้ จึงตัดสินใจนำาศพสามีพร้อมด้วยพีช ่ ายจัดการเผาอย่างตาม มี ต ามเกิ ด ให้ เ สร็ จ สิ น ้ ไป

โดยเร็ ว ในเขตที ก ่ ลางลานบ้ า น

มีเจ้าหน้าทีม ่ ารับรู้ในการเผาครัง้ นีด ้ ้ว ย จัดแจงเก็บกระดูกห่อ ผ้า ขาวไว้

เมือ ่ เสร็จแล้วก็รีบ

แล้ วมิไ ด้รออยู่ช้ ารี บเก็ บ

ข้าวของเท่าทีม ่ ีอยู่พอจะนำาติดตัวไปได้ก็พาลูกๆ ลงแพแล้ว ก็รีบล่องแพไปตามลำานำา ้ แคว

เพือ ่ กลับภูมิลำาเนาเดิม

เคราะห์กรรมมิได้สุดสิน ้ ลงเพียงเท่านัน ้

แต่

ได้ติดตามสนอง

ครอบครัวของหมอชลอต่อไป การล่ อ งแพนั ้ น เป็ นการเสี ่ย งอั น ตรายมากหากไม่ ชำา นาญร่องนำ้าแล้ว

อาจชนหินแก่งใต้นำ้าทำา ให้แพแตกได้

แพที น ่ างทองใบภรรยาหมอชลอก็ เ ช่ น กั น คนถ่ อ แพคงไม่ ชำา นาญจึงเกิดไปกระทบกับโขดหินใต้นำ้าจนแพแตก เด็ ก ๆ ต้ อ งลอยคอกั น อยู่ ใ นนำ้ า บ้ า นช่ ว ยกั น ทั น ไว้ เพราะพาเข้าฝั ่ งได้

แต่ เ คราะห์ ดี ที ไ่ ด้ มี ช าว

จึ ง ไม่ มี ใ ครเป็ นอั น ตรายถึ ง แก่ ชี วิ ต เคราะห์กรรมมิได้หยุดยัง้ ได้ติดตามซำา ้

เติ ม บุ ต รภรรยาหมอชลอ

กว่ า จะแก้ ปั ญหาการเดิ น ทาง

กว่ า จะกลั บ มาถึ ง ภู มิ ลำา เนาเดิ ม ที บ ่ ้ า นบางสำา โรง พรหมบุรี

พวก

จังหวัดสิงห์บุรี

อำา เภอ

ก็ได้รับความลำา บากยากแค้น

แสนสาหัสเลือดตาแทบกระเด็น

เป็ นเรือ ่ งเศร้าสลดใจเท่า

ทีเ่ คยได้ยินมา เมื่อ มาถึ ง บ้ า นบางสำา โรงแล้ ว

พวกญาติ พี น ่ ้ อ งก็ พ า

กั น มาเยี ่ย มแสดงความเสี ย ใจในการตายของหมอชลอ และความทุกข์ยากลำาบากของนางทองใบและลูกๆ ในการ เดินทางต้องผจญชีวิตแม่ๆ ลูกๆ พวกพีน ่ ้องได้พร้อมใจกัน กำา หนดวันจัดการทำา บุญกระดูกเพื่ออุทิศส่ว นกุ ศลให้ หมอ ชลอกั บ พี ช ่ าย

เจ้ า ภาพได้ ม านิ ม นต์ ใ ห้ อ าตมาไปร่ ว มใน

งานนี ้ แต่บังเอิญรับนิมนต์ทีอ ่ ื่นไว้ก่อน งาน

จึงไม่ได้ไปในวัน

เพื่ อ ให้ ญ าติ โ ยมทั ้ง หลายได้ ท ราบถึ ง กรรมในอดี ต

ชาตินัน ้ มีจริง

สามารถจะกลับมาสนองในชาตินีไ้ ด้

ไม่มี

ปั ญหาข้อความใดๆ สงสัยอีก หลั ง จากวั น ที อ ่ าตมาไปเทศน์ ก่ อ นวั น งานนั ้น

ได้ มี

ญาติพีน ่ ้องเพื่อนฝูงคุ้นเคยได้พากันไปเยีย ่ มและซักถามถึง สาเหตุ ก ารตายของหมอชลอ

ทำา ให้ น างทองใบระลึ ก ถึ ง

สามีคู่ชีวิตต้องมาตายอย่างน่าอเน็จอนาถใจ

ก็เริม ่ เสียใจ

ร้ อ งไห้ ส อึ ก สอื้น ปริ ม ่ ว่ า ชี วิ ต จะจากร่ า งตามสามี ไ ป

ผู้ ที ่

ได้ ยิ น ได้ ฟั งเหตุ ก ารณ์ ที เ่ กิ ด ขึ้ น กั บ หมอชลอจนที ส ่ ุด ต้ อ งตายอย่ า งน่ า สงสารที ป ่ ระสบโชคร้ า ยเช่ น นี ้ พลอยเศร้าโศกเสียใจไปด้วย ทีร ่ ักสามีอย่างสุดซึง้

ก็

ต่ า งก็

และต่างก็เห็นใจนางทองใบ

เล่าไปร้องไห้ไปท่ามกลางหมู่ญาติพี ่

น้ อ งมิ ต รสหายผู้ คุ้ น เคย

ซึ่ง บางคนก็ ไ ม่ ส ามารถจะกลั ้น

นำ้าตาได้ก็พลอยร้องไห้ไปด้วย

ความเศร้าเสี ยใจหนัก จน

ทำา ให้นางทองใบสลบแน่นิง่ ไป

หมู่ญาติต้องช่วยกันแก้ไข

ให้รู้ตัวขึน ้ มาแล้วนางทองใบก็มิได้สร่างความเศร้าโศก

ยิง่

นึกยิง่ เสียใจร้องไห้รำาพันถึงความดีของหมอชลอผู้เป็ นสามี มิได้หยุด

มิได้ระงับความทุกข์ไว้

ไปตามอารมณ์

เพราะขาดสติได้ปล่อย

และในที ่สุ ด ก็ เ ป็ นลมสิ ้น สติ ล งไปอี ก

เพราะเสี ยใจมากเกิ นไป

แน่ นิง่ ไปในที ท ่ ่ า มกลางหมู่ ล้อ ม

รอบด้วยญาติพีน ่ ้องเพือ ่ นฝูงต่างพากันตกตลึงช่วยกันแก้ไข

อีกครัง้ หนึง่

แต่ไม่มีใครสามารถทีจ ่ ะช่วยอะไรได้

นางทองใบได้ สิ ้น ใจลงเพราะหั ว ใจวาย ตุลาคม

พ.ศ.๒๕๐๔

เพราะ

เมื่ อ วั น ที ่ ๘

ต้องทิง้ ให้ลูกหลานผจญชีวิตอยู่ใน

โลกต่อไป หลังจากนัน ้ ไม่นานก้ได้ข่าวว่า มิได้นิง่ นอนใจ รมาลา

ท่านผู้กำากับ

ทางเจ้าหน้าทีต ่ ำา รวจ

พันตำารวจเอกยงยุทธ

เกษ

ได้นำากำาลังตำารวจหลายหน่วยงติดตามจับกุมพวก

โ จร ผู้ ร้ า ยที ่ ทำา ก าร อุ ก อ าจ เ ที ่ ย ว ป ล้ นทำา ลา ยชี วิ ตแ ละ ทรั พ ย์ สิ น ของประชาชนชาวบ้ า น

ผลกรรมตามสนอง

ตำา รวจได้ ล้ อ มไว้ เ สื อ ไม่ ย อมมอบตั ว หน้ า ที ่

ที ส ่ ุด

เสื อ สวั ส ดิ ์

อุ ด ม

และได้ ยิ ง ต่ อ สู้ เ จ้ า

และเสื อ ปี

ปิ ยะพั น ธ์

ซึง่ เป็ นหัวหน้าโจร

และรองหัวหน้าโจรเป็ นผู้เข้าปล้นและ

ฆ่าพีช ่ ายหมอชลอ

และต่อมาก็ยิงหมอชลออย่างใจเย็นก็

ถู ก กระสุ น ปื นของตำา รวจตายตามกรรมที ไ่ ด้ ก่ อ ไว้ สมุนโจรก็ยอมเข้ามอบตัวและถูกจับรวม ๓๘ คน หน้าทีไ่ ต่สวนแล้ว

ส่ ว น

เมือ ่ เจ้า

ก็ฟ้องลงโทษทางโรงศาลต่อไป

นี ่อ าตมาก็ คิ ด ว่ า เป็ นตั ว อย่ า งที ่มี ผู้ ส ร้ า งบาปอย่ า ง อนั น ตกรรมไว้ ใ นอดี ต ชาติ ซึ่ ง ได้ ม าตามสนองในชาติ นี ้ หรือ จะเรี ยกว่ ากรรมเก่ า ชาติ ก่ อ นมาสนองในชาติ นี ข ้ อให้ ญาติ โ ยมทั ้ง หลายจงพิ จ ารณาดู ว่ า

ทุ ก คนเกิ ด มาใช้ ห นี ้

กรรมไม่ว่าจะเป็ นกรรมดำากรรมชัว ่

ย่อมตามสนองเราอยู่

เสมอ

ไม่มีใครหนีพ้นกรรมไปได้

ขอให้ญาติโยมทัง้ หลาย

ใช้สติปัญญาพิจารณาดูเป็ นตัวอย่างในเรือ ่ งนี ้ เมื่ อ ท่ า นพระครู เ ล่ า เรื่ อ งนี ้จ บลงแล้ ว

พวกเราก็

สนทนากับท่านอยู่พักหนึง่ เห็นเวลาจะเทีย ่ งคืนแล้ว กำา ลังจะแจ่มฟ้า

เรามองดูตากันแล้วพยักหน้า

เดือน

ต่างก็ก้ม

ลงกราบนมั สการท่านอาจารย์พ ระครู ภาวนาวิ สุท ธิ ์ ท่านจะได้พักผ่อนจำา วัด

เพื่อ

เพราะรู้สึกว่ าท่ านจะมีแ ขกมาส

นทนากับท่านตลอดเวลา เมื่อ เราขึ้น รถออกจากวั ด อั ม พวั น จังหวัดลพบุรี

แล้ ว มุ่ ง หน้ า กลั บ

ขากลับนีแ ้ สงจันทร์สว่างกระจายออกไปทัว ่

เพราะเป็ นเวลาเพียงแรมหนึง่ คำ่า ปริ ป ากพู ด อะไร

แต่พวกเราก็นัง่ เงียบมิได้

เพราะทุ ก คนก็ ใ ช้ หั ว คิ ด จะพู ด ออกมา

แต่ ล ะคำา ก็ มั ก จะพู ด ถึ ง เรื่ อ งกรรมในอดี ต ชาติ เสี ย งเครื่อ งยนต์ ข องรถ ลำา เนาไพร

ซึ่ง กำา ลั ง ผ่ า นทุ่ ง นาป่ าดงริ ม เขา

ซึ่ ง มี ด วงจั น ทร์ ส่ อ งกระจ่ า งอยู่ ก ลางเวหา

เพราเวลากำา ลังจะย่างเข้าวันใหม่ ในค่ายทหาร อดี ต ชาติ ”

นอกจาก

ทีส ่ ุดเราก็กลับถึงทีพ ่ ัก

สิง่ ทีเ่ ราได้รับความรู้ในคืนนัน ้ ก็คือ

“เรื่อง

ไม่ มี ข้อ สงสั ย อะไรเหลื อ ไว้ เ ป็ นปั ญหาอี ก แล้ ว

หากจะมีก็เฉพาะบุคคลทีม ่ ีระดับจิตแตกต่างกันเท่านัน ้ ผู้เขียนเรียบเรียงเรื่องนีข ้ ึ้นจากท่านผู้บันทึก

ซึ่งเป็ น

นายทหารผู้หนึ่ง ได้ กรุณ าส่ งมาให้ห ากท่า นผู้ อ่า นยั งสงสั ย เรื่ อ งอดี ต ชาติ ที ไ่ ด้ บ รรยายมานี ้

ยั ง มี สิ ง่ ใดไม่ แ จ่ ม แจ้ ง

ก็ ไ ด้ ก รุ ณ าถามไปทางท่ า นพระครู ภ าวนาวิ สุ ท ธิ ์ อัมพวัน

อำา เภอพรหมบุรี

จังหวัดสิงห์บุรี

ที ่วั ด

ท่านคงจะได้

ข้อความแจ่มแจ้งกว่านี ้ ท่านอาจให้ความรู้สึกซึง้ กว่าทีไ่ ด้ บรรยายมาแล้ว

และขอกราบนมัสการขอบพระคุ ณท่ าน

พระครู ภ าวนาวิ สุ ท ธิ ์

ที ไ่ ด้ ก รุ ณ าให้ ล งชื่อ จริ ง ได้ ทุ ก ท่ า น

และตำา บลทีอ ่ ยู่อย่างแจ่มแจ้ง

เพื่อคลีค ่ ลายทีบ ่ างท่านจะ

นึ กสงสัยว่าเรื่องจริงหรือ เรื่อ งแต่ ง จะต้ อ งคอยตอบคำา ถาม

คงหมดหน้ า ที ผ ่ ู้ เ ขี ย น

และนั บ ว่ า เรื่ อ งนี ้ค งจะเกิ ด

ประโยชน์ ขึ้ น บ้ า งไม่ ม ากก็ น้ อ ย

ขอให้ ค วามดี ข องเรื่ อ ง

ทัง้ หมดอุทิศให้แก่บุคคลผู้เกีย ่ วข้องในเรือ ่ งนีท ้ ีไ่ ด้ล่วงลับไป แล้ ว ทุ ก ท่ า น ขอบคุณ วั ต ร

และผู้ เ รี ย บเรี ย งจะลื ม เสี ย มิ ไ ด้ ก็ คื อ

พันเอกวสันต์

พานิช

ผู้ ไ ด้ ใ ห้ ค วามกรุ ณ าบั น ทึ ก

ภาวนาวิสุทิ ์ ทีเ่ กิดขึน ้ แล้วส่งมา ส่วนรวมต่อไป

และพันตรีเทีย ่ ง

ขอ

กนกนุ

เรื่ อ งจากท่ า นพระครู เพื่อจะได้เกิดประโยชน์

ภาคธรรมปฏิบัติ

ปั ญญาเกิดจากการปฏิบัติ

(ภาวนามยปั ญญา)

ก า ร กำา ห น ด ท้ อ ง พ อ ง ยุ บ

ก็ คื อ อ า น า ป า น ส ติ ที ่

พระพุทธเจ้าได้ดำาเนินมาแล้วเช่นเดียวกัน ต่ างกัน

สมาธิแน่วแน่นี ่

ทางที เ่ จริญปั ญญาตามสติ ปั ฏฐาน ๔

ไม่ ค งที ค ่ งวาคงศอกแน่ ว แน่ แ ต่ ป ระการใด กิเลสต่างๆ

อารมณ์ต่างๆ

ใช้ ส ติ กำา หนดได้ อ ย่ า งนี ้ สำา คัญ

สมาธิ ยัง

มั น จะมี พ วก

มาแทรกแซงอยู่เสมอ

นีเ่ รา

มั น จะมี ค วามสงบได้ แ ค่ ไ หนไม่

สำาคัญทีเ่ ราจะกำา หนดได้ในปั จจุบันหรือไม่เท่านัน ้

แล้ ว ปั ญญาจะเกิ ด เองตามลำา ดั บ

แล้ ว ความคุ้ น เคยก็ จ ะ

มาสงบต่อในภายหลัง ในด้ านวิปั สสนาอั นนี ก ้ ็ค่ อยเป็ นค่ อยไป ตั้งสติทีล ่ ิน ้ ปี ่ นีเ่ ราต้องสะสมไว้ให้ได้ มาแล้ว

ทีอ ่ าตมาว่ า

อาตมาเคยสอนเด็ก

บางทีเขาเรียนวิชาการทีจ ่ ะสอบ

ตั ้ง สติ ที ล ่ ิน ้ ปี ่ เป็ นวิ ธี ป ฏิ บั ติ ไ ด้ ผ ลมาแล้ ว

คิดไม่ออกก็ให้ คื อ การกำา หนด

โดยหายใจยาวๆ ตัง้ สติไว้ทีล ่ ิน ้ ปี ่ เป็ นวิธีปฏิบัติได้ผลมาแล้ว คื อ การกำา หนดโดยหายใจยาวๆ ชัน ้ ระดับวิทยาลัย

นี ส ่ ำา หรั บ นั ก ศึ ก ษาเด็ ก

อีกสักครู่หนึง่ เขาคิดออก

นั ้น แล้ ว ไม่ เ คยผิ ด พลาด

อั น นี เ้ ป็ นวิ ธี ป ฏิ บั ติ สำา หรั บ ลิ น ้ ปี ่

บางทีเราไม่รู้ตัวว่ามันมีอะไรเกิดขึน ้ อย่างไร

ตอบได้ตาม

เราก็ไม่รู้ว่าจะปฏิบัติ

ถ้าเรามีสติก็กำา หนดตรงลิน ้ ปี ่ รู้หนอๆ

ปั ญญาเกิด

เราก็รู้อะไรขึน ้ มาเหมือนกัน

แต่เป็ นวิธีปฏิบัติทีเ่ กิดเฉพาะหน้า

พอสติดี

อันนีไ้ ม่ใช่วิธีฝึก

ก็ปฏิบัติอย่างนัน ้

แต่ ฝึ กที ว ่ ่ า พองหนอ

ยุ บ หนอ

การเดิ น จงกรมนั ้น

เป็ นการฝึ กตามระเบี ย บที ก ่ ำา หนดนั่น เอง วิ ช า ก า ร

ปั ญญานี ไ้ ม่ ใ ช่

ป ฏิ บั ติ วิ ปั ส ส น า กั ม มั ฏ ฐ า น

ต า ม ห ลั ก ที ่

พระพุทธเจ้าสอนนีต ้ ้องทิง้ ตำารับตำาราวิชาการ ตามห ลั ก เห ตุ ผ ลนี ้ กำา หนดไปเรื่อ ยๆ

โด ยทิ ้ง ทิ ฐิ

โดยปฏิบัติ

ทิ ้ง ตำา รั บ ตำา ร า ห ม ด

เป็ นการสะสมหน่ ว ยกิ ต ให้ เ กิ ด ปั ญญา

คื อ รอบรู้ เ หตุ ผ ลในอารมณ์ ที ่เ กิ ด ขึ้ น แก้ ปั ญหาได้ อ ย่ า ง แน่ น อน

ยกตั ว อย่ า งเขามาถามปั ญหาท่ า น

ถ้ า ท่ า นมี

ปั ญญาในเรื่องนี ้ ท่านจะแก้ปัญหาให้เขาได้ประการหนึ่ง ประการที ่ ๒

ถ้ าเรามี ปั ญหาเกิ ด ขึ้น เหมื อ นผงเข้ า ตาเรา

เราสามารถใช้ ปั ญญาแก้ ไ ข ความสุ ข ในครอบครั ว ได้

ก็ คื อ ความสามารถให้ เ กิ ด

นี ป ่ ั ญญาอย่ า งนี ้

ไม่ ใ ช่ ม านั่ง

แล้วเกิดปั ญญาไปเห็นโน้นเห็นนี ่ ปั ญญาที ร ่ อบรุ้ เ หตุ ผ ล

คื อ

ปั ญญาช่ ว ยตั ว เองได้

สามารถจะขจัดปั ดเป่ าความชัว ่ จากตัวได้ ขึน ้ แก่ตัวเรา

สามารถยับยัง้ ได้ทันเวลา

ต้องค้าขายอย่างนัน ้ ได้กำา ไร นั ้น แน่

ใครของมั น นัน ้ ได้

ไม่ใช่ปัญญารู้ว่า

อย่างนีไ้ ด้กำา ไร

ไม่ใช่อย่าง

ปั ญญาที เ่ ราประสบมาจากการวิ ปั สสนานี ้

บอกกันไม่ได้ หนึ่ง

แล้วกิเลสทีเ่ กิด

และให้กันไม่ได้ด้วย

มั น

มันเป็ นพรสวรรค์ของ

บางท่ า นที เ่ ป็ นวิ ท ยากรก็ มี เ ทคนิ ค อี ก อย่ า ง

บางท่านก็ มีอีกอย่า งหนึ่ง สามารถแก้ ปั ญหาในส่ ว น

ปั ญญาของวิ ปั สสนานี เ้ ราจะรู้ ไ ด้ แก้ ทุ ก ข์ ใ ห้ เ ขาอย่ า งไร

คนนี ม ้ ี ทุก ข์ เ ราจะ

เราจะพู ด ตามวาระจิ ต เหมื อ น

พระพุทธเจ้าไปทรงโปรดกับสัตว์ทัง้ หลาย คนอย่างนัน ้ แก้ไขได้ตามขัน ้ ตอน

รู้วาระจิตของ

แต่ปัญญาทีเ่ กิดขึน ้ ไม่ใช่

ปั ญ ญ า ใ น เ รื่ อ ง ทำา ม า ห า กิ น โ ด ย เ ฉ พ า ะ ผลพลอยได้ อั น หนึ่ ง

เช่ น

แ ต่ มั น เ ป็ น

ปั ญญารอบรู้ ใ นสั ง ขาร

เหตุการณ์ทีเ่ กิดขึน ้ เฉพาะหน้าในตัวเรา

รู้

แก้ปัญหาได้เดีย ๋ ว

นี ้ ต า ม ป ก ติ นี ่ เ ร า ไ ม่ รู้ ว่ า ปั ญ ญ า เ กิ ด ขึ้ น ไ ด้ อ ย่ า ง ไ ร ปั ญญานี ไ้ ม่ ใ ช่ ค วามเฉลี ย วฉลาดโดยเฉพาะ

แต่ มั น เกิ ด

ปั ญญาสามารถแก้ ปั ญหาที เ่ กิ ด เฉพาะหน้ า ได้ ทั น ท่ ว งที อันนีห ้ ายากอย่างที ว ่ ่า

เห็นหนอ นีท ่ ีอ ่ าตมาว่ านี อ ้ าตมา

ก่อนจะรู้เป็ นเวลานาน

โมหะเกิดขึน ้ ในตัวเราสามารถยับ

นัง้ ได้ทันท่วงที ธุระอะไร

อาตมาว่าขอให้จับให้ได้ว่า

แต่เราทำา กันไม่ได้

ไม่เคยกำา หนดนั่นเอง

ไ ม่ มี ป ร ะสบ ก าร ณ์ กั บ ปั ญห าเ รื่ อ ง นี ้ ผู้ ช ายมา

นีไ่ ม่ใช่เป็ นวิชาการ

จ า ก ส ติ ตั ว เ ดี ย ว เ ท่ า นั ้ น ชัด

ถ้าเราเป็ นนักวิชาการ

เรื่ อ ง

แต่มันมีปัญญาเกิดขึ้น

ดู ห น้ า ต า รู้ อั น นี ้

อันนีบ ้ อกกันยากนะ

จึง

บ า ง ที ผู้ ห ญิ ง ม า

เราจะได้ มี ปั ญญารู้ ว่ า เขามาธุ ร ะอะไร

อะไรกับเรา เหตุการณ์

คนเดินมานีม ้ ี

ก็ สั ง เ ก ต

ปฏิบัติไปเรือ ่ ยๆ จะเห็น

เราไปเชือ ่ ตำาราแล้วไม่ปฏิบัติ

ผลทีเ่ กิดจากการปฏิบัติจะไม่มี

ก า ร ศึ ก ษ า ภ า ค ป ฏิ บั ติ นี ่ ย า ก ม า ก เปลีย ่ นแปลงหลายอย่างมาแทรกแซงเรา ให้กำา หนดทีละอย่าง เวลา

ต้ อ งวิ จั ยประเมิ น ผล

เราไม่ได้ฝึกทางนี ้ ไม่

ให้ เ กิ ด ขึ้น เอง

ของเรา

ปั ญญาตั ว นี ส ้ ำา คั ญ

วิชาการ

แต่กลับเป็ นปั ญญาทางใน

เกิ ด ขึ้น ด้ ว ยปั ญญา

ไม่ ใ ช่ ปั ญญาสามารถทาง เช่นมีเวทนากำาหนด

มันก็ปวดอย่างทีอ ่ าตมาเจริญพรแล้ว

หนักๆ เดีย ๋ วมันจะเกิดอนิจจังไม่เทีย ่ ง นะ หลัง

ทุ กข์ นีค ่ ื อ ตั ว ธรรมะ

ยิง่ ปวด

มันเป็ นทุกข์จริงๆ

เราจะพบความสุ ข ต่ อ เมื่อ ภาย

แล้วเวทนาก็เกิดขึน ้ สับสนอลหม่านกัน

วัวไม่ทันหาย มัว

ทีนีม ้ ันฟุ้งซ่าน

ความควายเข้ามาแทรกแซงตลอด

เพราะไม่ได้ปฏิบัติมานาน

ทีละอย่าง

ก็ขอเจริญพรว่า

ศึกษาไปทีละอย่าง

ความวัวยังไม่ทันหาย

คื อ อ า ร ม ณ์

แล้วความ

ไอ้โน่นแทรกไอ้นีแ ่ ซงตลอเวลาทำา ให้เราขุ่น

ทำาให้เราฟุ้งซ่านตลอดเวลา เราก็ กำา หนดไปเรื่ อ ยๆ ที นี ถ ้ ้ า ปั ญญาเกิ ด ขึ้น เป็ นขั ้น

ตอน

มั น ก็ จ ะรู้ ใ นอารมณื นั ้น ได้ อ ย่ า งดี ด้ ว ยการกำา หนด

มันมีปัญหาอยู่ว่า อริ ย สั จ ๔

เกิดอะไรให้กำา หนดอย่างนัน ้ อย่าไปทิง้

แน่ น อน

เกิ ด ทุ ก ข์ แ ล้ ว หาเหตุ ที ม ่ าของทุ ก ข์

เ อ า ตั ว นั ้ น ม า เ ป็ น ห ลั ก ป ฏิ บั ติ แ น่ น อ นโ ดยวิ ธี นี ้ กำา หนดไปเรื่ อ ยๆ

แ ล้ ว จ ะ พ บ อ ริ ย สั จ ๔

อั น นี ้ข อ เ จริ ญ พร ว่ า ค่ อ ยๆ ป ฏิ บั ติ พอจิ ต ได้ ที ่

ปั ญญาสามารถตอบ

ปั ญหาสิ บ อย่ า งได้ เ ลยในเวลาเดี ย วกั น

คนมาเรื่ อ งโน้ น

เรื่องนี ้

เดีย ๋ วคอมพิวเตอร์ตีสามารถจะแยกประเภทบอก

เขาได้

อารมณ์ฟุ้งซ่านต้องเป็ นแน่

เพราะเราเพิง่ ปฏิบัติ

ไม่นาน แต่ อ าตมาทำา มานานแล้ ว ๓๐ กว่ า ปี แล้ ว

แล้ ว ทำา

อย่างจริงจังถึงจะได้รู้ว่าตัวเวทนาเป็ นตัวธรรมะ

ตัวทุกข์นี ่

เป็ นตัวธรรมะ

เมื่อก่อน

แล้วตัวสุขนีเ้ ป็ นเรื่องเล็กไปเลย

นีเ้ ราก็หาไอ้ เรื่องสุข กันทุกคน

ต้องการมีความสุข ความเจริญ ด้ว ย

แต่เราไม่ผ่ านความทุก ข์เ ลย

ในความทุ ก ข์

ไม่ แ น่ น อน

เราก็สุขเจือปน

ความสุ ข เป็ นอนิ จ จั ง อย่ า ง

แน่นอน อาตมาก็ ทำา หลายๆ อย่ า ง

เลยจั บ จุ ด นี ไ้ ด้

เราจึ ง

แบ่ งวาระจิ ต ออกไปทำา งานและโอกาสที ม ่ ั น จะเกิ ด ปั ญญา เหตุผลข้อเท็จจริงสามารถจะเอาปั ญญาของเรานีไ้ ปช่วยคน อื่ น ได้

บอกหนทางคนอื่ น ได้

แต่ นี ม ่ ั น ก็ ไ ม่ ใ ช่ วิ ช าการ

คื อ พองหนอยุ บ หนอให้ ชั ด ๆ ไว้

ถ้ า มั น ชั ด ไม่ ไ ด้ ใ นตอน

ใหม่ ๆ ก็ ค่ อ ยเป็ นค่ อ ยไปอย่ า งที อ ่ าตมาว่ า นอนตั ้ง สติ ไ ป เรือ ่ ยๆ อาตมาว่าเรายึดทางสายเอก ท่าน

แต่เราไม่เคยปฏิบัติ

ทางอื่นอาจจะถูกของ

เราก็อาจจะว่าของท่านไม่ถูก

ให้มี สติ ก็ใ ช้ได้

แต่ อาตมาว่ าอย่า งนี ง้ ่ า ยๆ ก็คื อ

ฐาน ๔

เวทนา

กาย

จิ ต

สติปัฏ

ธรรม

ปฏิ บั ติ ไ ด้ ทุ ก เวลา

อายตนะธาตุอินทรีย์เป็ นหลักของเรา

อินทรีย์เป็ นหน้าที ่

รับผิดชอบ

เกิดจิตทีอ ่ ินทรีย์

ขึ้น มาโดยเพาะ

หน้าทีส ่ ัมผัส

มันก็ปรุงแต่ง

ตั ง้ สติไ ว้แ ล้วก็ดั บ วู บ ลงไป

อั น นี เ้ ป็ นคำา

สอนทางสายเอกนะ พระพุทธเจ้าว่าทางาสยเอกนัน ้ ทำา ได้ทุกเวลา เดิน นั่ง นอน กาล

เหลี ยวซ้ ายแลขวามี ส ติ สัม ปั ชั ญ ญะทุ ก เวลา

จะหยิบก็มีสติ

หยิบแล้วให้รู้ตัวว่าหยิบอะไร

เป็ นคำาสอนของพระพุทธเจ้าทีล ่ ะเอียดอ่อน

เอง

อันนี ้

โดยอิริยาบถ

ทีเ่ ราทำาอยู่ทุกวันนีก ้ ็เป็ นสติปัฏฐาน ๔ มีสติหมด ฝึ กปฏิ บั ติ น ะ

จะยืน

เชี ย ่ วชาญแล้ ว ไม่ ต้ อ งกำา หนด

แต่ทีเ่ รา

มั น เกิ ด ขึ้น

เวลาเรายกมือขึน ้ หรือจะหยิบอะไรนี ่

สติจะบอกว่า

หยิบ มาทำา อะไรและเกิด ประโยชน์อ ย่า งไร

ปั ญญามั นจะ

สอดคล้องต้องกัน เรายึดหลักสติปัฏฐาน ๔ ทำาได้ผลมาแล้ว

เป็ นข้อปฏิบัติ

เพราะเรา

มันเกิดปั ญญารอบรู้เหตุผลชีวิตของเราที ่

จะต้องเกิดขึน ้ ในวันหน้า ปฏิบัติกันอีกอย่างหนึ่ง

อันนีเ้ ป็ นอีกรูปหนึ่ง

บางแห่งก็

บางแห่งก็ปฏิบัติกันอีกอย่างหนึ่ง

แต่ก้คงถูกจุดมุ่งหมายอย่างเดียวกันอย่างทีอ ่ าตมาเคยพูด เสมอคื ด คลำา ช้ า ง

มั น ก็ คื อ ช้ า งด้ ว ยกั น

เป็ นช้ า งตั ว

เดียวกัน จะว่าไปของท่านผิดก็ไม่ได้หรอก แต่การทีแ ่ ก้จริตในสมถะ ๔๐ ประการนัน ้ จริ ต ไป แล้ ว

ก็ต้องแก้

แ ต่ ช อ บเ พ่ ง รู ปสวยก็ ไ ปสำา เ ร็ จ มรรค ผล

นิ พ พานเห มื อ นกั น

เสี ยง เพราะก็ ไปสำา เ ร็ จ มรร คผล

นิ พ พานเหมื อ นกั น ทุกขัง

อนัตตา

แต่ ต้อ งเจื อ จางหายไปด้ ว ย

ก็ไ ปเป็ นทางวิ ปัสสนาได้

ไม่ถูกเหมือนกัน

ไปทางไสยศาสตร์

อนิ จ จั ง

แต่บ างแห่งก็

ไปกำาหนดทางอืน ่ ไป

ก็เยอะ ก็แล้วแต่ การหายใจออกยาวหรือสัน ้ นัน ้ ไม่สำาคัญๆ อย่ข ู ้อเดียว คื อ กำา ห น ด ไ ด้ ใ น ปั จ จุ บั น กำา ห น ด ไ ด้

ยาวหรือยุบยาว ท้องพอง

ช้ า ไ ป

อั น นี ไ้ ม่ ต้ อ งคำา นึ ง ถึ ง ว่ า พอง

หรือยุบยาวไป

หายใจออกท้องยุบ

ยุ บ ห น อ

เ ร็ ว ไ ป

พองสัน ้ ไป

เราเพียงแต่รู้ว่ากำาหนดได้ในปั จจุบัน

เท่านัน ้ ก็ใช้ได้

อันนีไ้ ม่ต้อง หายใจเข้า

ก็กำาหนดเรือ ่ ยๆ ไปอย่างนี ้

ทีนีเ้ ราก็ไม่จำา เป็ นต้องรู้ว่าพองยาวเท่านัน ้

ยุบยาวเท่านัน ้ เท่านี ้ ระยะยุบมีกีร ่ ะยะ สัน ้

พองหนอ

ห า ก เ ร า กำา ห น ด ไ ม่ ไ ด้

กำา หนดไม่ ทั นก็ กำา หนดใหม่ กำาหนด

คื อ

แต่บางครัง้ จะรู้เอง

จะรู้ว่าพองมีกี ่

บางครัง้ มันจะเกิดมาเองว่าพองยาวยุบ

บางทีบางครัง้ ยุบยาวยุบลงไปลึกเดีย ๋ วพองสัน ้ มันเกิด

ขึน ้ เองน่ะ

อันนีม ้ ีข้อหมายอยู่อันหนึง่ ว่า

กำาหนดให้ได้ใน

ปั จจุบัน อ าตมาก ว่ า จ ะป ฏิ บั ติ พอ ง ยุ บ ไ ด้ ก็ ต้ อ ง ฝึ ก อ ยู่ นา น เพราะปฏิ บั ติ พุ ท โธมาตั ้ง ๑๐ ปี ที นี เ้ ราก็ ม าเลื่ อ นทำา สติ ปั ฏฐาน ๔ หนอ

เดีย ๋ วพุทโธ

ธรรมกายสั ก ๖ เดื อ น เดี ๋ย วพองหนอ

อาตมาได้แก่ตัวเอง

อ้ า วมาอยู่ ต รงนี อ ้ ี ก แล้ ว

ยุ บ

บางทีกำา หนดได้

ทำา มานาน ๑๐ ปี

มั น ก็ ฝั งอยู่

นาน

แล้ ว ก็ ค่ อ ยๆ ไป

อาตมาว่ า อย่ า งนี แ ้ หละดี

หนอยุ บ หนออย่ า งนี แ ้ หละ

แต่ ก็ อ ดไปติ ด ที พ ่ ุ ท โธไม่ ไ ด้

เพราะเราทำาพุทโธมาก่อน ๑๐ ปี หลายๆ กระแส

ทีน ่ ีห ้ นักเข้าอารมณ์ก็ไป

แต่พุทโธใช้สติปัฏฐาน ๔

กำาหนดมีกายเวทนา

จิต

พอง

ธรรม

ก้เหมือนกัน

ก็ได้เหมือนกันนะ

แต่

ทำาอารมณ์เดียวทีท ่ ้องนีท ่ ำาให้เราเห็นชัด พองหนอยุ บ หนอเป็ นประการใด

บางที มั น จะวู บ ไป

ตอนพองหรื อ ตอนยุ บ นี ก ่ ็ จั บ ได้ ชั ด ดี ก ว่ า กั น เท่ า นั ้น เอง นิมิตอะไรบ้างไหม

มี

บางคนบอกว่านั่งหลายชั่วโมงแล้วไม่

เห็นอะไรคงจะไม่ได้ดี

บางคนเขาว่าอย่างนัน ้

ข้อเท็จจริง

ทำาวิปัสสนาไม่ต้องการเห็นนิมิต

ถ้ามีนิมิตในสมถะเกิดขึน ้

แล้วก็กำาหนดเห็นหนอไม่เอาเสีย

บางแห่งบางคนประสาท

ไหวติ ง มั น มี อุ ป าทานยึ ด มั่ น อย่ า งนี อ ้ ย่ างนั น ้ กั น มาแล้ว

นิ มิ ต เยอะ

เดี ๋ย วนิ มิ ต เกิ ด

บางที นั่ง แค่ ๕ นาที

เทพธิ ด าลอย

เห็นโน้นเห็นนีก ่ ันมากมายก็ต้องกำา หนดได้

มัน

เป็ นวิธีปฏิบัติ เวลายื น เท้า

ที ก ่ ระหม่ อ มตั ้ง สติ ใ ห้ ดี

ยื นหนอทีป ่ ลายเท้ าพอดี

บนศรี ษ ะ

จากปลายเท้ า ถึ ง

มันจะมีพิจารณาตัวเองโดยเฉพาะ

ภาพกายขึน ้ มาโดยเฉพา ถึงปลายเท้า

สำา รวมที ป ่ ลายเท้ า ขึ้น มา

ยื น สำา รวมนึ ก มโนภาพ

กระหม่อมพอดี

วั บ ลงไปที ป ่ ลาย

เกิด

แล้วนึกมโนภาพจากกระหม่อม

ทัง้ หมด ๕ ครัง้

แล้วก็ลืมตา

มันมีความ

รู้สึกว่ามันชาไป

ชาตามตัว

แต่มันเกิดคิดในใจขึน ้ มาเอง

ถ้าเรายืนหนอบางทีจิตเราถากมาทางซ้าย สึก

หากถากทางด้านขวา

ทางขวาจะไม่รู้

ทางด้านซ้ายจะไม่รู้สึก

วิธีปฏิบัตินีก ้ ็ให้กำานหดยืนหนอให้เห็นตัวทัง้ หมด นึ ก มโนภาพว่ า ตั ว เรายื น แบบนี ้

ให้ กึ่ง กลาง

ให้

ศู น ย์ ก ลาง

จากทีศ ่ รีษะลงไประหว่างหน้าอกแล้วก็ลงไปถึงระหว่างเท้า ทั ง้ สอง

แล้ วมั นจะไม่มี ความไหวติ ง ในเรื่อ งขวาหรือ ซ้ า ย

บางทีถ้าเราไปทางขวา ไม่ ใ ช่ อั ม พาต

ทางซ้ายเราก็ไม่มีความรู้สึก

มั น เกิ ด เอง

ยื น นี ก ่ ำา หนดไปเรื่อ ยๆ ช้ า ๆ

ให้จิตมันพุ่งไปได้ตามสมควร

จากคำาว่ายืนหนอ

ซ้ า ยหนอขึ้น บนศรี ษ ะพอดี บ้างขวาบ้าง

แต่

ยืนจาก

บางที จิ ต นี ม ่ ั น ลงไปทางซ้ า ย

ทีนีเ้ ราก็แวบลงไปในมโนภาพให้ รู้สึกว่ าเรา

ยืนท่านีล ้ งไปเท่านัน ้ พองยุ บ ก็ เ หมื อ นกั น

ตอนแรกก็ ชั ด ดี

เข้าก็เลือนลางบางทีก็แผ่วเบา

จนไม่มองเห็นพองยุบ

มั น ตื้ อ ไม่ พ องไม่ ยุ บ ให้ กำา หนดรู้ ห นอ หนอๆ ตั ้ง สติ ไ ว้ ต รงลิ น ้ ปี ่

กำา หนดพองหนอ

ถ้าหากว่าเราพองหนอ

แผ่วเบามาก

เรายังกำาหนดได้กก ็ ำาหนดไป เดีย ๋ วก็ชัดขึน ้ มา

ถ้า

หายใจยาวๆ รู้

เดีย ๋ วชัดเลย

ดูก็ได้ว่ามันจะชัดไหม

พอเห็ น หนั ก

ยุ บ หนอ

ยุบหนอนีม ่ ันไม่ชัด เอามือจับคลำา

ถ้าไม่เป็ นเช่นนัน ้

ให้กำาหนดตัวรู้เสีย รู้หนอๆ ตัง้ สติไว้แล้วกำาหนดพองหนอ ยุบหนอเดีย ๋ วชัด

จิตฟุ้งซ่านมากไหม

ถ้า มีบ้ างก็ ให้ กำา น

หดสติปัฏฐาน ๔ นัน ้ ไม่ใ ช่

นัน ้ มีกำา นหดอย่างนี ้ อย่างทีท ่ างพุทโธ

อาตมาเคยทำา มานานกว่า จะเข้ าเบาะเข้า แสใช้

เวลานานหน่อย

ต้องค่อยๆ กำาหนดไป

แต่ เ รื่อ งวิ ปั สสนานี ม ่ ี อ ย่ า งหนึ่ง ที น ่ ่ า คิ ด แรก

คื อ ประการ

ปั ญญาที จ ่ ะเกิ ด ขึ้น ได้ นั ้น มั น มี กิ เ ลสมากมายหลาย

อย่ า งที เ่ กิ ด ขึ้ น ในตั ว เราทั ้ ง หมด ความเป็ ฯจริ ง

เราจะรู้ ก ฎแห่ ง กรรม

จากภาพเวทนานั่ น เอง

รองลงไปมีอะไรก็กไนดสติปัฏฐาน ๔ อะไรเกิ ด ขึ้ น ก็ ใ ห้ กำา หนดเหตุ นั ้ น

ประการที ่ ๒

ให้ยึดหลักนีไ้ ว้

มี

ไม่ ใ ช่ ดิ ่ง ลงไปเฉยๆ

ปั ญญาที จ ่ ะเกิ ดนั น ้ ไม่ ใช่ เกิ ดเพราะดิง่ เฉยๆ คือความรู้ ตัว เกิดขึน ้ โดยสติสัมปชัญญะภาคปฏิบัติจากการกำา นหดนีเ่ อง เวทนาที ป ่ วดเมื่ อ ยนั ้น เอาทีละอย่าง ให้ ไ ด้

คื อ

อย่างทีอ ่ าตมากล่า วแล้ว

กำา หนดเวทนา

เวทนากำา หนดได้ เ มื่ อ ใดมากมายเพี ย งใด

ซาบซึ้ง เพี ยงนัน ้ เล็กไป

มั น ปวดตามโน้ น ตามนี เ้ ราก็ ห ยุ ด

มั นเกิด เวทนาอย่ า งอื่น ขึ้น มาก็ เ ป็ นเรื่อ ง

อันนีข ้ ้อสำาคัญอยู่ตรงนี ้

บางครัง้ มั นอาจจะนึ กได้ไปทำา เวรทำา กรรมอะไรไว้ ไ ม่ ต้ อ งไปคำา นึ ง ถึ ง กรรมนั ้น เลย

ให้ มี ข้ อ ปฏิ บั ติ เ พื่ อ ไม่ ใ ห้ มี

อารมณ์ฟุ้งซ่านไปอยู่ในกรรม

ก็ด้วยการกำาหนดเวทนานัน ้

เอง

นี ่วิ ธี ป ฏิ บั ติ ไ ม่ ต้ อ งเอาอย่ า งอื่ น อี ก แล้ ว

เวทนาทีเ่ กิด ขึ้นกับ เราเองโดยเฉพาะ ขึ้ น มาเอง

เจ็ บ มากให้ กำา หนด

กำา หนด

เดี ย ๋ วมั น จะแจ้ ง ชั ด

เราจะแผ่ เ มตตาตอ

นทำา กั ม มั ฏ ฐานไม่ ไ ด้

มี ห ลั ก ปฏิ บั ติ คื อ พอเรานั่ง กำา หนด

เรียบร้อยดี ๑ ชัว ่ โมง

หมดสัจจะทีเ่ ราอธิษฐานไว้

อโหสิ ก รรม

วิ ธี ป ฏิ บั ติ อ โหสิ ก รรมต่ อ การกระทำา

กรรมทีท ่ ำา ไว้อดีต

เราอโหสิให้ได้

เราก็ เวร

อโหสิแล้วก็แผ่เมตตา

ให้แก่เขาโดยวิธีนี ้ ยกตัว อย่ าง ลัยครูอยะยา

นัก ศึกษามาจากขอนแก่ น เรี ย นที ว ่ ิ ท ยา

ปวดทนไม่ไหว

ได้ว่าเมื่อตอนเป็ นเด็ก

กำา หนดก็ไม่หาย

ก็มานึก

พ่อแม่ให้ไปจับเขียดก็ไปหักขามัน

มันกำา ลั งเป็ นๆ เด็ กคนนี เ้ ล่ าให้ฟัง

อาตมาถามว่ า

กำา หนดหายไหม”

กำา หนดยิง่ ปวดใหญ่”

“ไม่หายเจ้าค่ะ

“เมื่อก่อนเคยนึกถึงเขียดไหม” ทำาอย่างไร

“ไม่เคยนึกเลย”

“หนู

หนักเข้า

ก็แก้ไขปั ญหาด้วยการแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล

หายปวดเลย

เดีย ๋ วนีเ้ ป็ นอาจารย์ไปแล้ว

ใช้วิธีปฏิบัติอย่างทีเ่ ราปฏิบัติกันมา

สำา เร็จ คบ. ก็

วิธีสอบอารมณ์

ท่ านทั ้ง หลายที ม ่ าบวชเรี ย น ฝ่ ายอุบาสก

ทัง้ ฝ่ ายอุบาสิกา

มาปฏิ บั ติ ธ รรมกั น ทั ้ง

ถ้าจิตใจเป็ นมหากุศล ขอ

ให้เริม ่ ต้นชีวิตใหม่ทิง้ ตำาราเก่าหมด เริม ่ ต้นชี วิ ตใหม่ กั นในวั ด พระ

พระครูภาวนาวิสุทธิ ์

เรามาศึกษาชีวิตใหม่

ด้ ว ยการศึ ก ษา

พิ จารณาปั จเวกขณ์

สวดมนต์ ไ หว้

พิจ ารณาปั จจั ย สี เ่ พิ ม ่ ขึ้น ให้ ดี

เรื่องหใม่ ต้อ งสร้ างมั นขึ้น มาในจิ ต ใจ

หล่ อ หลอมชี วิ ต ให้

สดชืน ่ โดยพระธรรมวินัย การปฏิ บั ติ ก รรมฐานอย่ า งที ส ่ อนในโบสถ์ ต จปั ญจก

กรรมฐาน

นั่น แหละคื อ

ยื น หนอห้ า ครั ้ง

กรรมฐานไม่ ต้อ งไปสอนวิ ช าการ และไม่ต้องดูหนังสือ

อายตนะ ๑๒

เ ช่ น

เพราะไม่ ต้ อ งการให้ รู้

ปฏิบัติโดยเคร่งครัดให้มันผุดขึน ้ ใหม่

ดวงใจใสสะอาดและหมดจด ต า ม ห ลั ก นี ้

การปฏิ บั ติ

ให้มันผุดขึ้นมาและตอบได้

ขั น ธ์ ห้ า

อินทรีย์ ๒๒

รู ป น า ม เ ป็ น อ า ร ม ณ์

ธาตุ ๑๘

หน้าทีก ่ ารงานต้อง

รู้จุดนีเ้ ป็ นสำาคัญ

ไม่ต้องปฏิบัติมาก

พองหนอ

ยุบหนอ

ให้ ชั ด ได้ จั ง หวะดี เ ท่ านี เ้ ป็ นการสมควรและปฏิ บั ติ ไ ด้ ตัวอย่าง

ขวาย่างหนอ

ไปอย่างไร

ซ้ายย่างหนอ

ยก

เท่านีก ้ ็พอ

ย่าง

จิตกำาหนดอย่างไร

ครู อ าจารย์ จ ะถามว่ า

พองหนอ

ยุ บ หนอเป็ นอั น

เดี ย วกั นหรือ คนละอั น

ถ้ า คนละอั น เพราะเหตุ ใ ด

คนผู้

ปฏิบัติได้ตอบแจ๋วเลย

ไม่ต้องเอาหนังสือมาตอบ

เอาที ่

ปฏิ บั ติ ไ ด้ ม าตอบจึ ง จะถู ก ต้ อ ง กสิ ณ ไหม

อสุ ภ ไหม

ไม่ ต้ อ งไปถามซั ก ว่ า เพ่ ง

ไม่ ต้ อ งเลย

โดยวิธีนี ้ จึงให้

กินน้อย

ตัดปลิโพธิกังวล

ไม่ต้องมีกังวลทางบ้าน

ทางวัด

พูดน้อย

มั น จะเกิ ด ขึ้น มาเอง ไม่ต้องดูตำา รับตำา รา ไม่ ต้องมีกังวล

ตัด ปลิ โพธิ กั ง วลทำา กิจ วั ต รอย่ า งนี ซ ้ ิแ น่ น อน

ได้

แน่ อายตนะ ทีไ่ หน

เป็ นอย่างไร

อายตนะ พองหนอ หนอ

อิ น ทรี ย์

ขั น ธ์ ห้ า

เสียงกับหูอย่างไร

รู ป นามเกิ ด

ตากับรูปอย่างไร

อินทรีย์สัมผัสเกิดอารมณือย่างไร

ตอบได้ไหม

ยุ บ หนอเป็ นอั น เดี ย วกั น หรื อ เปล่ า

ซ้ายย่างหนอ

ปริ จ เฉทญาณ อย่างไร

ธาตุ

เป็ นอันเดียวกันหรือเปล่า

ยั ง แยกไม่ ไ ด้

เลื่ อ นขึ้น อย่ า งไร

ตอบไม่ได้ เพราะท่ า นทำา ไม่ ได้

แสดงออกบอกได้ โ ดยไม่ ต้ อ งตรึ ก ตรอง ปั ญญาคิ ด เลย

ขวาย่ า ง

ไม่รู้จริง

นามรูป รู้ ไ หม รู้จริ ง

ไม่ ต้ อ งใช้ ส ติ คิ ด

มั นจะไหลออกมาเป็ นไข่ งู ไ หลพรวดออก

มา

อ๋ อ ใช่ แ ล้ ว ต้ อ งอย่ า งนี แ ้ น่

มั น เกิ ด แสงปั ญญาธรรม

มันจะเกิดตอบออกมาเอง โดยเฉพาะ ได้

เช่น

พองหนอ

ยุบหนอ

เลยก็ ไ ม่ รู้ ไ ปยุ บ ก่ อ นพองมี ที ไ่ หน

เข้ามีทีไ่ หน ถึ ง จะออก

หายใจออกก่ อ น

เอาอะไรมาออกมันไม่เข้า ทำา นองนี เ้ ป็ นต้ น

ยังปฏิบัติไม่

มันต้องเข้าก่อน

เท่ า นี ก ้ ็ ผิ ด แล้ ว

ทำา ไม่ ถู ก

แล้ ว จะไปปลู ก สติ ดำา ริ ช อบประการใด

อ๊ อ กซิ เ จนเป็ น

อย่ า งไร

พองหนอ

หนอ

หายใจทางสะดื อ รู้ ไ หม

หลับตอนไหน

ได้

ไม่รู้

ชั ้ น อนุ บ าลไม่ ผ่ า น

แล้วจะไปได้ญาณสูงทีไ่ หน

ไม่เข้าใจ

เสียงหนอ

อย่ า งไร

แยกนามได้

เสียงกับหูเป็ นอย่างไร

หมายของภาคปฏิบัติ

อ๋อ

ทำา ไมยื นหนอห้าครัง้

มือไพล่ หลัง

สะดวก

เท่านีท ้ ่านทำา ไม่

ญาณต้นยังไม่ได้

มี ค วามหมายอย่ า งไร

อย่ า งไร

ยุ บ

แล้ ว จะขึ้ น ชั ้ น ประถมอย่ า งไร

นามรูปปริจเฉทญาณแยกรูป ดังปั ง

ไม่ รู้

เสียงนัน ้ บอกว่า

ต้ อ งตอบได้

ขวาย่างหนอ

ตั ้ ง ตั ว ตรงทรงที ่ห มาย

ถ้าเสียง นี ค ่ วาม

ซ้ายย่ างหนอ

พระพุ ทธเจ้ า สอนว่ า ปอดขยาย

หายใจ

เอามื อ ไว้ ข้ า งหน้ า มั น จะปอดขยายได้ อ ย่ า งไร

หายใจก็ไม่สะดวกอย่างนี ้ เราเจริ ญ กรรมฐานมา ๓๕ ปี “อานาปา” มา ๒๐ ปี เศษ เพ่งกสิฯได้

ธรรมกายได้

ผ่ า นมาแล้ ว

เจริ ญ

เจริ ญ มโนยิ ท ธิ ม า ๑๐ ปี เศษ ทำานองนีเ้ ป็ นต้น

มันต้องทำาได้

ถ้ า ทำา ไม่ ไ ด้ ส อนเขาอย่ า งไร ทราบ ไหม

อย่ า นี น ้ ั ก ปฏิ บั ติ ธ รรมโปรด

ต้องสอนตัวเองก่อนอืน ่ ใด

ต้องให้ได้เดินจงกรมได้

ตัง้ สติกำาหนดยืนหนอห้าครัง้

อย่างทีพ ่ ระท่านบวช ตโจ

ทันตา

นขา

เกศา โลมา

โลมา เกศา

อย่ า งไรเบื้อ งตำ่ าปลายผมลงไป พระพุ ทธเจ้ าสอนอย่ างนี ้ เชี ย ่ วชาญ ประการใด วิญญูหิ

นขา

ทันตา

ให้ได้ห้าครัง้

ตโจ ลงขึ้น

เบื้อ งบนปลายเท้ า ขึ้น มา

เรากำา หนดยื น ได้

ชำา นาญการมโนภาพ

ท่ า ที กิ ริ ย ารู้ ไ ด้ อ ย่ า งดี ว่ า

มีความหมายอย่างไร

สมภาพคื อ ศี ล แสดง

สวยหรื อ ไม่ ส วย

มั น จะแจ้ ง แก่ ใ จ

กำา หนดจน

ปั จจั ต ตั ง

ดี ห รื อ ไม่ ดี เวทิ ตั พ โพ

รู้ได้เฉพาะตัวเราแน่นอน

นอกเหนือจากนัน ้ เราดูคนอื่นว่าเห็นหนอ ธรรมเท่าทีส ่ ังเกต มัวแต่คุยกัน นีใ้ ช้ไม่ได้

ทบทวนประเมินผลแล้วไม่เคยกำา หนด

เห็นใครมาก็ไม่รู้เรือ ่ งว่าเขามาทำาอะไร

ไม่ได้ญาณังคือความรู้ในปั ญญา

มาทำา ไมกัน

นักปฏิบัติ

รู้ว่าเขาเดิน

อ๋อคนเดินมานีป ้ ลายผมเป็ นอย่างไร

เท้ า เป็ นอย่ า งไร

หน้ า ตาเป็ นอย่ า งไร

เท่า ปลาย

นิ สั ย เป็ นอย่ า งไร

เราจะรู้แจ้งแก่ใจเป็ นปั จจัตตัง

โดยคนอืน ่ บอกไม่ได้

ขายในตลาด

เป็ นเทนิควิธีปฏิบัติการของ

บุคคล

ไม่ใช่วิชาการ

ผู้ประสบการณ์กับการกำาหนดจิต

ทุกประการ

ใช้สติกำาหนดรู้

คนทีเ่ ดินมาเราจะรู้ได้ว่าเขามาทำา ไม

อย่างนีต ้ ้องแก้ไขอย่างไร

ไม่มี

นิสัย

พอมาถึงเราจะพูดให้เขาเข้าใจ

ด้ วยบทอันใด

สรุ ปด้ วยอย่า งไร

ยิง่ สำาหรับผู้มา ทุกคน

อย่า งนี เ้ ป็ นการชอบใจ

และจะกลับไปด้วยสวัสดี

มีชัยปลืม ้ ใจไป

เพราะเกามันถูกที ่ แขกจึงนิยมกันมากมาย

โดย

ทำานองนี ้ ผู้ ปฏิ บัติธรรมที ม ่ ีเ วทนาไม่ เ คยกำา หนด ตามเรื่องตามราวอย่างนีใ้ ช้ได้ หรือ? อนิจจัง

ทุกขัง

ให้ฟัง

อนัตตา

ให้มันผุดขึน ้ เอง เหมือนกันไหม

กันไหม

ตอบได้อย่างดีว่าจิตกำา หนดพอง พองหนอ

ยุบหนอ

กับรู้

จิตกำา หนดคิดกับกำา หนดรู้เหมือน

คิดกับรู้เหมือนกันไหม

อ๋อคิดมันไม่ออก

เลยรู้ไม่จริงในเรื่อง

ไม่ต้องไปอรรถาธิบายวิชาการ

กับจิตกำาหนดรู้เหมือนกันไหม หนอ

ปล่ อ ยมั น ไป

มันบอกไม่ได้

สติมีลักษณะเป็ นสามสติตัวต้น

นีเ่ ท่า นี ต ้ ้อ งตอบได้ แล้ ว อันนีจ ้ ิตอันเดียวกัน สติตัวกลาง

แต่

สติตัวปลาย

พร้อมกันเมื่อใดกำา หนดคิดกับกำา หนดรู้ต่างกันแยกออกได้ ทั น ที

ว่ า คิ ด มั น คิ ด ไม่ อ อก

ปั จจุบันนะเราไม่รู้ตัว

รู้ นี ่ห มายความว่ า ปั จจุ บั น

รู้แต่ครัง้ อดีต

กำาลังคิดอยู่นีต ่ ่างกัน

แล้ว แต่ ทำา ไมหนอผู้ ป ฏิ บั ติ ต อบไม่ ไ ด้ ตอบ

อย่างโน้น

เพ่ ง กสิ ณ

อย่างโน้นน่ะ

อย่ า งนี น ้ ่ ะ มั น ไม่ ใ ช่ ห รอก

คิ ด หนอที ล ่ ิน ้ ปี ่ เลย

อย่างนี ้ อ๋ออสุภะ

กลั บ ไปดู ห นั ง สื อ

นี เ่ ป็ นการสตาร์ ท

ต้อง

ต้ อ งตอบให้ ไ ด้ ว่ า ทุ ก คนไม่ เ คยปฏิ บั ติ

เท่ าที พ ่ บทวนแล้ ว ไม่ ไ ด้ กำา หนดนี ้

ถ้ า เราตั ง้ สติ ไ ว้ ดี

สัมปชัญญะดี อดีต

กำานหดว่าคิดเพราะเหตุใด

เพราะเรียนมาแล้วมันผ่านพ้นไปแล้วเป็ นอดีตแต่จำา อดีตจึงกำาหนดว่าคิด

ไม่ได้นีอ ่ ย่างนีเ้ รียกว่า กำา หนดว่ ารู้ ห นอ

รู้ตัว ไหม

เท่า นีย ้ ั งตอบแยกกั นไป คนละอารมณ์ ใช้ไม่ได้

ไม่รู้

จิต คนละดวง

จิ ต คนละกระแส

แล้วทำาไมเอาองค์เดียวกันเล่า

เดินจงกรมไม่ได้ปัจจุบัน

ผู้ปฏิบัติยัง

พองหนอไม่ได้ปัจจุบัน

มันต้องพองก่อน

หายใจออกก่อนหรือ

มีได้ไหม

ก่ อ นได้ ไ หม

ปั จจุบันจึง

จึง กำา หนดว่ า รู้ ห นอ

ยุบหนอไม่ได้ปัจจุบัน

ยุบก่อนมี ทีไ่ หน

ใครลองทำา ซิหายใจออก

หรื อ ใครทำา ได้ เ รายอมกลั ว เลย

หายใจเข้ า ก่ อ นถึ ง จะออกได้ ออก

ไอ้ทีค ่ ิดแปลว่า

ถ้าโยมไม่รับข้าว

มีอุจจาระออกไหม

มั น ต้ อ ง

มั น ไม่ เ ข้ า มั น จะมี อ ะไรมา

ไม่รับอาหารมาตัง้ ๗-๘ วัน

ทำา นองนีเ้ ป็ นต้น

นีเ่ หตุผล

จะ

เหตุผล

สำาคัญยิง่ ผู้ปฏิบัติสนใจโปรดฟั ง ยืนหนอ

ยืนกันจริงๆ ซิ

หน้าตา

เป็ นอนิจจัง

แ ล้ ว

เอาปฏิบัติให้มันถูกจุด มโนภาพ

ทุกขัง

ใ ช่ แ ล้ ว เ ลื่ อ นล อ ย

เปลี ย ่ นแปลงภาวะอยู่ เ สมอ หนังสืออย่างนีเ้ ป็ นต้น

แสดงออกมารูปร่าง

อนัตตา

อ๋อรูปร่างเราแก่

ต าย จ ริ ง แ ส ด ง เ ป็ น อ นิ จ จั ง มั น จะบอกเองไม่ ต้ อ งไปดู

ทำา ได้แล้วหรือยัง

เสียทีว่ายืนหนอ ๕ ครัง้ เขาเป็ นชัน ้ ไหนทายได้เลย

เช่น

ถ้าท่านทำา ได้นะ

ประเมินผลกัน ดูคนทีเ่ ดินมา

เป็ นผู้ใหญ่หรือผู้น้อย

เป็ นผู้

บั ง คั บ บั ญ ชาหรื อ อย่ า งไร เป็ นคนชัน ้ ตำ่า

เปล่านะ

ผู ก เนคไทมาแล้ ว

ชัน ้ สูงก็มีนะ

เอานำ้ามาเลีย ้ ง

เตรียมจะมาต้ม ตุ๋น ทำา ได้ แ ล้ ว หรื อ ยั ง

รู้ไหม

เปล่า

ไม่รู้แน่ๆ

นี ข ่ ้อนี ย ้ ัง ทำา ไม่ ได้

นั ก ปฏิ บั ติ ธ รรมทุ ก ท่ า นมาอยู่ กั น เป็ น

คิดหนอเป็ นอดีตนะ

จะกำา หนดว่ า ยั ง ไง

กำาหนดอย่างไร

ดู ซิ ผู้ ดี มี ขั ้น

คนร้ายทีเดียว

รู้หนอเป็ นปั จจุบันนะ

เสียงหนอนีม ่ ันเสียงดังปั งและผ่านไปแล้ว อย่ า งไร

เขา

แหมแต่งตัวสวยโก้

ถื อ กระเป๋ าเจมสบอนด์

ผู้ดีต้องต้อนรับดี

เวลานานแล้ว

แต่ ง ตั ว ปอนๆ มาคิ ด ว่ า

โยมกำา หนดว่า

เสี ย งมั น ฟั งผ่ า นไปแล้ ว

เป็ นอดีตหรือเป็ นปั จจุบัน

ร้ไู หม?

นีแ ่ ค่นีจ ้ ิตใจยังไม่เบิกบานเลย ๑ พรรษาแล้วอะไรเป็ น อดีต อะไรเป็ นปั จจุ บั น หรือ ยัง ใช้ได้

นี บ ่ างแห่งอย่ า ลื ม ๗ วัน ๗ คื น นะ ๗ วัน ๗ คืน

อย่ า งไร

หรื อ เป็ นอนาคต

แล้วหายไป

หรื อ ปั จจุ บั น

รู้ไ หม

เหตุ ก ารณ์ ไ หม เสี ย งหนอ อยู่ ปั จจุ บั น

ทุ ก ขั ง

อนั ต ตา

เสี ย งนกร้ อ ง

เสี ย งปื น

จะกำา หนดอย่างไร

จะเรียกว่าอดีต

เคยกำา หนดต้ อ งรู้ แ น่

เสี ย งทั น ต่ อ

เขาด่ า เราขณะนี เ้ รายั ง ไม่ เ ลิ ก ตั ้ง สติ ไ ว้

เสี ย งหนอ

แล้วผ่านำ้านไป

ได้อ นุ บ าล

โดยติ ดต่ อน่ อเนื่อ งรู้ว่ าพองยุบ เป็ น

เสี ย งนั ้น หมดไปเป็ นอนิ จ จั ง

แล้ ว เป็ นอดี ต ดังปั ง

อะไรเป็ นอนาคตเอาตรงนี ไ้ ด้ แ ล้ ว

อ๋ อ ที ่ด่ า เดี ๋ย วจะหมดเป็ นอดี ต

เหลืออยู่คือปั จจุบัน ปั จจุ บั น คื อ อะไร

ตอบได้ไหม

เหลือ

คื อ จิ ต ที ่สำา นึ ก อั ด เทป

สัมผัสเกิดจิตเหลืออยู่คือปั จจุบัน สิ น ้ ไปเป็ นอดี ต

นีด ่ ่าหายไปแล้ว

หมด

บั ด นี เ้ ป็ นปั จจุ บั น ก็ ต้ อ งกำา หนดให้ ทั น

รู้

หนอคือปั จจุบัน ว่าได้ไหม ผู้มีปัญญาโปรดฟั ง ขวาย่ า งหนอ

ซ้ า ยย่ า งหนอ

ยุบหนอ

ให้ได้ปัจจุบัน

พรรณา

อะไรเป็ นอดีต

อะไร

ร้ห ู นอเป็ นอะไร

รูปมันยังอยู่ปัจจุบัน ฝาผนัง

ปฏิบัติอยู่เท่านีไ้ ม่ต้องไปทำา มาก

เห็นหนอ

ให้ ไ ด้ ปั จจุ บั น

เท่านีเ้ หลือกินเหลือใช้เหลือทีจ ่ ะ อะไรเป็ นปั จจุบัน เห็นหนอเป็ นอะไร

แต่รู้ปนัน ้ ยังอยู่ปัจจุบัน เห็นหนอ

ขึน ้ ตัง้ อยู่ดับไป

มันคงวา

สามครัง้

ปั จจุบัน

ทุกขัง

ยังเห็น แล้วเกิด

อนัตตา

รูป

คงศอก

แต่หอประชุมคงวา

แต่จิตใจคงทีไ่ ม่ได้

เป็ นอนิจจังไม่เทีย ่ ง

หนึ่ ง ครั ้ง กำา หนดเห็ น หนอจิ ต มั น ไม่ เ ที ย ่ ง เทีย ่ ง

ดู

แต่พิจารณาโดยธรรมแล้วของที ่

อยู่นัน ้ มิได้คงที ่ มิได้คงวา คงศอกโดยวัตถุ

เห็นไหม

ครัง้ ที ่ ๒ เป็ นอดีต

นีแ ่ หละคืออนิจจัง

มันคงที ่ คงวา คงศอก

เสียงหรือรูป

แต่ครัง้ ทีก ่ ำาหนดเห็น

เห็นหนอครัง้ ที ่ ๒

หนอครัง้ ที ่ ๓ เป็ นปั จจุบัน

คิดหนอเป็ น

คิดว่าเป็ นปั จจุบัน กำาหนด

เห็นหนอ ๑ ครัง้ ๒ ครัง้ ก็ยังเห็นอยู่ เบือ ้ งต้นเป็ นอดีตไป

พองหนอ

คงศอกให้เ ห็น

ครัง้ ที ่ ๓ เป็ นปั จจุบัน

แต่ ฝ าผนั ง มั น

อยู่ ณ บัด นี ้ กำาหนดครัง้ ที ่ ๔

กำา หนด ครัง้ ที ่

๔ เป็ นปั จจุบัน ครัง้ ที ่ ๓ เป็ นอดีต เท่านีต ้ อบได้ไหม

ตั ้ง สติ ใ ห้ ดี ซิ หนอ

เห็นหนอ

กำา หนดจะได้ รู้ ว่ า อะไรเป็ นอดี ต โยมเดินมา

เห็นครัง้ ทีห ่ นึง่ ต้องเป็ นอดีต

ไปแล้ ว

เห็ น ครั ้ง ที ส ่ องเป็ นปั จจุ บั น

ปั จจุบัน

สองเป็ นอดีต

เห็ น ครั ้ง ที ่ ๓ เป็ น

เดีย ๋ วจะเห็นคนเดินมาเป็ นอนิจจัง

เปลีย ่ นแหลงภาวะแล้วเข้าสู่ธรรมะนะ ภาวะ

คงที ค ่ งวาคงศอกไม่ ไ ด้

นามธรรมเปลีย ่ นแปลง

จิตนีเ่ ปลีย ่ นแปลง

แต่ รู ป คงเป็ ฯรู ป ตามเดิ ม

จิตทีผ ่ ันแปรโดยคิดแต่รูปผันแปร

โดยรูปอย่างงี ้ รูปผันแปรโดยรูปคือแก่ลง เราจะเห็นได้ว่า เฉยๆ

เห็ น

ฟิ ลม์ภาพยนตร์

ผันแปรโดยรูป

เราดูแค่ ๕ ภาพ

ดูอยู่

แ ต่ เ มื่ อ ภ า พ ห น้ า ภ า พ เ กิ ด ห มุ น ขึ้ น ม า

มั น

แสดงออกท่าทีว่าขวาหรือซ้าย แสดงท่ าที ไ ด้ โ ดยวิ ธี นีเ้ ป็ นต้ น เ ป็ น ภ า พ เ ดี ย ว กั ร

มือซ้ายมือขวาประการใด นี ท ่ ุ ก คนยั ง ไม่ รู้

รู ป นะมั น

แ ต่ ไ ว ขึ้ น ม อ ง ไ ม่ เ ห็ น ด้ ว ย

สายตา.................กลายเป็ นรูปเดิน เป็ นปากพูดเหมือนตัวหนัง

กลายเป็ นนั่ง

กลาย

ข้อเท็จจริงหนังอยู่เฉยๆ

แต่

เวลามั น เดิ น ฟิ ลม์ เ หมื อ นจิ ต ที เ่ ปลี ย ่ นแปลงที ต ่ ้ อ งคิ ด อ่ า น อารมณ์ อ ยู่ ต ลอดเวลากาล อนิจจังไม่เทีย ่ ง ไม่ ไ ด้

เปลี ่ย นแปลง

เป็ นทุกข์จริงๆ

จิ ตใจเข้ า หาที ม ่ าของทุ ก ข์

ภาวะคื อ

ทุกข์ นัน ้ ไม่ คงที ่

บังคั บ

เปลี ย ่ นแปลงภาวะได้

เข้าสู่ภาวะของธรรมกลายเป็ นอนัต ตา

นีต ่ ้ องพูด กัน ภาค

ปฏิ บั ติอ ย่ าไปเอาวิ ช าการมาพู ด ไม่ ไ ด้

นั ก ปฏิ บั ติต้อ งไม่ รู้

ล่วงหน้า

จะไปรู้ล่วงหน้าทำา อย่างงัน ้ อย่างงีร ้ ู้เชิดฉิง่ มันจะ

เชิ ด กลองเอา

แล้ ว ประคองนำ้า ใจไม่ ไ ด้ เ ลยกลายเป็ นคน

ฟุ้งซ่านเสียสติ

เลยพูดมากยากนานไปเลย

เพราะฉะนัน ้

ต้องปฏิบัติได้ดังแนวนี ้ ครูอาจารย์จะถามว่า ยืนหนอ ๕ ครัง้ ไปตรงไหน

โยมหรือพระภิกษุรูปใดรูปหนึง่

ตัง้ สติไว้ทีไ่ หน

จิ ต ถึ ง ไหน

นีว ่ ิธีสอบอารมณ์จิตปั ก

รั บ อารมณ์ ไ ด้ ไ วหรื อ ช้ า

สอบอารมณ์ต้องถามอย่างนี ้ อ๋อ เพี ย งนึ ก เอาเฉยๆ

สติ ไ ม่ ต าม

นี ่ส อบอารมณ์ ว่ า อย่ า งนี ้น ะ ทายาทโปรดเอาไปใช้ ลาเพศไป

อย่ า งนี ้

นามรูปปริทเฉทญาณ ฟั งเทศน์ ลำา ดั บ

จิตพุ่งไม่ไหว

นี ว ่ ิ ธี

ไปไม่ได้

ใช้ ไ ม่ ไ ด้ ต้ อ งกำา หนดใหม่ ขอพระภิ ก ษุ น วกะธรรม

เผื่อจะไปสอนลูกหลานเมื่อ สึก หา แยกรู ป

แยกนาม

ไม่ใช่อก ึ อัก ๗ วัน

ยาณเลยสำา เร็ จ

กระผมเองปฏิบัติมา ๓๐ ปี

แยกอย่ า งไร เลยโสฬสเลย

เป็ นโสดาแล้ ว อะไร

ยังไม่ เป็ นโสดาเลย

เดีย ๋ วนี ้

เขาเป็ นโสดากันง่ายจังเลย ขอฝากพระภิกษุธรรมทายาทผู้เป็ นบัณฑิตเอาไปสอน ลู ก หลาน ได้แก่อะไร เห็ น หนอ

แยกรู ป แยกนาม

คงทีค ่ งวาจับตัง้ อยู่เฉยๆ เห็ น หนอ

แดงกลายเป็ นสี ดำา เห็นหนอ เป็ นอดี ต

รู ป ก็ ค งที ค ่ งวา

กลายไป

คงศอก

ดูไปดู มาเห็ นหนอ

เปลี ย ่ นแปลง

เห็ น ชั ด ขึ้น มาเลย

นีพ ่ อเห็นหนออีกทีเ่ ป็ นอนิจจจัง

รู ป ทาสี

นี แ ่ หละอนิ จ จั ง เห็นหนออีกที ่

เอ้ า ซำ้ า อี ก ที เ ห็ น หนอกำา ลงเ ดิ น เข้ าม าแ ล้ ว

เปลีย ่ นแปลง

เห็นหนอสติดี

สัมปชัญญะดี

มาเห็ น หนอปลายผมถึ ง ปลายเท้ า

ปลายเท้ า ขึ้ น ไปหา

ปลายผม

ปลายผมลงไปหาปลายเท้า

ปลายผม

คำา ว่ า เห็ นหนอ

แล้ ว

เห็ น หนอ

อย่ า ไว้ ใ จ

ปลายเท้าขึน ้ ไปหา

ตอบได้ เ ลย

ปั จจุ บั รู้

อ้อคนนีเ้ ดิน

คนนี ย ้ ิม ้ แฉ่ ง มา

คนนี เ้ ป็ นพิ ษ เป็ นภั ย กั บ เราจง

จงพยายามอย่ า บอกความลั บ

พู ด หละหลวมกั บ คนนี เ้ ลย

อย่ า พยายาม

นี ป ่ ั ญญาเกิ ด

ปั ญญาเกิ ด

อย่างนี ้ ไม่ ใ ช่ ว่ า

เอ๊

เห็ น หนอก็ แ ล้ ว

พองยุ บ ก็ แ ล้ ว

ขวาย่างซ้ายย่างก็แล้ว

ไม่เห็นเกิดปั ญญา

นี ้

เห็ น อะไร

แทบทุ ก คนไม่ เ ห็ น

เห็นได้อะไร

จะไปเห็นอะไร

ทำาไมข้ามไปเสียเล่า เปล่า

มีแต่คุยกัน

อย่ า งนี ้แ หละหนอ ปรึ ก ษางานกั น เสี ย ง.....หนอ จริ ง ด้ ว ย อนัตตา

ก็ไ ม่

มันไม่ได้อะไรเลยนี ่ อย่างงี ้

พอตัง้ สติได้แล้ว

เสียงหนอบ้างไหม เสียง......หนอ

เสี ย งนี ้เ ขาพู ด คุ ย กั น

เสี ย งนี เ้ ขาจะทำา งานกั น

อ๋อ

เสี ย งนี ้เ ขา เสี ย งนี เ้ ขาจะ

เ ข า จ ะ ทำา ก า ร ค้ า ข อ ง เ ข า

สติ ตั ง้ สั ม ปชั ญ ญะมา

ตอบออกไปได้ เ ลย

นีจ ่ ะตอบอย่าง

จะไปเห็ ฯ อะไร

เห็นหนอไม่เคย

สำา เ ร็ จ ม ร ร ค ผ ล ข อ ง เ ข า

เดิ น

บวกกั น เกิ ด ปั ญญา

ที เ่ ขาพู ด ว่ า จะทำา การค้ า เจ๊ ง แน่ แ ล้ ว

นี ป ่ ั ญยาบอก

มั น จะบอกเป็ ฯอนิ จ จั ง

คือพระไตรลักษณ์

ทุ ก ขั ง

นี ต ่ รงนี น ้ ะ

ท่ า นทั ้ง หลายแยกรู ป แยกนามอย่ า งไร

รูปเป็ นภาวะทีผ ่ ันแปร ได้

ถ้ า เรากำา หนด

หนอ

เห็ น หนอ

สติดีปัญญาเกิด

เปลีย ่ นแปลงกลับกลอกหลกอลวง ขณะยื น ที ฝ ่ าผนั ง

เห็ น หนอ

ยื น หนอ

เห็ น หนอ

ภาพมันจะบอก

เห็ น

กำา หนดเรื่อ ยไป

เราเต้นเหมือนตัวหนัง

ว่าสภาพความเป็ นอยู่ของรูปนีผ ่ ันแปรต่อไปจะเฒ่าชะแรแก่ ชรา

แล้วตรงนีจ ้ ะชำารุดตรงนัน ้ จะทรุดทีน ่ ัน ้ จะใช้ไม่ได้ต้อง

ซ่อมนีป ่ ระโยชน์ในทางโลก

ต้องซ่อม

ซ่อมตรงไหนก่อน

นีส ่ ภาวะรูปเปลีย ่ นแปลงผันได้อย่างนี ้ แต่จิตนามธรรม

ถ้าไม่มีธรรมะเปลีย ่ นแปลงได้

จิต

ข อ ง ท่ า น ทั ้ ง ห ล า ย เ ป ลี ่ ย น แ ป ล ง ไ ด้ ชื่ อ ว่ า น า ม เ ฉ ย ๆ เปลี ย ่ นแปลงไม่ ไ ด้

พู ด จริ ง ต้ อ งทำา จริ ง ทุ ก สิ ง่ เป็ นเช่ น นั ้น

ธรรมะเข้ามาประกอบกิจโดยชีวิตของนามธรรม กลายเป็ นคนชั่ว ไม่ ไ ด้

คนนัน ้ จะ

จะเปลี ย ่ นแปลงให้ ชั่ว ไม่ ไ ด้

เปลี ย ่ นชั่ว ให้ เ ป็ ฯดี ไ ด้ จ ากนามธรรม

แต่

เอาธรรมะไปใส่ เ ข้ า

โ ด ย ส ติ สั ม ป ชั ญ ญ ะ ตั ว กำา ห น ด ไ ด้ ป ร า ก ฏ อ อ ก ม า เ ป็ น นามธรรม อั น อย่ า งไร

พองหนอ

ยุบหนอ

อ๋ อ จิ ต กำา หนดพองหนอ

ตั ้ง ใจอยู่ ถึ ง จุ ด ไหนชั ้น กลาง หนอ

อันเดียวกันไหม

ระยะต้นตัง้ สติอย่างไร

มั น มี กี ร ่ ะยะ

หรื อ ชั ้น ต้ น

ที ่อ ยู่ ต รงนี น ้ ะต้ อ งถามตรงนี ้

จิ ต

หรื อ ชั ้น ปลาย

ยุ บ หนอมี กี ่ร ะยะ

ระยะกลางทีจ ่ ะลงหนอ

ของท่ า นกำา หนดตรงไหน

คนละ

จิ ต มี อ ย่ า งไร

ปลายสติ

แล้ ว ก็ ดั บ วู บ ไป

อย่างไร

ตอบได้ทันทีถ้าทำา ได้

บุ ค คลของใครของมั น

มันจะเห็นชัดสำา หรับของ

บางคนอาจจะตอบว่ า ๓ ระยะ

บางคนก็ตอบว่า ๒ ระยะ

บางคนก็บอกระยะเดียว

เราจะดูได้เลยว่าคนนีไ้ ด้อย่างไร

กำา หนดได้ ดีไ หม

แล้ว นีว ่ ิ ธี

สอบอารมณ์ ประการที ส ่ อง หนอ

จิ ตกำา หนด

จิตกำา หนด

ตาเห็ น รู ป

จิ ต กำา หนด

ขวาย่ า ง

หูไ ด้ ยิน เสี ย ง

จิต กำา หนด

ลิ น ้ รั บรส

จมูกได้กลิ น ่

จิต กำา หนด

อยากจะถามว่ า

จิ ต กำา ห น ดเ สี ย ง ห นอ กั บ จิ ตกำา ห นด ต า เ ห็ น รู ป จิ ต ด ว ง เดี ย วกั น ไหม รมณืนัน ้ อย่ า งนี ้

มี ลั ก ษณะอย่ า งไร

ตอบยังไง

ตอบยังไง

เหมื อ นกั น ไหมในอา นีส ่ อบอารมณืต้องสอบ

คนที ท ่ ำา ได้ ก็ ต อบว่ า จิ ต กำา หนดเห็ น หนอแล้ ว เห็ น

หนอครั ้ง ที ่ ๒ ครั ้ง ที ่ ๑ หมดไป

ครั ้ง ที ่ ๒ จิ ต ดวงใหม่

เข้ามาแทนทีด ่ วงเก่าดับ

เป็ นอนิจจัง

เห็นหนอดับ

ดวงที ่ ๔

มาอีกแล้ว

๕ เห็นหนอ

ปั ญญาเกิด

รีบต้อนรับ หรือยัง

ดวงที ่ ๓ มาอีกแล้ว เห็นหนอดับ

เกิดว่าอย่างไร

ดวงที ่

รูปทีเ่ ดินมานี ้

รีบจัดการโดยด่วน เขาจะรีบไปนีห ่ ้าครัง้ ทำาได้

ไม่รู้เรือ ่ ง

ของท่ า นผู้ มี ปั ญญาโปรดเอาของเราไปเป็ นแนวคิ ด ปฏิบัติต่อไป

อย่างงี ้ เสียงหนอ

อี ก อย่ า งหนึ่ ง ดั บ

จิตกำาหนด

เสียงหนอ

ดวงต้ น ที ่กำา หนดไปหายไปเป็ นอดี ต

ดวงทีส ่ องเป็ นปั จจุบัน

ดวงทีส ่ ามเป็ นปั จจุบัน

ดวงทีส ่ อง

เป็ นอดีต

แล้วก็ต่อว่าจิตกำาหนดเสียงหนอกับเห็นหนอต่าง

กั น อย่ า งไร

ต่ า งกั น ไหม

เดี ย วต่ า งอารมณื ใ หม่ แน่นอน

ดวงเดี ย วกั น ไหม

ต่ า งกั น แน่ น อน

จิ ต อย่ า ง

คนละอารมณ์

จิตมุ่งมาดปรารถนาอันเดียวกันก็ตาม

ต่างวาระ

ต่ า งอารมณ์ แ ล้ ว จิ ต เป็ นดวงเดี ย วกั น อย่ า งไร ไหม

นั กปฏิ บั ติเ คยสั ง เกตไหม

หนอได้จังหวะไหม อนัตตา

ไม่ เ คย

พองหนอ

ถ้าได้จังหวะแปรสภาพอนิจจัง

พองเป็ นรูปไหม

รู้แต่ว่าพองเป็ นรูป

จิ ต กำา หนดรู้ เ ป็ นตั ว นามใช้ ไ ม่ ไ ด้ หยุด ยุติหมดไป

เหมื อ นกั น

ยุ บหนอ

หมดไป

ยุ บ

ทุกขัง

ยุบเป็ นรูป

พองหนอ

อ๋ อ อะไร

พองหนอ

ยุ บ หนอ

หมดไป ถ้ า ท่ า นสติ สั ม ปชั ญ ญะดี หนอ

สมาธิ ดี

พองหนอ

ใ น เ มื่ อ ๓ ๐ น า ที ห ลั ง แ จ๋ ว ค ล่ อ ง แ ค ล่ ว ว่ อ ง ไ ว

กำา หนดได้ ทั น ท่ ว งที ขันธ์ห้าเป็ นอารมณ์ ตอบใหม่ แ ล้ ว

ได้ ทั น เหตุ ก ารณ์ ปั จจุ บั น ก็จะตอบใหม่

ถ้ าตอบว่ า ๓ ระยะ

ตอนใหม่อาจจะเหลือ ๓ ระยะ

รู ป นาม

เปลีย ่ นแปลงภาวะจะ เหลื อ ๒ ระยะแล้ ว

เหลือ ๑ ระยะ

อาจารย์

ผู้ เ ชี ย ่ วชาญต้ อ งพิ จ ารณาดู ว่ า คนนี ท ้ ำา ได้ ห รื อ เปล่ า ตอบเอาเอง เขา

ยุ บ

หรือว่าคนนีต ้ อบด้วยความเห็นในสภาวะของ

ต้องฉลาด

อย่ า งนี ้ ไหม....ได้

หรื อ

ต้องเฉลียว

ขวาย่ า งหนอ สติ อ ยู่ ที ไ่ หน

ต้องปฏิบัติได้

ตอบได้เลย

จิ ต กำา หนดขวาย่ า งไปได้ ปั จจุ บั น จิ ต อยู่ ที ไ่ หนอย่ า งไร

รู้ แ ล้ ว ได้

คล่ อ งแคล่ ว

ซ้ า ยก็ ค ล่ อ งแคล่ ว ไม่ ห ลงไม่ ลื ม แล้ ว ก็ ถ าม

ขวากั บ ซ้ า ยอั น เดี ย วกั น หรื อ เปล่ า

เราจะตอบว่ า ยั ง ไง

และจิตกำาหนอขวาย่างหนอกับจิตกำาหนดซ้ายย่างหนอดวง เดียวกันหรือเปล่า

ดวงเดียวกันไหม

ต้องของใครของมัน เห็นเอาเอง พอตอบได้ แ ล้ ว จมูก

ลิน ้

อย่างไร

ใช่ แ ล้ ว

อันเดียวกันหรือเปล่า ได้ ผ ลแน่ น อน

จิ ต กำา หนด

ขณะนี ส ้ ติ ดี แ ล้ ว เดีย ๋ วจะเคลิม ้ เข้ า ไป

หู

จิตเกิด

อย่านีน ้ ะรับรองท่าน พองหนอ

ยุ บ

มั น จะรู้ ขึ้น มาเลยว่ า

อ๋ อ

สั ม ปชั ญ ญะดี

จะเพลิน

ตา

สัมผัสเกิดจิต

นอนกำา หนด

ได้ ค ล่ อ งแคล่ ว ว่ อ งไว

ลงไป

อย่างนีช ้ ัดมาก

อารมณืเกิดขึน ้ โดยวิธีไหน

ได้ ผ ลแน่ หนอ

อ๋ อ

ตอบส่งเดชไม่ได้นะ

คล่ อ งแคล่ ว ว่ อ งไวดี

จะเผลอบ้างบางประการ

สติใส่

เดี ย ๋ วมั น จะวู บ เหมื อ นขั บ รถลงสู่ ส ะพานสู ง ๆ วู บ แล้วก็จะดิง่ พสุธา

ไม่ เ ห็ น มี ต นมี ตั ว

สั ม ผั ส ยั ง ไง

ภายในอย่างไร

มองไม่เห็นตน

แล้ ว สติ ดี เ หมื อ นอยู่ ใ นที ม ่ ือ

สว่างข้างนอกไม่รั บสั มผั ส บ้ า งซิ

มองไม่เห็นตัว

เกิ ด แสง

ข้า งในสั มผั สอย่า งไร

ในเมื่ อ นอนหลั บ รู้

ถ้าโยมทำา ได้ตอบแจ๋วเลย

มี ส ติ รู้

ถามดู สั ม ผั ส

ตอบแจ๋วเลย

โดยวิธีนี ้ นี ว ่ ิ ธี ส อบอารมณ์ อ ย่ า งงี ้ พองหนอ

ยุบหนอ

พองออก

เอาจิตออกหน้าหรือ

ขวาซ้ า ย

กำาหนดอย่างไร

สติ ไ ว้ ต รงไหน

เอาจิตดันออกหรือ

เอาจิตตามหลัง

จิตอยู่

กลางอย่งไร

โยมทำาได้ตอบแจ๋วไปเลยอย่างงี ้ นีท ่ ีถ ่ ูกต้อง

ทำา ไ ป ทำา ม า ญ า ณ เ กิ ด เปลีย ่ นแปลงแล้ ว

ส ติ ดี

จะไม่ คงที เ่ หมือ นเดิม

อาจจะเร็วโดยกำา หนดไม่ทัน วาอย่างไร

อย่างนัน ้ นะ

หน้ า วู บ หลั ง

พองหนอ

ทำาไมถึงกำาหนดไม่ได้

นีเ่ ปลี ย ่ นแปลงไม่ ใช่ คงที ค ่ ง ทำา ไมวู บ

เดีย ๋ วก็วูบ

ทำา ไมถึ ง สะอึ ก

ทำาไมถึงพองยุบไม่เห็นเพราะเหตุใด

นี ว ่ ิ ธี ส อบอารมณ์

ไม่ เ ห็ น กำา หนดยั ง ไง

เอ้ า กำา หนดไม่ ไ ด้

ไม่ เ ห็ น

อย่ า งไร

อาจจะยื ดยาด

เดีย ๋ วก็เปลีย ่ นแปลง

ทำา อย่ า งไร

ยุ บ ห น อ

กำา หนดอย่ า งไร

รู้ ห นอ กำา หนด

หายใจยาวๆ

อย่ า เพิ ง่ กำา หนด

นี ว ่ ิธี แ ก้ห ายใจยาวๆ ได้ แ ล้ ว ทำา อย่ า งไร

มองไม่ เ ห็ น พอง

ยุบ

หายใจยาวๆ

รู้ ห นอ

มองไม่เห็นแก้ไม่ได้ทำา อย่างไรต่อไป

กำา หนดก็ไม่ได้

ไม่หายและไม่เห็นภาวะนี ้ รีบเดินจงกรม ทันที

ออกเดินจงกรม

วิธีแก้ทำาอย่างนี ้ นีไ่ ม่เคยแก้กันเลย

ยังไงกันยังงัน ้

กำาหนดตะบันไม่รู้เหนือรู้ใต้แล้วท่านจะได้อะไรเล่า นีว ่ ิธีสอบอารมณ์นะ เอาจิตไว้ทีไ่ หน ตรงไหน ได้ ผ ลแน่ พองยาว

หนออย่างไร

ถามอย่างนีซ ้ ิ

แล้ ว ผู้ ป ฏิ บั ติ ก็ จ ะตอบว่ า ยุ บ สั ้ น พองหนอ

พองหนอ

สั ้ น กำา หนดได้ ไ หม กำาหนดได้

ยุบหนอ

แล้วปลายจิตจะสรุปวูบไป

เกิดอย่างไรทีไ่ ด้จังหวะ

เปลีย ่ นแปลงใหม่ เหนื่อย

จะต้องถามพองหนอ

ทำาไป

อย่างนี ้ พองสั ้น

กำา นหดไม่ ไ ด้

ในเมือ ่ ทำาไปแล้วมัน

ยุบหนอมันเหนื่อย

กำา หนดไม่ได้ทำา

อย่างไร

ทำาไมถึงเหนือ ่ ย

หายใจไม่เท่ากัน

ลมหายใจไม่

เท่ า กั น

มั น เหนื่ อ ยในเมื่ อ กำา หนดไม่ ไ ด้

อย่ า งนี ้แ ล้ ว

เหนื่อยมาก ประสานท้อง

จึงต้องค่อยๆ นอนลงไป

รับรองผู้ปฏิบัติได้รับผลแน่นอน

แล้วถามไม่รู้เรื่อง

แยกรูปตรงไหน

ต่อเหตุการณ์

สัมผัสเกิดจิต

อย่าลืมรูปทัง้

สภาวะรูปเกิดขึ้น

ไม่มีอะไรคงที ่ และไม่สามารถจะเห็นทัน ในปั จจุบันนีข ้ องมันและเราทำา ได้

เกิ ด เห็ น ทั น ปั จจุ บั น แล้ ว เป็ นอย่ า งนี แ ้ หละหนอ ยาวๆ

และต้อ ง

นามรูปปริเฉท

แยกนามอย่างไร

หลายสกลกายทัง้ หมด ดับไป

ทำา มานาน

ทำา นองนีเ้ อาง่ายๆ อย่างนี ้

ทำาได้อย่างนี ้ รูปนามขันธ์ห้าเป็ นอารมณ์

ตัง้ อยู่

พอได้

ก็ ค่ อ ยๆ กำา หนดไป

เรื่องอย่างนีบ ้ างทีถามไม่รู้เรื่องกันซักคน

ญาณ

เอามือ

หายใจยาวๆ ไว้ก่อนให้ได้จังหวะ

จั ง หวะดี ห ายใจได้ ถู ก ที ่ดี แ ล้ ว เรือ ่ ยๆ

วิธีแก้

คงทีไ่ ด้เมือ ่ ใด

ปั ญญา

เราจะพิ จ ารณาได้ เ ลยว่ า หายใจเข้ า ยาวๆ

อ๋ อ

หายใจออก

เปลีย ่ นแปลงภาวะได้อย่างไรเราจะ

อารมณ์ ดี เ กิ ด เมตตาแน่ น อน

และเกิ ด มี ทิ ฐิ ม าแต่ เ ดิ ม

เปลีย ่ นแปลงภาวะ

กลับใจเย็น

เกิดความสงบ ความคิด

จากใจร้อน

จากความสงบเกิดปั ญญา

จากฟุ้งซ่าน

จากปั ญญาเกิด

จากความคิดคนนัน ้ แหลมลึกในเรือ ่ งคำาพูด

นั ้ น ค ล่ อ ง แ ค ล่ ว ใ น ก า ร ทำา ง า น

คน

ค น นั ้ น ส า ม า ร ถ จ ะ รู

เหตุการณ์เกิดเฉพาะหน้าปั จจุบันได้โดยวิธีนีป ้ ระการหนึง่

นี อ ่ ยากจะถามพวกโยมนอนหลั บ รู้ แ ล้ ว หรื อ ยั ง จั บ ได้ ไหม

หลั บ อย่ า งไร

สติ ไ ว้ ต รงไหนกั น แน่

ใครตอบเลยมาช้ า นาน

นี ป ่ ระเมิ น ผลกั น เสี ย ที ใ นวั น นี ้

แล้ ว กำา หนดคิ ด หนอคิ ด อะไรได้ บ้ า ง

เปล่ า เลยไม่ เ คย

กำาหนดนัน ่ แหละเป็ นอดีตทีผ ่ ่านพ้นไปแล้ว สติมีเมื่อใด แจ้ง

กำาหนดเมื่อใด

สามารถจะระลึกเหตุการณ์ในชีวิตได้โดยชัด

จากคำากำาหนดว่า

คิดหนอ

คิดอะไรได้บ้างทีม ่ ันลืมเลือน สติดีปัญญาเกิด เราทราบได้ว่า

มีประโยชน์มาก

เรื่องกฎแห่งกรรม

โยม

ถ้าเรา

ความคิดของกรรมจะปรากฏแก่นิมิตให้ เราจะใช้กรรมวันพรุ่งนีแ ้ ล้วและเราก็จะได้

ประโยชน์ในวันพรุ่งนีแ ้ ล้ว

นีอ ่ ดีตนะแสดงผลงานปั จจุบัน

ปั จจุ บั น แสดงผลงานในอนาคต ถามมานานแล่ ว กำา หนดเสียงหนอ

อย่ า นี ต ้ อบกั น ไม่ ไ ด้ เ ลย

ไปทำา นอกประเด็ น นี ้ห มด

ประโยชน์ แ ต่ ป ระการใด

ที ่เ รารู้ ส รรพเสี ย ง

ไม่ เ กิ ด เสี ย งนก

อ๋อนกเขาร้องด้วยเหตุผล ๒ ประการ

มันบอกได้อย่างนี ้ เราเดินผ่านต้นไม้ ดี

เท่ า นี ย ้ ั ง ไม่ มี

สติดี

สัมปชัญญะ

ต้นไม้จะบอกอารมณ์แก่เราได้ว่าขณะนีเ้ ป็ นอย่างไร

นี ่

เท่านีย ้ ังมองไม่เห็นเลย นี พ ่ ู ด ทางแนวปฏิ บั ติ สั ้น ๆ ง่ า ยๆ เบื้ อ งต้ น ฉะนั ้น ขั น ธ์ ห้ า รู ป นามแยกออกไป เสียงแยกอย่ างไร แยกอย่างไร

รู ป เช่ น แยกว่ า

ตามกับรู ปแยกอย่ างไร

สัมผัสเกิดจิต

เพราะ หู กั บ

กลิ น ่ กั บจมูก

จิตในจมูกดูดกลิน ่ เหม็นหอม

แยกอย่างไร

ลิน ้ กับรสแยกอย่างไร

บ่นเรื่องอาหารเลย

คนไหนแยกได้จะไม่

คนไหนแยกหูกับเสียงได้จะไม่บ่นกับ

บุคคลทีม ่ าว่ากล่าวเสียดสีแต่ประการใดเลย ตากับรูปได้เมื่อไร

คนไหนแยก

คนนัน ้ จะไม่ตำา หนิติเ ตียนบุคคลที ผ ่ ่าน

ไปมา เห็นด้วยปั ญญาแล้ว

ก็จะมองเห็นน่าสงสารเวทนา

จากคำาว่าเห็นหนอตัง้ สติไว้นีน ่ ักปฏิบัติธรรมก็ต้องสงบอย่า งงี ้ นี แ ่ หละขั น ธ์ ห้ า อย่ า งนี ้

เสี ยงหนอ

รู ป นามเป็ นอารมณ์

แยกออกไป

เสี ย งกั บหู เ ป็ นอั น เดี ย วกั น หรื อ เปล่ า

เห็ น หนอตากั บ รู ป เป็ นอั น เดี ย วกั น หรื อ เปล่ า คนละอั น

ทำา ไมถึงอั นเดีย วกั นอย่า งไร

แยกนามได้ อย่ า งนี ก ้ ่ อ นซิ หนอ

ถ้า โยมมี ปัญญา

ก็จะทายได้ตอบได้โดยไม่ต้องดูหนังสือ ทำา ได้ แ ล้ ว หรื อ ยั ง ขวาย่ า งหนอ

ได้ภาวะทันปั จจุบันไหม

ยิง่ ดีมาก

ทำา ไมถึ ง

ซ้ า ยย่ า ง

ช้าทีส ่ ุดเหมือนคนจะตาย

เราจะได้เห็นภาวะปั จจุบันได้คล่องแคล่ว

สามารถจะเก็บหน่วยกิตไว้ได้ ไว้ในภายใน

เอา

และ

คือรวบรวมสติสัมปชัญญะ

ถึงเวลาแสดงออกสติ จะบอกได้ทุกประการ

อันนีเ้ ป็ นผลงานของกาคปฏิบัติธรรมทัง้ หมด ขอสรุ ป ว่ าโยมอยู่ วั ดกั น มานานแล้ ว หรือยัง ระยะ

หองหนอ

ยุบหนอนี ้ และพองมีกีร ่ ะยะ

ระยะต้นว่าอย่างไร

ปลายว่ า อย่ า งไร

ตอบได้ กั น บ้ า ง

ระยะกลางว่าอย่างไร

เดี ๋ย วเหลื อ ๑ ระยะ

ยุบมีกี ่ ระยะ

ระยะหนึ่ง แปล

ความหมายว่ า กระไร เกิดขึ้นแล้ว

สะอึ ก ขึ้น มาเหนื่ อ ยขึ้น มา

กำา หนดอย่างไร

นึ ก ถึ ง ก็ เ ดิ น จงกรมแล้ ว ปั ญญาเลย ทุ ก เวลา

เท่า นีท ้ ำา ได้ห รือ ยัง

ไม่ใ ช่

ก็ นั่ ง หลั บ หู ห ลั บ ตาโดยไม่ เ กิ ด

ต้องรู้ตัวทุกเวลา

ในปั จจุ บั น

อะไร

นี ่

เข้าใจทุกเวลาปั ญญาเกิด

ซิอ ดี ต

นี ป ่ ั จจุ บั น

นีเ่ รือ ่ งนีส ้ ำาคัญมากไม่ใช่ทำาส่งเดชนะ

นี อ ่ นาคต

หรือรู้กันส่งเดชตาม

หนังสือแล้วก็ใช้ได้

ไม่งัน ้ ก็ไม่ต้องปฏิบัติอ่านหนังสือใช้ได้รู้

ว่าอายตนะ

อินทรีย์

ธาตุ

ก็ได้เป็ นวิปัสสนาปลอม ได้

อย่างนีใ้ ช้ได้

เป็ นวิปัสสนึกไป

ไม่ต้องปฏิบัติ เป็ นวิปัสสนาไม่

แน่และผลงานจะเกิดขึน ้ แก่เราก็ไม่ได้ด้วย

อดทนแน่และไม่มีอารมณ์คงทีค ่ งวา

ไม่มีความ

ทีเ่ ปลีย ่ นผันแปรออก

มาให้จิตเข้าสู่ภาวะโดยปั จจุบันธรรมเลย โดยวิธีนี ้ พองหนอ

ยุบหนอ

ดี เ ป็ นขั ้ น ตอนสั ม ปชั ญ ญะรู้ ตั ว

ได้จังหวะแล้ว บวกกั น

เดีย ๋ วก็เลือนลางเป็ นญาณแต่ละอย่าง เบื่อหน่ายในการปฏิบัติ

เองยังไม่ได้ญาณชัน ้ สูงเลย

พองยุ บ ชั ด

แล้วบางอย่างทำาให้

เกิดอะไรขึ้นมา

ไม่ ใ ช่ พู ด ตามญาณคิ ด ค้ น เดาเอาเอง

สติก็

ญาณไหนหรือ

โดยเฉพาะอาตมา

ญาณชัน ้ ตำ่าทีเ่ ราทำาได้

ทำาให้

เจริญก้าวหน้ามาได้เพราะญาณชัน ้ ตำ่าไม่สูงเกินไป

ทีเ่ ขา

ได้ กั น เราต้ อ งทำา ได้ สำาคัญ

โดยจุ ด มุ่ ง หมายอั น นี เ้ ป็ นประการ

วั น นี ก ้ ็ ข อฝากนั ก ปฏิ บั ติ ธ รรมไว้ ว่ า อย่ า ไปนั่ ง คุ ย กั น สาธยายกันเลย

๗ วัน ๗ คืน

ก้ามหน้าก้มตาทำา

มีอะไรกับประสบอารมณืปัญหา เหตุ ก ารณ์ ปั จจุ บั น

กำาหนดให้ได้

เป็ นอนิจจังไม่เทีย ่ งเป็ ฯ

แน่เหลือเกินปั ญญาเกิด

โดยวิ ธี ป ฏิ บั ติ ง่ า ยๆ เมือ ่ ยนีเ่ รือ ่ งเล็ก

ให้ทันต่อ

เราจะรู้ เ หตุ ก ารณ์ นั ้ น ได้ ทั น ท่ ว งที

เพราะไตรลักษณ์ก็แจ้งคดีมีทีม ่ า ทุกข์แท้ๆ

และ

และกำา หนดเวทนาได้ ด้ ว ย

ตัง้ สติไว้เสียให้ดี

เปลีย ่ นภาวะเวทนาไปส่วนหนึง่ วิถีทางของรูปนามส่วนหนึง่ เวทนาก็กลับหายไป

รอบรู้ในกองสังขาร อ๋ อ

เวทนาแยกแตกออกไป

สัมผัสไปส่วนหนึง่

ญาณ

แล้วก็อาศัยรูปเกิดแล้วดับไป

แยกออกไปเสียได้โดยวิธีปฏิบัติโดย

วิธีนี ้ เป็ นต้น นีแ ่ หละโยม

ผู้ปฏิบัติธรรมโปรดตัง้ จุดมาตรการนีไ้ ว้

ไม่เพียงแต่พิจารณาโดยหลับตา ก าร กำา ห น ดจิ ต ปฏิบัติให้ดี

ใ ช้ สติ ทุ ก ป ร ะ ก า ร เ ดิ น จ ง ก ร ม ใ ห้ ชั ด

และกำา หนดให้ได้ทันท่วงทีและทันต่อรูปนาม

ขั น ธ์ ห้ า เป็ นอารมณ์ กรรมญาณ

พิจารณาโดยปั ญญาด้วย

นี เ่ บื้อ งต้ น ของภาคปฏิ บั ติ วิ ปั สสนา

เราจะรู้เหตุการณ์ได้

คนไหนมี มากคนนั น ้ ขาดสติ อันนีม ้ ีความหมายมาก

งูบหน้า

งูบหลัง

ถ้า

ด้ว ยวิ ธีการกำา หนดเบื้อ งต้ น

จึงขอชีแ ้ จงสรุปผลงาน

จากภาค

ปฏิบัติกรรมฐานทีโ่ ยมปฏิบัติกันทำาให้มันต่อเนือ ่ งเสียหน่อย เถอะ

เดิ นจงกรมแล้ ว นั่ง

นั่ง แล้ ว ก็ เ ดิ น ปฏิ บั ติไ ปเรื่อ ยๆ

๗ วัน ๗ คืน ผลยั งไง นาม

รับรองได้ผลแน่ ๗ วัน ๗ คืน

ได้ผลรู ปนามได้ ผ ลยั ง ไง

ได้ ผ ลยั ง ไง

เท่านัน ้ ได้

ได้ ผ ลอารมณ์ ของรู ป

มี ส ติ สั ม ปชั ญ ญะดี แ ละสามารถจะรู้

เหตุ ก ารณ์ ใ นชี วิ ต ได้ ดี โ ดยปั จจุ บั น

สามารถจะแก้ ไ ขทั น

เหตุ ก ารณ์ ไ ด้ ใ นปั จจุ บั น เท่ า นี เ้ ท่ า นั ้น

อั น นี ม ้ ี ค วามหมาย

มาก ขอให้ญาติโยมสนใจต่อไปให้ถูกทางและทำา ไปโดยไม่ ต้องไปคิดเอาเองทำา ไปโดยไม่ต้องหาวิชาการมาใส่ตัวให้รู้ เองก่อนทำา

ต้องทำาก่อนจะรู้

นีร้ ู้กันเสียก่อนแล้ว ไปนะ

รู้ก่อนทำาแล้วได้อะไร

ต้ อ งทำา ก่ อ นรู้ ซิ

หนอก็ไม่ได้เคยกำาหนดเลย อย่าลืมคิดน่ะ

ไปแล้ ว ตั ้ง แต่ เ ป็ นเด็ ก ต้องกำา หนดรู้หนอ เข้ า ใจไหมจ๊ ะ

แค่เสียง

กำาหนดคิดบ้างไหม

กำาหนด

เป็ นอดีตนะ

มันผ่านพ้นไปแล้ว

ต้ อ งกำา หนดปั จจุ บั น อดี ต อย่ า เอา

ต้ อ งเข้ า ใจ

ต้ อ งกำา หนดรู้ ห นอเสี ย ก่ อ น เอาปั จจุ บั น

อย่ า เอาอดี ต

ถ้าเราลืมไปแล้วจะคิดเรื่องเก่าเอามาเล่นกัน

ใหม่ก็กำา หนดอดีตเรียกว่าคิดหนอ ทำาเลยหรือ

รวมเก่าทีม ่ ันลืม

รู้ ห นออย่ า ลื ม ปั จจุ บั น ยั ง ไม่ รู้ จ ริ ง

เพราะมั น เลยไปเสี ย แล้ ว อดีตไม่เอา

ยั ง งี ้

ขอทบทวนให้โยมฟั ง

อย่างนีเ้ สียงหนอ

ทำา ยั ง ไงไม่ ใ ห้ เ สี ย สติ

เดีย ๋ ว

ก็ได้ของปลอม

ไปรู้ ก่ อ นทำา มี ที ไ่ หนเล่ า

อาตมาสังเกตมานานแล้ว รู้บ้างไหม

ไม่ใช่ไปรู้ก่อนทำานะ

ไม่มีคนทำาเลย

หายใจยาวๆ ไม่มีคน

อย่างนีอ ้ าตมาเสียดายเสียใจ

ด้วยทีโ่ ยมไม่ปฏิบัติตามแนวปฏิบัตินี ้ จึงคิดไม่ออก

บอก

ไม่ ไ ด้

ไม่ มี

ใช้ ไ ม่ เ ป็ น

โอกาสดำาริชอบ สำาคัญ

ไม่ เ ห็ น ตั ว ตาย แน่นอนนะ

ไม่ ค ลายทิ ฏ ฐิ

จงตัง้ ใจอย่างนีเ้ ป็ นประการ

ขอสรุปผลงานไว้เพียงเท่านี ้

ขอให้ ผู้ ป ฏิ บั ติ ธ รรมตั ้ง ใจและขอเรี ย นถวายท่ า นทั ้ง หลายทีเ่ ป็ นบัณฑิตมีความคิดแล้ว รูป

แยกนาม

สั ญ ญาขั น ธ์

แยกขันธ์แต่ละขันธ์ สั ง ขารขั น ธ์

อุ เ บกขา โผล่

คิด หนอ

ลืมไปเสียแล้ว

ไม่ทัน

อาศั ย เกิ ด

สั ญ ญาความจำา ได้ ห มายรู้

จำา ได้ ไหม จึงต้อง

เพราะมั น เป็ นอดี ต เอาปั จจุบันแก้

ต้ อ งสำา รวมจิ ต กั น ใหม่ ปั จจุบัน

ออกไปเป้ น

รู ป คงเป็ นรู ป

ผ่านไปเสียหมด

ต้องเอาปั จจุบันมาแทน รู้ ห นอ

เวทนาขันธ์

เวทนาขันธ์รวมความเหลือ ๓ สุข ทุกข์

แน่ น อนไม่ ผัน แปร

ต้ องกำา หนดว่ า

รูปขันธ์

วิ ญ ญาณขั น ธ์

สั ด ส่ ว นให้ ไ ด้ จ ากการปฏิ บั ติ นี ้ ด้วยรูปคือเวทนา

จงปฏิบัติหน้าที ่ แยก

จำา ไม่ไ ด้

อดีต มา

เกิดขึน ้ ตัง้ อยู่ดับไป

กำาหนดรู้หนอ-ร้ห ู นอ-

ผ่ า นพ้ น ไปเสี ย แล้ ว กำา หนด

ถ้าหากปั จจุบันแก้ไม่ได้ทำาอย่างไร ตั ้ ง ต้ น ใหม่

เอาตั ้ ง ต้ น ใหม่ ก็

แก้ไม่ได้ปล่อยให้มันเป็ นอดีตไป........

จับหลับ

จับหลับ

หมายถึง

ของคนสมัยเก่า

การหลับทีม ่ ีสติ

หลับจะมีสติได้อย่างไร

หายใจเข้าหายใจหายใจออกยาวๆ อย่าเคร่งในอุปาทานยึดมัน ่ หายใจสบาย

อันเป็ ฯคำาพูด มีวิธีปฏิบัติดังนี ้

พองหนอ

ให้มันเกินไป

ยุบหนอ

ทำาอย่างสบาย

เดีย ๋ วมันจะหลับจะเพลินแล้วมันจะเผลอ

แล้วมันจะวูบลงไปสู่ภวังค์ ภายนอก

พระครูภาวนาวิสุทธิ ์

จิตนัน ้ จะดิง่ ลงไปไม่สัมผัส

พลิกกายกีค ่ รัง้ ร้ห ู มด

ตืน ่ ตอนไหนรู้หมดเลย

นีห ่ ลับมีสติซึง่ คนโบราณท่านเรียกว่า “จับหลับ” ปั ฏฐาน ๔

ในสติ

อาตมาถามหลายคนใน ๑๐๐ คนจะได้สัก ๑๐ คน แต่ทำาฝึ กไปเรือ ่ ยๆ ได้ผล ไปนอนไม่มีนาฬิกาไป ชำานาญแล้วนะ หลับมีสติดี

หลับมีสติอย่างนีเ้ อง

จะต้องตืน ่ ตี ๔

บางทีถ้า

ถ้าเรานัง่ จน

เราก็นอนพองหนอยุบหนอเรือ ่ ยไป

ถึงตี ๔

จะสะดุ้งตืน ่ เลย

แล้ว

แล้วดูนาฬิกาก็จะ

ตรงเวลาพอดี พระพุทธเจ้าสอนข้อนี ้ พูดตามศัพท์ภาษาไทยก็ นอน

ตืน ่ มีสติ

หลับมีสติ

ในพระไตรปิ ฎกมีบอกไว้

สติ

ปั ฏฐาน ๔ ในตอนทีอ ่ าตมาเริม ่ ฝึ กกัมมัฏฐานใหม่ๆ อาตมาก็ยังไม่ทราบหลับจะมีสติได้ยังไง หลับผลอยไปนี ่ มันไม่เห็นมีสติอะไร พระพุทธเจ้าสอนว่าหลับต้องมีสติ อาตมาก็ทำาไปเรือ ่ ยๆ หลับมีสติต่อเนือ ่ ง ก็พองหนอ

ยุบหนอ

ไปเรือ ่ ยๆ

เสียงต่างๆ จำาไม่ได้

ตืน ่ มีสติ

หลับยังไง

ท่านก็ไม่บอกเราหลับแบบ

ทีนีอ ้ าตมาทำาเรือ ่ ยๆ เป็ นเวลานาน เพ่งมากไม่หลับ

วันแต่ก็กำาหนดไปเรือ ่ ยๆ ยาวๆ

แล้วทำาไม

พระอาจารย์หลายรูปท่านก็บอกว่า

เราก็ไม่รู้

ไหน มีสติอย่างไร

ตืน ่ นีม ่ ีสติแน่

พองหนอ

ยุบหนอ

เอ...มันจะหลับแล้ว

รู้มัง่ ไม่รู้มัง่

ก็ทำาอย่างนีห ้ ลาย หายใจ

มันจะเพลินทีฟ ่ ัง

เผลอแว้บไม่รู้หลับไปตอนไหน

หนักเข้าเดินจงกรมมัง่ นัง่ บ้าง

ปั ญญาไว้แล้วมานอนกำาหนดไป

ก็รวบรวมสติ

วันนัน ้ รู้

อ้อ

แรกได้ยินคนคุยกัน

หลับมีสติเป็ นอย่างนีน ้ ีเ่ อง

เราก็นอนกำาหนดของเราไปเรือ ่ ยๆ

แล้วก็ภาวนาพองหนอยุบหนอไป เรือ ่ ยๆ

ในตอน

ได้ยินอะไรก็กำาหนดไป

กำาหนดไปชักเพลินหลับๆ ตืน ่ ๆ ได้ยินแว่วๆ ถึง

ได้ตัง้ สติเข้าไว้แต่อย่าไปเพ่งมาก

ถ้าเพ่งมากไม่หลับ

ต้องเพ่งมากหรือเพ่งชัดเจนเกินไป

ไม่

ตัง้ สติไว้อย่างเดียวก็

หายใจไปเรือ ่ ยว่าพองหนอยุบหนอไปเรือ ่ ยๆ สักประเดีย ๋ วมันจะเผลอแว้บ

พอยุบก็จับได้เลย

เหมือนเราขับ รถลงสะพานวูบลงไป ได้ยินเสียง

แล้วก็ทหวารหูปิดไม่

แต่ข้างในรู้หมด หลับมีสติอย่างนีน ้ ีเ่ อง

ทีนีเ้ ราจะสังเกตตัวเราหลับนอน ๓ ชัว ่ โมง ชัว ่ โมงเดียวไวมาก ใหม่

เหมือนนอน

เราจะพลิกตัวกีค ่ รัง้ รู้หมด

อย่างไหนรู้หมด

แล้ว

รู้พลิกแบบ

จะนอนตะแคงหรือนอนหงายนอน

ควำ่า รู้หมดเลย พอถึงเวลาถึงสะดุ้งตืน ่ ขึน ้ มาตามเวลา เลย

อ้อ

นีห ่ ลับมีสติ

นอนมีสติ เสียให้ดี

อย่างนีเ้ อง

เราจะเห็นวินัยพระจะจำาวัด

ปิ ดห้องหับเสียให้ดี

ต้องปิ ดบัง

ไม่งัน ้ มีอาบัติโทษ

ข้อเท็จ

จริงก็หมายความว่าเดีย ๋ วประชาชนเขาจะเห็นนะเอาศีล ออกมาให้เขาดู

ก็ลำาบาก

มีสติ

ขอให้ท่านฝึ กๆ ไป

ตืน ่ มีสติ

ถ้าหลับมีสติศีลไม่ออก

หลับ

ได้ผลอย่างนี ้ ใน

หลักบอกหลับมีสติ

ตืน ่ มีสติ

หลับมีสติได้อย่างไร

หลับ

พลิกตัวกีค ่ รัง้ ร้ห ู มด

ร้ข ู ้างใน ถ้าวิปัสสนาข้างในต้องรู้นะ

เผลอไปดิง่ พสุธา มีแต่สมาธิ ข้างในพร้อม รู้หมด ก็ได้

ข้างนอกไม่รู้

ข้างนอกไม่รู้

ไม่ใช่วิปัสสนาแน่ อย่างทีพ ่ ลสมาบัติ

อันนีม ้ ันก็ขึน ้ อยู่ทีฝ ่ ึก

จะพลิกตัวกีค ่ รัง้ รู้หมด

ต้องตืน ่ ได้เลย

มันจะบอก

เลย ไป

วางจิตไว้ทีต ่ รงคอ

แล้วใครจะเรียก

คำาเดียว

สตินีส ่ ำาคัญ อยากจะหลับ

ไม่หลับดูหนังสือต่อไปได้

หายใจ

วางจิตไว้หลับ

ถ้าง่วงเหลือเกินก็วางจิตไว้ทีห ่ น้าผาก

ปั ๊ บถูกต้องๆ

นีข ่ ้างใน

นอนทีโ่ ล่งๆ

อย่างบางท่านทำาได้หลับนอนเก้าอีไ้ ด้เลย ยาวๆ

ต้องรู้

แล้วกำาหนด

ลองดูได้ถ้าสมาธิดี

ถ้าเราอยากจะหลับหายใจยาวๆ

วางไว้ทีค ่ อทีเ่ รากลืนนำา ้ ลาย นัง่ รถโงกไปทางนีๆ ้

หลับเลย

ไม่มีสติ

สงบจิตไว้

บนเก้าอีไ้ ด้ทีเ่ รา

ถ้ามีสติดีในการหลับ

รับรองถ้านัง่ รถหรือนัง่ เก้าอี ้ ท่านจะหลับเฉยๆ แน่นอน

สติบอกพร้อม

ไม่โงก

ถึง ๕ นาทีก็ตืน ่ ทันที

นอนทีบ ่ ้านตัง้ หลายชัว ่ โมง

ดีกว่าไป

อันนีม ้ ีคนทำาได้หลายคน

บางทีเราเขียนหนังสืออยู่บนเก้าอีจ ้ ะพักผ่อน ทำางานแล้วนัง่ เขียนหนังสือเสร็จแวก็วาง อ้ะรรมดาๆ

หายใจยาวๆ

พองหนอ

อธิษฐานจิตว่าข้าพเจ้าขอหลับ ๕ นาที กระเดือกทีก ่ ลืนนำา ้ ลาย หลับเลย

อยู่ที ่

ก็ค่อยๆ นัง่ เก้า ยุบหนอ

แล้ว

สำารวมจิตไว้ทีล ่ ูก

ตัง้ สติหายใจยาว

แล้วมันจะวูบลงไป

ธรรมดาแล้วสดชืน ่

จับจุด

ไม่เกินอึดใจ

พอถึง ๕ นาที

แต่ต้องวางจุดให้มันถูก

ตืน ่ ตาม แต่กอ ่ นทีจ ่ ะ

หลับได้นี ่ ต้องฝึ กมานานนะ ออกได้ ง่วง

ต้องฝึ กเรือ ่ ยๆ

ให้มันเข้า

ทีนีถ ้ ้าง่วงเหลือเกินเราอยากจะอยู่ต่อไปโดยไม่

ตัง้ สติไว้หน้าผากแล้วหายใจยาวๆ

ผากเดีย ๋ วตาแข็ง

ตัง้ สติไว้ทีห ่ น้า

สมาธิไว้ทีน ่ ี ่ ดูหนังสือต่อไปได้เลย

อีก

๑ ชัว ่ โมงแล้วค่อยนอน ถ้าวันไหนฟ้ ุงซ่านมาก ผลงานให้กำาหนด

สบาย

กำาหนดฟุ้งซ่านหนอ

ไม่ต้องไปพองยุบ

แล้วภาวนาในใจ

ท่านจะหายแน่นอน เขาเพ่งทีจ ่ มูก

ดีนะ มันมี

แล้วก็ขอให้ท่านกำาหนดเสีย

ก็กำาหนดตัง้ อารมณ์ไว้ดีๆ ใจยาวๆ

ไม่ใช่ไม่ดีนะ

วิธีแก้หายใจยาวๆ

ฟุ้งซ่านหนอๆ

ฟุ้งซ่าน แล้วหาย ตาม

สักชัว ่ ครู่หนึง่

บางคนดูหนังสือปวดลูกตา

อย่าให้

ต้องไปทีท ่ ้องหายทุกราย บางทีปวด

กระบอกตาดูหนังสือไม่ได้เลย

ตาแดงร่นลงมากำาหนดที ่

ท้องมันก็จะว่องไวคล่องแคล่วขึน ้

แล้วจะหายไปเอง

View more...

Comments

Copyright ©2017 KUPDF Inc.
SUPPORT KUPDF